คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : my master dear - Chapter 3
03
ใกล้จน…รู้สึกแปลกๆ
ฉันยืนรอคิมหันต์จนเขาเดินกลับเข้ามาในยิมอีกครั้งท่ามกลางสายตาของสมาชิกชมรมเป็นสิบชีวิต พอเขาเดินเข้ามาใกล้ฉันในระยะพอที่จะใช้งานได้เขาก็โยนกระเป๋ามาให้และสั่งให้ฉันถือ
“เอ่อ…เราจะไปไหนกันหรอ?” ฉันถามขณะที่กำลังเดินตามคิมหันต์ไปเรื่อยๆอย่างไม่ทราบจุดมุ่งหมาย
“บ้านฉันไง ถามอะไรโง่ๆ”
“บ้านนาย? จะให้ฉันทำงานบ้านนายหรอ?” จะให้ฉันไปเป็นคนรับใช้หรอ? เพราะคนอย่างฉันก็ไม่น่าไปทำงานอะไรอย่างอื่นได้หรอก เรียนก็ยังไม่จบประสบการทำงานก็มีแค่งานพาร์ททาม พนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารเล็กๆ “ว่าแต่เราจะไปกันยังไงหรอ”
“เดี๋ยวคนที่บ้านมารับ”
“ใครหรอ คนขับรถ?”
“อืม”
“แล้วเขามาหรือยัง ถ้าเกิดเขายังไม่มาเราจะไปรอตรงไหนหรอ หน้าโรงเรียน? แล้วถ้าเกิดว่า…”
“ถามมากจังวะ! -_-^” อุ้ย! ทำไมพูดจาไม่เพราะเลย พูดคำหยาบทำไมกันนะ แค่ถามนิดๆหน่อยๆเพื่อเก็บข้อมูลไม่เห็นจะต้องโมโหเลย
“ไม่ถามแล้วก็ได้…”
“ดี แค่ตามมาเฉยๆก็พอ เงียบๆด้วย”
จบคำนั้นฉันก็เดินตามคิมหันต์อย่างเงียบๆจนเราทั้งคู่มาถึงหน้าโรงเรียน รอประมาณครึ่งนาที(ครึ่งนาทีจริงๆ)ก็มีรถเบนซ์สีขาวคันหรูขับมาจอดหน้าโรงเรียน พอรถจอดสนิทก็มีคุณลุงคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคุณลุงคนขับรถลงมาเปิดประตูด้านหลังให้คิมหันต์ขึ้นไปนั่ง
แต่ก่อนที่จะขึ้นไปคิมหันต์ก็ดันหลังให้ฉันเข้าไปนั่งอย่างแรงและเขาก็ตามเข้ามานั่งอีกทีพร้อมกับทำหน้าเหี้ยม…คืออันที่จริงฉันไปนั่งด้านหน้ากับคุณลุงก็ได้นะถ้านายจะทำหน้าเหมือนโกรธเคืองใครมาสิบชาติแบบนี้
พอเห็นว่าเจ้านายตัวเองนั่งได้เข้าที่เรียบร้อยแล้วคุณลุงคนขับรถก็เริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้งคือพาคุณหนูคิมหันต์ไปส่งในที่หมาย ส่วนบรรยากาศในรถหลังจากออกตัวมากก็คือเงียบสงบมาก คิมหันต์เงียบ คนขับรถเงียบ ฉันเองก็ต้องเงียบ คือฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าปรกติมันเงียบแบบนี้อยู้แล้วหรือเพราะวันนี้มันมีส่วนเกิน(อันคือตัวฉันเอง)เลยทำให้เงียบกันแน่
“เอ่อ…” และในที่สุดฉันก็ต้องทำตัวเป็นผู้กล้าอ้าปากทำลายความเงียบในครั้งนี้ เนื่องจากฉันทนรังศีอำมหิตของคิมหันต์ไม่ไหวแล้ว
“มีอะไร? ฉันบอกแล้วว่าให้อยู่เงียบๆ”
“คือว่า…” ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบหนังสือธรรมมะที่บอกพี่นิวตาและนันตาว่าจะเอาไปให้เพื่อนยื่นไปตรงหน้าคิมหันต์ “ฉันให้จ๊ะ”
“อะไร?”
“หนังสือธรรมมะน่ะ -O-”
“แล้วเธอเอามาให้ฉันทำไม -_-+”
ก็แค่อยากจะให้ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? แน่นอนว่าฉันแค่คิดไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ
“ก็ถือซะว่ามันเป็นของขวัญสำหรับเจ้านายก็แล้วกันค่ะ อีกอย่างคิมหันต์ดูเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าอ่านหนังสือธรรมมะอาจจะช่วยให้ใจเย็นลงได้” ดูมันแปลกๆนะของขวัญสำหรับเจ้านายเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ เพราะตอนนี้ฉันก็คิดได้แค่นี้แหละ คิมหันต์จ้องหนังสือธรรมมะในมือฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือมาหยิบหนังสือในมือของฉันเอาไปใส่กระเป๋าของเขา
“ขอบใจ ไว้ฉันจะอ่านที่หลัง”
หลังจากนั้นพวกเราทุกคนบนรถก็เงียบมาตลอดทาง แต่ระหว่างทางฉันก็แอบเห็นคุณลุงคนขับรถแอบมองฉันแถมทำหน้าตาตกอกตกใจอีกด้วย! แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรคอยสังเกตุอยู่เงียบๆ
หลังจากนั้นเราก็มาถึงบ้านของคิมหันต์กัน ไม่สิ ฉันไม่ควรเรียกว่าบ้านหรอก น่าจะเรียกว่าคฤหาสน์ซะมากกว่า เนื้อที่เรียกได้ว่ากว้างมากกล้างกว่าบ้านฉันสองหลังรวมกันซะอีก(แต่กี่ไร่ไม่รู้ดูไม่เป็น) ตกแต่งนอกบ้านเป็นสไตล์คฤหาสน์ในประเทศอังกฤษ รอบๆตัวบ้านเป็นสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ใบหญ้ามากหน้าหลายตา ทางเดินถูกปูด้วยหินอ่อนสีขาวนวล ระหว่างทางที่รถขับเข้าไปจอดหน้าตัวบ้านเห็นโดมกระจกด้วยล่ะ ต้นไม้ด้านในน่าจะเป็นกุหลาบนะ
ถ้าฉันได้ทำงานที่นี่ก็น่าจะดีนะ *O*
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงหน้าตัวคฤหาสน์และฉันกับคิมหันต์เราก็ลงมานอกรถแล้วโดยที่คุณลุงรนขับรถเป็รนเปิดประตูให้อย่างเคย แลดูเป็นบาปต่อชีวิตสุดๆ -_-; หลังจากนั้นฉันก็ต้องมาเผชิญหน้ากับสาวใช้ในชุดเมดเกือบสิบชีวิต! ไม่ทราบว่าใครจับพวกเธอแต่งคอสเพลย์หรอคะ? -O-
“ยินดีต้อนรับกลับครับคุณหนู” จากนั้นก็มีผู้ชายอายุประมาณห้าสิบกว่าๆหรืออาจจะหกสิบใส่ชุดพ่อบ้านเดินตรงมาหาคุณหนูคิมหันต์ของทุกคนพร้อมกับเอากระเป๋าของคิมหันต์ไปส่งให้หนึ่งในสาวเมดรับใช้
นี่ฉันคงไม่ได้หลุดเข้ามาอยู่ในการ์ตูนยี่ปุ่นเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ใยไหมเคยเปิดให้ดูหรอกใช่มั้ย? เนื่องจากทั้งชีวิตของเนเธอร์ผู้นี้ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะมาเจออะไรพวกนี้ อาทิเช่นสาวใช้ในชุดเมดท่ามกลางคฤหาสน์สุดหรูที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยจังหวัดกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์~ (เริ่มไม่ใช่ละ)
“นี่เธอ”
“…”
“เห้ย!” ฉันรับรู้ได้ถึงแรงเขย่าจากที่ไหล่และเสียงตะโกนที่ดังพอสมควร ไม่สิ ดังมากเลยตางหาก พอฉันหันไปมองเจ้าของมือที่เขย่าฉันอยู่ก็เจอกับคิมหันต์ที่ทำกน้าบึ้งตึงขมวดคิ้วจ้องฉันอยู่ “จะเหม่ออีกนานมั้ย? ชาติไหนจะได้เริ่มงาน”
“ขะ…ขอโทษค่ะ ฉันจะตั้งใจให้มากกว่านี้” คิมหันต์มองฉันอีกนิดหน่อยก่อนจะฉันไปพูดกับคุณลุงพ่อบ้านต่อ
“นี่คือคนที่ผมเล่าให้ฟัง ฝากครูสช่วยดูแลด้วย”
“ครับคุณหนู” โค้งตัวให้คิมหันต์อย่างรับคำสั่งก่อนจะหันมาทางฉันพร้อมกับแนะนำตัวและยิ้มให้อย่างใจดี “สวัสดีครับ ผมชื่อครูสเป็นพ่อบ้านประจำตระกูลอัทรารัตณ์และคอยดูแลคุณหนูคิมหันต์มาตั้งแต่คุณหนูเป็นเด็ก ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“หนูชื่อเนเธอร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณครูส” สั้นๆแค่นี้ล่ะค่ะ ฉันไม่รู้จะไปต่อยังไงแล้ว
“เธออยู่กับครูสนะ เขาจะช่วยอธิบายทุกๆอย่างให้เธอฟังเอง ฉันไปล่ะ” คิมหันต์พูดและหันหลังเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ หายวับไปไม่เหลือแม้แต่เงาทิ้งให้ฉันยืนอยู่กับพ่อบ้านครุสและสาวเมดอีกเป็นสิบชีวิต
“งั้นคุณหนูเนเธอร์ตามผมมาทางนี้ครับ”
“เอ่อคือว่า ไม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหนูหรอกค่ะ เรียกเนเธอร์เฉยๆเถอะ หนูมาทำงานกับคิมหันต์เป็นคนรับใช้ เผลอๆนำแหน่งคุณครูสจะเยอะกว่าหนูอีกค่ะ อีกอย่างหนูเด็กกว่าคุณครูสตั้งหลายปี เพราะงั้นไม่ต้องเรียกเถอะนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมเรียกคุณว่าคุณเนเธอร์แล้วกันครับ ว่าแต่…” คุณครูสเว้นช่วงในการพูดไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ “พอคุณหนูไม่อยู่คุณเนเธอร์พูดซะเยอะเลยนะครับ โฮะๆ”
จากนั้นก็หัวเราะ นั่นสินะ ฉันเองก็คิดอย่างที่คุณลุงคิดเหมือนกันค่ะ ว่าแต่ทำไมเสียงหัวเราะของคุณลุงมันช่าง….
“เอาล่ะ เรารีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน” คุณครูสว่าพลางเดินนำฉันเข้าไปด้านใน แน่นอนว่าฉันต้องเดินตามอยู่แล้ว จะตามเป็นเงาเลยด้วย เพราะถ้าตามไม่ทันฉันต้องหลงแน่ๆเนื่องจากคฤหาสน์ใหญ่มากๆ! ว่าแต่ไม่ทันอะไรหรอ? ถึงแม้ว่าจะสงสัยแต่ฉันก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ
“นี่คือห้องพักสำหรับวันไหนที่คุณเนเธอร์จะต้องมาค้างที่นี่” คุณครูสพาฉันมาห้องๆหนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องนอนสำหรับแขก ภายในห้องตกแต่งไปทางโทนพาสเทลเน้นสีชมพูอ่อนและสีครีม ภายในห้องหลักๆก็มีเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเก้าอี้โซฟา อ้อ! มีทีวีจอพลาสม่าด้วยนะ เฟอร์นิเจอร์เองก็ของแบรนด์ดังซะด้วยหรูสุดๆ
แต่ฉันคงไม่มีทางได้มาค้างที่นี่หรอกเพราะฉันจะไม่ค้างบ้านผู้ชายเด็ดขาด! ถึงจะเป็นเจ้านายก็เถอะนะ แต่ถ้าเกิดมีเหตุจำเป็นขึ้นมาจริงๆฉันจะทำยังไงดีล่ะ?!
“คุณเนเธอร์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เปอร์เซ็นต์ที่จะได้ค้างที่นี่น้อยมากผมแค่เตรียมพร้อมเอาไว้เท่านั้น” เหมือนว่าคุณครูสช่างรู้ใจคนหรือว่าฉันแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปเขาถึงได้พูดขึ้นมาเหมือนรู้ทันอย่างนี้
“แล้วไปส่วนไหนของบ้านต่อดีคะ” ฉันถามอย่างเปลี่ยนเรื่อง เมื่อได้ยินอย่างนั้นคุณครูสก็พาฉันไปที่ต่อไปทันที ระหว่างทางก็ชวนฉันคุยไปด้วย
“ผมคำนวนเวลาการทำงานทั้งหมดของคุณเนเธอร์แล้ว ทั้งเวลาการเดินทาง การเรียน เวลาว่างหรือแม้แต่วันเสาร์และวันอาทิตย์…วันจันทร์ถึงวันศุกร์คุณจะมีเวลาทำงานสามชั่วโมงคือสี่โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มเพราะคุณไม่ต้องเข้าชมรมหลังเลิกเรียนอยู่แล้ว อาทิตย์หน้าผมจะให้คนขับรถไปรับคุณเนเธอร์ต่อด้วยไปรับคุณหนู คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าแท็กซี่ ส่วนเลิกงานจะให้คนขับรถไปส่งเช่นกันจะได้ไม่เป็นอันตราย”
ที่ว่ามาทั้งหมดแน่นอนว่าฉันโอเค อันที่จริงฉันคิดว่ามันดีเกินไปด้วยซ้ำ ให้คนขับรถไปส่งคนรับใช้ของเจ้านายงั้นหรอ มันไม่ดูน่าแปลกไปหน่อยหรอฉันว่า และแน่นอนว่าครั้งนี้ฉันก็จะเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ในใจเช่นกัน ว่าแต่คุณครูสรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ต้องเข้าชมรมและต้องเสียเงินค่าแท็กซี่เพื่อไปหาคิมหันต์ที่โรงเรียน
“…”
“ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์แล้วแต่คุณหนูว่าต้องการเรียกใช้งานอะไรคุณเนเธอร์หรือไม่ ถ้าเกิดว่าคุณหนูต้องการอะไรคุณต้องข้ามขัดใจเธอ”
เรื่องหลักๆที่เกี่ยวกับเรื่องงานก็มีแค่นั้น จากน้้นคุณครูสก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆภายในบ้านอันประกอบด้วย เวลาตั้งโต๊ะเช้าและเย็น เวลาเลิกเรียนของคิมหันต์ เป็นต้น
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องที่ว่า ซึ่งนั่นก็คือห้องครัวนั่นเอง ภายในมีป้าแม่ครัวอายุประมาณห้าสิบต้นๆกำลังจัดวางคุกกี้ เค้กโรลและน้ำชาวางอยู่บนถาดเตรียมพร้อมจะเสริฟ นอกจากนร้ก็ยังมีพี่สาวอีกสองชีวิตที่อยู่ในครัวแห่งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยแม่ครัว ว่าแต่ครัวที่นี่หรูไปนะ มีเตาอบคุกกี้แบบโบราณของอังกฤษด้วย -O-
“ของว่างเสร็จหรือยัง” คุณครูสเอ่ยถามคุณป้าแม่ครัว
“เสร็จแล้วๆ ยกไปได้เลย” จบคำคุณครูสก็ยกถามของว่างขึ้นมาและส่งให้ฉันถือ ฉันเลยเอื้อมมือไปรับมาถือไว้
“ตามมาทางนี้ครับ”
ฉันเดินตามคุณครูสไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ทราบจุดมุ่งหมายเลย ว่าแต่บ้านหลังนี้มันใหญ่จริงๆนะเนี่ย คุณครูสเองก็พาฉันเดินขึ้นเดินลงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา นี่มันบ้านหรือเขาวงกดกันแน่ ประมาณเกือบๆสิบห้านาทาต่อมาเราทั้งสองคนก็มายืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นห้องของใครหรือเอาไว้ทำอะไรเหมือนกัน
“นี่คือห้องของคุณหนูครับ” อ๋อ~ ห้องนี้คือห้องของคิมหันต์นั่นเอง ว่าแต่ให้ฉันมาที่นี่ทำไมกัน เหมือนคุณครูสจะรู้ความในใจอีกแล้วเลยเอ่ยประโยคต่อมาให้ฉันหายข้องใจ “ต่อไปนี้ถ้าคุณหนูได้พาคุณเนเธอร์มาที่นี่ คุณจะต้องไปที่ครัวเพื่อยกของว่างที่แม่ครัวเตรียมไว้ให้มาให้คุุณหนูในห้องนี้”
“รับทราบค่ะ”
“งั้นก็เข้าไปได้แล้วครับ ป่านนี้คุณหนูคงอาบน้ำเสร็จแล้ว” ว่าจบก็เคาะประตูห้องคิมหันต์สามทีก่อนคนในห้องจะส่งเสียงออกมาว่า ‘เข้ามาได้’
“ห๊ะ!?” เสียงฉันเองค่ะ หลังจากที่คิมหันต์ตอบกลับมาพ่อบ้านครูสก็เปิดประตูแล้วดันฉันให้เข้าไปในห้องและปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย
ภายในห้องดูสะอาดเป็นระเบียบและมีพวกลูกบาสสีส้มเครื่องมือกีฬาต่างๆ กีต้าโปร่ง ตู้หนังสือและตู้โชว์ที่มีพวกถ้วยรางวันเหรียญเงินและทองจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ในตู้นอกจากนี้ภายในห้องก็ยังมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกอีกมากมาย
สังเกตุห้องไปเรื่อยๆสายตาฉันก็ไปหยุดอยู่ที่สายตาของคนคนหนึ่งที่ดูท่าจะจ้องฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว และนั่นทำให้ฉันตกใจมากๆ มากขนาดที่ยืนตัวแข็งทื่อเลยทีเดียว สาเหตุเพราะคิมหันต์ที่ยืนอยู่กลางห้องขณะที่มือทั้งสองข้างกำลังถือผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมสีนิลของตัวเองอย่างเมามันส์ โดยที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแค่ผ้าขนหนูพันอยู่ที่เอวปกปิดส่วนล่างไม่ให้โป๊…
ซะเมื่อไหร่กันล่ะ! ถึงจะมีผ้าขนหนูแต่ยังไงก็โป๊อยู่ดี นี่เขาคิดยังไงถึงมายืนโชว์หุ่นล่ำๆกลางห้องแบบนี้เนี่ย!
ถึงจะดูไม่ค่อยดีที่มายืนโป๊แบบนี้แต่หุ่นของคิมหันต์ก็ดีจริงๆนั่นแหละ รูปร่างดีมีซิกแผกซึ่งไร้ไขมันโดยสิ้นเชิงและดูไม่เยอะเกินไปจนน่าเกลียด หุ่นนักกีฬาชัดๆ เหมือนจะเคยได้ยินมาจากใยไหมเหมือนกันว่าคิมหันต์เป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามาก แถมยังเล่นได้ดีมากซะด้วย สังเกตุได้อีกอย่างคือการตกแต่งห้องที่ฉันได้บรรยายไปก่อนหน้านี้
“เฮ้! จะจ้องอีกนานมั้ยยัยโรคจิต”
“หือ? อะไรใครจ้อง” เหมือนฉันจะได้สติขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่คิมหันต์หยุดเช็ดผมและเรียกฉันด้วยสรรนามที่ค่อนข้างจะไม่โอเคซักเท่าไหร่
ใครโรคจิตกัน!
“เธอไงที่จ้องฉัน จ้องซะจนจะทะลุอยู่แล้ว เป็นยังไงหุ่นฉันดีล่ะสิ”
ใช่! ดีมาก ดีสุดๆ ถึงไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ก็ต้องยอมเนื่องจากความจริงมันฟ้อง
“หลงตัวเอง!”
“หรอ? ก็มีดีให้หลงนี่นะขนาดเธอยังหลงเลย ดูสิหน้าแดงไปหมด” พูดพร้อมกับยิ้มมุมปากนิดๆ คิดว่าตัวเองเท่นักหรือยังไงกันนะ(จริงๆแล้วก็เท่นะ หล่อด้วย) แล้วใครเขินกันไม่มีซักหน่อย ว่าแต่ทำไมหน้ามันร้อนๆแฮะ…
“ไม่ได้หน้าแดงซักหน่อย นายมั่วแล้ว”
“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงซะฉันก็รู้ว่าเธอเขิน” โอ้ย อะไรของเขากัน เกิดมาฉันยังไม่เคยเจอคนแบบคอมหันต์เลยซักนิด! เพิ่งจะรู้จักกันแค่สองวันเองพูดจาแบบนี้ได้ยังไงกัน! “ว่าแต่เธอเข้ามามีอะไร”
“ฉันเอาของว่างมาเสริฟ”
“ปกติจะเป็นครูส”
“คุณครูสให้ฉันทำหน้าที่นี้แทนค่ะ” ต้องพูดจามีหางเสียงซักหน่อย ยังไงก็เจ้านายล่ะนะ
“อืม…ง้้นเอาไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วเธอก็เดินมานี่” คิมหันต์ชี้ไปที่โต๊ะที่วางอยู่กลางห้อง พอฉันเอาไปวางตามคำสั่งและกระดิกนิ้วพร้อมเรียกฉันให้เข้าไปใกล้เขาที่เดินไปนั่งอยู่ที่ปลายเตียงแล้ว “เช็ดผมให้ฉัน ห้ามปฏิเสธเพราะนี่คือคำสั่ง"
คิมหันต์สั่งพร้อมกับโยนผ้าขนหนูที่เขาเอาไว้เช็ดผมมาให้ฉัน ให้ดีๆไม่ได้หรือยังไงทำไมต้องโยนด้วย ถ้าฉันรับไม่ได้แล้วทำตกพื้นก็สกปกหมดสิ
“งะ…งั้นนายช่วยก้มหัวหน่อยสิ ฉันเช็ดไม่ค่อยถนัด” แล้วฉันจะตื่นเต้นทำไมกันเนี่ย
หลังจากที่ฉันพูดออกไปคิมหันต์ก็ก้มหัวลงมานิดหน่อย ฉันเลยเริ่มบรรจงเช็ดหัวเขาอย่างเบาๆ แน่สิใครจะกล้าเช็ดแรงกัน ถ้าเกิดว่าแรงไปแล้วเขาเจ็บขึ้นมาเขาจะไม่ว่าฉันอีกหรือไง กลายเป็นว่าภาพในตอนนี้คือคิมหันต์นั่งอยู่ที่ปลายเตียงฉดยมีฉันยืนอยู่ด้านหน้าเขาและเช็ดผมให้อย่างเบามือ
ตามปกติถ้าให้อีฝ่ายเช็ดผมให้จะต้องเช็ดจากด้านหลังใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเช็ดจากด้ายหลังก็หมายความว่าฉันต้องปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อไปอยู่ด้านหลังของคิมหันต์ ซึ่งฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด!
“นี่เธอแรงน้อยอย่างนี้อยู่แล้วหรือว่ากลัวฉันเจ็บถึงได้เช็ดเบาขนาดนี้”
นั่นไงเริ่มอีกแล้ว -O-
“ก็ฉันกลัวนายเจ็บ” ว่าแล้วก็เพิ่มแรงเข้าไปอีกไม่มากแต่ก็คิดว่าไม่น้อยจนเกินไป ถึงเขาจะบ่นแต่ฉันก็กลัวเขาจะหนังหัวถลอกอยู่ดีเพราะงั้นต้องเน้นการเบามือเข้าไว้
“เช็ดแบบนี้วันนี้จะแห้งมั้ย” ถึงจะไม่เช็ดทิ้งไว้ซักชั่วโมงสองชั่วโมงมันก็แห่งค่ะ
ว่าแล้วคิมหันต์ก็เอามือของเขามาวางทับไว้บนมือฉันแล้วก็ออกแรงเช็ดตามใจชอบ นี่เขาทำอะไรของเขาเนี่ย! ถ้าจะเช็ดเองก็ปล่อยฉันก่อนสิจะได้คืนผ้าขนหนูให้ มาทำแบบนี้มัน…รู้สึกแปลกๆนะ
“ออกแรงประมาณนี้ เข้าใจมั้ย” คิมหันต์ว่าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าฉัน แต่เพราะว่าฉันเองก็กำลังก้มตัวลงนิดหน่อยเพื่อเช็ดผมให้คิมหันต์อยู่เหมือนกับทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก ห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นต์เท่านั้น ใกล้มากจนฉันได้กลิ่นวนิลาผสมผลไม้อะไรซักอย่างจากตัวเขา จะให้ดึงตัวเองขึ้นก็ไม่ได้เนื่องจากมือของเขายังไม่ยอมปล่อยมือฉันเลย…
นี่มันอะไรกัน รู้สึกแปลกๆไปหมด หัวใจมันเต้นเร็วมาก หน้าก็รู้สึกร้อนไปหมด พูดอะไรก็ไม่ออกเหมือนคนไม่มีสติเลยอ่ะ! O///O
“ทำแบบเมื่อกี้ก็แล้วกัน” เขาว่าก่อนจะก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม ฉันจึงเริ่มเช็ดผมด้วยแรงที่มากกว่าเดิมหรืออาจจะมากกว่าที่คิมหันต์สาธิตให้ดูซะอีก
ก็คนมันตื่เต้นนี่! ถึงคิมหันต์จะก้มหน้าลงไปแล้วแต่หัวใจฉันก็ยังเต้นแรงไม่ยอมหยูด ภาพเหตุการ์ณเมื่อซักครู่นี้ก็ยังคอยวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ใบหน้าหล่อๆของคิมหันต์อยู่ห่างจากฉันแค่ไม่กี่เซนต์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใครมาเจอเหตุการณ์เดียวกับนก็ต้องเป็นแบบฉันทั้งนั้นแหละ
“งะ…งั้นฉันขอตัวก่อนนะ” ฉันว่าแล้ววางผ้าขนหนูไว้ข้างๆเจ้าของและรับตรงดิ่งไปที่ประตูเปิดมันออกอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าผู้เป็นเจ้าของห้องเลย
“เดี๋ยว” คิมหันต์ตามมาจับข้อมือฉันเอาไว้ไม่ให้ไปไหน เปิดประตูไปแล้วเกือบจะออกไปได้แล้วเชียว “หันมานี่”
คิมหันต์จับตัวฉันให้กลับไปเผชิญหน้ากับเขาโดยที่ยังจับข้อมือฉันไว้และยังยืนอยู่กันที่เดิม เอาอีกแล้ว…ใกล้กันอีกแล้ว รู้สึกแปลกๆอีกแล้ว
“มีอะไรหรือปล่าว” ฉันถามขณะที่พยายามจะไม่จ้องหน้าเขา รู้ว่ามันเสียมารยาทแต่จะให้ทำยังไงล่ะ…
“…” คิมหันตึไม่ยอมตอบเแาแต่ยืนจ้องหน้าฉันเงียบๆ มีอะไรก็ไม่พูดมาซักทีฉันเริ่มจะอึดอัดแล้วนะ!
“มีอะระ…” ฉันที่กำลังจะเอ่ยปากถามคิมหันต์อีกทีแต่ก็โดนแทรกด้วยเสียงของบุคคลที่สามขึ้นมาซักก่อน
“ทำอะไรกันน่ะ!”
ความคิดเห็น