ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DIAMETER - {Krisyeol|Kaihun|Taobaek}

    ลำดับตอนที่ #3 : 02 - Sacrificer

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 56


    red .baron







     

     Diameter.
     “KrisYeol TaoBaek KaiHun”

     

     

    [ 2 ]


     

    S

     

    Sacrificer

     

     





           “ นายว่าชานยอลจะไหวไหม? ”  แบคฮยอนเป็นฝ่ายเริ่มบทสทนาทันทีที่เพื่อนตัวสูงถูกลากตัวออกจากร้านไป 


     

    “ ไม่แน่ใจ แต่มันก็อยู่คนเดียวมาได้ตั้งสองปีแล้วนะ น่าจะไหวอยู่ ”  เซฮุนตอบพร้อมถอนหายใจหนักๆ บอกตรงๆเขาเองก็ไม่มั่นใจหรอกว่าปาร์คชานยอลจะไหวหรือเปล่า 


     

    “ ได้แต่หวังแล้วแหละเซฮุน สายตาของชานยอลที่มองพี่เขายังไม่เปลี่ยนไปเลย ” แบคฮยอนว่าแล้วยกมือกุมขมับ ทำไมจะไม่รู้ว่าชานยอลคิดอะไร คนตัวสูงที่ดูเข้มแข็งคนนั้นปากก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจจะเลิกร้องไห้หรือยังก็ไม่มีใครรู้ 

     


    “ มันตัดสินใจตั้งแต่สองปีที่แล้วแล้ว มันก็ต้องทำให้ได้ ” เซฮุนว่าแล้วก้มลงมองฟองอากาศในถ้วยกาแฟของตนเงียบๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายจมลงในความคิดของตัวเองเช่นกัน 

     

     



     

    “ ถามจริงๆนะทำไมถึงเลิกกับจื่อเทาล่ะ? ”  เซฮุนเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบกันไป คำถามที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้คนถูกถามทำหน้าไม่ถูก จะไม่ตอบหรือบอกปัดก็คงเป็นไปไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายจ้องหน้าคาดคั้นเขาอยู่แบบนี้ แถมที่ตรงนี้ยังไม่มีชานยอลเอาไว้ช่วยเบี่ยงประเด็นอีกด้วย



     

    “ ก็บอกไปแล้วว่าดันทุรังต่อไปก็ไม่ได้ประโยขน์อะไร ให้มันจบตอนนี้ก็ดีกว่ายืดเยื้อให้ต่างคนต่างเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ”  แบคฮยอนตอบอีกครั้ง คนฟังส่ายหน้าน้อยๆกับคำตอบนั้น



     

    “ นายกลัวตัวเองเจ็บมากกว่าแบคฮยอน ”  เซฮุนพูดแล้วยกยิ้ม เขากับแบคฮยอนรู้จักกันก่อนที่จะรู้จักกับชานยอลเสียอีก เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ สำหรับตัวแบคฮยอนเองก็คงมีโอเซฮุนคนนี้แหละที่เข้าใจเขามากกว่าใครๆ เพื่อนกันปิดยังไงก็ปิดไม่พ้นหรอก

     



    “ เปล่าน่า ”  คนตัวเล็กกว่าตอบปัด แล้วยกกาแฟขึ้นดื่มแก้เก้อ พยายามลบความคิดเรื่อยเปื่อยที่ผุดขึ้นมาในหัวทิ้งไป แต่ก็พบว่ามันช่างยากเย็นกว่าที่คิด


     


    “ นายไม่รักหมอนั่นแล้วเหรอ? ”  มือที่กำลังถือแก้วกาแฟชะงักไป แบคฮยอนได้แต่หวังว่าเพื่อนสนิทคงจะไม่ทันเห็นมัน ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อนแล้วตอบกลับไป



     

    “ ไม่แล้วแหละ เป็นแค่เพื่อนพี่น้องที่เคยรู้จักกันก็ดีแล้ว ” 



     

    “ งั้นเหรอ? ”  เซฮุนเท้าคางถามอีกรอบ แบคฮยอนอาจจะคิดว่าซ่อนมันได้ทั้งหมด แต่ดวงตาไหววูบนั่นแบคฮยอนไม่สามารถซ่อนมันจากเซฮุนได้หรอก 


     

    “ บอกว่าไงก็แบบนั้นสิ ว่าแต่นายเถอะ คราวนี้มันหนักจนทนไม่ไหวเลยเหรอ? ” แบคฮยอนเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายยิงคำถามในที่สุด คนตัวเล็กขมวดคิ้วเพ่งมองคนตรงหน้า ยื่นมือไปจับปลายคางแล้วบังคับให้เซฮุนหันซ้ายหันขวาตามที่ต้องการ 



     

    “ เบาๆมือหน่อยเพื่อนตัวเล็ก เห็นแบบนี้มันเจ็บนะ ” โดนเซฮุนว่าเข้าให้แบคฮยอนก็ปล่อยมือในที่สุด แต่ดวงตานั้นยังคงจดจ้องอยู่แถวข้างแก้มเซฮุนไม่ห่าง


     


    “ ว่าไงล่ะ ครั้งนี้มันสุดจะทนแล้วเหรอ? ”  ถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจจะตอบคำถามของเขาสักที


     

    “ อือ..  ”  คำตอบนั้นแสนจะแผ่วเบา เซฮุนหลุบตาลงต่ำยามนึกถึงสิ่งต่างๆที่เขาทนมาเป็นเวลาสองปี 







     

    “ เลิกได้ซะก็ดี ฉันขี้เกียจจะมานั่งทำแผลให้นายทุกอาทิตย์  ”


     

    “ ฮะๆ นั่นสินะ  ”





     

    “ จริงๆนะเซฮุน ฉันอยากให้นายเลิกกับจงอินมานานแล้ว แต่นายดันอึดเป็นบ้า ทนให้หมอนั่นซ้อมอยู่ตั้งสองปี ”  แบคฮยอนบ่นกระปอดกระแปด ใบหน้ายับย่นอย่างคนไม่พอใจ 


     

    “ ตอนนี้ก็เลิกกันแล้วไง ”  เซฮุนว่าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อคิดอะไรบางอย่าง 


     

    “ เป็นอะไรหรือเปล่าเซฮุน? ”  แบคฮยอนถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของอีกคน











     

    “ แบคฮยอน ถามจริงๆนะ นายไม่ได้รักจื่อเทาแล้วใช่ไหม? ”  

     

     








     

     

    “  อือ..    ทำไมเหรอ? ”


     

    “ ช่วยอะไรฉันอย่างนึงได้ไหม? ” 





     

    “ ? ”

     







     

     










     

    “ ฉันอยากรู้จักฮวังจื่อเทา ”   

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - 

     

     

     

     

     



     

                    บรรยากาศอึดอัดในรถทำให้ชานยอลนึกอยากเปิดประตูแล้วออกจากรถไปไวๆ แต่ถึงจะอยากทำแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ชานยอลถูกพี่สาวลากตัวออกจากร้านตั้งแต่ยี่สิบนาทีก่อน ปาร์คชินเย พี่สาวที่แก่กว่าเขาสองปีเต็มๆ ลูกสาวคนโตของตระกูลปาร์คเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ นักศึกษาที่พึ่งเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะบริหารธุรกิจมหาลัยเดียวกับเขามาหมาดๆ พี่สาวที่แสนสมบูรณ์แบบและเป็นความคาดหวังของตระกูล แต่กลับไม่ต่างอะไรจากแม่คนที่สองที่แสนจะโหดเหี้ยมของปาร์คชานยอล คืนลองลงรถตอนนี้สิ บัตรเครดิตกับคอนโดคงโดนริบคืนแน่ๆ ความจริงมันไม่ใช่เรื่องแย่ที่ต้องไปกับชินเย แต่ไอ่บรรยากาศน่าอึดอัดใจจากคนตัวสูงอีกคนต่างหากที่ทำให้ปาร์คชานยอลอยากจะหนีไปจากตรงนี้ให้พ้นๆ 



     

     

     

     

    คนตัวสูงที่หายไปจากชีวิตได้สองปีเต็มๆ

    คนที่กลับมาพร้อมตำแหน่งใหม่ที่เรียกว่า ‘ ว่าที่พี่เขย ’

     

     

     






    นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในร้านกาแฟเมื่อครู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

     

     





     

    ... 







     

     

     

    “ ชินเย.. ” ชานยอลพึมพำชื่อพี่สาวเสียงเบา พยายามมองซ้ายมองขวาหาที่หลบแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะพี่สาวก้าวเข้ามาถึงตัวเขาซะก่อน



     

    “ ปาร์คชานยอล! ไม่มีเรียนรึไง! ” ปาร์คชินเยดึงคอเสื้อของชานยอลไว้ทันก่อนที่เจ้าน้องชายตัวแสบจะมุดลงไปหลบใต้โต๊ะ ดวงตากลมโตจ้องเขม็งไปที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณแม่ที่ตนเคารพรักอย่างจับผิดพร้อมๆกับกึ่งลากกึ่งฉุดให้น้องชายตัวโตกลับมานั่งดีๆบนโต๊ะ




     

    “ ไม่มีหรอกเจ๊ วันนี้เลิกคลาสเร็ว ไม่เชื่อถามสองคนนี้ก็ได้ ” ชานยอลตอบเสียงอ่อยพลางจัดเสื้อนักศึกษาของตัวเองให้เรียบร้อย




     

    “ ให้มันจริงเถอะ อย่าให้ได้ยินอาจารย์คนไหนมาบ่นให้ฟังนะ .. ไม่เป็นไรไม่นั่งแล้ว ”  ชินเยว่าต่อก่อนจะปฏิเสธชานยอลที่ทำท่าจะชยับให้เธอนั่งข้างๆ



     

    “ อ้าว ไม่กินอะไรก่อนเหรอ? ” ชานยอลถามด้วยความแปลกใจ เพราะเมื่อกี้พี่สาวของเขายังทำท่าเหมอนจะสั่งอะไรทานอยู่เลย 



     

    “ ไม่ล่ะ ว่างใช่ไหมล่ะ ถ้าว่างมากก็ไปกับพี่ ”  ปาร์คชินเยออกคำสั่ง


     

    “ เดี๋ยวๆ จะไปไหน? ”  ชานยอลยกมือห้ามทัพเมื่อเห็นพี่สาวของตนทำท่าจะดึงคอเสื้อลากให้ตัวเขาลุกไปด้วยอีกครั้ง 




     

    “ ไปเลือกการ์ดงานหมั้น ”  เจ้าของคำถามอ้าปากค้างไปในทันที สามเดือนที่เขาคลุกตัวอยู่แต่ที่คอนโด เกิดอะไรขึ้นที่บ้านใหญ่บ้างเนี่ย



     

    “ งานหมั้น? งานหมั้นใคร?  ” ละลักละล่ำถามแทบจะทันที ภาวนาในใจอยู่เงียบๆว่าขอให้มันไม่เป็นอย่างที่คิด แต่ดูเหมือนในครั้งนี้โชคจะไม่เข้าข้างปาร์คชานยอลเท่าไหร่นัก เพราะคำตอบที่ออกมาจากปากปาร์คชินเยนั้นยิ่งกว่ามีคนเอาน้ำเย็นมาสาดใส่




     

    “  งานหมั้นของพี่ไง จะว่าไปเราไม่อยู่บ้านตั้งนานนี่ จะไม่รู้เรื่องก็ไม่แปลก ” 


     

    “ กับใคร? ”  คำถามสั้นๆของปาร์คชานยอลทำเอาคนเป็นพี่ขมวดคิ้วยุ่ง




     

    “ จะใครซะอีกก็.. เออ ลืมไปเลยวันนั้นชานยอลไม่อยู่บ้านนี่ งั้นถือโอกาสตอนนี้เลยแล้วกัน  ” หญิงสาวพูดแล้วหันไปส่งยิ้มเรียกคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังให้เดินมาใกล้ เส้้นผมสีทองกับแววตาที่ชานยอลอ่านไม่ออกทำให้หัวใจกระตุกวูบ คนที่พยายามลืม คนที่ตัดออกไปจากชีวิตตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนกลับมายืนตรงหน้าของเขาอีกครั้ง

     





     

    “ นี่ คริส อู๋อี้ฟาน ว่าที่คู่หมั้นของพี่ ”  

    เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้า 

     



     

     

    คู่หมั้นของพี่สาวงั้นเหรอ?

    ตลกดีที่อู๋อี้ฟานคนนี้บังเอิญเป็นคนเดียวกับเจ้าของข้อความที่ส่งมาเมื่อสองปีก่อน

     

     



     

     

    บังเอิญเหลือเกินที่เป็นคนเดียวกับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็น.. 


     

    ‘ คนรักเก่าของปาร์คชานยอล ’

     

     

     





     

     

    ... 



     

     

     

                 ท้ายที่สุดชานยอลก็โดนลากออกมาจากสภากาแฟจนได้ แทบจะไม่มีเวลาเอ่ยคำล่ำลาเพื่อนสนิททั้งสองคนด้วยซ้ำ นึกแล้วก็อดถอนหายใจออกมาอีกไม่ได้ บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขามากเกินไป โดยเฉพาะในครั้งนี้ 
     

     

     

                รู้ตัวอีกทีก็มาถึงร้านเวดดิ้งสตูดิโอแล้ว ชานยอลพยายามจะไม่มองฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมมิอของพี่สาวเขาอยู่แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะไม่มองมัน ชานยอลนึกสมเพชตัวเองในใจที่ยังคงรู้สึกปวดใจทั้งๆที่เป็นคนตัดสินใจเองว่าจะลบอู๋อี้ฟานออกไปให้ได้ตั้งแต่สองปีก่อน พึ่งรู้ว่ารอยแผลที่อีกคนฝากไว้มันเป็นรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันหายก็ในวันนี้เอง อยากจะหัวเราะเยาะกับความอ่อนแอของตัวเองแต่มันคงไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ได้แต่มองภาพคนสองคนที่พูดคุยและยิ้มให้กันที่เคาท์เตอร์ของร้านเพื่อให้หัวใจชาชิน เมื่อสมองได้เลือกตั้งนานแล้วหัวใจเองก็ต้องยอมรับการตัดสินใจนั้นเหมือนกัน 

     





     

     

    และปาร์คชานยอลเองก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของปาร์คเยจินเช่นกัน

    แม้ว่าจะรู้ดีแก่ใจว่าอู๋อี้ฟานเป็นคนยังไง 

     

     



     

    คงจะต้องยอมรับว่าต่อจากนี้ไป 

    อู๋อี้ฟานคนนั้นจะกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง 

     

     




     

    กลับมาในสถานะที่ต่างไปจากเดินโดยสิ้นเชิง 

    และปล่อยให้ปาร์คชานยอลเก็บความลับนั้นเอาไว้ 

    ความลับที่ว่าเมื่อสองปีก่อนเขาและผู้ชายคนนั้นเลยรักกันมากขนาดไหน 

     




     

    รัก จนแม้กระทั่งในวันนี้นับจากวันที่ได้รับข้อความนั้นก็เป็นเวลาสองปีเต็มๆ

    เขาก็ยังคงตัดความรู้สึกเหล่านั้นไม่ขาด 



     

     

    รัก แต่ต้องทำใจยอมรับว่าต่อจากนี้มันจะไม่มีวันเป็นแบบเดิมอีก

    เคยอยู่ได้โดยไม่มีคนๆนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต จากนี้ไปก็ต้องอยู่ให้ได้






     

     

    อยู่ให้ได้โดยที่มีอู๋อี้ฟานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแต่ไม่ใช่ในฐานะคนรักอีกต่อไป

     

    อยู่ให้ได้ โดยที่มีอู๋อี้ฟานเป็น ‘ คนรักของพี่สาว ’  

     















     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.

    #ดอมท

    @Wolinr

    + อัพให้สามตอนติดกันแล้ว คงจะหยุดไปสักพักนะคะ!
    แล้วจะกลับมาอัพต่อเร็วๆนี้ค่ะ

    จะทวงจะทักทาย ติดต่อได้ที่ @Wolinr หรือแฮชแท็ก #ดอมท ทางทวิตเตอร์ค่ะ

     





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×