ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NEVER KNEW I NEEDED ; { Krisyeol }

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 ; when the rain fall

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 55


     cinnamon cinnamon   

    When the rain fall ;

     {01}


    เปาะ.   .    แปะ..     หยดน้ำที่เทลงมาจากฟากฟ้าค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นจากแรกเริ่มเพียงแค่หยดสองหยด จนกลายมาเป็นสายฝนที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย  เสียงเม็ดฝนกระทบกับพื้นดินเรียกความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง 

     

    “ ฝนตกอีกแล้ว  ”   เส้นผมสีน้ำตาลลู่ลงแนบข้างแก้ม  ดวงตากลมเหลือบขึ้นมองไปยังด้านบน

     

    “ อาบน้ำแล้วนี่ อยากจะออกไปตากฝนอีกเหรอ? หืม?  ”   เสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่สูงกว่าถามขึ้น ขณะที่มือหนาของอีกฝ่ายกำลังเช็ดเส้นผมที่เปียกปอนของเขาอย่างเบามือ

     

    “ ผมยังไม่ได้บอกเลยสักคำว่าอยาก  ”   

     

    “ แค่มองตาก็รู้แล้ว  คนอย่างนายอ่านออกง่ายจะตายไป  ”   ชายหนุ่มผมสีทองหัวเราะ  มือหนาเลื่อนผ้าผืนที่ใช้เช็ดเส้นผมของอีกฝ่ายลงมาปิดดวงตากลมโตนั่นไว้   ก่อนโน้มศีรษะลงมาสัมผัสเบาๆบริเวณริมฝีปากของอีกฝ่าย  ความหวานละมุนลอยละล่องในโพรงปาก คนตัวสูงอ้อยอิ่งอยู่สักพักก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ

     

    “ ผมก็ยังไม่ได้พูดเหมือนกันว่า อยาก..จูบ  ”    ใบหน้าขึ้นสีน้อยๆกับเสียงพูดที่ค่อยๆแผ่วเบาลงในตอนท้าย ทำให้คนตัวสูงอดไม่ได้ที่จะดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แน่น

     

    “ เฮ้ ลวนลามเด็กนี่หว่า ผมจะแจ้งตำรวจ!  ”   คนตัวเล็กกว่าดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอมแพ้   จนสุดท้ายทั้งคนกอดและคนถูกกอดพากันล้มลงบนเตียงทั้งคู่

     

    “ ฮ่าฮ่า  ”   เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วห้องนอนสีขาว  เสียงหัวเราะที่ราวกับว่าเต็มไปด้วยมนตร์วิเศษ  มนตร์วิเศษที่เข้ามาเติมเต็มให้ห้องสีขาวแห่งนี้อบอวลไปด้วยความรัก และ ความสุข 

     

    “ ผมยังไม่แห้งดีเลย เช็ดอีกหน่อยไหม? เดี๋ยวไม่สบายนะ  ”  

     

    “ ไม่เอาแล้ว คริสฮยองลามก ชอบลวนลาม ไม่เอาด้วยแล้ว บรื๋อออ  ”    เรือนผมสีน้ำตาลสั่นไหวตามแรงสะบัดหัว  คริสมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม

     

    “ ฮยองยิ้มคนเดียวก็เป็น โรคจิตนี่...  ”  คำต่อว่าจากอีกฝ่ายที่ไม่เคยทำให้เค้ารู้สึกโกรธเลยสักครั้ง และครั้งนี้เองก็เช่นกันท่าทางแบบนั้นทำให้เขาหมั่นไส้จนอยากจะแกล้งเด็กตัวแสบคนนี้อีกระลอกซะมากกว่า เพราะคิดแบบนั้นรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง

     

    “ เห้  ยิ้มอีกแล้ว บอกมาเลยนะ คิดอะไรน่ะ    ”    อีกฝ่ายว่า

     

    “ เปล่า  ฉันแค่คิดว่า..  เวลาฉันมองนายที่กำลังมีความสุข  มันดีกว่าตอนที่เห็นนายร้องไห้ ก็เท่านี้ ไม่ได้คิดอะไรหรอก  ” 

     

    “ ฮยองก็อย่าทำให้ผมร้องไห้สิ  ”

     

    “  ฉันไม่ทำหรอกน่า  สัญญาด้วยชีวิตเลย  ”    คริสคว้านิ้วก้อยของอีกฝ่ายมาเกี่ยวก้อยสัญญา  โดยที่ไม่รู้ว่าคำสัญญานั้นไม่ต่างอะไรกับการสาดน้ำเกลือรดแผลเดิมที่ยังไม่หายดีของคนขี้เอาแต่ใจตรงหน้า   แววตาที่หมองลงเพียงเล็กน้อยหากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่มีทางรู้ ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคมของชายหนุ่มผมทองไปได้

     

    “ เป็นอะไรไป หืม?  ”   คริสคลายนิ้วเรียวออกช้าๆ มือหนาย้ายไปวางแปะบนศีรษะของอีกฝ่าย

     

    “  พูดแล้ว..  ต้องทำให้ได้นะ  ”   สายตาที่เขายังไม่เข้าใจความหมายถูกส่งตรงมาจากคนตรงหน้า  แต่ถึงไม่เข้าความหมายของแววตานั้น   เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำตาแม้แต่น้อย

     

    น้ำตา..    ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเจ้าของแววตาที่สดใสอยู่เสมอร้องไห้นั่นมัน..    เมื่อไหร่กันนะ? 

     

     

    “ โธ่ หนูชานยอลของปะป๊า   ปะป๊าไม่ทำหนูร้องไห้หรอกน่า   ”  เขาล้อเลียนขณะที่ ฝ่ามือหนาโคลงศรีษะของอีกฝ่ายจนชานยอลต้องสะบัดหนี

     

    “ ยอมรับแล้วเหรอว่าตัวเองแก่?  ”   เจ้าตัวแสบพูดทิ้งท้ายก่อนวิ่งหนีไปยืนที่ประตู

     

    “ แก่แล้วรักไหมล่ะ?   ”    คำถามตรงๆกับรอยยิ้มจริงใจของคนที่มีสถานะเป็นทั้งพี่ชายและคนที่คอยดูแลอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ทำให้มือเรียวที่กำลังจะบิดลูกบิดชะงัก 

     

     

    “  รัก  ”    คำตอบสั้นๆ กับใบหน้าที่ก้มงุดของชานยอลทำให้คริสไม่คิดจะถามอะไรต่อ  ดวงตาคมเพียงแค่มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายจนลับสายตาไป

     

    - - -

     

     

    เดินออกจากห้องได้เพียงไม่กี่ก้าว  เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก็ทรุดตัวลงกับพื้น  แผ่นหลังหนุนพิงฝาพนังสีขาวราวกับต้องการที่พึ่ง  ชานยอลปิดเปลือกตาลงช้าๆ 

     

    รัก   ...   จริงๆเหรอ?      คำถามนี้เขาไม่ได้ต้องการถามคนในห้องนั้น  ชายหนุ่มรู้ดีแก่ใจว่า ไม่มีทางที่คนตัวสูงกว่าคนนั้นจะเปลี่ยนคำตอบ รอยยิ้มอบอุ่นนั่นเป็นของเขา เช่นเดียวกับดวงตาคมคู่นั้นที่จะมองมาที่เขาเพียงคนเดียว 

     

    แต่ คำถามๆนี้....   เขากำลังใช้มันถามใจตัวเอง.. 

    เข่าทั้งสองข้างตั้งชันขึ้นแนบอก ใบหน้านวลซบลงราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง 

     

    “  เราทำถูกแล้วใช่ไหม?   ”   ชานยอลย้ำกับตัวเอง

     

     คงไม่ผิด..  ที่เขาจะให้ใครสักคนเข้ามาดูแลหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลดวงนี้  ’ 

     

     

     

    ถึงแม้ความรู้สึกที่เขามีต่อคริสในตอนนี้... มันยังไม่ใช่ความรักก็ตาม..

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

    “ ไปทำงานก่อนนะ เจ้าตัวยุ่ง  ”   เสียงทุ้มกระซิบข้างๆใบหูของคนที่กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุข

     

    “ อื้อ  ”   ชานยอลตอบเสียงงัวเงีย เด็กหนุ่มขยับตัวหามุมที่สบายที่สุดแล้วกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

     

    “ ขี้เซา  ”  คริสพูดเมื่อเห็นท่าทางดังกล่าว  มือหนาเลื่อนผ้าห่มที่ลุดหลุ่ยอยู่ปลายเตียงมาห่มให้เจ้าตัวยุ่งของเขาจนถึงอก

     

    “  ขี้เซาไม่พอยังจะนอนดิ้นอีก “    ชายหนุ่มลอบยิ้มกับตัวเอง  ปลายจมูกโด่งกดลงแผ่วเบาบนแก้มนิ่ม  สูดเอากลิ่นความหอมที่คุ้นเคยของคนที่กำลังหลับเข้าจนเต็มปอด  แล้วเดินออกจากประตูห้องนอนไป

     

    “ ลักหลับคนอื่น  ”   คนที่โดนเอาเปรียบเมื่อครู่  ลืมตาขึ้นมาบ่นอุบอิบ ชานยอลนอนนิ่งเงี่ยหูฟัง จนกระทั่งมั่นใจว่าได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังไกลออกไปนั่นแหละ  เขาถึงได้ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจขับไล่ความง่วงงุ่น   

     

    “ เปิดร้านตอนเช้าๆก็ดีเหมือนกัน  ”   เขาพูดพลางเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ฝาพนังห้อง ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย

     

     

    กริ๊ง..   เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น เรียกให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการคำนวณรายรับรายจ่ายหันไปมอง

     

    “ ยินดีต้อนรับครับ  ”   ชายหนุ่มทักทายเสียงใส  รอยยยิ้มฉายชัดบนใบหน้า

    คนที่เข้ามาใหม่เพียงยิ้มบางๆกับคำทักทายนั้น  ใบหน้าที่รับกันอย่างลงตัวกับเสื้อเชิ้ตสบายๆทำให้คนตรงหน้าถือได้ว่าเป็นคนที่ดูดีไม่น้อยเลยคนนึง  หากไม่นับว่าแววตาที่ควรจะส่องประกายด้วยรอยยิ้มนั่นเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนแล้วล่ะก็

     

    “ รับอะไรดีครับ?  ”  ชานยอลส่งเมนูให้อีกฝ่าย  ซึ่งเขาก็รับไปเปิดดูอย่างสนใจ

     

    “ ขอเป็น ลาเต้ แมคเคียโต้  ทีหนึ่งแล้วกันครับ ” 

    ชานยอลพยักหน้าเป็นการรับรู้ แล้วหมุนตัวกลับไปยังเคาท์เตอร์เพื่อทำตามที่ลูกค้าคนนี้ต้องการ 

    กลิ่นหอมๆของกาแฟในยามเช้า เป็นหนึ่งในบรรดากลิ่นที่ชานยอลชอบมากที่สุด ความหอมที่แฝงไว้ด้วยความนุ่มละมุน  ทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ 

     

    “ คุณเคยมีความรักไหมครับ?  ”   เสียงทุ้มของคุณลูกค้าทำให้มือที่กำลังหยิบนู่นจับนี่ของเขาชะงัก  ใบหน้านวลเงยขึ้นสบสายตาอีกฝ่าย 

     

    “ เอ๋? ผมเหรอ?  ” 

     

    “ ครับ  ”   ชายหนุ่มเจ้าของคำถามอมยิ้ม

     

    “  เคยสิครับ  แต่สำหรับผมความรักนั่นอาจจะไม่ได้น่าจดจำมากเท่าไหร่  ”   ชานยอลตอบไปตามตรง อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ

     

    “ ความรักก็คงไม่ต่างกับกาแฟเท่าไหร่หรอกมั้งครับ..  ”  

     

    “ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ?  ”    เจ้าของร้านถามขึ้นพร้อมกับเสิร์ฟกาแฟที่ชงจนเสร็จแล้ว

     

    “ เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความขมแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวาน  มันดูน่าลึกลับ น่าค้นหา แล้วก็น่าลิ้มลอง   ”

     

    “  แต่ว่า ผมชอบกาแฟมากกว่านะ เพราะมันทำให้ผมมีความสุขมากกว่า   ”  ชานยอลตอบพร้อมรอยยิ้ม

     

    “ คุณ?   ”   ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตหันมาถามอีกครั้ง

     

    “ ผม? เอ่อ อ๋อ   ผมชานยอลครับ   ”  

     

    “  ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม โอ เซฮุน  จะว่าไปคุณชานยอลหน้าตาดูคุ้นๆนะครับ  ” 

     

    “  เรียกว่า ชานยอล เฉยๆก็ได้  เซฮุนคงจำฉันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง    ”   กลายเป็นชานยอลที่นึกออกก่อน  ชายหนุ่มยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้างุนงง

     

    “ ชมรมเบเกอรี่ตอนไฮสคูลไง  ”   เมื่อชานยอลเฉลย เซฮุนถึงได้ร้องอ๋อออกมา

     

    “ พี่ชานยอลที่อบมาการองจนไหม้ตอนนั้นใช่ไหมครับ?  ”      ความทรงจำที่ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดขึ้นมา ทำเอาชานยอลเอามือปิดหน้าด้วยความอาย 

     

    “ กี่คนๆ ก็จำได้แต่เรื่องนี้  มันน่าจำตรงไหนกันเนี่ย ”   

     

    “ จะว่าไปผมก็แปลกใจเหมือนกันนะที่ตอนนั้นพี่เลือกเข้าชมรมผู้หญิงแบบนั้น  ”   เซฮุนพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนยกกาแฟขึ้นดื่ม 

     

    “  มานึกๆดูก็แปลกใจเหมือนกันนั่นแหละ แต่ตอนนั้นชมรมอื่นมันเต็มหมดแล้วไงเลยหมดทางเลือก  นี่ ฉันยังคิดถึงขนมของเซฮุนอยู่เลย  นายได้ทำขนมบ้างไหมเนี่ย?    ”    ชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยถามขณะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆคู่สนทนา

     

    “ ไม่ค่อยได้ทำแล้วนะครับ ดีใจที่รุ่นพี่ยังจำรสชาติแบบนั้นได้นะ  กาแฟของพี่เองก็อร่อยเหมือนเดิม  ”  เซฮุนชมเปาะ ความสามารถด้านกาแฟของคนตรงหน้าไม่เป็นรองใครจริงๆ

     

    “ เฮ้ มันไม่อร่อยขนาดนั้นหรอกน่า ว่างๆนายก็ทำมาแล้วฝากฉันขายก็ได้  ”  

     

    “   จริงเหรอครับ?   ”   เซฮุนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

     

    “ พูดจริงสิ ร้านฉันมีแต่กาแฟ ไม่ค่อยกล้าทำขนมเท่าไหร่หรอก   ”   เซฮุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ไหนแต่ไรแล้วที่รุ่นพี่ของเขาทำขนมไหม้แทบจะทุกชิ้น

     

    “ ไว้วันหลังผมจะทำมานะครับ  ว่าแต่..   ”  

     

    “ อะไรเหรอ?   ” 

     

     

                 “ พี่ชานยอลยังคบกับพี่แพคฮยอนอยู่รึเปล่าครับ?  ”      ดูเหมือนว่าคำพูดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวของชายหนุ่มรุ่นน้องจะสะกิดโดนแผลที่ยังไม่หายดีของ ปาร์คชานยอล เข้าอย่างจัง 

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

     

     

    “ คริส ท่านประธานเรียกพบนายน่ะ  ”   

     

    “  อืม เดี๋ยวฉันเข้าไป  ”   ชายหนุ่มผมสีทองพยักหน้ารับรู้ก่อนหยุดงานทั้งหมดบนโต๊ะ แล้วเดินไปยังห้องของคนที่เพื่อนร่วมงานว่า

     

    ก็อกๆ  เขาเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต มือหนาเลื่อนมาดึงบานประตูให้เปิดออก

     

    “ มีอะไรครับ คุณซูโฮ  ”  คริสถามฝ่ายที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยน้ำเสียงเฉยชา

     

    “ ก็เรื่องเดิมๆ นายไม่คิดจะเปลี่ยนใจบ้างรึไง?  เรื่องสาขาที่จีน  ฉันอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้นายแล้วนะ   ”   ชายหนุ่มในชุดสูทที่คริสเรียกว่า ซูโฮ พูดด้วยท่าทีสบายๆ  เขาชี้ไปที่บานประตูที่คริสเปิดค้างไว้เป็นเชิงบอกให้ร่างสูงปิดมันลงเสีย

     

    “  ผมยังไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจ  ”   ฝ่ายที่ถูกถามตอบเสียงเรียบ  ก่อนที่จะปิดประตูจนสนิทแล้วหันกลับมาประจันหน้าอีกฝ่าย

     

    “ โธ่คริส  นายอยากจะจมปลักอยู่กับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายแค่นี้เหรอ? ฉันอุตส่าห์หวังดีกับนายในฐานะเพื่อนคนนึงนะ  ” 

     

    “ ฉันรู้  แต่จะให้ฉันย้ายไปได้ยังไงในเมื่อบ้านฉันอยู่ที่นี่  ”   คริสเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองอย่างรวดเร็ว  คนตรงหน้าเป็นถึงประธานบริษัทที่เขาทำงานอยู่  แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเพื่อนรักของเขาด้วย

     

    “ ฉันว่าไม่ใช่เรื่องที่อยู่หรอกมั้ง  คงเป็นคนที่อยู่ในบ้านมากกว่า  ”  ซูโฮดักคอเพื่อนอย่างรู้ทัน

     

    “ ไม่ใช่หรอก  ”  คริสปฏิเสธเสียงห้วน เขาถอนหายใจอย่างปลงๆที่เจ้าเพื่อนรักดันรู้ดีไปหมดทุกเรื่อง

     

    “ เอาน่า ยังไงลองเก็บไปคิดดูอีกทีก็ได้ ฉันจะเก็บโครงการนี้ไว้รอนาย  ”  



    “ ขอบคุณ  ”   คริสพูดเบาๆแล้วลุกขึ้นหันกายเดินออกจากห้องไป

     

     

         อย่างที่เพื่อนรักของเขาว่านั่นแหละ ไม่มีอะไรน่าห่วงเท่ากับเจ้าตัวยุ่งคนนั้นอีกแล้ว.. 

     

    ...  ที่เขาไม่ตอบตกลงข้อเสนอของเพื่อน  ก็เพราะคนที่เขารักหมดหัวใจอย่าง ปาร์ค ชานยอล นั่นแหละ ....

     

     



    ‘ แค่อยากเก็บช่วงเวลาที่มีความสุขแบบนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดก็เท่านั้น... 
    ขอแค่ได้รักและดูแลอีกฝ่ายให้ดีที่สุดเท่าที่เวลาทั้งหมดที่ยังเหลือของเขาก็เพียงพอ   

     

     

     

     



     

    writer's part ; 



    มาลงให้แล้วกับตอนแรก
    ขอขอบคุณสำหรับคนที่มาปู่เสื่อรอนะคะ ตอนต่อไปจะตามมาค่ะ :D

    ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เลิ้บยู จุ๊บๆ





    ขอขอบคุณธีมสุดสวย ;

     






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×