คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : {'ONE SHOT } Second ; KrisYeol [ EXO ]
Second
By ; @BearlingT
Thanks to ; @Taewvaw , @KATUNE1390
แค่วินาทีเดียว ..
แค่อีกวินาทีเดียวมันก็มีความหมายมากมายเหลือเกิน..
ได้โปรดเถอะพระเจ้า.. ช่วยยืดเวลาให้ผมอีกสักนิด
ขอแค่อีกสัก ‘ วินาทีเดียว ’ ก็ยังดี ..
ย้อนกลับไปเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน ..
“ ไหวไหมชานยอล? ” ผมถามเขา ชานยอลไม่ได้ตอบมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆกับแรงบีบจากฝ่ามือที่จับกันอยู่ให้ผมพออุ่นใจว่าเขายังไปต่อไหว
เราต้องรอด .. ผมบอกตัวเองแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่ามันคือการหลอกตัวเองหรือเปล่า?
“ ขึ้นไปทางนั้น เดี๋ยวพี่จะรีบตามไป ” ผมพูดปนเสียงหอบพลางดันหลังเขาไปทางบันไดด้านหลัง ปืนพกคู่ใจถูกชักเตรียมพร้อมลั่นไกในทันทีที่ผมเห็นพวกมัน
‘ พวกมัน ’ ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ .. ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวบ้าๆนี่เกิดขึ้นได้ยังไง พอรู้ตัวอีกทีปืนพกคู่ใจก็กลายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมเชื่อว่ามันคือความจริง หากไม่นับรวมถึงคนๆนั้น.. ‘ปาร์คชานยอล’
“ ไม่.. ถ้าจะไปเราต้องไปด้วยกัน ” เขาขมวดคิ้วแล้วเถียงกลับ
“ ไป! ” ผมตวาด ไม่เคยเลยที่อยากจะใช้เสียงแบบนี้กับชานยอล เป็นครั้งแรกที่ผมตวาดเขา แต่ได้โปรดเชื่อเถอะว่าผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้
“ ไม่ ! ” เสียงที่คุ้นเคยสั่น เช่นเดียวกับอ้อมกอดของเขาที่รั้งตัวผมเข้าไปหา
“ ถ้าจะไป..ก็ต้องไปด้วยกัน ถ้าจะรอด.. เราต้องรอดด้วยกัน ” เจ้าของอ้อมกอดพูดเสียงเบาถึงแม้สถานการณ์จะตึงเครียดแต่ผมก็ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นเต็มสองหู
“ ชานยอล.. ”
“ มันจะมีความหมายอะไร ถ้าผมมีชีวิตต่อไปโดยไม่มี.. พี่ ” เด็กน้อยของผมกระชับอ้อมกอด ความชื้นแฉะบนหัวไหล่ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังร้องไห้ น้ำตา... พี่ไม่ได้ต้องการแบบนี้เลยชานยอล
“ ก็ได้.. เราจะไปด้วยกัน ” ผมผ่อนลมหายใจแล้วหันกลับคว้ามือของเขามากุมไว้
ยี่สิบนาที .. สามสิบนาที .. เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่ที่ผมและเขาออกวิ่ง ไม่มีที่ไหนปลอดภัย ไม่มีความช่วยเหลือ เรื่องบ้าๆนี่ทำให้โซลทั้งเมืองลายเป็นนรก มีพวกมันเต็มไปหมด บ้างเดินเพ่นพ่าน บ้างกำลังกัดกินซากศพโดยที่ไม่รับรู้เลยว่าสิ่งที่มันกินอยู่บางที.. ครั้งนึงอาจจะเคยเป็นคนในครอบครัวของมันก็ได้
“ แฮ่ก .. แฮ่ก ” เสียงหอบหายใจที่เริ่มถี่ของเขาทำให้ผมเป็นห่วง ชานยอลเหนื่อยมากเกินพอแล้วสำหรับวันนี้ ถึงเวลาที่ผมจะต้องหาที่พักให้กับเราสองคนสักที
“ อีกนิดเดียวนะชานยอล .. เราจะต้องรอด พี่สัญญา ” ผมบีบมือเขาเบาๆ ชานยอลคลี่ยิ้มดั่งเช่นทุกครั้งที่เขาเห็นร่องรอยความกังวลบนใบหน้าของผม รอยยิ้มที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตต่อไป
“ อื้อ ” เขาลุกขึ้น แล้วเราก็ออกเดินทางอีกครั้ง ..
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นผมก็หาห้องเก็บของเก่าๆห้องหนึ่งเจอ มันไม่ได้สะดวกสบายมากนักแต่ก็มิดชิดและมีประตูป้องกันพอที่จะหลบซ่อนตัว เราก่อไฟไม่ได้ ความร้อนจะดึงดูดให้พวกมันเข้ามาหา น่าแปลกทั้งๆที่พวกมันคือซากศพเย็นชืดเดินได้แต่กลับวิ่งเข้าหากองไฟ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
“ หนาวไหม? ” ผมถามคนในอ้อมกอด ชานยอลสั่นหัวน้อยๆแล้วซุกตัวเข้าหาไออุ่น มือทั้งสองข้างของเขากำเสื้อของผมไว้แน่นราวกับว่าเขากลัวว่าพอตื่นมาจะไม่เจอผมตรงนี้
“ อู๋ฟาน.. ทำไมเราสองคนไม่ฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอนนี้? ” ท่ามกลางความเงียบของราตรีคำถามจากริมฝีปากอวบอิ่มคู่นั้นทำเอาลมหายใจของผมสะดุด
“ อย่าพูดแบบนี้ ทำไมคนแบบนายถึงพูดอะไรสิ้นหวังแบบนี้ หืม? ” ผมทาบริมฝีปากของตัวเองลงกับหน้าผากของคนในอ้อมกอด หวังว่ามันจะช่วยไล่ความกังวลออกไปจากเด็กน้อยของผมได้บ้าง
“ พี่คิดว่าเราจะรอดไปได้เหรอ? มันน่ากลัวขึ้นทุกที เมื่อวานเราก็เกือบไม่รอดแล้วนะ คยองซูตาย เฉินก็ตาย แบคฮยอน เทา อี้ชิง ลู่หาน .. พี่จุนมยอน ไค เซฮุน ทุกคนตายหมดแล้วเหลือแค่เรา ” ผมรู้ว่าเขากำลังร้องไห้ และรู้ว่าเขากำลังเคว้งคว้าง ชานยอลพูดถูกแล้ว.. เดิมทีเรามีกันสิบสองคน เผชิญหน้าและหนีเอาตัวรอดมาด้วยกัน จนกระทั่งคยองซูตาย หลังจากนั้นก็ค่อยๆจากไปทีละคนสองคน จนสุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับชานยอล
“ พี่สัญญาแล้วชานยอล .. พี่เคยผิดสัญญากับนายงั้นเหรอ? ”
“ ... ” เขาเม้มปาก เพราะรู้ดีว่าผมไม่เคยผิดสัญญา
“ เราจะรอด.. เราทั้งคู่ ” ผมรั้งใบหน้าของชานยอลเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนรับรู้ถึงลมหายใจ ใกล้จนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสริมฝีปากนั้น
“ อื้อ .. ” เค้ากอดคอผมเอาไว้แน่น นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราจบกันอยู่แบบนั้น ผมไม่เคยรู้สึกพอกับสัมผัสแสนหวานเหล่านี้
“ อู๋ฟาน.. รับปากผมข้อหนึ่งได้ไหม? ” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นหลังจากผมปล่อยริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระ
“ ได้.. เพื่อชานยอลพื่ทำได้ทุกอย่าง ”
“ มีชีวิตต่อไป ห้ามตายก่อนผม ” คำขอร้องแสนเอาแต่ใจ มีชีวิตต่อไปงั้นเหรอ .. ถ้าพี่มีนายอยู่ตรงนี้ ฃ
เรื่องอะไรพี่ต้องยอมตายด้วยล่ะ ปาร์คชานยอล
“ บางทีพี่ก็อิจฉาจื่อเทา.. ” ผมเปิดประเด็นหลังจากตกลงรับปากแล้วเราสองคนต่างก็เงียบกันไปสักพัก แต่ผมรู้ ชานยอลยังไม่หลับ ผมเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน
“ ทำไม? ” ดวงตากลมโตคู่สวยที่ผมหลงใหลเงยขึ้นมาสบ
“ จนวินาทีสุดท้าย.. เขาก็ยังได้ทำเพื่อคนที่เขารัก ”
“ หา? พี่จะบอกว่าจื่อเทาชอบแบคฮยอนเหรอ? ” ผมหัวเราะน้อยๆกับอาการตกใจของเขา แน่ละเด็กหนุ่มคนนั้นไม่เคยปริปากพูดสักคำ ผมรบเร้าเท่าไหร่ก็มีแต่จะเถียงกัลบมาว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะดีมากพอแล้ว .. แค่ได้ดูแลก็ดีเกินพอ
“ ใช่.. ชอบมานาน นานกว่าที่พี่กับชานยอลจะรักกันซะอีก ” ผมยิ้ม รู้สึกขอบคุณที่การพูดถึงเรื่องเก่าๆ ช่วงเวลาที่เราต่างมีความสุข ช่วยลดบรรยากาศตึงเครียดและความกังวลลงไปได้บ้าง
“ แล้วมันน่าอิจฉาตรงไหนกัน? เขาต้องฆ่าคนที่รักด้วยมือตัวเอง.. ” น้ำเสียงที่เคยสดใสเจือไปด้วยความเศร้า ผมลูบหัวเขาเบาๆแทนคำพูดปลอบปะโลม
“ นายคิดว่า.. แบคฮยอนอยากกลายเป็นพวกมันไหมล่ะ? คิดว่าวิญญาณของเขาจะมีความสุขไหมถ้าต้องกลายเป็นพวกมัน ” ผมตอบ
“ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว.. ทำไมจื่อเทาถึงยอมตายเพื่อให้พวกเราออกจากที่นั่นได้ ”
“ พวกเขาจะมีความสุข ” ผมกระซิบ ผมรู้น้องชายของผมยอมสละตัวเองเพื่อเรา แต่ที่รู้มากกว่านั้น จื่อเทานอกจากจะทำเพื่อคนที่เหลือแล้วยังทำเพื่อตัวเขาเองและแบคฮยอนที่เขาฆ่าด้วยมือของเขาเอง ผมเข้าใจ .. มันไม่มีความหมายหรอกหากเราต้องมีชีวิตต่อไปโดยไร้ซึ่งความหมายที่จะมีชีวิตอยู่ น้องชายของผมเลือกทางของตัวเองแล้ว
“ ผมก็หวังแบบนั้น .. เสียดาย จนวินาทีสุดท้ายแบคฮยอนก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เขาเองก็รอฟังมาตลอด ” ผมเลิกคิ้วกับความจริงที่พึ่งได้รับรู้ นึกเสียใจที่ไม่รบเร้าจื่อเทาให้สารภาพรักมากกว่านั้นอีกหน่อย
“ พี่รักนาย ”
“ หือ? ” เขามีท่าทีตกใจกับคำพูดของผม
“ พี่รักนาย.. มากกว่าชีวิตของพี่ มากกว่าทุกๆอย่าง นายคือเหตุผลที่พี่ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ” ผมย้ำแล้วกดจูบบนหน้าผากมน
“ มาพูดอะไรตอนนี้? ”
“ พี่กลัวว่ามันอาจจะช้าเกินไปถ้าเก็บไว้พูดทีหลัง ” ผมตอบ ผมรู้ว่ามันขัดกับคำสัญญาที่ว่าเราสองคนจะรอดไปด้วยกัน แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังอยากจะพูด อนาคตไม่แน่นอน .. กลัวเหลือเกินว่ามันจะสายเกินไป กลัวเหลือเกินว่าเขาจะต้องพูดมันในวันที่ชานยอลไม่สามารถรับรู้ได้อีก
“ ผมรักพี่ .. ปาร์คชานยอลรักอู๋อี้ฟาน ” เด็กน้อยของผมยิ้มพราว ริมฝีปากอิ่มแตะปลายคางของบผมเบาๆราวกับจะยืนยันคำพูดก่อนหน้า
“ พี่รู้.. หลับได้แล้วเด็กดื้อ ตื่นเช้ามานายจะยังเห็นพี่อยู่ตรงนี้แน่นอน ” ผมกระซิบ จูบราตรีสวัสดิ์อีกครั้งเป็นการส่งคนในอ้อมแขนเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
เหลือเวลาอีก 12 ชั่วโมง ..
ในตอนนั้น.. ผมไม่รู้เลยว่า .. แค่หนึ่งวินาทีก็มีความหมายมากมายเหลือเกิน
“ ชานยอลทางนี้ เร็วเข้า! ” ผมวิ่งนำทาง โดยจับมือของเขาไว้แน่น ผมไม่รู้ว่าพวกมันมาจากไหนมากมาย ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงปลุกของชานยอล เขาบอกว่าพวกมันล้อมเราไว้หมดแล้ว ปืนคู่ใจถูกใช้อีกครั้งผมกับเขาก็ทำได้แค่ฝ่าวิ่งวงล้อมของพวกมันหนีขึ้นมาบนตึกนี้เท่านั้น
“ อึก.. แฮ่ก .. ” อาการหอบแสดงถึงความเหนื่อยล้า ชานยอลของผมใกล้ถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว
“ บ้าจริง! ” ผมสถบออกมาอย่างหัวเสีย ไม่มีบันไดแล้ว เราวิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดของอาคาร ผมพยายามมองซ้ายมองขวาหาความหวังอันริบหรี่ และดูเหมือนพระเจ้าจะยังไม่ทอดทิ้งเราสองคน
“ ตามพี่มาชานยอล อดทนไว้ ” ผมหันกลับไปบอก แล้วเริ่มออกวิ่งทันทีที่ได้ยินเสียงพวกมันดังขึ้นมาตามทางหนีไฟที่พวกผมพึ่งออกมา เขาพยักหน้าแล้วบีบมือของผมแน่น
แกร๊ก! เราสองคนเข้ามาในห้องเล็กๆที่เต็มไปด้วยโต๊ะและลังเก่าๆ ผมดันหลังของเขาเข้าไปโดยไม่คิดแล้วรีบลงกลอนประตู ลังและโต๊ะถูกเลื่อนมาปิดประตูที่เป็นทางเข้าออกเดียวเอาไว้อย่างแน่นหนาจนผมพอใจ
กริ๊ก! เสียงอะไรสักอย่างเข้าล็อค ผมหันกลับไปตามทางที่เสียงดังกล่าวดังขึ้น ..
วินาทีนั้น .. ไม่ต่างอะไรกับโลกทั้งใบที่ผมเคยมีถล่มลงมาทับตัวผม เหมือนกับทุกๆอย่างพังทลายทันทีที่ผมเห็นภาพตรงหน้า เข่าอ่อนจนยืนไม่อยู่ มือไม้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ได้โปรดอย่าร้องไห้เลย...
คนที่ควรจะร้อง.. คือพี่มากกว่า
กลิ่นคาวเลือดและ เลือดสีแดงสดที่น่าสะอิดสะเอียดหยดลงพื้นซีเมนต์ทีละหยดสองหยด ...
มันไม่ใช่แผลกว้าง รอยเหวอะที่แขนของชานยอลมีสภาพไม่ต่างจากโดนกัดแล้วกระชาก โชคดีที่มันไม่ได้ใหญ่จนทำให้เขาขยับแขนไม่ได้ แต่โชคร้ายที่มันทำให้เกิดรอยแผลลึกที่หัวใจของคนอย่างผม
ชานยอลถูก ‘พวกมันกัด’ ... นี่มันยิ่งกว่าฝันร้ายที่ผมเคยพบเจอมาในชีวิต
ทำไมไม่เป็นผม? .. ทำไมต้องเป็นเขา .. ทำไม ทำไม .. ทำไม?
“ ชานยอล.. ตั้งแต่เมื่อไหร่ ” ผมถามเสียงแผ่ว เรี่ยวแรงที่เคยมีราวกับถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น ผมขยับเข้าหาคนที่นั่งคุดคู้อยู่ตรงนั้นช้าๆ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งร่างกาย
“ เมื่อเช้า.. ผมตั้งใจจะออกไปดูลาดเลา ” เขาพยายามยิ้มทั้งๆที่น้ำตายังคงไหล
“ เด็กโง่... ทำไมนายไม่เรียกพี่ ” แก้มของเขายังอุ่น ดวงตาของเขายังเป็นชานยอลคนที่คุ้นเคย ชานยอลที่ผมรักสุดหัวใจ
“ ผมอยากให้พี่พักบ้าง.. ”
“ ... ” ผมพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่รั้งเขาเข้ามาในอ้อมกอด ฝังจมูกลงกับกลุ่มผมดั่งเช่นที่เคยทำ ชานยอลร้องไห้จนเสื้อผมชื้นไปด้วยน้ำตา หนักขึ้น หนักขึ้นทุกทีทุกที.. เช่นเดียวกับรอยแผลในหัวใจของผมที่ขยายตัวกว้างและลุกลามเสียจนเกินจะเยียวยา
“ อู๋ฟาน.. ฮึก.. กั้นประตูแบบนั้น ฮึก..พี่ .. จะออกไปได้ยังไง? .. ” เขาถามเสียงสั่น น้ำตามากมายไหลรินออกมาเมื่อเห็นผมกอดเขาไว้แน่น
“ ทำไม.. ? ” ทำไมถึงได้โหดร้ายนัก .. ทำไมพระองค์ถึงได้โหดร้าย ทำไม? ผมมันบาปหนามากงั้นเหรอ?
“ พี่ต้องไป.. ต้องหนีไปนะ .. ฮึก ผมไม่รู้ว่าโซ่นี่... ฮึก จะล.. ล่ามผมไว้ได้หรือเปล่า พี่ต้องรีบไป ” เขาพร่ำพูดเหมือนคนไม่ได้สติ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยก้อนสะอื้น ไหล่บางๆสั่น แก้มนวลที่ผมชอบสัมผัสอาบไปด้วยน้ำตา
“ พี่ไม่ไปชานยอล.. พีจะอยู่กับนาย ” ผมมองโซ่ที่ปลายขาของชานยอลด้วยสายตาชิงชัง
“ ไม่.. พี่ต้องไป พี่รับปากผมแล้ว อู๋ฟาน! อย่าผิดสัญญา! ” เขาตะคอก เสียงตะคอกที่เหมือนกับเขายกมือมาตบผมจนชาไปทั้งซีก
“ ไม่.. ”
“ พี่สัญญาแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ ” เขาดิ้น เช่นเดียวกันยิ่งเขาดิ้นผมยิ่งกระชับอ้อมแขน ได้โปรด.. อย่าไล่พี่เลยชานยอล
“ มันจะมีความหมายอะไรถ้าพี่มีชีวิตอยู่โดยไม่มีนาย.. ”
“ ฮึก... อย่าทำแบบนี้... ถ้าไม่รีบไปพี่จะเห็นนะ .. พี่จะเห็น ฮึก.. ผมกลายเป็นพวกมัน ” ผมทำได้แค่กอดเขาไวแบบนี้งั้นเหรอ? แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม?
“ ไม่.. พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น ” ผมย้ำ ไม่มีวันที่ผมจะทิ้งเขาไว้ตรงนี้
“ แต่.. ” เขาเปิดปากแต่ไม่ทันที่จะได้หลุดคำพูดอะไรออกมาผมก็กดจูบลงบนกลีบปากนั้นเสียก่อน
“ พอแล้ว.. พี่จะอยู่ ไม่ว่าจะไล่ยังไงพี่ก็จะอยู่ จนถึงวินาทีสุดท้าย ” ผมว่า คนฟังนิ่งเงียบ น้ำตาหยุดไหลไปแล้ว ชานยอลเม้มปากจนเป็นเส้นตรง
เราสองคนอยู่ในความเงียบแบบนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่... หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้น
เขาเงียบจนผมกลัว..
“ ชานยอล.. ” ผมไล้แก้มของเขาเบาๆ ดวงตากลมๆปรือขึ้นมาสบตาผม มองอยู่แบบนั้นสักพักแล้วพูดเสียงแผ่ว
“ ทำไมไม่ฆ่าผมแล้วไปซะ... ” น้ำเสียงเลื่อนลอยกับแววตาไร้ชีวิตชีวา เขามองผมอยู่แต่ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดถึงเรื่องอะไร
“ทำไมไม่ทำแบบจื่อเทา.. ” ผมได้แต่นิ่งและเงียบอย่างจนคำพูด ..
ให้ทำแบบนั้น .. ผมทำไม่ได้
รู้.. รู้ดีว่ามันอาจจะดีกว่า .. แต่มันทำไม่ได้
ให้ฆ่าคนที่รักสุดหัวใจด้วยสองมือนี้น่ะเหรอ? ... เขาทำไม่ได้
“ ฆ่าผมซะที!! ” เขาตะโกนเมื่อเห็นผมเอาแต่เงียบ แววตาของชานยอลไม่ได้มีร่องรอยความโกรธ.. มันมีแต่ความสิ้นหวัง
“ พี่ทำไม่ได้.. ”
“ ฆ่าผม! ได้โปรด.. ฆ่าผม ถ้าพี่ไม่ฆ่าผม.. ผมจะฆ่าพี่ พี่รู้ดี! ” ชานยอลตะโกนลั่นพลางฟาดฝ่ามือลงมาที่ตัวผมอย่างคนไร้สติ
“ มันดีกว่าให้พี่ฆ่านาย.. ”
“ เห็นแก่ตัว ”
“เห็นแก่ตัวงั้นเหรอ... ทำไมนายถึงพูดแบบนี้ปาร์คชานยอล?” ผมถามเขา พยายามมองให้ลึกลงไปในดวงตากลมโตคู่นั้น
“ พี่ไม่อยากฆ่าผม.. แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าผมก็ไม่อยากทำ.. ” คำตอบของเขาเหมือนมีใครสักคนเอาน้ำเย็นจัดมาสาดใส่ผม มันเป็นความจริง.. แล้วผมควรจะทำยังไง
“ ชานยอล.. ” ผมเรียกชื่อคนรัก .. เอื้อมมือเข้าใกล้เพื่อปาดหยาดน้ำตาแต่ชานยอลปัดมือของผมออก เขาถอยตัวหนีแล้วเริ่มกำมือแน่น
“ อึก.. แค่ก ” เขานอนคุดคู้กับพื้น ฝ่ามือจิกเกร็งอย่างคนที่ต้องทนทรมาน ดวงตากลมเบิกกว้าง เขาหอบหายใจราวกับรอบตัวไม่เหลืออากาศ
มันเริ่มขึ้นแล้ว..
พร้อมๆกับเข็มนาฬิกาที่ไม่สามารถย้อนคืน..
ติ๊ก... ต่อก... ติ๊ก ... ต่อก...
นานจนผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ชานยอลทุรนทุรายและปฏิเสธไม่ให้ผมเข้าใกล้ เขาร้องครวญครางอยู่แบบนั้น .. โดยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย
มีเพียงเสียงนาฬิกาที่ยังคงดังชัดเจน...
มันดังขึ้นเรื่อยๆในหัวของผมจนกลบเสียงร้องของชานยอล ..
เช่นเดียวกันกับการตัดสินใจของคนไร้ค่าอย่างผม..
เวลาหมดลงแล้ว...
หมดลงพร้อมๆกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ..
ไม่เหลือแม้แต่สักวินาที...
“ ปาร์คชานยอล.. ” ผมพูดขณะสาวเท้าเข้าใกล้คนที่นั่งอิงผนัง เหงื่อชุ่มจนแทบจะกำวัตถุสีดำมะเมื่อมไว้ในมือไม่อยู่
ดูเหมือนร่างนั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงเรียกของผม เขาเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาพร้อมกับเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
“ อา... อา ” เขาส่งเสียงร้องราวกับเรียกผมเข้าไปหา มือทั้งสองข้างพยายามไขว่คว้าตัวผมแต่ติดที่โซ่เส้นนั้นตรึงเขาเอาไว้
“ เรียกพี่งั้นเหรอชานยอล? ” ผมยิ้ม.. ยิ้มพร้อมๆกับน้ำตา ผมค่อยๆเดินเข้าอีกฝ่ายพร้อมๆกับปืนพกในมือ
“ อา... ” ผมย่อตัวลงตรงหน้าเขา ก้มหน้าลงจนชิด .. เย็นชืดและไร้ซึ่งลมหายใจ
ชานยอลของผมจากไปแล้ว..
“ นายรู้ไหม?.. ” เสียงของผมสั่น สั่นในแบบที่ไม่เคยสั่น แววตาของคนตรงหน้าเลื่อนลอย
“ พี่ขอโทษ.. ที่พี่จะผิดสัญญา ” ผมรั้งท้ายทอยของเขาเข้ามาใกล้จ่อปลายปืนไว้ที่หลังศีรษะของเขา กดจูบลงบนริมฝีปากเย็นชืดไร้ไออุ่นที่คุ้นเคยแล้วถอนออก
“ พี่รักนายปาร์คชานยอล.. ” ผมหลับตา.. คิดถึงภาพรอยยิ้มของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ..
พี่รักนาย.. และจะรักตลอดไป ..
ปัง!
แค่อีกวินาทีเดียว.. แค่วินาทีเดียวที่พี่จะยังมีนายอยู่เคียงข้างกัน...
แค่วินาทีเดียวก็ไม่มีอีกแล้ว..
เลือดสาดกระเซ็น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้อง ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ..
มีเพียงร่างไร้วิญญาณของคนสองคนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน..
ความคิดเห็น