ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MINI STORE ; ROOM (ห้องลับ)

    ลำดับตอนที่ #32 : Promise in memory - Chapter 01

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29
      0
      6 พ.ค. 59

    T
    H
    E
    M
    Y
    B



    01 

    กลับมาครั้งนี้…จะรุกแล้วนะ



     

    ตอนเช้า


    หนูมินนี่ถ้าไม่รีบเราจะสายเอานะคะ เสียงของมิกกี้พี่ชายที่เกิดก่อนฉันเพียงแค่หนึ่งนาทีตะโกนดังเข้ามาภายในบ้าน คาดว่าตอนนี้มิกกี้น่าจะเตรียมตัวเสร็จและอยู่ที่รถเรียบร้อยแล้ว 


    ส่วนหนูมินนี่ที่ว่านี่ก็คือฉันเอง อันที่จริงชื่อฉันคือมินนี่เมาส์หรือเรียกสั้นๆคือมินนี่ แต่ก็มีมิกกี้นี่ล่ะมี่ชอบเรียกฉันว่าหนูมินนี่ ดูมีความมุ้งมิ้งน่ารักที่ช่างขัดกับตัวของมิกกี้หรือเกิน ฉันกับมิกกี้เมาส์เราเป็นฝาแฝดกันมิกกี้เป็นแฝดพี่ที่เกิดก่อนฉันเพียงแค่หนึ่งนาทีส่วนเรื่องหน้าตาบองเราสองคนที่ไม่ค่อยเหมือนกันเหมือนฝาแฝดคู่อื่นเพราะเป็นฝาแฝดไข่คนละใบ​ นอกจากนี้ก็ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งชื่อแท็ดดี้แบร์ปัจจุบันนี้เรียนอยู่มอปลาย เป็นคนนิสัยค่อนข้างจะออกห้าวๆถึงแม้ยัยนั่นจะไม่แสดงด้านนี้ออกมาให้ครอบครัวเห็นแต่ฉันก็รู้จักนิสัยของพี่น้องฉันดี 


    แต่ถึงจะรู้จักดีฉันก็ไม่ค่อยอยากจะไปสุงสิงด้วยซักเท่าไหร่หรอก -_- 


    มาแล้วก็ขึ้นรถเลยค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้านะคะอย่าลืม 


    ฉันเดินลงมาที่โรงจอดที่บ้านโดยที่ไม่ลืมล็อกบ้านให้เรียบร้อยเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน​ พ่อแม่ก็ไปทำงานส่วนแท็ดดี้ก็ไปเรียนได้ซักพักแล้ว พอทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็เดินไปขึ้นรถที่มิกกี้ตาร์จและเข้าไปนั่งรอเรียบร้อย 


    ในบ้านเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ? มิกกี้เอ่ยถามหลังจากที่ฉันขขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว 


    อืม จบคำนั้นมิกกี้ก็เลี้ยวรถออกจากบ้านทันที ส่วนรั้วเดี๋ยวคนรับใช้มาถึงก็จัดการปิดเอง คือครอบครัวเราค่อนข้างจะมีฐานะ ไม่ได้รวยมากขนาดมหาเศรษฐีแต่ก็ไม่ได้จน คงจะ​ประมาณ​ไม่ได้มีมากขนาดโปรดเงินทิ้งๆขว้างได้แต่ก็เรียกได้ว่าอยู่ดีกินดี​ เพราะมิกกี้เองก็เป็นเน็ตไอดอลแถมมีงานถ่ายแบบติดต่อมาบ่อยๆแน่นอนว่าเจ้าบ้านี่ต้องรับอยู่แล้วชอบอยู่หน้ากล้องจะตายไป 


    หนู​มินนี่ยังโกรธพี่อยู่หรอคะ? 


    เสียงของมิกกี้ดังขึ้นขัดความคิดของฉัน​ ทำให้ฉันที่กำลังมองไปนอกกระจกรถและหันกลับมามองหน้ามิกกี้พร้อมกับกรอกตาอย่างเบื่อหน่ายเนื่องจากมิกกี้เปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้ว! 


    และเรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่มิกกี้ส่งชื่อฉันลงไปสมัครประกวดดาวเดือนพร้อมตนเอง แล้วยังไงล่ะมิกกี้่ะชนะอยู่แล้วเพราะหน้าตาหล่อเหลาสมเป็นเน็ตไอดอลที่บางทีก็ถ่ายแบบ​ แถมความสามารถก็เยอะอีกตางหาก เล่นเต้นบีบอยในงานประกวดขนาดนั้น​ แต่ฉันเนี่ยสิที่ไม่น่าชนะแต่ก็ดันชนะ​ได้เป็นดาวคณะคู่เดือนคณะอย่างมิกกี้  


    ซึ่งฉันไม่ได้อยากเป็นเลย!! 


    แล้วพอเราสองพี่น้องได้เป็นเดือนและดาวของคณะนิเทศเรียบร้อยเมื่อพ่อและแม่รู้ข่าวคือดีใจมาก ดีใจมากจริงๆนะกับมิกกี้พวกท่านเฉยๆแต่กับฉันพวกท่านทั้งสองถึงกับกลับบ้านเร็วแล้วฉลองกันซะยกใหญ่ สงสัยจะดีใจมากที่ลูกสาวคนโตเริ่มมีสังคมกับเขาบ้างเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัย แต่คืนนั้นฉันก็ไม่ได้อยู่ฉลอง​ด้วยหรอก พอถึงบ้านก็ขึ้นห้องเลย 


    แต่มันก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วถึงจะเคืองๆแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร อันที่จริงฉันก็ไม่เคยโกรธมิกกี้หรอกนะ อย่ามากก็แค่เบื่อ รำคาญมาก มากจนอยากจะโยนมิกกี้ออกไปจากบ้านให้หายตัวไปซักอาทิตย์นึง…แค่นั้นจริงๆ


    ว่าไงคะตกลงว่าหนูมินนี่ยังไม่หายโกรธพี่?" 


    ก็ปล่าว ไม่ได้โกร 


    พี่ไม่เชื่อค่ะ หนูมินนี่แทบไม่ยอมคุยกับพี่ชายคนนี้เลย แบบนี้คือโกรธชัวร์ๆ แล้วปกติฉันพูดกับพี่เป็นต่อยหอยเลยหรือยังไง?! 


    คือปกติฉันก็ไม่ค่อยคุยกับมิกกี้อยู่แล้วเพราะถ้าพูดกับมิกกี้ไปมากๆแล้วมิกกี้จะชวนคุยต่อยาวประเภทกัดไม่ปล่อย ซึ่งนั่นมันน่ารำคาญ​มากสำหรับฉัน แน่นอนว่าฉันต้องแสดงอาการว่าโคตรรำคาญออกไปบ่อยๆอยู่แล้ว แต่มิกกี้ก็ไม่เคยสนหรอกถ้าไม่พูดออกไปตรงๆ 


    แต่ใครจะพูดกันเล่าถึงจะรำคาญแต่ยังไงก็พี่ชายมั้ย? 


    มินไม่ได้โกรธพี่มิกหรอกเชื่อสิ อยากจะยกนิ้วให้ตัวเองจริงๆที่สามารถพูดประโยคนี้ออกมาได้ แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่จบ เชื่อเถอะว่ากลั้นใจพูดๆไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว 


    โอ้…” มิกกี้พูดพึมพัมอะไรอยู่คนเดียว เป็นประโยคที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพูดว่าอะไร แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรฉันไม่สนแค่เงียบได้ฉันก็พอใจแล้ว


    จากนั้นมิกกี้ก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลยตลอดทางจนมาถึงมหาลัย รอจนเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่คณะเสร็จเรียบร้อยก็เปิดประตูลงไปพร้อมกับมิกกี้ แต่หมอนั่นที่เพิ่งลงมาจากรถสายตาจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสวยดีแต่ติดไปทางน่ารักๆแถมตัวเล็กด้วย เธอคนนั้นเองก็มองมาทางมิกกี้อย่างตกใจ ซักพักมิกกี้ก็ยกยิ้มขึ้นมา เพียงแค่นี้ฉันก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่ามิกกี้คิดอะไรอยู่ เห้อ เอาเถอะที่นายสบายใจเลยมิกกี้


    ฉันกรอกตาและถอนหายใยออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินหนีเจ้าพี่บ้าที่ชอบเต๊าะสาวเข้าไปในตึกเนื่องจากวันนี้มีเรียนเช้า อยากจะสายเพราะมัวแต่ติดหญิงก็เอาเถอะ แล้วแต่พี่เลยพี่ชาย


     

    ช่วงบ่าย


    หลังจากที่จบการบรรยายของอาจารย์ฉันก็รีบเก็บหนังสือ เลกเชอร์ปากกาและอีกมากมายใสกระเป๋าเมินเสียงเรียกชื่อฉันต่างๆนาๆหรือแม้กระทั่งนักศึกษาในคลาสคนอื่นที่ทำท้าจะเข้ามาทักและตรงออกมาจากห้องทันที คือไม่ได้หยิ่งนะแค่ไม่ชอบเข้าสังคม


    ส่วนมิกกี้หมอนั่นออกไปก่อนฉันอีก เก็บของตั้งแต่อาจารย์ยังอยู่ในห้องแต่พอออกไปเท่านั้นหล่ะลุกตามหลังอาจารย์ไปแทบจะทันที ก็เข้าใจนะว่ามีงานตอนบ่ายน่ะแต่จะรีบอะไรขนาดนั้นกัน? แต่มิกกี้ก็บอกฉันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันนี้มีงานถ่ายแบบ ทำให้วันนี้ฉันต้องนั่งแท็กซี่กลับเอง วันนี้เองก็มีเรียนแค่ช่วงเช้าหรือจะหาข้าวกินแล้วค่อยไปหาที่เงียบๆพักผ่อนแทนที่จะกลับบ้านเลยดีนะ?


    สำหรับคนที่คิดว่าฉันเป็นเป็นพวกเก็บตัวเงียบจังตัวอยู่ในห้องอยู่แต่ในความมืดบอกเลยว่าคิดผิดมากๆ ฉันก็แค่ขี้รำคาญ ไม่ชอบสุงสิงกับใครและไม่ชอบที่ที่มีคนพลุกพล่าน ส่วนเรื่องเก็บตัว โอเค อาจจะเป็นนิดหน่อยช่วงเด็กๆแต่ตอนนี้หายแล้วแน่นอน แต่อาการโลกสูงยังอยู่นะ


    มินนี่! 


    เสียงเรียกชื่อฉันพร้อมบุคคลที่ปรากฏตัวจากทางด้านหลังมาจับไหล่ของฉันไว้ทั้งสองข้างและยื่นหน้ามาให้เห็น ถึงฉันจะโลกสูง ถึงฉันจะหยิ่ง ถึงจะไร้เพื่อนยังไงแต่ก็ต้องมีพวกบ้าๆมาคอยสุงสิงบ้างล่ะน่า 


    เลิกเล่นอะไรบ้าๆซักทีเถอะเจได 


    เจไดหมอนี่เป็นนายแบบเช่นเดียวกับมิกกี้แต่ไม่ได้เป็นเน็ตไอดอลหรอกนะ เขาเป็นคนที่มีหน้าตาที่น่ารักมากประกอบกับรูปร่าสูงโปร่งและความสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบแถมยังย้อมผมเป็นสีบลอนทอง ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ช่างส่งให้เขาดูน่ารักน่าหยิก คาแรคเตอร์เหมาะกับน้องชายสุดน่ารักที่สุด แถมหมอนี่ยังเป็นพวกบ้าอีกด้วย ที่ฉันมาสนิทสนมกับเจไดแบบนี้ได้ก็เพราะเขาตามติดเป็นเงาฉันมาตั้งแต่วันที่ประกวดดาวเดือนเสร็จ  


    จริงๆแล้วเจไดเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ลงประกวดด้วย แต่คือก็แพ้มิกกี้ไงและเพราะว่าแพ้เลยทำให้ไม่ชอบขี้หน้ามิกกี้อย่างรุนแรง แน่นอนว่ามิกกี้ไม่รู้เรื่องนี้หรอก อีกเรื่องคือฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขามาตีสนิทฉันแบบนี้ต้องการอะไร แต่ถึงจะยังไงฉันก็สลัดเขาไม่หลุดอยู่ดี -_- 


    ฉันรู้มาว่าวันนี้เธอต้องกลับบ้านคนเดียวเนื่องจากไอ้มิกกี้ติดงาน คือไม่ทราบว่ารู้ได้ยังไง 


    แล้วยังไง? 


    เดี๋ยวฉันไปส่งไง แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนะว่าฉันรู้ได้ยังไง ผู้จัดการบอกมา เจไดพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาโอบไหล่ฉันไว้ ไอ้หมอนี่มันน่านักนะ -O-^ ว่าไงมินนี่เธอจะยอมให้ฉันไปส่งมั้ย 


    มะ...


    มินนี่จ๊ะ! ฉันกำลังจะตอบคำถามของเจไดต้องหยุดชะงักเพราะมีผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเดินเข้ามา จะไม่อะไรเลยนะถ้าเธอคนนั้นไม่ได้เรียกชื่อฉันน่ะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะอยู่คณะเดียวกันนะ เรียนคลาสเดียวกันเลยล่ะ อ้าว ดีจ๊ะเจได มากับมินนี่หรอ? ว่าแต่สองคนรู้จักกันด้วยหรอฉันไม่เห็นรู้เลย


    เอ้าดรีม ดีครับ พอดีว่าเราเห็นมินนี่เดินอยู่คนเดียวเลยมาทักน่ะ นี่ก็กำลังจะไปแล้ว เจไดว่าพลางรีบเอามือที่เคยพาดอยู่บนบ่าฉันลงพร้อมกับยิ้มหวานให้อีกฝ่าย แหม...รีบเชียวนะ ขอเดาว่ายัยผู้หญิงที่ชื่อดรีมอะไรนี่คงจะเป็นเด็กที่หมอนี่ขั้วอยู่ไม่ก็กำลังจีบ


    เห็นน่ารักๆไม่มีพิษมีภัยแบบนี้แต่จริงๆแล้วก็ร้ายไม่ใช่เล่นหรอก


    เป็นแบบนี้นี่เอง ดรีมพึมพัมพร้อมพยักหน้าลงช้าๆอย่างหน้ารัก


    ว่าแต่เธอเรียกฉันทำไม?


    อ๋ออออ คือฉันจะบอกว่างานกลุ่มที่อาจารย์สั่งถ้าเธอไม่มีกลุ่มจะมาเข้ากลุ่มเดียวกับฉันก็ได้นะจ๊ะ กลุ่มเราขาดอยู่อีกหนึ่งคนพอดีเลยดี


    ไม่ล่ะขอบใจ ฉันจะอยู่กลุ่มเดียวกับมิกกี้


    ปกติเวลาอาจารย์สั่งงานที่ต้องทำเป็นกลุ่มฉันก็จะติดสอยห้อยตามมิกกี้ไปอยู่ด้วยในกลุ่ม ภายในกลุ่มก็จะมีพวกเพื่อนๆของมิกกี้ซึ่งพวกเขารู้และทำใจได้กับนิสัยของฉันแล้วจึงไม่มีปัญหา อันที่จริงก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ ถ้าเป็นมิกกี้ก็จะไม่มีใครว่าอะไรหรอก


    เอางั้นหรอ?


    เอาน่าดรีม มินนี่พูดแบบนั้นแสดงว่าตัดสินใจไปแล้วเธอลองไปหาเพื่อนคนอื่นก็ได้นี่ ฉันเชื่อว่าจะต้องมีอีกหลายคนที่อยากอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างเธอ


    แหม ไม่ต้องมาแกล้งยอกันหรอกน่า ดรีมพวดด้วยท่าทีเขินอายนิดๆ ถ้าจะจีบกันขนาดนี้เตรียมเปิดห้องไว้เลยไหมเพราะดูแล้วไม่น่ารอดจากเนื้อมือของเจไดไปได้


    พูดจริงๆ ว่าแต่ดรีมมีธุระอะไรที่ไหนอีกมั้ยเราจะชวนไปกินข้าว ต่อจากกินข้าวแล้วไปกินอะไรต่อล่ะ อย่าคิดว่าไม่รู้นะถึงแม้จะรู้จักกันมาไม่นานและไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้นแต่ฉันก็รู้สันดารเอ้ยนิสัยของเจไดดี ถึงจะดูกล่าวหาไปหน่อยแต่เชื่อเถอะว่าหมอนี่นิสัยเป็นแบบนี่จริงๆ


    ไปสิๆ เพื่อนฉันแยกย้ายกันไปหมดแล้วเลยว่างพอดี ว่าแต่แล้วมินนี่ล่ะไปด้วยกันมั้ย


    ไม่ดีกว่า ฉันอยากรีบกลับบ้านแล้ว


    งั้นเราไปกับเถอะดรีม ไปก่อนนะมินนี่เจอกันพรุ่งนี้ เจไดว่าและโบกมือให้ฉันก่อนจะโอบไหล่ดรีมเดินไปอีกทาง ฉันเองก็จะเดินไปเรียกรถแท็กซี่แล้วถ้าไม่ติดว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่ชื่อดรีมหันกลับมาแสยะยิ้มใส่ฉันโดยที่เจไดไม่ทันได้เห็น แต่พอหมอนั่นหันมาหาเธอก็กลับไปยิ้มหวานหยดย้อยเหมือนเดิม เพียงเท่านี้ฉันก็เข้าใจอะไรๆมากขึ้นแล้วล่ะคนสมัยนี้น่ากลัวชะมัด


    หน้าไหว้หลังหลอกกันแบบสุดๆ!


     

    กลับมาสู่ปัจจุบัน


    มินนี่เมาส์


    เสียงเรียกชื่อที่มาพร้อมกับสัมผัสเบาๆที่ข้อมือราวกับบอกให้รอก่อน เมื่อฉันหยุดเดินและหันหน้ากลับไปมองเจ้าของมือที่วางอยู่บนข้อมือฉันก็พบกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา เจ้าของทรงผมสีน้ำตาลที่ยุ่งนิดๆแต่ก็ดูเซ็ททรงไว้อย่างดีสีน้ำตาลและดวงตาสีเดียวกัน ริมฝีปากหยักสีเข้มเหมือนคนสูบบุหรี่แต่ก็ดูสุขภาพดี ประกอบกับผิวขาวๆของเขา หุ่นและส่วนสูงที่มากกว่าร้อยแปดสิบแน่ๆ พูดได้เต็มปากเลยว่าเขาคนนี้หล่อมากๆ


    ที่สำคัญแววตาแบบนี้ของเขา ฉันเคยเห็นมาก่อนแน่ๆมันช่างเหมือนกับแววตาของพี่โซนิคตอนเด็กๆเหลือเกิน


    คุณเรียกชื่อฉัน มีอะไรรึปล่าวคะ? นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาคล้ายกับพี่โซนิคมากฉันจะไม่มีวันมาเสวนาและพูดจาน่าฟังแบบนี้เด็ดขาด


    จำพี่ได้ไหมครับ?


    หือ?


    สาวน้อยจำพี่ไม่ได้จริงๆงั้นรอ พี่นิคองนะจำได้มั้ย


    จบคำนั้นฉันก็รู้สึกตัวชาไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาทั้งสองเปิดกว้างขึ้นอย่างไม่น่าชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง ให้ตายเถอะก็ไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปีแล้วนะช่องทางการติดต่ออะไรก็ไม่มี พอจะหายตัวไปก็เล่นหายไปซะดื้อๆ พอจะกลับมาก็ง่ายๆแบบนี้เลยหรอหรือว่าหมอนี่จะเป็นพวกโรคจิตชอบแอบอ้าง


    คงจะไม่ใช่เพราะเขาคนนี้คล้ายกับพี่โซนิคมาก อาจจะเป็นคนคนเดียวกันก็ได้นะ


    พี่โซนิค(ใช่ไม่ใช่ยังไม่แต่ใจแต่ก็เรียกไปก่อน)ชวนฉันไปหาที่นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด แน่นอนว่าฉันไป เมื่อตัดสินใจไปแบบนั้นตอนนี้ฉันจึงอยู่บนรถสปร์อตสุดหรูของพี่โซนิคกับเจ้าตัวที่กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟใกล้ๆมหาลัยที่เคยไปกับมิกกี้ ใช้เวลาไม่นานก็ถึง


    คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง จากที่ฉันจำได้ฉันไม่เคยบอกชื่อตัวเองกับพี่นิคเลย ฉันเปิดประเด็ดถามเรื่องที่สงสัยออกไปเมื่อเข้ามานั่งในร้านและสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย


    สาวน้อยคงไม่รู้ตัวว่าตอนเด็กๆตัวเองดังขนาดไหน จะรู้ชื่อเธอมันคงไม่ยากเกินความสามารถของเด็กอายุสิบสี่หรอก อีกอย่างก่อนพี่จะกลับไทยพี่ให้คนไปสืบประวัติเธอมาหมดแล้ว 


    ดัง? ทางด้านเสียๆหายๆสินะ


    สืบประวัติ! กลับไทย หมายความว่ายังไงกันอธิบายมาให้หมดเลยนะ นี่ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะมีเอฟเฟคเสียงตบโต๊ะประกอบมาด้วย 


    วันสุดท้ายก่อนพี่จะบินกลับอังกฤษพี่รอสาวน้อยอยู่ที่สนามเด็กเล่น รอจนเกือบค่ำแต่เธอก็ไม่มาจนได้เวลาที่พี่ต้องไปสนามบินแล้ว เบอร์สาวน้อยพี่ก็ไม่มีบ้านอยู่ตรงไหนพี่ก็ไม่รู้เพราะสาวน้อยไม่เคยพาพี่ไปที่บ้านเลย ก็จริงของเขา ฉันไม่เคยพาพี่โซนิคไปที่บ้านเลยมีแต่พี่เขานี่ล่ะที่ชอบลากฉันไปที่บ้านเขา และวันนั้นฉันก็ดันกลับบ้านช้า... ที่พี่ไม่ได้บอกสาวน้อยไว้ก่อนหน้านี้ว่าพี่จะต้องกลับอังกฤษเร็วขึ้นก็เพราะพี่เองก็เพิ่งจะรู้เรื่องวันนั้นเหมือนกัน พอรู้เรื่องพี่ก็รีบไปรอเธอเลยนะสาวน้อย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอ


    “…”


    ตอนนี้พี่เรียนจบแล้วและก็จะกลับมาอยู่ที่ไทยเป็นหลัก ส่วนเรื่องสืบประวัติพี่ให้เลขาไปหามาได้ซักพักแล้วล่ะ 


    คือฉันขอโทษ พอดีวันนั้นฉันติดเรียนพิเศษแบบกระทันหันก็เลย... ฉันพูดอย่างรู้สึกผิด ตอนนี้ฉันเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าคนคนนี้คือพี่โซนิคจริงๆ อันที่จริงตอนเด็กฉันก็ไม่น่าเล่นตัวแล้วบอกๆชื่อบอกเบอร์ช่องทางการติดต่อให้กับพี่โซนิคไปซะ


    สาวน้อยไม่ผิดไม่ต้องขอโทษหรอก อันที่จริงสาวน้อยก็คิดถึงพี่ใช่มั้ยล่ะ นั่นไงหลักฐาน พี่โซนิคชี้มาตรงคอของฉันจนฉันต้องรีบเอามือไปกำสร้อยคอเอาไว้ อันที่จริงมันคือแหวนที่พี่โซนิคให้ตอนเด็กๆเห็นว่าเป็นของสำคัญ แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กใส่ไม่ได้หรอกเลยหาสร้อยมาคล้องเอาไว้แล้วสวมติดตัวตลอดเวลา


    หึ หน้าแดงนะเรา พูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก คิดว่าหล่อหรือยังไงกัน (ก็หล่อไง)


    เออ ว่าแต่พี่ก็หาประวัติฉันได้แล้วทำไมพี่ไม่ติดต่อมา? 


    พี่ติดสัญญากับแม่เอาไว้น่ะว่าจะไม่นอกลู่นอกทางจนกว่าจะเรียนจบ เพราะนอนเด็กพี่ก็แสบใช่เล่นเหมือนกันพอตอนขึ้นมหาลัยแม่พี่มาขอร้องก็เลยตกลงไป


    แสดงว่าตอนนี้พี่เรียนจบ ทำงานแล้ว? 


    อืม พี่คิดถึงสาวน้อยมากเลยนะนี่พี่เพิ่งจะถึงไทยเมื่อวานนี้เอง วันนี้พี่ก็รีบตรงมาหาเราที่มหาลัยเลย 


    หรอแล้วยังไง พี่ต้องการจะบอกอะไรรึปล่าว 


    พี่ก็แค่คิดถึงเรา ฉันกำลังดีใจฉันรู้ตัวฉันดีว่ารู้สึกยังไง เห็นภายนอกฉันนิ่งๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรแต่ว่าฉันกำลังดีใจมากๆที่ได้เจอพี่โซนิคอีกครั้ง คนที่อยากเจอมาตลอด แต่ว่าพอได้เจอกันอีกครั้งแล้วฉันกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี 


    พี่ไปส่ง พี่โซนิคพูดหลังจากที่เราสองคนออกมาจากร้านกาแฟ หลังจากที่คุยเรื่องสำคัญๆกันเสร็จพี่โซนิคก็ชวนฉันคุยเรื่องทั่วไปอย่างเช่นความเป็นอยู่ในช่วงที่ผ่านมา 


    ไม่เป็นไรฉันกลับเองได้ พี่นิคกลับไปพักผ่อนเถอะไม่เหนื่อยหรือยังไง? 


    เป็นห่วงพี่หรอ? 


    “…” ฉันไม่ตอบแต่เม้มปากอย่างไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็จะให้ตอบยังไงล่ะเป็นห่วงงั้นหรอ ฝันเหอะ 


    ให้พี่ไปส่งเถอะนะ กลับมาครั้งนี้ถ้าไม่รีบทำคะแนนเดี๋ยวโดนมหาคาบไปกิน 


    หา!? ที่พูดนี่หมายความว่ายังไงไม่ทราบ?


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×