คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 03 - Triangle
Diameter.
“KrisYeol TaoBaek KaiHun”
[ 2 ]
T
Triangle
ยอมรับ.. ว่าแบคฮยอนไม่มั่นใจว่าจะทำได้ตามที่ตัวเองตอบตกลงคำขอของเพื่อนไป โอเซฮุนเพื่อนตัวสูงผู้มีรูปร่างผอมบาง ผิวขาวเนียนกับนัยตาแฝงไปด้วยความเศร้าที่ไม่สามารถอธิบายได้ อีกทั้งฐานะเพื่อนสนิทที่พ่วงมาเป็นตำแหน่งต่อท้าย หากจะให้พูดปฏิเสธก็คงจะดูใจร้ายเกินไป และตัวเขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปปฏิเสธคำขอของเซฮุนได้ ทุกวันนี้ตัวเขากับฮวังจื่อเทาก็เป็นเพียงแค่คนรู้จักกันเท่านั้น ในเมื่อเป็นเขาเองที่ตัดสินใจ ในเมื่อเขาเลือกแล้วที่จะตัดความสัมพันธ์ เลือกแล้วที่จะปล่อยให้คนตัวสูงคนนั้นเดินไปตามทางของตัวเอง เขาก็ไม่มีสิทธ์ที่จะไปทักท้วงอะไรอีก แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว.. บางสิ่งบางอย่างยังคงอยู่ในความรู้สึกของเขาไม่ยอมจางหายไปก็ตาม
“ เฮ้อ.. ” คว้าโทรศัพท์ออกมา สไลด์หน้าจอปลดล็อคแล้วถอนหายใจ รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ แต่เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างพยายามหยุดเขาไม่ให้ทำมันได้สำเร็จ พยายามจะหาเหตุผลอื่นที่เป็นไปได้แต่ก็ดูเหมือนว่าจะพบแต่ความเห็นแก่ตัวเท่านั้นที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากกดโทรศัพท์ต่อ ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดพยายามที่จะไล่ความเห็นแก่ตัวเหล่านั้นไปแต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งพบว่าความรู้สึกนั้นมาจากหัวใจของเขาเอง
“ อย่างี่เง่าน่า.. ” บ่นตัวเองเบาๆ ก่อนจะตัดใจเปิดเข้ากล่องข้อความที่ว่างเปล่า กดเบอร์โทรศัพท์ที่จำได้ขึ้นใจก่อนจะเลื่อนไปพิมพ์ข้อความ
‘ สวัสดี ‘ พิมพ์เสร็จก็พ่นลมหายใจพรืด ลบมันทิ้งแทบจะทันที
พยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นเพียงความเคยชิน มันเป็นความเคยชินที่จะใช้อำนาจความเป็นคนรักแสดงความหึงหวงและความเป็นเจ้าของ บอกตัวเองว่าต้องให้เวลาตัวเองลบล้างความเคยชินเหล่านั้นออกไปจากใจและทำหน้าที่ของเพื่อนที่ดี
แบคฮยอนยังจำได้ดีในตอนที่โอเซฮุนเอ่ยปากขอ ความรู้สึกโหวงเหวงภายในช่องท้องกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทำให้ตัวเขาชะงักไปนานพอสมควร แม้ในท้ายที่สุดแล้ว เขาจะตัดสินใจตอบตกลงออกไปก็เถอะ รอยยิ้มกับแววตาดีใจของโอเซฮุนในวินาทีที่เขาตอบตกลงนั้น มันยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำไม่หายไปไหน
รอยยิ้มที่ทำให้เขาหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก..
คงเป็นเพราะในตอนนี้โอเซฮุนไม่มีใคร และฮวังจื่อเทาเองก็ไม่มีเขาอยู่ข้างๆอีกต่อไป โอเซฮุนเป็นคนน่ารัก อีกทั้งคนตัวขาวคนนั้นยังเป็นถึงเดือนคณะสัตวแพทย์ แตกต่างกับตัวเขาแบคฮยอนคนที่ไม่มีอะไรเลย คนที่ไม่สมควรได้เดินเคียงข้างคนอย่างฮวังจื่อเทามาตั้งแต่แรก โลกของเราคงไม่มีทางหนีพ้นสัจจะธรรมที่ว่าดาวย่อมคู่กับดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ต่อให้ฝืนตัวลงมาอยู่กับก้อนดินอย่างเขา ในท้ายที่สุดท้ายแล้วสักวันหนึ่งดวงดาวดวงนั้นก็ต้องกลับขึ้นไปบนฟากฟ้าเช่นเดิม และวันนั้นก็คงเป็นวันเดียวกับวันนี้
ถึงจะบอกตัวเองซ้ำๆแบบนั้นแต่เขาก็ยังคงกลัว
แบคฮยอนกำลังกลัว .. กลัวการสูญเสียคนๆนึงที่ตอนนี้เป็นแค่คนรู้จักกัน
อ่อนแอจนอยากจะร้องไห้.. แต่รู้ดีว่าน้ำตาไม่ช่วยอะไรจึงได้เก็บมันไว้ในใจแบบนั้น
“ รับปากเขาแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ ” พูดกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง ไถตัวลงพิงกับเบาะโซฟาตัวเก่า สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้หงุดหงิดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วตัดสินใจพิมพ์อีกครั้ง
‘ สวัสดี ‘ - B.
เป็นครั้งแรกที่ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตอบข้อความ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแบคฮยอนแทบจะนับวินาทีรอว่าเมื่อไหร่คนตัวสูงคนนั้นจะตอบกลับข้อความของเขา แต่ในคราวนี้มันช่างน่าตลกที่เขาเอาแต่ภาวนาให้ใครคนนั้นไม่ตอบข้อความ
‘ สวัสดี.. กินข้าวรึยัง? ‘ - T. ดูเหมือนความหวังของเขาจะพังไม่เป็นท่า อยากจะทุบเจ้าของข้อความทีกำลังอ่านอยู่แรงๆสักที เวลาที่ไม่ต้องการให้ตอบกลับตอบเร็ว ไม่ว่าจะในสถานะอะไร ฮวังจื่อเทาก็ยังคงเป็นคนที่ทำตัวน่าโมโหกับพยอนแบคฮยอนตลอดเวลา
‘ ยัง นายกินหรือยัง? ‘ - B. ลืมเรื่องที่ตัวเองจะถามไปซะเฉยๆ ความเคยชินดูเหมือนจะทำงานไวกว่าความคิดในเวลานี้ อยากจะตีมือตัวเองที่กดส่งข้อความนั้นออกไปไวเหลือเกิน
‘ ยังเลย ‘ - T. แค่เพียงอึดใจเดียวอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา ทั้งๆที่อยากรีบๆพูดเรื่องที่ต้องการรู้ให้มันจบๆแต่ดูเหมือนในเวลานี้บทสนทนาระหว่างเขากับใครคนนั้นจะยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ แบคฮยอนคงทนไม่ไหวแน่ๆถ้ายังปล่อยให้หัวใจและความเคยชินทำงานต่อไปแบบนี้
ไม่อยากจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างที่ชอบทำ..
ไม่อยากเอ่ยปากว่าไปกินด้วยกันไหม..
ไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น ..
เขาควรจะรีบๆจบบทสนทนานี้โดยเร็วที่สุด
‘ หาอะไรกินด้วย.. อาทิตย์หน้ามีวันไหนว่างบ้างหรือเปล่า? ’ - B.
‘ วันพุธ มีอะไรหรือเปล่า? ‘ - T.
เม้มปากอย่างที่ชอบทำเวลาประหม่า รวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วตอบข้อความนั้นกลับไป
‘ จะชวนไปร้านกาแฟ .. มีคนอยากให้รู้จัก ’ - B.
กลัว.. นึกกลัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ แบคฮยอนกำลังกลัวคำตอบที่จะได้รับ กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงอย่างง่ายดาย คนตัวเล็กโยนโทรศัพท์ไปบนโซฟาราวกับว่ามันเป็นสิ่งของที่ไม่น่ามีไว้ครอบครอง ก้มลงกอดเข่าซุกหน้าอยู่อย่างนั้นและได้แต่หวังว่าจะไม่มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในเวลานี้
ครืด! เสียงสั่งสะเทือนของโทรศัพท์มือถือบนโซฟาตัวเล็กทำให้แบคฮยอนหลุบตามองพื้นอย่างคนที่ผิดหวัง คว้ามันกลับเข้ามาในมือแล้วเปิดอ่านอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
พยายามบอกตัวเองในใจว่าอีกฝ่ายคงตอบตกลงกลับมา บอกตัวเองว่าอย่าเสียใจหรือมีอาการอะไรหลังจากได้อ่านข้อความนั้น แต่ดูเหมือนว่า จะบอกตัวเองเท่าไหร่ก็ช่วยไม่ได้เลยเมื่อได้อ่านข้อความนั้นจนจบ ข้อความสั้นๆที่ดูเหมือนจะส่งผลให้หัวใจดวงน้อยๆสั่นไหว เหมือนกับการปาก้อนหินลงในน้ำ แม้จะเป็นก้อนหินเล็กๆแต่มันก็ยังสร้างคลื่นน้ำที่กระจายตัวเป็นวงกว้าง ข้อความสั้นๆที่สั่นคลอนกำแพงที่เขาสร้างขึ้นจนอ่อนยวบยาบ
‘ อยากให้ไปเหรอ? ’ - T.
ทำไมต้องถาม.. ทำไมต้องทำเหมือนว่าความรู้สึกความต้องการของเขาเป็นสิ่งสำคัญ
ทำไมต้องทำให้เขาคิดมาก ทำไมต้องทำให้เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่เรื่อย..
แล้วถ้าพยอนแบคฮยอนตอบว่า ‘ ไม่อยาก ‘ จะทำให้ฮวังจื่อเทาไม่ไปได้งั้นเหรอ?
อย่าทำแบบนี้เลย .. ตอนนี้เราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น
เพราะฉะนั้น.. ได้โปรด.. อย่าทำให้เขาต้องผิดคำพูดของตัวเองเลย..
‘ อือ.. เจอกันที่ร้านกาแฟที่เดิมวันพุธนะ ’ - B.
- - -
“ เลิกตามได้แล้ว ไม่มีที่ไปหรือไงถึงมาเดินตามอยู่ได้ ” เซฮุนพูดขึ้นโดยไม่หันไปมอง รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเดินตามเขามาตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟร้านประจำแล้ว คนผิวเข้มที่เคยเป็นรักเก่าของโอเซฮุนคนนั้นยังคงมาวนเวียนวุ่นวายกับตัวเขาอยู่เรื่อยๆ
“ ... ” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถาม มีเพียงร่มสีดำที่เคลื่อนมาบังสายฝนที่กำลังตกประปรอยให้กับเขาเท่านั้นแทนคำตอบ เซฮุนกำหมัดเมื่อเห็นการกระทำของอีกฝ่าย
“ ต้องการอะไร? ” สุดท้ายเซฮุนก็ต้องเป็นฝ่ายหันกลับไปหา ใบหน้าที่มักจะนิ่งเฉยฉายแววหงุดหงิดเต็มที่ ความหงุดหงิดนั้นดูเบาบางลงเมื่อมาจากคนตัวผอมบางอย่างเซฮุนยิ่งในเวลาเสื้อนักศึกษาที่เริ่มเปียกชื้นแนบติดตัวจากการเดินฝ่าฝนเมื่อครู่ยิ่งทำให้โอเซฮุนดูตัวเล็กและไม่น่ากลัวอย่างที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่ยืนยันได้ว่าคนตัวบางคนนี้กำลังไม่สบอารมณ์แน่ๆก็คือดวงตารีเรียวมองจ้องเขม็งไปยังใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง
“ จะเดินไปส่ง ” ในที่สุดคนผิวเข้มก็เปิดปากพูด ประโยคสั้นห้วนตามประสาคนเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่
“ มีขา เดินเองได้ ไม่ต้องการรถรับส่ง ” ว่าแล้วก็สาวเท้าเร็วๆออกจากรัศมีร่มสีดำคันใหญ่ แต่ทว่าก้าวขาได้ไม่ทันไรก็โดนใครอีกคนคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ ปล่อย! ” หันกลับไปตวาดพลางสะบัดแขนออก อดแปลกใจไม่ได้ที่อีกคนยอมปล่อยอย่างว่าง่าย แต่ไม่ทันที่จะได้เดินต่อก็ถูกคนรักเก่าคนนั้นดึงตัวเข้าสู่วงแขนแกร่ง อ้อมแขนอบอุ่นที่เซฮุนไม่ต้องการ
“ ปล่อย ” ผลักอีกฝ่ายออกโดยไม่สนใจอะไร พยายามก้าวเดินให้เร็วที่สุดแต่ถึงแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยังคงวิ่งตามมาอยู่ดี
“ จะตามมาทำไม บอกให้ไปให้พ้นไง คิมจงอินนายไม่เข้าใจภาษาคนเหรอ?! ” เพิ่มระดับเสียงขึ้นตามความโมโห สายฝนยิ่งนานยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เซฮุนเองก็อยากจะวิ่งกลับไปให้ถึงหอพักใจจะขาดติดตรงที่คนน่ารำคาญคนนั้นยังคงเดินตามเขาเป็นเงาอยู่แบบนี้เนี่ยแหละ อยากจะไปให้พ้นๆ ไม่อยากจะเห็นหน้าคนๆนี้อีก แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่ยอมให้เขามีความสุขได้ง่ายๆ
“ ฝนตก ให้ฉันไปส่งเถอะน่า ” เสียงทุ้มพูดขึ้นอีกครั้งพลางเดินมาใกล้ ยิ่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่เซฮุนก็ยิ่งถอยหนีมากขึ้นเท่านั้น
“ ไม่จำเป็น ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ไปให้พ้นหน้าฉัน ”
“ นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่ให้ฉันไป? ”
“ แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวายกับฉัน? ” ถามแล้วกระตุกยิ้ม ในเมื่อถามว่าเขามีสิทธิ์อะไรที่จะไล่ เซฮุนก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคิมจงอินมีสิทธ์อะไรถึงมาไล่ตามเขาอยู่แบบนี้
“ สิทธิ์ของแฟนไง ”
“ หึ เราไม่ใช่แฟนกันแล้วไค เมื่อไหร่นายจะจำสักทีว่าเราจบกันไปแล้ว ”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่คิดจะกลับไปมองคู่สนทนาอีก
โอเซฮุนไม่ต้องการกลับไปเป็นทาสรองรับอารมณ์ของคิมจงอินอีกแล้ว
สองปีที่ผ่านมามันเกินพอสำหรับทุกอย่าง
ความรักที่โอเซฮุนมีให้คนผิวเข้มคนนั้นก็เช่นกัน..
มันเหือดแห้งไปพร้อมๆกับน้ำตาของเขาในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาหมดแล้ว..
- - -
“ ชานยอล ช่วยพี่เลือกหน่อยสิ ” ปาร์คชินเยเอ่ยปากเรียกพลางกวักมือเรียกชานยอลที่นั่งเงียบอยู่ตรงโซฟา ในมือของหญิงสาวเต็มไปด้วยชุดเดรสสีขาวนวลหรือไม่ก็สีครีมสว่าง ชานยอลเดินไปหาพี่สาวอย่างว่าง่าย รับชุดเดรสพวกนั้นมาถือไว้แล้วปล่อยให้ปาร์คชินเยเลือกต่ออีกสองสามชุด ถึงแม้พี่สาวจะบอกให้เขามาช่วยเลือกท้ายที่สุดแล้วคนที่เลือกก็ยังคงเป็นชินเยเองอยู่ดี
“ ทำไมไม่เอาตัวนั้นไปด้วยล่ะชินเย? ” ชานยอลท้วงขึ้นมาหลังจากยืนไร้ประโยชน์อยู่นาน ยื่นมือไปคว้าข้อมือของพี่สาวไว้เมื่อเห็นพี่สาวแขวนชุดเดรสยาวกรอมเข่าประดับด้วยมุกและผ้าลูกไม้กลับเข้าราวหลังจากที่จ้องมองมันอยู่นาน
“ มันจะหวานไปหรือเปล่าชานยอล? ” ชินเยตอบด้วยสีหน้าลังเลใจ นานๆทีชานยอลจะได้เห็นพี่สาวผู้แสนจะสมบูรณ์แบบของเขาดูกังวลแบบนี้ ชินเยไม่ใช่คนใจโลเล ออกจะเป็นคนเฉียบขาดเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าอะไรที่หญิงสาวตัดสินใจเลือกแล้ว ปาร์คชินเยก็จะไม่เปลี่ยนใจ เพราะแบบนั้นเวลาได้เห็นพี่สาวของเขาลังเลในการเลือกอะไรสักอย่างปาร์คชานยอลก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
“ ไม่ตลกนะชานยอล! ” ชินเยว่าด้วยสีหน้ายับยู่
“ โอเค ล้อเล่นน่า ยังไม่ทันแก่ก็ขี้หงุดหงิดซะแล้ว เอาไปด้วยเถอะน่า พี่ใส่แล้วคงสวย ” ชานยอลหลบฝ่ามือพิฆาตของพี่สาวเป็นพัลวัน ก่อนจะคว้าชุดเดรสที่พี่สาวของเขาทำท่าจะแขวนกลับเข้าราวส่งไปให้ชินเยถืออีกครั้ง
“ ถ้าใส่แล้วไม่สวย เงินเดือนเดือนหน้าจะหักออกครึ่งหนึ่ง ”
“ งั้นถ้าใส่แล้วสวยพี่ต้องเพิ่มให้ผมอีกเท่าหนึ่ง ”
“ ตกลง! หึ ปาร์คชานยอล นายคิดว่าเซ้นท์เรื่องแฟชั่นนายดีแค่ไหนเชียว ”
“ ดีไม่ดีไม่รู้แหละ เอาเป็นว่าลองตัวที่ผมเลือกตัวแรกนะครับ คุณพี่สาว ” ตัวเขากับปาร์คชินเยยังคงเถียงกันเหมือนสมัยที่พวกเขายังคงเป็นเด็กตัวเล็กๆ ยังคงยิ้มและหัวเราะด้วยกันอย่างที่เป็นมาในอดีต นอกจากแม่แล้ว ปาร์คชินเยก็คือผู้หญิงที่ปาร์คชานยอลรักมากที่สุด
และเพราะแบบนั้นชานยอลจึงไม่คิดจะทำให้พี่สาวของเขาเสียใจ
แม้ว่าลึกๆข้างในหัวใจของเขามันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ยามที่เห็นคนสองคนนั้นยืนอยู่ด้วยกันข้างหน้ากระจก
คริสอยู่ในชุดสูทสีเทาขลิบขอบด้วยผ้าสีดำ เข้าคู่กันดีกับปาร์คชินเยในชุดเดรสที่เขาเลือกให้ ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก เหมือนภาพสโลว์โมชั่นยามที่คริสจูงมือปาร์คคนพี่มาตรงหน้าเขา ดูเหมือนชินเยจะพูดอะไรบางอย่าง ไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าพี่สาวพูดอะไรออกมา ในหัวของชานยอลตอนนี้มีเพียงเสียงหัวใจของเขาที่กำลังร้องไห้ปานจะขาดใจเท่านั้น
ร้องไห้ให้กับตัวเองในใจ แม้ใบหน้าของเขากำลังยิ้มแย้มให้คนที่เขารักทั้งสองคน
คนที่เขารักทั้งสองคนที่กำลังจะหมั้นหมายและแต่งงานกันเร็วๆนี้..
ในตอนนี้ชานยอลคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
ความพ่ายแพ้ของคนที่ลืมไม่เก่ง
และคงต้องแบกรับโทษทัณฑ์ของการโกหกใจตัวเองมาตลอดสองปีอีกด้วย..
" น้องชานยอลครับ ชินเยอยากไปกินอาหารจีน พี่ไม่รู้ว่าชานยอลจะโอเคหรือเปล่า? " อยากจะนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆก็ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจ เหมือนสิ่งที่เขาเจอมากว่าชั่วโมงมันยังไม่สาสมกับสิ่งที่เขาทำ ชานยอลนั่งก้มหน้าถกเถียงกับตัวเองอยู่ตั้งนานจนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นตรงหน้า แม้ไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปมองแค่ไหนก็ต้องทำ แม้คำถามจะทำร้ายจิตใจให้บอบช้ำมากมายเท่าไหร่ก็ควรที่จะตอบ แม้สรรพนามที่เปลี่ยนไปจะเหินห่างแค่ไหนก็ต้องยอมรับมัน
คงต้องยอมรับจริงๆแล้วว่า อู๋อี้ฟาน ของเขาได้จากไปแล้วตั้งแต่สองปีก่อน
เพราะไม่มีทางเลยที่อู๋อี้ฟานคนนั้นจะพูดจากับเขาแบบนี้
และไม่มีทางเลยเหมือนกันที่ปาร์คชานยอลคนนั้นจะพูดกับอู๋อี้ฟานคนนั้นแบบนี้เช่นกัน
ในเมื่ออีกฝ่ายวางตัวเป็นพี่เขยของเขาได้ดีขนาดนี้
แล้วทำไมเขาจะทำตัวเป็นน้องสะใภ้ที่ดีบ้างไม่ได้..
" ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาหรอก คุณคริสตามใจพี่ชินเยเถอะครับ "
" ตัวผมก็เป็นแค่น้องชายของพี่ชินเยเท่านั้นเอง
ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้ครับ "
TBC
#ดอมท
@Wolinr
x ผิดคำพูดอีกแล้ว
จะไปอัพเรื่องนู้นก่อนดันเผลอตัวพิมพ์เรื่องนี้จนเสร็จ
เอาเป็นว่ายังไงก็ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มีมาให้นะคะ +
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ :)
ปล. ฝากฟิค ' เทาแบค' คอมเมดี้เรื่องยาว ฟิครักใสๆไม่หนักไม่หน่วงด้วยนะคะ
{TAOBAEK} MADAM MANDARIN+
ฮวังจื่อเทาเป็นเจ้าของไร่ส้มแมนดารินบนเกาะเชจู
เมื่อชีวิตคู่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความรัก
หัวใจสองดวงนี้จะสื่อถึงกันได้หรือเปล่า?
ในเมื่อความรักครั้งนี้ยังมีอุปสรรคที่ชื่อโอเซฮุนเจ๊ใหญ่นายหน้าค้าส้ม
ไหนจะอีกทั้ง เสี่ยคริสเจ้าของตลาดปลาบนเกาะเชจูผู้เป็นศัตรูหัวใจ.
#มาดามแมนดาริน
@Wolinr
ความคิดเห็น