ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 00 : Intro
red
.baron
Diameter.
“KrisYeol TaoBaek KaiHun”
[ 0 ]
Intro
“กลับไปเป็นแค่เพื่อนกันดีไหม?” เอนตัวลงนอนในทิศทางตรงกันข้ามกัน ไม่ใกล้และไม่ไกลระยะห่างแค่เพียงช่วงแขน อยากจะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดอย่างที่ชอบทำแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องมองใบหน้าของคนที่เอาแต่มองฝ้าเพดานเพ้นท์ลายดวงดาวดวงเล็กแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มอีกคนเบาๆพร้อมตอบคำถามก่อนหน้าออกไป
“ อยากให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ” มักจะถูกต่อว่าว่าใจร้าย แต่มาถึงตรงนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครใจร้ายกว่าใครกันแน่ เคยได้ยินคำพูดที่ว่าสถานะความสัมพันธ์คือสิ่งที่เดินหน้าได้แต่ถอยหลังกลับไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็ออกมาจากริมฝีปากคนๆเดียวกันแท้ๆ แต่คนพูดลับลืมสิ่งที่เคยพูดเอาไว้จนหมดได้
“ รับปากสิว่าจะทำให้ได้ ” พูดอีกโดยไม่หันหลับมามองสักนิด ใจคอจะไม่ยอมให้เห็นหน้าเลยหรือไงตำหนิอยู่ในใจตอนหดมือกลับเพราะอีกฝ่ายหันหน้าหลบ ปวดหนึบขึ้นมาที่ใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อถูกปฏิเสธ
“ รับปากไม่ได้หรอก ” พูดอย่างที่ใจคิด ทุกครั้งที่ผ่านมา มันมักจะยากที่จะพูดตรงกับใจ แต่ในครั้งนี้มันกลับง่ายดายยิ่งกว่าครั้งไหน ที่บอกว่าทำไม่ได้ เพราะไม่อยากทำ และไม่คิดแม้แต่จะทำ และมันเป็นความจริง
“ ทำให้ได้สิ นับจากนาทีนี้ ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้องนี้เราก็จะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ” พูดออกมาโดยไม่คิดถึงคนฟังสักนิด เจ้าของคำพูดร้ายกาจนั้นลุกขึ้นนั่ง มองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงแดดจางๆ ฝ่ามือของคนสองคนทาบลงกับพื้นห่างกันเพียงปลายนิ้วก้อย แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครขยับมือล้ำเส้นระยะห่างระหว่างกัน
“ จะพยายาม ” บอกแล้วว่ามันยากที่จะพูดตามใจคิด โง่เสียจริงที่พูดแบบนั้นออกไป รู้ดีว่าทำไม่ได้ ทำยังไงก็ทำไม่ได้ แค่คิดว่าจากนี้ไปจะไม่ได้ยินเสียงของคนๆนี้อีกในท้องก็เริ่มโหวงเหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนคนที่ยืนอยู่ริมหน้าผาแล้วถูกบังคับให้ก้าวต่อ รู้ว่าจะสูญเสียแต่ก็ทำไม่ได้แม้แต่จะพยายามฉุดรั้งเอาไว้ เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง คนๆนี้ถึงเลือกที่จะเดินจากไป ก็เป็นซะแบบนี้เป็นคนโง่ที่พูดแต่ถ้อยคำทำร้ายจิตใจ
“ ดี ” คำตอบนั้นแสนสั้นผิดกับจังหวะหัวใจที่รู้สึกว่ามันยืดยาวและกินเวลาในแต่ละครั้งมากขึ้น ลุกขึ้นยืนตามคนตัวเล็กกว่า มองแผ่นหลังนั้นหายลับจากประตูไปช้าๆพร้อมกับคำพูดสุดท้าย
“ ลาก่อน.. ”
“ ให้กลับไปเป็นเพื่อนกัน.. ทำไม่ได้หรอก.. ”
...
“ แต่จะทำ .. เพราะนายเป็นคนขอ ”
- - - -
“ ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง! ” เจ้าของร่างกายฟกช้ำตะโกนเสียงดังพลางพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุมของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าโดนกึ่งลากกึ่งจูงแบบนี้มาไกลเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเจ็บตรงจุดที่โดนอีกฝ่ายบีบจนอยากจะสะบัดมือหนาที่ไม่ต่างอะไรจากคีมคีบเหล็กออกให้พ้น
“ ปล่อยให้โง่สิ ไม่ปล่อยให้ไปหาคนอื่นหรอก คลาดสายตาแค่แปปเดียวก็ได้เหยื่อรายใหม่แล้วนี่ ” พยายามแล้วไม่เป็นผล แถมสิ่งที่ได้รับเพิ่มยังเป็นคำพูดเสียดสีที่ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความโกรธให้เพิ่มมากขึ้นสวนทางกับบรรยากาศสถานการณ์ในตอนนี้ที่มีแต่แย่ลงกับแย่ลง
“ ถ้าจะพูดแต่อะไรที่มันส่อถึงความคิดต่ำๆก็หุบปากซะ!” ตะโกนด้วยความโมโหที่พุ่งทะยานขึ้นจนแทบทะลุปรอทวัด มันมากเกินพอแล้วกับทุกสิ่งที่ได้รับมา ไม่ต้องการอีกแล้ว ไม่ต้องการจริงๆ
“ เหอะ ต่ำงั้นเหรอ ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าได้กับไอ่คนคิดแต่เรื่องต่ำๆคนนี้มากี่รอบแล้วล่ะ? ”
ผวั้ะ! เสียงกำปั้นลุ้นๆกระทบหน้า คนพูดหน้าหันไปตามแรงมือของคนกระทำ ชั่ววินาทีก็หันกลับมาแล้วกระชากคอเสื้อคนตัวบางเข้ามาใกล้ เหวี่ยงคนรักเข้ากับผนังโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
“ ทีนี้มาร้องเจ็บ ไอ่คนปากเก่งเมื่อกี้ไสหัวไปอยู่ไหนแล้วล่ะ? ” ยกมือบีบปลายคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ยกยิ้มร้ายแล้วเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจเหล่านั้นอีกครั้ง
“ โอ้ย! “ คนถูกกระทำร้องด้วยความเจ็บแรงบีบตามสันกรามดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ของคนเจ้าอารมณ์คนนั้น แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีแววตาเว้าวอนขอความเห็นใจ มีเพียงแววตาเฉยชาและริมฝีปากที่ขบแน่นเพื่อลดความเจ็บปวด เลือดไหลซิบกับรอยแผลจ้ำช้ำทั่วตัวดูเหมือนจะยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อพยายามต่อสู้แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ถอดใจที่จะสู้
“ เงียบทำไมล่ะ อุ้ก! ” ไม่ทันจะพูดจบก็โดนเข่ากระแทกเข้ากลางลำตัว ความเจ็บปวดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง จังหวะที่งอตัวลดความเจ็บปวดคนที่โดนเหวี่ยงติดผนังเมื่อครู่ก็ตั้งท่าวิ่งหนี แต่ไม่ทันจะวิ่งก็โดนคว้าชายเสื้อเอาไว้เสียก่อน
“ ปล่อย! อย่ามายุ่งนะ! ” ตะโกนอีกครั้งแม้จะรู้ดีว่าไม่ช่วยอะไร คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนที่ต้องอดกลั้นความเจ็บปวด พยายามที่จะดิ้นให้หลุดพ้นจากการฉุดรั้ง
“ ที่ไล่อยู่นี่แฟนนะไม่ใช่คู่นอนข้ามคืน ดูเหมือนจะพูดใส่คนผิดคนนะ ” เหมือนมีคนเอาน้ำเย็นมาสาดใส่หน้า แล้วที่ยื้ออยู่นี่ไม่ใช่แฟนหรือยังไงถึงพูดจาร้ายๆแบบนี้ออกมาได้ อยากจะตะโกนถามแต่ปากก็หนักเกินกว่าที่จะเอ่ยถาม เลยเวลาที่จะมาตัดพ้อประชดประชันกันแล้ว
“ งั้นก็เลิกคบแล้วไปให้พ้นๆสักทีสิ! ” ตะโกนเสียงดังครั้งสุดท้ายก่อนจะสะบัดตัวจนหลุดจากพันธนาการ หันกลับไปฟาดใบหน้าคนเข้มเข้าเต็มแรงอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะพูดออกมาต่อหน้าคนๆนี้
“ ต่อไปนี้แค่คนรู้จักก็ไม่ต้องเป็น ไปให้พ้นซะ! ถ้าไม่ไป ฉันนี่แหละจะเป็นคนไปให้พ้นๆนรกบ้าๆนี่เอง! ” จบประโยคก็นิ่งกันไปทั้งคู่ คนนึงนิ่งเพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป แต่อีกคนนิ่งเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะกล้าพูดออกมาภายในตรอกเล็กๆข้างถนนความเงียบโรยตัวลงมาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงฝ่าเท้าของคนเอ่ยปากที่เลือกจะเดินจากไป
ทิ้งให้คนที่โดนฝ่ามือคนรักที่พึ่งแปรสภาพเป็นคนรักเก่าฟาดหน้าเข้าเต็มรับ
ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างคนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่แม้แต่จะคิดหันกลับไปมอง
“ บางทีสิ่งที่ได้รับ.. มันอาจจะสาสมกับที่ผ่านมาแล้วก็ได้ ”
...
“ แต่แล้วยังไงล่ะ? คิดว่าจะยอมปล่อยให้ไปเหรอ? ฝันไปเถอะ ”
- - - -
' เลิกกันเถอะ ' อ่านข้อความบนหน้าจอมือถือซ้ำไปซ้ำมา พยายามบอกตัวเองว่ากำลังฝัน แต่หยิกตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นสักที ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับความจริง
เพล้ง! เขวี้ยงกรอปรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนมันแตกกระจาย คว้าทุกอย่างที่คว้าได้ลงกล่องกระดาษใส่ขยะ รูปคู่ การ์ดที่เคยเขียนให้กัน ดอกกุหลาบกรอบแห้ง หรือแม้แต่พวกกุญแจที่มีตัวอักษรย่อคู่กัน ความทรงจำมากมายที่เคยเก็บสะสมและอะไรต่อมิอะไรที่หาเจอ ถูกยัดลงในกล่องกระดาษกล่องนั้น
ก้าวขาฉับๆขึ้นบันได ดันประตูออกไปที่ลานดาดฟ้า ล้วงหาไฟแช็กในกระเป๋ากางเกงตามเคยชิน ไม่ใช่คนสูบบุหรี่แต่ต้องพกไฟแช็ก เพราะใครอีกคนติดที่จะสูบมันแต่มักมีปัญหากับการจุดไฟ ล้วงมันขึ้นมาและมองอยู่แบบนั้น ยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน หัวเราะปนเสียงสะอื้นพร้อมกับทิ้งไฟแช็กในมือลงบนกล่องกระดาษ มองความทรงจำในวันเก่าลุกไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ก่อนจะยิ้มให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ยามนึกถึงวันที่ใครคนนั้นก้าวเท้าเข้ามาในชีวิต
อดหัวเราะไม่ได้เมื่อคิดว่ามันช่างแตกต่างจากวิธีเดินออกจากชีวิตของเขาไปนัก
ตอนจะมา มาพูดต่อหน้า อ้อนวอนและพยายาม แต่ตอนจะไป
แค่เสียงคำลายังไม่ได้ยิน มีแต่ตัวอักษรส่งมาบอกว่าจากนี้ไปไม่มีความเกี่ยวข้องระหว่างเราอีก
มันคลกดีที่ไม่ได้เสียใจหรือฟูมฟายมากมาย
อาจจะเป็นเพราะว่าเตรียมใจไว้แล้ว และคิดว่าถ้าอีกฝ่ายไม่เป็นคนพูด ตัวเขาเองนี่แหละที่จะเป็นคนพูดซะละมั้ง
เพราะแบบนั้นความรู้สึกเดียวในตอนนี้จึงมีเพียง..
" ไปแล้วก็ไปให้ไกล อย่าได้กลับมาเจอกันอีกเลย "
- - -
แต่ในบางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกนะว่าไหม?
คนบางคนยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ คนบางคนอยากหนีก็หนีไม่พ้น
ขณะที่คนบางคน พยายามเท่าไหร่ก็ลบเขาคนนั้นออกจากใจไม่ได้สักที
ก็เหมือนกับความรักที่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นเสมอไป
เพราะความรักสามารถเริ่มต้นจากจุดจบได้เช่นกัน
#ดอมท
Diameter.
@Wolinr
พอจะเดากันได้ไหมเอ่ยว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน? :D
“KrisYeol TaoBaek KaiHun”
[ 0 ]
Intro
“กลับไปเป็นแค่เพื่อนกันดีไหม?” เอนตัวลงนอนในทิศทางตรงกันข้ามกัน ไม่ใกล้และไม่ไกลระยะห่างแค่เพียงช่วงแขน อยากจะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดอย่างที่ชอบทำแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องมองใบหน้าของคนที่เอาแต่มองฝ้าเพดานเพ้นท์ลายดวงดาวดวงเล็กแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มอีกคนเบาๆพร้อมตอบคำถามก่อนหน้าออกไป
“ อยากให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ” มักจะถูกต่อว่าว่าใจร้าย แต่มาถึงตรงนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครใจร้ายกว่าใครกันแน่ เคยได้ยินคำพูดที่ว่าสถานะความสัมพันธ์คือสิ่งที่เดินหน้าได้แต่ถอยหลังกลับไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็ออกมาจากริมฝีปากคนๆเดียวกันแท้ๆ แต่คนพูดลับลืมสิ่งที่เคยพูดเอาไว้จนหมดได้
“ รับปากสิว่าจะทำให้ได้ ” พูดอีกโดยไม่หันหลับมามองสักนิด ใจคอจะไม่ยอมให้เห็นหน้าเลยหรือไงตำหนิอยู่ในใจตอนหดมือกลับเพราะอีกฝ่ายหันหน้าหลบ ปวดหนึบขึ้นมาที่ใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อถูกปฏิเสธ
“ รับปากไม่ได้หรอก ” พูดอย่างที่ใจคิด ทุกครั้งที่ผ่านมา มันมักจะยากที่จะพูดตรงกับใจ แต่ในครั้งนี้มันกลับง่ายดายยิ่งกว่าครั้งไหน ที่บอกว่าทำไม่ได้ เพราะไม่อยากทำ และไม่คิดแม้แต่จะทำ และมันเป็นความจริง
“ ทำให้ได้สิ นับจากนาทีนี้ ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้องนี้เราก็จะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ” พูดออกมาโดยไม่คิดถึงคนฟังสักนิด เจ้าของคำพูดร้ายกาจนั้นลุกขึ้นนั่ง มองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงแดดจางๆ ฝ่ามือของคนสองคนทาบลงกับพื้นห่างกันเพียงปลายนิ้วก้อย แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครขยับมือล้ำเส้นระยะห่างระหว่างกัน
“ จะพยายาม ” บอกแล้วว่ามันยากที่จะพูดตามใจคิด โง่เสียจริงที่พูดแบบนั้นออกไป รู้ดีว่าทำไม่ได้ ทำยังไงก็ทำไม่ได้ แค่คิดว่าจากนี้ไปจะไม่ได้ยินเสียงของคนๆนี้อีกในท้องก็เริ่มโหวงเหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนคนที่ยืนอยู่ริมหน้าผาแล้วถูกบังคับให้ก้าวต่อ รู้ว่าจะสูญเสียแต่ก็ทำไม่ได้แม้แต่จะพยายามฉุดรั้งเอาไว้ เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง คนๆนี้ถึงเลือกที่จะเดินจากไป ก็เป็นซะแบบนี้เป็นคนโง่ที่พูดแต่ถ้อยคำทำร้ายจิตใจ
“ ดี ” คำตอบนั้นแสนสั้นผิดกับจังหวะหัวใจที่รู้สึกว่ามันยืดยาวและกินเวลาในแต่ละครั้งมากขึ้น ลุกขึ้นยืนตามคนตัวเล็กกว่า มองแผ่นหลังนั้นหายลับจากประตูไปช้าๆพร้อมกับคำพูดสุดท้าย
“ ลาก่อน.. ”
“ ให้กลับไปเป็นเพื่อนกัน.. ทำไม่ได้หรอก.. ”
...
“ แต่จะทำ .. เพราะนายเป็นคนขอ ”
- - - -
“ ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง! ” เจ้าของร่างกายฟกช้ำตะโกนเสียงดังพลางพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุมของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าโดนกึ่งลากกึ่งจูงแบบนี้มาไกลเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเจ็บตรงจุดที่โดนอีกฝ่ายบีบจนอยากจะสะบัดมือหนาที่ไม่ต่างอะไรจากคีมคีบเหล็กออกให้พ้น
“ ปล่อยให้โง่สิ ไม่ปล่อยให้ไปหาคนอื่นหรอก คลาดสายตาแค่แปปเดียวก็ได้เหยื่อรายใหม่แล้วนี่ ” พยายามแล้วไม่เป็นผล แถมสิ่งที่ได้รับเพิ่มยังเป็นคำพูดเสียดสีที่ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความโกรธให้เพิ่มมากขึ้นสวนทางกับบรรยากาศสถานการณ์ในตอนนี้ที่มีแต่แย่ลงกับแย่ลง
“ ถ้าจะพูดแต่อะไรที่มันส่อถึงความคิดต่ำๆก็หุบปากซะ!” ตะโกนด้วยความโมโหที่พุ่งทะยานขึ้นจนแทบทะลุปรอทวัด มันมากเกินพอแล้วกับทุกสิ่งที่ได้รับมา ไม่ต้องการอีกแล้ว ไม่ต้องการจริงๆ
“ เหอะ ต่ำงั้นเหรอ ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าได้กับไอ่คนคิดแต่เรื่องต่ำๆคนนี้มากี่รอบแล้วล่ะ? ”
ผวั้ะ! เสียงกำปั้นลุ้นๆกระทบหน้า คนพูดหน้าหันไปตามแรงมือของคนกระทำ ชั่ววินาทีก็หันกลับมาแล้วกระชากคอเสื้อคนตัวบางเข้ามาใกล้ เหวี่ยงคนรักเข้ากับผนังโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
“ ทีนี้มาร้องเจ็บ ไอ่คนปากเก่งเมื่อกี้ไสหัวไปอยู่ไหนแล้วล่ะ? ” ยกมือบีบปลายคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ยกยิ้มร้ายแล้วเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจเหล่านั้นอีกครั้ง
“ โอ้ย! “ คนถูกกระทำร้องด้วยความเจ็บแรงบีบตามสันกรามดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ของคนเจ้าอารมณ์คนนั้น แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีแววตาเว้าวอนขอความเห็นใจ มีเพียงแววตาเฉยชาและริมฝีปากที่ขบแน่นเพื่อลดความเจ็บปวด เลือดไหลซิบกับรอยแผลจ้ำช้ำทั่วตัวดูเหมือนจะยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อพยายามต่อสู้แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ถอดใจที่จะสู้
“ เงียบทำไมล่ะ อุ้ก! ” ไม่ทันจะพูดจบก็โดนเข่ากระแทกเข้ากลางลำตัว ความเจ็บปวดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง จังหวะที่งอตัวลดความเจ็บปวดคนที่โดนเหวี่ยงติดผนังเมื่อครู่ก็ตั้งท่าวิ่งหนี แต่ไม่ทันจะวิ่งก็โดนคว้าชายเสื้อเอาไว้เสียก่อน
“ ปล่อย! อย่ามายุ่งนะ! ” ตะโกนอีกครั้งแม้จะรู้ดีว่าไม่ช่วยอะไร คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนที่ต้องอดกลั้นความเจ็บปวด พยายามที่จะดิ้นให้หลุดพ้นจากการฉุดรั้ง
“ ที่ไล่อยู่นี่แฟนนะไม่ใช่คู่นอนข้ามคืน ดูเหมือนจะพูดใส่คนผิดคนนะ ” เหมือนมีคนเอาน้ำเย็นมาสาดใส่หน้า แล้วที่ยื้ออยู่นี่ไม่ใช่แฟนหรือยังไงถึงพูดจาร้ายๆแบบนี้ออกมาได้ อยากจะตะโกนถามแต่ปากก็หนักเกินกว่าที่จะเอ่ยถาม เลยเวลาที่จะมาตัดพ้อประชดประชันกันแล้ว
“ งั้นก็เลิกคบแล้วไปให้พ้นๆสักทีสิ! ” ตะโกนเสียงดังครั้งสุดท้ายก่อนจะสะบัดตัวจนหลุดจากพันธนาการ หันกลับไปฟาดใบหน้าคนเข้มเข้าเต็มแรงอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะพูดออกมาต่อหน้าคนๆนี้
“ ต่อไปนี้แค่คนรู้จักก็ไม่ต้องเป็น ไปให้พ้นซะ! ถ้าไม่ไป ฉันนี่แหละจะเป็นคนไปให้พ้นๆนรกบ้าๆนี่เอง! ” จบประโยคก็นิ่งกันไปทั้งคู่ คนนึงนิ่งเพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป แต่อีกคนนิ่งเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะกล้าพูดออกมาภายในตรอกเล็กๆข้างถนนความเงียบโรยตัวลงมาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงฝ่าเท้าของคนเอ่ยปากที่เลือกจะเดินจากไป
ทิ้งให้คนที่โดนฝ่ามือคนรักที่พึ่งแปรสภาพเป็นคนรักเก่าฟาดหน้าเข้าเต็มรับ
ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างคนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่แม้แต่จะคิดหันกลับไปมอง
“ บางทีสิ่งที่ได้รับ.. มันอาจจะสาสมกับที่ผ่านมาแล้วก็ได้ ”
...
“ แต่แล้วยังไงล่ะ? คิดว่าจะยอมปล่อยให้ไปเหรอ? ฝันไปเถอะ ”
- - - -
' เลิกกันเถอะ ' อ่านข้อความบนหน้าจอมือถือซ้ำไปซ้ำมา พยายามบอกตัวเองว่ากำลังฝัน แต่หยิกตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นสักที ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับความจริง
เพล้ง! เขวี้ยงกรอปรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนมันแตกกระจาย คว้าทุกอย่างที่คว้าได้ลงกล่องกระดาษใส่ขยะ รูปคู่ การ์ดที่เคยเขียนให้กัน ดอกกุหลาบกรอบแห้ง หรือแม้แต่พวกกุญแจที่มีตัวอักษรย่อคู่กัน ความทรงจำมากมายที่เคยเก็บสะสมและอะไรต่อมิอะไรที่หาเจอ ถูกยัดลงในกล่องกระดาษกล่องนั้น
ก้าวขาฉับๆขึ้นบันได ดันประตูออกไปที่ลานดาดฟ้า ล้วงหาไฟแช็กในกระเป๋ากางเกงตามเคยชิน ไม่ใช่คนสูบบุหรี่แต่ต้องพกไฟแช็ก เพราะใครอีกคนติดที่จะสูบมันแต่มักมีปัญหากับการจุดไฟ ล้วงมันขึ้นมาและมองอยู่แบบนั้น ยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน หัวเราะปนเสียงสะอื้นพร้อมกับทิ้งไฟแช็กในมือลงบนกล่องกระดาษ มองความทรงจำในวันเก่าลุกไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ก่อนจะยิ้มให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ยามนึกถึงวันที่ใครคนนั้นก้าวเท้าเข้ามาในชีวิต
อดหัวเราะไม่ได้เมื่อคิดว่ามันช่างแตกต่างจากวิธีเดินออกจากชีวิตของเขาไปนัก
ตอนจะมา มาพูดต่อหน้า อ้อนวอนและพยายาม แต่ตอนจะไป
แค่เสียงคำลายังไม่ได้ยิน มีแต่ตัวอักษรส่งมาบอกว่าจากนี้ไปไม่มีความเกี่ยวข้องระหว่างเราอีก
มันคลกดีที่ไม่ได้เสียใจหรือฟูมฟายมากมาย
อาจจะเป็นเพราะว่าเตรียมใจไว้แล้ว และคิดว่าถ้าอีกฝ่ายไม่เป็นคนพูด ตัวเขาเองนี่แหละที่จะเป็นคนพูดซะละมั้ง
เพราะแบบนั้นความรู้สึกเดียวในตอนนี้จึงมีเพียง..
" ไปแล้วก็ไปให้ไกล อย่าได้กลับมาเจอกันอีกเลย "
- - -
แต่ในบางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกนะว่าไหม?
คนบางคนยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ คนบางคนอยากหนีก็หนีไม่พ้น
ขณะที่คนบางคน พยายามเท่าไหร่ก็ลบเขาคนนั้นออกจากใจไม่ได้สักที
ก็เหมือนกับความรักที่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นเสมอไป
เพราะความรักสามารถเริ่มต้นจากจุดจบได้เช่นกัน
#ดอมท
Diameter.
@Wolinr
พอจะเดากันได้ไหมเอ่ยว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน? :D
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น