คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 ; when the rain fall
When the rain fall ;
{01}
เปาะ. . แปะ.. หยดน้ำที่เทลงมาจากฟากฟ้าค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นจากแรกเริ่มเพียงแค่หยดสองหยด จนกลายมาเป็นสายฝนที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงเม็ดฝนกระทบกับพื้นดินเรียกความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง
“ ฝนตกอีกแล้ว ” เส้นผมสีน้ำตาลลู่ลงแนบข้างแก้ม ดวงตากลมเหลือบขึ้นมองไปยังด้านบน
“ อาบน้ำแล้วนี่ อยากจะออกไปตากฝนอีกเหรอ? หืม? ” เสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่สูงกว่าถามขึ้น ขณะที่มือหนาของอีกฝ่ายกำลังเช็ดเส้นผมที่เปียกปอนของเขาอย่างเบามือ
“ ผมยังไม่ได้บอกเลยสักคำว่าอยาก ”
“ แค่มองตาก็รู้แล้ว คนอย่างนายอ่านออกง่ายจะตายไป ” ชายหนุ่มผมสีทองหัวเราะ มือหนาเลื่อนผ้าผืนที่ใช้เช็ดเส้นผมของอีกฝ่ายลงมาปิดดวงตากลมโตนั่นไว้ ก่อนโน้มศีรษะลงมาสัมผัสเบาๆบริเวณริมฝีปากของอีกฝ่าย ความหวานละมุนลอยละล่องในโพรงปาก คนตัวสูงอ้อยอิ่งอยู่สักพักก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ
“ ผมก็ยังไม่ได้พูดเหมือนกันว่า อยาก..จูบ ” ใบหน้าขึ้นสีน้อยๆกับเสียงพูดที่ค่อยๆแผ่วเบาลงในตอนท้าย ทำให้คนตัวสูงอดไม่ได้ที่จะดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แน่น
“ เฮ้ ลวนลามเด็กนี่หว่า ผมจะแจ้งตำรวจ! ” คนตัวเล็กกว่าดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายทั้งคนกอดและคนถูกกอดพากันล้มลงบนเตียงทั้งคู่
“ ฮ่าฮ่า ” เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วห้องนอนสีขาว เสียงหัวเราะที่ราวกับว่าเต็มไปด้วยมนตร์วิเศษ มนตร์วิเศษที่เข้ามาเติมเต็มให้ห้องสีขาวแห่งนี้อบอวลไปด้วยความรัก และ ความสุข
“ ผมยังไม่แห้งดีเลย เช็ดอีกหน่อยไหม? เดี๋ยวไม่สบายนะ ”
“ ไม่เอาแล้ว คริสฮยองลามก ชอบลวนลาม ไม่เอาด้วยแล้ว บรื๋อออ ” เรือนผมสีน้ำตาลสั่นไหวตามแรงสะบัดหัว คริสมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม
“ ฮยองยิ้มคนเดียวก็เป็น โรคจิตนี่... ” คำต่อว่าจากอีกฝ่ายที่ไม่เคยทำให้เค้ารู้สึกโกรธเลยสักครั้ง และครั้งนี้เองก็เช่นกันท่าทางแบบนั้นทำให้เขาหมั่นไส้จนอยากจะแกล้งเด็กตัวแสบคนนี้อีกระลอกซะมากกว่า เพราะคิดแบบนั้นรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง
“ เห้ ยิ้มอีกแล้ว บอกมาเลยนะ คิดอะไรน่ะ ” อีกฝ่ายว่า
“ เปล่า ฉันแค่คิดว่า.. เวลาฉันมองนายที่กำลังมีความสุข มันดีกว่าตอนที่เห็นนายร้องไห้ ก็เท่านี้ ไม่ได้คิดอะไรหรอก ”
“ ฮยองก็อย่าทำให้ผมร้องไห้สิ ”
“ ฉันไม่ทำหรอกน่า สัญญาด้วยชีวิตเลย ” คริสคว้านิ้วก้อยของอีกฝ่ายมาเกี่ยวก้อยสัญญา โดยที่ไม่รู้ว่าคำสัญญานั้นไม่ต่างอะไรกับการสาดน้ำเกลือรดแผลเดิมที่ยังไม่หายดีของคนขี้เอาแต่ใจตรงหน้า แววตาที่หมองลงเพียงเล็กน้อยหากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่มีทางรู้ ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคมของชายหนุ่มผมทองไปได้
“ เป็นอะไรไป หืม? ” คริสคลายนิ้วเรียวออกช้าๆ มือหนาย้ายไปวางแปะบนศีรษะของอีกฝ่าย
“ พูดแล้ว.. ต้องทำให้ได้นะ ” สายตาที่เขายังไม่เข้าใจความหมายถูกส่งตรงมาจากคนตรงหน้า แต่ถึงไม่เข้าความหมายของแววตานั้น เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำตาแม้แต่น้อย
น้ำตา.. ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเจ้าของแววตาที่สดใสอยู่เสมอร้องไห้นั่นมัน.. เมื่อไหร่กันนะ?
“ โธ่ หนูชานยอลของปะป๊า ปะป๊าไม่ทำหนูร้องไห้หรอกน่า ” เขาล้อเลียนขณะที่ ฝ่ามือหนาโคลงศรีษะของอีกฝ่ายจนชานยอลต้องสะบัดหนี
“ ยอมรับแล้วเหรอว่าตัวเองแก่? ” เจ้าตัวแสบพูดทิ้งท้ายก่อนวิ่งหนีไปยืนที่ประตู
“ แก่แล้วรักไหมล่ะ? ” คำถามตรงๆกับรอยยิ้มจริงใจของคนที่มีสถานะเป็นทั้งพี่ชายและคนที่คอยดูแลอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ทำให้มือเรียวที่กำลังจะบิดลูกบิดชะงัก
“ รัก ” คำตอบสั้นๆ กับใบหน้าที่ก้มงุดของชานยอลทำให้คริสไม่คิดจะถามอะไรต่อ ดวงตาคมเพียงแค่มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายจนลับสายตาไป
- - -
เดินออกจากห้องได้เพียงไม่กี่ก้าว เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก็ทรุดตัวลงกับพื้น แผ่นหลังหนุนพิงฝาพนังสีขาวราวกับต้องการที่พึ่ง ชานยอลปิดเปลือกตาลงช้าๆ
‘ รัก ... จริงๆเหรอ? ’ คำถามนี้เขาไม่ได้ต้องการถามคนในห้องนั้น ชายหนุ่มรู้ดีแก่ใจว่า ไม่มีทางที่คนตัวสูงกว่าคนนั้นจะเปลี่ยนคำตอบ รอยยิ้มอบอุ่นนั่นเป็นของเขา เช่นเดียวกับดวงตาคมคู่นั้นที่จะมองมาที่เขาเพียงคนเดียว
แต่ คำถามๆนี้.... เขากำลังใช้มันถามใจตัวเอง..
เข่าทั้งสองข้างตั้งชันขึ้นแนบอก ใบหน้านวลซบลงราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง
“ เราทำถูกแล้วใช่ไหม? ” ชานยอลย้ำกับตัวเอง
‘ คงไม่ผิด.. ที่เขาจะให้ใครสักคนเข้ามาดูแลหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลดวงนี้ ’
‘ถึงแม้ความรู้สึกที่เขามีต่อคริสในตอนนี้... มันยังไม่ใช่ความรักก็ตาม.. ’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
“ ไปทำงานก่อนนะ เจ้าตัวยุ่ง ” เสียงทุ้มกระซิบข้างๆใบหูของคนที่กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุข
“ อื้อ ” ชานยอลตอบเสียงงัวเงีย เด็กหนุ่มขยับตัวหามุมที่สบายที่สุดแล้วกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“ ขี้เซา ” คริสพูดเมื่อเห็นท่าทางดังกล่าว มือหนาเลื่อนผ้าห่มที่ลุดหลุ่ยอยู่ปลายเตียงมาห่มให้เจ้าตัวยุ่งของเขาจนถึงอก
“ ขี้เซาไม่พอยังจะนอนดิ้นอีก “ ชายหนุ่มลอบยิ้มกับตัวเอง ปลายจมูกโด่งกดลงแผ่วเบาบนแก้มนิ่ม สูดเอากลิ่นความหอมที่คุ้นเคยของคนที่กำลังหลับเข้าจนเต็มปอด แล้วเดินออกจากประตูห้องนอนไป
“ ลักหลับคนอื่น ” คนที่โดนเอาเปรียบเมื่อครู่ ลืมตาขึ้นมาบ่นอุบอิบ ชานยอลนอนนิ่งเงี่ยหูฟัง จนกระทั่งมั่นใจว่าได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังไกลออกไปนั่นแหละ เขาถึงได้ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจขับไล่ความง่วงงุ่น
“ เปิดร้านตอนเช้าๆก็ดีเหมือนกัน ” เขาพูดพลางเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ฝาพนังห้อง ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย
กริ๊ง.. เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น เรียกให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการคำนวณรายรับรายจ่ายหันไปมอง
“ ยินดีต้อนรับครับ ” ชายหนุ่มทักทายเสียงใส รอยยยิ้มฉายชัดบนใบหน้า
คนที่เข้ามาใหม่เพียงยิ้มบางๆกับคำทักทายนั้น ใบหน้าที่รับกันอย่างลงตัวกับเสื้อเชิ้ตสบายๆทำให้คนตรงหน้าถือได้ว่าเป็นคนที่ดูดีไม่น้อยเลยคนนึง หากไม่นับว่าแววตาที่ควรจะส่องประกายด้วยรอยยิ้มนั่นเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนแล้วล่ะก็
“ รับอะไรดีครับ? ” ชานยอลส่งเมนูให้อีกฝ่าย ซึ่งเขาก็รับไปเปิดดูอย่างสนใจ
“ ขอเป็น ลาเต้ แมคเคียโต้ ทีหนึ่งแล้วกันครับ ”
ชานยอลพยักหน้าเป็นการรับรู้ แล้วหมุนตัวกลับไปยังเคาท์เตอร์เพื่อทำตามที่ลูกค้าคนนี้ต้องการ
กลิ่นหอมๆของกาแฟในยามเช้า เป็นหนึ่งในบรรดากลิ่นที่ชานยอลชอบมากที่สุด ความหอมที่แฝงไว้ด้วยความนุ่มละมุน ทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ คุณเคยมีความรักไหมครับ? ” เสียงทุ้มของคุณลูกค้าทำให้มือที่กำลังหยิบนู่นจับนี่ของเขาชะงัก ใบหน้านวลเงยขึ้นสบสายตาอีกฝ่าย
“ เอ๋? ผมเหรอ? ”
“ ครับ ” ชายหนุ่มเจ้าของคำถามอมยิ้ม
“ เคยสิครับ แต่สำหรับผมความรักนั่นอาจจะไม่ได้น่าจดจำมากเท่าไหร่ ” ชานยอลตอบไปตามตรง อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ ความรักก็คงไม่ต่างกับกาแฟเท่าไหร่หรอกมั้งครับ.. ”
“ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ? ” เจ้าของร้านถามขึ้นพร้อมกับเสิร์ฟกาแฟที่ชงจนเสร็จแล้ว
“ เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความขมแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวาน มันดูน่าลึกลับ น่าค้นหา แล้วก็น่าลิ้มลอง ”
“ แต่ว่า ผมชอบกาแฟมากกว่านะ เพราะมันทำให้ผมมีความสุขมากกว่า ” ชานยอลตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ คุณ? ” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตหันมาถามอีกครั้ง
“ ผม? เอ่อ อ๋อ ผมชานยอลครับ ”
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม โอ เซฮุน จะว่าไปคุณชานยอลหน้าตาดูคุ้นๆนะครับ ”
“ เรียกว่า ชานยอล เฉยๆก็ได้ เซฮุนคงจำฉันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ” กลายเป็นชานยอลที่นึกออกก่อน ชายหนุ่มยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้างุนงง
“ ชมรมเบเกอรี่ตอนไฮสคูลไง ” เมื่อชานยอลเฉลย เซฮุนถึงได้ร้องอ๋อออกมา
“ พี่ชานยอลที่อบมาการองจนไหม้ตอนนั้นใช่ไหมครับ? ” ความทรงจำที่ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดขึ้นมา ทำเอาชานยอลเอามือปิดหน้าด้วยความอาย
“ กี่คนๆ ก็จำได้แต่เรื่องนี้ มันน่าจำตรงไหนกันเนี่ย ”
“ จะว่าไปผมก็แปลกใจเหมือนกันนะที่ตอนนั้นพี่เลือกเข้าชมรมผู้หญิงแบบนั้น ” เซฮุนพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนยกกาแฟขึ้นดื่ม
“ มานึกๆดูก็แปลกใจเหมือนกันนั่นแหละ แต่ตอนนั้นชมรมอื่นมันเต็มหมดแล้วไงเลยหมดทางเลือก นี่ ฉันยังคิดถึงขนมของเซฮุนอยู่เลย นายได้ทำขนมบ้างไหมเนี่ย? ” ชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยถามขณะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆคู่สนทนา
“ ไม่ค่อยได้ทำแล้วนะครับ ดีใจที่รุ่นพี่ยังจำรสชาติแบบนั้นได้นะ กาแฟของพี่เองก็อร่อยเหมือนเดิม ” เซฮุนชมเปาะ ความสามารถด้านกาแฟของคนตรงหน้าไม่เป็นรองใครจริงๆ
“ เฮ้ มันไม่อร่อยขนาดนั้นหรอกน่า ว่างๆนายก็ทำมาแล้วฝากฉันขายก็ได้ ”
“ จริงเหรอครับ? ” เซฮุนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ พูดจริงสิ ร้านฉันมีแต่กาแฟ ไม่ค่อยกล้าทำขนมเท่าไหร่หรอก ” เซฮุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ไหนแต่ไรแล้วที่รุ่นพี่ของเขาทำขนมไหม้แทบจะทุกชิ้น
“ ไว้วันหลังผมจะทำมานะครับ ว่าแต่.. ”
“ อะไรเหรอ? ”
“ พี่ชานยอลยังคบกับพี่แพคฮยอนอยู่รึเปล่าครับ? ” ดูเหมือนว่าคำพูดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวของชายหนุ่มรุ่นน้องจะสะกิดโดนแผลที่ยังไม่หายดีของ ปาร์คชานยอล เข้าอย่างจัง
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
“ คริส ท่านประธานเรียกพบนายน่ะ ”
“ อืม เดี๋ยวฉันเข้าไป ” ชายหนุ่มผมสีทองพยักหน้ารับรู้ก่อนหยุดงานทั้งหมดบนโต๊ะ แล้วเดินไปยังห้องของคนที่เพื่อนร่วมงานว่า
ก็อกๆ เขาเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต มือหนาเลื่อนมาดึงบานประตูให้เปิดออก
“ มีอะไรครับ คุณซูโฮ ” คริสถามฝ่ายที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ ก็เรื่องเดิมๆ นายไม่คิดจะเปลี่ยนใจบ้างรึไง? เรื่องสาขาที่จีน ฉันอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้นายแล้วนะ ” ชายหนุ่มในชุดสูทที่คริสเรียกว่า ซูโฮ พูดด้วยท่าทีสบายๆ เขาชี้ไปที่บานประตูที่คริสเปิดค้างไว้เป็นเชิงบอกให้ร่างสูงปิดมันลงเสีย
“ ผมยังไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจ ” ฝ่ายที่ถูกถามตอบเสียงเรียบ ก่อนที่จะปิดประตูจนสนิทแล้วหันกลับมาประจันหน้าอีกฝ่าย
“ โธ่คริส นายอยากจะจมปลักอยู่กับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายแค่นี้เหรอ? ฉันอุตส่าห์หวังดีกับนายในฐานะเพื่อนคนนึงนะ ”
“ ฉันรู้ แต่จะให้ฉันย้ายไปได้ยังไงในเมื่อบ้านฉันอยู่ที่นี่ ” คริสเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองอย่างรวดเร็ว คนตรงหน้าเป็นถึงประธานบริษัทที่เขาทำงานอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเพื่อนรักของเขาด้วย
“ ฉันว่าไม่ใช่เรื่องที่อยู่หรอกมั้ง คงเป็นคนที่อยู่ในบ้านมากกว่า ” ซูโฮดักคอเพื่อนอย่างรู้ทัน
“ ไม่ใช่หรอก ” คริสปฏิเสธเสียงห้วน เขาถอนหายใจอย่างปลงๆที่เจ้าเพื่อนรักดันรู้ดีไปหมดทุกเรื่อง
“ เอาน่า ยังไงลองเก็บไปคิดดูอีกทีก็ได้ ฉันจะเก็บโครงการนี้ไว้รอนาย ”
“ ขอบคุณ ” คริสพูดเบาๆแล้วลุกขึ้นหันกายเดินออกจากห้องไป
อย่างที่เพื่อนรักของเขาว่านั่นแหละ ไม่มีอะไรน่าห่วงเท่ากับเจ้าตัวยุ่งคนนั้นอีกแล้ว..
... ที่เขาไม่ตอบตกลงข้อเสนอของเพื่อน ก็เพราะคนที่เขารักหมดหัวใจอย่าง ปาร์ค ชานยอล นั่นแหละ ....
‘ แค่อยากเก็บช่วงเวลาที่มีความสุขแบบนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดก็เท่านั้น...
ขอแค่ได้รักและดูแลอีกฝ่ายให้ดีที่สุดเท่าที่เวลาทั้งหมดที่ยังเหลือของเขาก็เพียงพอ ’
writer's part ;
มาลงให้แล้วกับตอนแรก
ขอขอบคุณสำหรับคนที่มาปู่เสื่อรอนะคะ ตอนต่อไปจะตามมาค่ะ :D
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เลิ้บยู จุ๊บๆ
ความคิดเห็น