ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DIAMETER - {Krisyeol|Kaihun|Taobaek}

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 - Icicle

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 56


    red .baron





    Diameter.
    “KrisYeol TaoBaek KaiHun”

     

     

    [ 1 ]

     

    I

     

    ' Icicle'






     

     

    พยอนแบคฮยอนนั่งแกว่งช้อนกาแฟในมือเล่นฆ่าเวลา เสียงวัตถุโลหะกระทบแก้วกระเบื้องเคลือบดังเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ ถอนหายใจพลางมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาพึ่งรู้ซึ้งว่าการเป็นฝ่ายรอมันน่าเบื่อขนาดไหนก็วันนี้เอง ดูเหมือนจะพระเจ้าจะเห็นใจพยอนแบคฮยอนอยู่บ้าง ทันทีที่เสียงกริ๊งหน้าประตูร้านดังขึ้นร่างสูงของใครบางคนก็ปรากฏตัว  

     

     

    “ โอ้โห! ดูสิใครมานั่งรอ นี่ฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย ” เพื่อนตัวสูงเอ่ยล้อเลียนทันทีที่เปิดประตูร้านเข้ามาเห็นคนที่นั่งรออยู่ คนโดนล้อถึงกับถอนหายใจพรืด ขมุบขมิบปากก่นด่าคนมาสายในใจขณะช้อนตามองอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง

     

     

    “ มาสายไปสิบห้านาที ยังจะมาล้อเลียนคนอื่นอีก โตแต่ตัวสมองไม่โตด้วยนะนายน่ะ ”  ปาร์คชานยอลหัวเราะกับคำต่อว่ายักไหล่น้อยๆเป็นเชิงไม่ใส่ใจก่อนจะนั่งลงแล้วกวักมือเรียกพนักงาน  

     

     

    “ เอสเปรสโซ่ร้อนครับ ” เอ่ยปากสั่งเมนูเดิมที่กินเป็นประจำ ก่อนจะหันกลับมาสนใจคู่สนทนาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง คนตัวเล็กยังคงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจไม่ต่างจากตอนแรก 

     

     

    “ รอครั้งแรกทำมาเป็นบ่น ฉันกับเซฮุนรอนายแทบทุกครั้งยังไม่บ่นเลย.. ว่าแต่เซฮุนล่ะ? ยังไม่มาเหรอ? แปลกดีแฮะ ปกติมาเป็นคนแรกแท้ๆ ”  ชานยอลว่าตามตรง ก่อนจะเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กอ้าปากจะเถียง ว่าพลางสอดส่ายตามองหาคนที่พูดถึง ก่อนจะตอบคำถามของตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้ตอบอะไร

     

     

    “ มาสายสักครั้งคงไม่แปลกหรอกมั้ง ”  จังหวะที่ชานยอลยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม แบคฮยอนจึงอ้าปากพูดออกมาได้ในที่สุด 

     

    “ มาสายสักครั้งคงไม่แปลก จะพยายามเข้าข้างตัวเองว่ามาเช้าสักครั้งก็คงไม่แปลกสินะ ” ชาานยอลสวนกลับแทบจะทันทีที่วางแก้ว คนโดนแขวะถลึงตาใส่ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองอีกครั้งและพบว่าเลยเวลานัดหมายมายี่สิบนาทีแล้ว 

     

     

    “ แต่ถึงจะสาย.. คนอย่างเซฮุนก็ไม่น่าจะมาสายได้ขนาดนี้นะ ” 

     

     

    “ ว่า.. ใครมาสาย ”  ทันทีที่คนตัวเล็กพูดจบ เจ้าของชื่อที่ตกเป็นเป้าสนทนาก็ปรากฎตัวแทบจะทันที เส้นผมสีอ่อนเปียกชื้นขณะที่ผิวขาวนั้นก็แดงระเรื่อ ชานยอลกับแบคฮยอนจึงได้ข้อสรุปในใจโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากถามว่าโอเซฮุนพึ่งวิ่งมาถึงร้านกาแฟซึ่งเป็นจุดนัดพบแห่งนี้

     

     

    “ หอบเป็นหมาหอบแดดเลย นึกยังไงวิ่งมาจากตึกคณะแพทย์ล่ะ ”  ชานยอลเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถาม หลังจากปล่อยให้เซฮุนหอบหายใจอยู่พักใหญ่ๆ ระยะทางจากตึกเรียนของโอเซฮุนมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้ไม่ใช่ใกล้ๆ และปกติชายหนุ่มตัวบางเองก็แทบจะไม่ต้องเดินไปไหนมาไหนเองด้วยซ้ำ 

     

     

    “ ไม่มีรถ ”  คำตอบแสนจะสั้นห้วน ดูจากใบหน้าแล้วคนพูดดูเหมือนไม่อยากจะพูดถึงสาเหตุเท่าไหร่นัก แต่นั่นยิ่งทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนอยากรู้ขึ้นไปอีก 

     

     

    “ ไคไปไหนล่ะ? ”  

     

    “ ทะเลาะกันเหรอ? ” เป็นแบคฮยอนที่แย่งชานยอลพูดขึ้นมาก่อน แต่ไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบ ปาร์คชานยอลคนพูดมากก็ยิงคำถามเพิ่มเข้าไปอีก เจ้าของคำถามก่อนหน้ามองค้อนแทบในทันที 

     

     

    “ จะถามทำไมว่าทะเลาะกันเหรอ ก็รู้อยู่ว่ามันทะเลาะกันประจำทุกวัน ” พอได้ยินคำถามอดไม่ได้ที่จะแขวะ แบคฮยอนกรอกตาเป็นรางวัลให้กับคำถามสิ้นคิดของเพื่อนตัวสูง พลางคิดในใจเรื่องอะไรมาถามคำถามทับคำถามของเขาล่ะ 

     

     

    “ เปล่า ไม่ได้ทะเลาะ ”  เซฮุนที่เงียบมานานหาจังหวะพูดออกมาได้ในที่สุด

     

     

    “ แล้วทำไมไคไม่มาส่งเหมือนปกติ? ”  ชานยอลถามต่อด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วผู้ชายผิวเข้มคนนั้นแทบจะไม่ปล่อยให้เพื่อนของเขาคนนี้ไปไหนมาไหนเองด้วยซ้ำ อดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมวันนี้หนุ่มวิศวะฯโยธาอารมณ์ร้อนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของโอเซฮุนเดือนคณะสัตวแพทย์มีดีกรีความเจ้าอารมณ์และความขี้หวงเป็นที่หนึ่งถึงได้ปล่อยให้เซฮุนวิ่งมาไกลขนาดนี้คนเดียว 

     

     

     

    “ เลิกกันแล้ว ”  

     

    “ อ๋อ ”  ชานยอลว่าแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่จะสำลักออกมาเมื่อเรียบเรียงความหมายของถ้อยคำที่เพื่อนผมทองพูดออกมาในสมองจนกระจ่าง

     

     

     

     

    “ ว่าไงนะ!?! ” 

     

     

    “ เบาๆน่าชานยอล ”  แบคฮยอนเอ็ดเมื่อเห็นว่าเสียงพูดคุยของพวกเขาสามคนเริ่มจะเพิ่มระดับความดังมากขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

    “ เลิกกันแล้ว ” เซฮุนพูดซ้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าเฉยชา ชานยอลเอื้อมมือไปบีบไหล่เพื่อนแทนคำปลอบใจก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ดูไม่ค่อยเหมือนคำปลอบเท่าไหร่นักออกมา

     

     

    “ ดีแล้ว จะไม่ถามหรอกนะว่าทำไม ถึงจะอยากรู้ก็เถอะ.. ต่อจากนี้ไป นายจะรู้เองว่าความสุขสบายของชีวิตหนุ่มโสดมันเป็นยังไง ” พูดพร้อมรอยยิ้มที่สุดแสนจะน่าหมั่นไส้ในสายตาของพยอนแบคฮยอน 

     

     

    “ อา.. ใช่สินะ ประสบการณ์สูงนี่นะ อยู่บนคานมาสองปีเต็มแล้วนี่ ใช่หรือเปล่านะ? หรือฉันจำผิด ?  ” แบคฮยอนว่าแล้วยิ้มมุมปาก 

     

     

    “ เหอะ เจ้าหมาเตี้ย ระดับนี้จะลงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เลือกจะไม่ลงเองต่างหาก ” ชานยอลหันไปตอบคนตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้าม เหมือนมีสายฟ้าแล่นแปร๊บปล๊าบระหว่างเพื่อนตัวสูงกับเพื่อนตัวเล็จนสุดท้ายก็เป็นหน้าที่เซฮุนอีกเช่นเคยที่ต้องเป็นคนห้าม

     

     

    “ อย่าทะเลาะกันน่า โตๆกันแล้ว ”  แบคฮยอนกับชานยอลจึงยอมเลิกก่อสงครามสายตาในที่สุด 

     

     

    “ อืม.. ถ้าแบบนั้นกลุ่มเราก็เหลือนายคนเดียวแล้วสิแบคฮยอนที่ไม่โสด ” ชานยอลฟุบลงกับโต๊ะแล้วพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองขณะที่โอเซฮุนหันไปมองคนที่ถูกพูดถึงเพื่อสังเกตท่าที

     

     

    “ ก็ไม่เชิงหรอก.. ”  คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มตอบเสียงเบา ประสานมือเข้าหากันอย่างที่ชอบทำเวลามีเรื่องไม่สบายใจ พอจบประโยคคนที่เงี่ยหูฟังอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ

     

     

    “ หมายความว่าไง? ” ไม่ใช่ชานยอลแต่เป็นเซฮุนที่ถามออกมา 

     

    “ หน้าไปโดนอะไรมา? ”  แบคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามเพราะเห็นอะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน อาจจะเป็นเพราะแบคฮยอนไม่ได้สังเกตใบหน้าของเพื่อนดีเท่าไหร่ในช่วงแรกที่เริ่มบทสนทนา พอมาถึงตอนนี้ถึงได้เห็นว่า ข้างแก้มขาวๆมีรอยฟกช้ำที่ดูเหมือนจะจางลงแล้วบ้างอยู่

     

     

    “ ไม่มีอะไร ตกลงที่พูดนั่นหมายความว่าอะไรกันแน่? ” เซฮุนปฎิเสธอย่างรวดเร็วก่อนจะวกกลับมาเข้าเรื่องเดิมเพื่อไม่เห็นเป็นที่ผิดสังเกต เขายังไม่อยากพูดเรื่องนั้นในตอนนี้เท่าไหร่นัก

     

    “ ก็เลิกกันแล้ว แค่นั้นแหละ ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบชานยอลเบิกตามองคนพูดด้วยความตกใจ ในบรรดาเพื่อนสนิททั้งสองคนของเขาคู่ที่ดูเหมือนจะไปได้ดีและราบรื่นที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็นคู่ของแบคฮยอนกับแฟนรุ่นน้องที่ชื่อจื่อเทานี่แหละ แต่พอมาได้ยินในวันนี้ว่าเลิกกันแล้ว ก็ทำเอาชานยอลไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน

     

     

    “ เลิกกันทำไม? ” 

     

     

    “ ดันทุรังต่อไปก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี ”  คำตอบสบายๆ กับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไรทำให้ชานยอลและเซฮุนเลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก บางทีแบคฮยอนเองก็อาจจะมีเหตุผลที่ดีพอสำหรับการจบความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนั้นแล้วไม่อยากบอกพวกเขาก็เป็นได้ เซ้าซี้ไปก็มีแต่จะทำให้คนตัวเล็กหงุดหงิดมากขึ้นเปล่าๆ

     

     

    สิ้นสุดบทสทนานั้นความเงียบก็ก่อตัวขึ้นพักใหญ่ๆ ต่างคนต่างจมลงในโลกของตัวเอง กาแฟในแก้วเซรามิคพร่องลงเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่าอีกสองคนที่เหลือกำลังคิดอะไรอยู่ อาจจะเรื่องเดียวกันหรือไม่แม้แต่จะเกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างเงียบอย่างคนใช้ความคิดจนกระทั่งเสียงกริ๊งที่ประตูดังขึ้นอีกครั้งนั่นแหละ ทุกคนจึงโดนดึงดูดให้กลับมาคิดเรื่องเดียวกันเพราะแขกไม่ได้รับเชิญ  

     

     

    ใครคนนั้นอยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินอ่อน ผมสั้นประบ่าจัดทรงอย่างสวยงาม ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นแต่งแต้มเล็กน้อยตามประสาผู้หญิง แขกที่ไม่คาดคิดมาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูร้าน ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นทำให้สามสหายสภากาแฟถึงกับอ้าปากค้าง

     

     

     

    แต่ทว่าการที่ ‘ ปาร์คชินเย ‘  พี่สาวแท้ๆของปาร์คชานยอลมาปรากฎตัวที่หน้าร้าน

    ก็ยังไม่น่าตกใจเท่ากับการที่ได้เห็นคนที่เดินเคียงคู่กันกับเธอ

     

     

     

     

     

    คนตัวสูงกับผมสีทองหม่นที่รับกันดีกับดวงตาคนเข้ม 

     





    ...

     

     

    ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำในวันวานของปาร์คชานยอล

    คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ และเป็นคนเดียวกับที่เขาไม่เคยต้องการที่จะพบหน้าอีก

     

     

     

     

     

     

    แต่คนๆนั้นกับยืนอยู่ตรงนี้แล้ว

    ยืนอยู่ตรงนี้ข้างๆพี่สาวของเขา

     

     

    ...

     

     

     

     

     

    ‘ อู๋อี้ฟาน ’ แฟนเก่าที่บอกเลิกปาร์คชานยอลไปเมื่อสองปีก่อน..

     

     

     

     

     

     

     




     

    TBC.

    #ดอมท

    @Wolinr 




    ! DIAMETER แปลว่า เส้นผ่าศูนย์กลางค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×