ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FAN FIC) GSD : THE EMPEROR จักรพรรดิที่โลกไม่มีวันลืม

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ1 คำทำนายที่ผิดพลาด

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 53


     

    THE EMPEROR (จักรพรรดิที่โลกไม่มีวันลืม)



    อะไรกัน อาการยังไม่ดีขึ้นอีกงั้นเหรอ

     

    เพคะฝ่าบาท ตอนนี้ท่านหมอเองก็กำลังพยายามรักษาองค์หญิงอย่างสุดความสามารถเลยเพคะ

     

    ราชสีห์แห่งออร์บเผยสีหน้าเป็นกังวลอย่างที่สุด เมื่อตอนนี้เจ้าหญิงคางาริ ยูระ อัธฮา บุตรสาวเพียงคนเดียวของ

    อุซึมิ นาระ อัธฮา ราชาผู้เป็นใหญ่ในดินแดนเวทย์มนต์ หรือดินแดนที่ถูกขนานนามว่า ดินแดนสีขาว  กำลังล้มป่วยลงด้วยโรคที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน จึงสร้างความปวดร้าวใจให้กับพระราชาเป็นอย่างมาก ยิ่งในตอนนี้อาการของเจ้าหญิงน้อยวัย 10 ขวบ กำลังทรุดหนักลงทุกที ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหากปล่อยไว้เจ้าหญิงจะต้องสิ้นพระชนม์ในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน

     

    มาน่าเจ้าแน่ใจแล้วน่ะ ว่าประกาศหาตัวหมอที่เก่งที่สุดมาแล้วนะ

     

    เพคะฝ่าบาท ตอนนี้หมอทั่วทั้งอาณาจักรออร์บมากันหมดแล้วเพคะ

     

    ราชาแห่งออร์บใคร่ครวญถึงสิ่งที่ มาน่า แม่นมขององค์หญิงน้อยพูดไว้เมื่อครู่นี้

     

    งั้นมาน่า เจ้าจงไปตาม คิซากะ มาพบข้าโดยเร็ว

     

    เพคะฝ่าบาท

     

    เมื่อรับคำสั่งจากพระราชา มาน่าก็จึงตรงไปหาทหารคนสนิทของพระราชาที่มีนามว่า คิซากะทันที

     

    ฝ่าบาท ข้าน้อยคิซากะมารับใช้พระองค์แล้วพะยะค่ะ

     

    คิซากะ จงฟังข้าและถ่ายทอดคำสั่งไป ในนามของกษัตริย์แห่งออร์บ ข้าขอสั่งให้เจ้าจงรีบนำหมอทุกคนมาที่นี่

     

    แต่ฝ่าบาทเราตามหมอทุกคนมาหมดแล้วน่ะพะยะค่ะ

     

    ทุกคนที่ข้าว่าหมายถึง ทั้งจากดินแดนเวทย์มนต์ไม่ว่าจะในหรือนอกแคว้นเรา แม้แต่…”

     

    เมื่อถึงตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ยากจะเอ่ยนามนั้นมาได้ แต่เพื่อบุตรีเพียงคนเดียวที่รักยิ่งกว่าสิ่งใดแล้ว ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้น

     

    แม้แต่ในดินแดนต้องห้ามเจ้าก็ต้องหาหมอ หรือวิธีการที่จะรักษาโรคนี้มาให้ได้

     

    ขออภัยฝ่าบาท จะให้กระหม่อมบุกน้ำลุยไฟไปที่ใดกระหม่อมไม่เคยหวั่นเกรง แต่ฝ่าบาทในดินแดนต้องห้ามนั้นมีแต่พวกอสูรและปีศาจที่คอยกัดกินผู้คน ในที่แบบนั้นกระหม่อมเห็นควรว่า

     

    ไม่มีแต่คิซากะ หากเจ้ายังเห็นแก่ข้าบ้างแล้วล่ะก็ได้โปรด สำหรับข้าแล้วไม่สิ สำหรับอาณาจักรออร์บแห่งนี้แล้วเจ้าจะต้องช่วยข้าด้วยนะคิซากะ ฟังข้าให้ดี ครั้งหนึ่งนั้นข้าเคยได้ยินมาว่า ณ ที่แห่งนั้นมีหมอที่เก่งกาจอยู่คนหนึ่ง นางสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด และตอนนี้สำหรับข้านางคือฟางเส้นสุดท้ายที่เราต้องรีบคว้าไว้แล้วคิซากะ

     

    ในขณะที่คิซากะกำลังลังเลอยู่นั้น ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นที่ห้องของเจ้าหญิงคางาริ

     

    กรี๊ด!!!!!!! องค์หญิง

     

    เมื่อได้ยินเสียงร้องมาจากห้องของเจ้าหญิงน้อยซึ่งอยู่ไม่ไกลนักทั้งสองจึงรีบวิ่งมาดูอาการของเจ้าหญิงคางาริอย่างรวดเร็ว

     

    มีอะไรมาน่า!!! คางาริเป็นอะไรไป

     

    พระราชาอุซึมิรีบถามด้วยความเป็นห่วง ด้วยกลัวว่าบุตรสาวของตนจะตายจากไปเหมือนราชินีสุดที่รักของเขา

     

    เจ้าหญิงทรงกระอักเลือดเพคะฝ่าบาท

     

    มาน่ารีบทูลตอบฝ่าบาทในขณะที่หมอหลวงกำลังหาทางให้เจ้าหญิงบรรเทาอาการเจ็บปวดให้เร็วที่สุด แต่ถึงกระนั้นเจ้าหญิงน้อยก็ยังไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้นเลย ซ้ำร้ายยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม พระราชานึกเสียพระทัยยิ่งนัก ทั้งที่ตนเองเป็นถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรนี้ไม่ยิ่งย่อนไปกว่าแคว้นใด แต่ ณ เวลานี้ยามที่บุตรสาวของตนต้องทุกข์ทรมานที่สุด เขากลับทำได้แค่ยืนมองเท่านั้น นี่เขาจะทำอะไรไม่ได้เลยรึไงกัน ยิ่งคิดพระราชาก็ทรงปวดพระทัยยิ่งนัก ถึงกับทรงกันแสงออกมา

     

    ฝ่ายทหารคนสนิทรับรู้ได้ถึงความเสียพระทัยในครั้งนี้ จึงมิอาจนิ่งเฉยต่อไปได้อีก

     

    ฝ่าบาท กระหม่อมจะทำตามบัญชาของฝ่าบาท กระหม่อมจะรีบเดินทางโดยเร็วเพื่อตามหาหมอวิเศษผู้นั้นให้พบให้จงได้ แม้ชีวิตจะหาไม่ กระหม่อมจะไม่ขอกลับมาจนกว่าจะ พบนาง ขอฝ่าบาทโปรดวางพระทัย

     

    คิซากะ นี่เจ้า

     

    ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็มิอาจนิ่งดูดายเห็นองค์หญิงทรงทุกข์ทรมานอยู่ได้ ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ชีวิตขององค์หญิงมีค่าสำหรับทุกคนในอาณาจักรแห่งนี้ฝ่าบาท

     

    ขอบใจเจ้ามากคิซากะ ข้าขอฝากเจ้าด้วยนะ

     

    น้อมรับคำบัญชา

     

    คืนนั้นเองคิซากะรีบรุดหน้าเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งความมืดเพื่อตามหาหมอวิเศษผู้ที่เขาเองก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่เพื่ออาณาจักรแห่งออร์บแล้ว อัศวินคิซากะผู้นี้จะไม่มีวันถอยเด็ดขาด

     

    ******************************************************

     

    ในอดีตกาลโลกคู่ขนานแห่งนี้ถูกแยกออกจากโลกที่เราอยู่โดยสิ้นเชิง ไม่มีทางใดที่จะเชื่อมต่อถึงกันได้ แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งจอมราชาผู้ยิ่งใหญ่จอห์น เกลน ได้เปิดมิติแห่งเวลาร่ายเวทย์ต้องห้ามแห่งกาลเวลาทั้งปวงเปิดมิติเชื่อมต่อโลกคู่ขนานกับโลกของมนุษย์เข้าด้วยกันเพื่อหมายจะเข้ายึดครองให้โลกทั้ง 2 ด้านเป็นของตนแต่ผู้เดียว

     

    ทว่าบรรดาผู้คนที่อยู่ในโลกคู่ขนานแห่งนี้มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของจอห์น เกลน จึงร่วมมือกันต่อต้านและล้มล้างบุคคลผู้นี้ได้ในที่สุด แต่พวกเขากลับมองข้ามปัญหาสำคัญไปเรื่องหนึ่งนั่นคือ ประตูแห่งมิติเป็นคาถาต้องห้าม มีเพียงผู้สืบสายเลือดของผู้สร้างคาถานี้ขึ้นมาเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่จอห์น เกลน ผู้นี้ไม่มีบุตรด้วยเหตุนี้ ประตูจึงมิอาจปิดได้ บรรดาจอมขมังเวทย์ทั้งปวงต่างพากันคิดหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา จนสุดแล้วจึงได้ตกลงกันว่า แม้ประตูนั้นมิอาจปิดได้แต่หากรวมพลังเวทย์ของทุกคนแล้วน่าจะสามารถย่อขนาดของประตูลงได้ และให้ใครผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาเขตแดนนี้ไม่ให้ใครเข้าออกได้

     

    เมื่อเวลาผ่านไป ความแตกต่างในเผ่าพันธุ์ยิ่งปรากฏชัดขึ้น ข้อขัดแย้งต่างๆ เริ่มตามมา พวกเขามิอาจอยู่ร่วมกันได้อีก ดินแดนในโลกคู่ขนานนี้จึงถูกแยกออกจากกันด้วยเผ่าพันธุ์แห่งสายเลือดผู้หยิ่งทนงในตนเอง อันได้แก่

     

    ดินแดนแห่งเวทย์มนต์ หรือ ดินแดนสีขาว เป็นดินแดนของผู้มีอำนาจแห่งเวทย์มนต์สีขาว มีกายาเป็นมนุษย์ ทั้งยังเป็นผู้หลั่งเลือดสีแดง ที่แห่งนี้ปกครองด้วยแว่นแคว้นใหญ่น้อยมากมาย แต่มี 3 อาณาจักรใหญ่ ที่ยิ่งใหญ่เหนืออาณาจักรใดในที่แห่งนี้ คือ

    อาณาจักรทางทิศเหนือ อาณาจักรออร์บ มีพระราชาอุซึมิ ยูระ อัธฮา เป็นประมุขปกครองอาณาจักรนี้ และยังเป็นผู้นำของดินแดนสีขาวแห่งนี้เช่นกัน

    อาณาจักรทางทิศตะวันตก อาณาจักรซาร์ฟ มีกษัตริย์ พระนามว่า กิลเบิร์ต  ดูแรนดอล ปกครองอยู่

    อาณาจักรทางทิศใต้ ผู้ไม่ขึ้นตรงกับใครทั้งสิ้น เป็นอาณาจักรที่ปกครองตนเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายใด คือ อาณาจักรอาร์คแองเจิ้ล มี มู รา ฟลาก้า เป็นกษัตริย์ปกครองผืนดินทางทิศใต้นี้

    นอกจากนั้นยังมีอีกอาณาจักรหนึ่ง เป็นอาณาจักรทางทิศตะวันออก ที่มักใหญ่ใฝ่สูง หวังจะเป็นใหญ่ในดินแดนสีขาวแห่งนี้ อาณาจักรอูนาโต ปกครองโดย  อูนาโต เอม่า เซรัน

     

     

    ดินแดนสีดำ เป็นดินแดนของผู้หลั่งเลือดสีดำ ดินแดนแห่งความมืดที่ถูกขนานนามว่า ดินแดนแห่งปีศาจ เพราะเหล่าผู้ปกครองและอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสิ้น ผู้มีสายเลือดแห่งปีศาจแม้จะมีร่างกายเหมือนมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับเหล่าผู้คนในดินแดนสีขาว ทว่าเผ่าพันธุ์นี้กลับมีสติปัญญาและพลังเวทย์ที่เหมือนกว่าในด้านการทำลายล้าง ไม่ใช่เหตุผลเพื่อรักษาผู้คนเหมือนเวทย์สีขาว พวกเขาใช้แต่เวทย์แห่งความมืดปกครองผู้คน เป็นที่หวั่นเกรงของเหล่าเวทย์ขาวเป็นอย่างมาก

     

    ถึงเผ่านี้จะมากด้วยสติปัญญาและพละกำลังที่เหนือกว่าเหล่าดินแดนสีขาวแล้ว ก็ยังต้องพ่ายแพ้แก่เหล่าอสูรในด้านพละกำลังที่อยู่เหนือทั้ง 3 เผ่าพันธุ์

     

    ดินแดนแห่งปีศาจใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากดินแดนเวทย์มนต์ ปกครองอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียว คือ อาณาจักรเดสทินี ที่มี ลาอู เลอ ครูเซ่ เป็นจ้าวผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้

     

    ดินแดนของผู้หลั่งเลือดสีน้ำเงิน ดินแดนอสูร เป็นดินแดนของผู้มีร่างกายทั้ง 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นมนุษย์เหมือนคนทั่วไป แต่อีกด้านหนึ่งมีกายาเป็นอสูรกาย ตามแต่เผ่าพันธุ์และสายเลือด มีพละกำลังเหนือผู้ใดจะต้านทาน

     

    แม้จะเป็นดินแดนที่เล็กกว่าดินแดนทั้ง 2 แต่หาได้เป็นดินแดนที่อ่อนแอไม่ ณ ที่แห่งนี้มี 2 อาณาจักรปกครองร่วมกันโดยสายเลือด ต่างกันเพียงแค่ภูมิประเทศและสภาพอากาศเท่านั้น

     

    อาณาจักรแรกคือ อาณาจักรแพลนท์ ปกครองโดยแพททริก ซาล่า เป็นอาณาจักรที่มีความอุดมสมบูรณ์ และสวยงามเกินกว่าจะถูกเรียกว่า ดินแดนแห่งอสูรกาย เพราะที่แห่งนี้ดูไม่ได้ต่างไปจากดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิเลย

     

    และอาณาจักรสุดท้ายคือ ดินแดนหิมะ ที่แห่งนี้ไร้ซึ่งผู้คนอยู่อาศัยเนื่องด้วยความหนาวเย็นจากหิมะที่กัดกินดินแดนแห่งนี้ตลอดทั้งปี ทว่าดินแดนแห่งนี้หาได้ไร้ซึ่งผู้ดูแลไม่ เพราะยังมีสายเลือดที่สืบทอดในการปกครองดินแดนแห่งความหนาวเย็นแห่งนี้อยู่ สายเลือดที่ว่านั้นคือ ลักส์  ไคลน์ ผู้เป็นน้องสาวของราชินีแห่งแพลนท์

     

    ดินแดนหิมะแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นดินแดนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอยู่เหนือสุดของโลกคู่ขนานแห่งนี้ ทั้งยังเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถใช้ในการควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศ ของโลกแห่งนี้ได้ด้วย เวทย์แห่งธรรมชาติ

     

    ทั้งสามสายเลือด สามเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ต่างถูกแบ่งแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจมารุกรานตนจึงต่างก็ร่ายเวทย์เพื่อปกป้องดินแดนของตน ด้วยเวทย์ต้องสาป ที่หากว่าใครมิใช่สายเลือดแห่งดินแดนนั้นจะสูญสิ้นซึ่งอำนาจแห่งเวทย์ทั้งปวง ต่อเมื่อยืนอยู่ ณ เขตแดนที่มิใช่อาณาจักรแห่งสายเลือดของตน

     

    แต่เดิมพวกเขาเคยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทว่าความขัดแย้งก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนถูกฆ่าตาย โดยเผ่าพันธุ์อสูร ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใดก็ตามแต่ เหล่านักเวทย์สีขาวมิอาจให้อภัยได้ จึงกลายเป็นข้อถกเถียงกันเรื่อยมา จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ จนเปิดสงครามเข้าห่ำหั่นกัน มีผู้ล้มตายทั่วทุกแดนดิน จนในที่สุดรอยแยกของความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีมา มลายสิ้นไปจนหมด เมื่อต่างคนต่างหันหลังให้แก่กัน ดาบและเวทย์พร้อมจะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อปลิดชีพอย่างไม่ปราณี  มาบัดนี้พวกเขาไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อีก โลกแห่งนี้จึงถูกแบ่งแยกเป็น 3 เผ่าพันธุ์เพื่อรอวันหวนคืนกลับมาสู่สงครามอีกคราวหนึ่ง

     

    และนี่คือเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายร้อย หลายพันปีก่อน และมันจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า เมื่อใดก็ตามที่กงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุนอีกครั้ง ชายผู้เป็นใหญ่จะกลับมาทวนสิทธิ์ของเขาคืน ด้วยการรวมอาณาจักรแห่งนี้เข้าด้วยกัน ด้วยเลือดและน้ำตาของผู้คนทั่วทุกดินแดน ดอกไม้จะไม่ผลิบาน สายน้ำทุกแห่งจะกลายเป็นสีแดงฉาน ท้องฟ้าจะไม่ส่องด้วยแสงตะวัน ทุกสรรพสิ่งจะหยุดนิ่งในบัดดล กาลเวลาจะไหลย้อนกลับ และทุกดินแดนจะล่มสลายเพียงเพราะการนำพาของเด็กแห่งโชคชะตา

     

                                                                                จาก คำทำนายของ เทพพยากรณ์ ลูน่ามาเรีย  ฮอว์ค

     

     

    *************************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×