คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Sanada Genichirou & Akimoto Pinku Series 2 part 6 : เพราะเป็นเธอ
Sanada Genichirou & Akimoto Pinku
Series 2 part 6 : เพราะเป็นเธอ
“ส่วนอากุ … เธอลองคิดทบทวนดูซิ … ว่าเธอถามเก็นอิจิโร่แบบนั้นเพราะอะไร”
คำพูดของเสนาธิการชมรมดังก้องวนเวียนอยู่ในหัวของจักพรรดินีไปมาไม่หยุดหย่อน เด็กสาวนั่งกอดเข่าอยู่ที่สนามหญ้าข้างทางติดกับแม่น้ำ ตลอดวันนี้เธอเอาแต่คิดมาตลอด … เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้เรียกร้องสิ่งต่างๆมากมายจากจักพรรดิผู้นี้นัก
“นี่เรา … รู้สึกแบบนั้นกับเก็นอิจิโร่จริงๆหรอ …”
พิงกุพึมพำพลางซบหน้าลงกับเข่าของตนเอง … เพียงแค่เดือนกว่าที่เธอได้ใกล้ชิดกับซานาดะมากขึ้นมันทำให้ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวงั้นหรือ
ติ๊ง ~
จู่ๆเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น พิงกุเงยหน้าขึ้นจากเข่าก่อนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องน้อยออกมาทันที นิ้วเรียวกดเปิดข้อความอ่านอย่างไม่มีกระจิตกระใจเท่าไหร่นัก
‘พิงกุเป็นยังไงบ้าง? ใกล้สอบปลายภาคแล้วสินะ ตอนนี้เซชุนก็ใกล้สอบแล้วเหมือนกัน อย่าลืมอ่านหนังสือด้วยล่ะ ปิดเทอมก็แวะมาเที่ยวหาฉันกับพ่อหน่อยก็ได้☺ มิซึอิ’
“จริงสิ … มิซึอิกับเทะสึกะคุงยังคบกันอยู่รึเปล่านะ”
พิงกุเผยยิ้มบางให้ข้อความในโทรศัพท์ของตน … มิซึอิเป็นพี่สาวฝาแฝดของพิงกุแต่หลังจากพ่อกับแม่แยกทางกันมิซึอิก็อยู่กับพ่อมาตลอดและมิซึอิยังเป็นแฟนกับเทะสึกะกัปตันชมรมเทนนิสของเซชุนซึ่งทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว บางทีเธอก็แอบอิจฉาพี่สาวเหมือนกันนะที่คบกับเทะสึกะนานตั้ง 3 ปีโดยที่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้จืดจางลงเลยแม้แต่น้อย
ติ๊ด
หลังจากพิมพ์ข้อความตอบกลับไปเสร็จ เด็กสาวก็กดส่งไปในทันที บางทีเธอน่าจะคุยกับพี่สาวบางก็ดีนะเผื่อมิซึอิอาจจะให้คำแนะนำดีๆกับเธอก็เป็นได้
………………………………………………………………………………………………………………
ณ คฤหาสน์ซานาดะ
หลังจากเลิกชมรมตามเวลาปกติซานาดะก็ตรงกลับบ้านในทันที วันนี้พิงกุไม่ได้มาที่ชมรมเหมือนอย่างเคยพวกสมาชิกบางคนที่ไม่รู้เรื่องจึงโวยวายกันเป็นแถว แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำก่นด่าออกไปหรอกนะเพราะสาเหตุที่พิงกุไม่ได้มาที่ชมรมมันก็เป็นเพราะตัวเขาเองนี่นา …
ครืด …
เมื่อถึงบ้านร่างสูงก็ไม่รอช้าจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง เพราะบ้านของเขาเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ทรงญี่ปุ่นโบราณจึงสามารถเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านครอบครัว … อีกสาเหตุที่เขาเลือกห้องด้านนอกสุดของบ้านเพราะมันสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ถนัดตาที่สุด
ซานาดะวางกระเป๋าแร็กเก็ตของตนเองลงบนโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวเตี้ยก่อนร่างสูงจะนั่งลงไปตาม มือใหญ่เท้าคางของตนไว้พลางเหม่อมองออกไปที่หน้าต่าง …
‘นี่เราเป็นอะไร … เพราะอากิโมโตะงั้นหรอ’
เด็กหนุ่มคิดพลางถอนหายใจ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่รู้สึกเข้าใจตัวเองซักนิด ร่างสูงลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อไปอาบน้ำทันที … บางทีถ้าเขาลองไปอาบน้ำอาจจะทำให้ใจเย็นลงหรือรู้สึกสบายใจขึ้นก็ได้นะ
ต่อมา …
หลังจากซานาดะอาบน้ำ ทานอาหารเย็น ฝึกกล้ามเนื้อและดาบอิไอโด้ตามตารางที่เขาต้องปฏิบัติทุกวันก็เลยเวลาเป็นสองทุ่มพอดิบพอดี เด็กหนุ่มจึงเปิดประเป๋าแร็กเก็ตแล้วควานหาสมุดเลกเชอร์ที่ตนเองสรุปแนวข้อสอบไว้ทันที … หากแต่ว่าเขาหามันไม่เจอ!?
ร่างสูงขมวดคิ้วแน่นพลางรื้อเอาหนังสือ ไม้เทนนิสและลูกเทนนิสออกมาจนภายในกระเป๋ามีเพียงความว่างเปล่า … แต่เขากลับไม่พบสมุดเลกเชอร์เล่มนั้นเลย ที่ผ่านมาเขาเอาแต่เคลียงานเพื่อเตรียมสอบจึงไม่ได้เอะใจเรื่องสมุดเลยแม้แต่น้อย
‘สมุดเลกเชอร์ … เราให้อากิโมโตะยืมไปนี่นา’
เมื่อฉุกคิดได้ว่าสมุดเลกเชอร์ของตนอยู่ที่ใครร่างสูงก็เบาใจไปได้ว่าตนไม่ได้ทำหาย … แต่มันอยู่ที่พิงกุ เด็กสาวที่ตอนนี้ความรู้สึกยังคลุมเครือกันอยู่ … แล้วเขาจะกล้าไปขอคืนได้ยังไงล่ะ?
ซานาดะนั่งครุ่นคิดกับตัวเองอยู่นานก่อนเขาจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหารายชื่อเบอร์โทรของจักพรรดินีตัวแสบทันที
ติ๊ด …
เมื่อกดโทรออกไป อวัยวะในอกข้างซ้ายก็เต้นส่ำไม่เป็นท่า … มือใหญ่เผลอยกขึ้นมาทาบมันไว้ด้วยความแปลกใจ ปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา?
(โมชิโมชิ ? )
“… อากิโมโตะ”
น้ำเสียงใสถูกส่งมาจากปลายสาย … น้ำเสียงของพิงกุดูแปลกใจเล็กน้อยที่เขาโทรไปหาเธอในเวลาแบบนี้ หากแต่ซานาดะกลับเริ่มเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกทั้งที่ก็แค่ต้องพูดขอเลกเชอร์คืนแท้ๆ?
(มีอะไรหรอ ?)
“เลกเชอร์ฉันน่ะ”
(ห๊า … ล เลกเชอร์อะไรอ่ะ)
“เลกเชอร์ที่ฉันให้เธอยืมเมื่อสามอาทิตย์ก่อน”
(………………………………………)
“เฮ้ย ? ฟังอยู่รึเปล่าอากิ ….”
(ฉันลืมเลกเชอร์นายไว้ที่โรงพยาบาลอ่ะ!!)
เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเงียบไป ซานาดะจึงเอ่ยเรียกเธออีกครั้งหากแต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคน้ำเสียงใสก็ตะโกนออกมาดังลั่นจนเขาต้องยกโทรศัพท์ออกจากหูตนเอง แต่คำตอบของเด็กสาวกลับทำให้ซานาดะต้องเบิกตากว้างแทน …
“นี่เธอว่ายังไงนะ?!”
(ฉันขอโทษน้าเก็นอิจิโร่ T^T ~)
“ยัยบ้าเอ้ยแล้วฉันจะเอาอะไรอ่านสอบห๊ะ!!”
(ฉันขอโทษ ฉันจะไปเอาให้นายเดี๋ยวนี้แหละจะเอาไปให้ถึงบ้านเลย รอแปปนะ ; [ ] ;)
ติ๊ด
“เฮ้ย เดี๋ยวสิอากิโมโตะ!!”
ยังไม่ทันที่จะเอ่ยห้ามจบเด็กสาวจอมแสบก็ตัดสายเขาทิ้งไปแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะบุกไปโรงพยาบาลตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้น่ะ ? !
“ยัยบ้าเอ้ย ชิ ..”
ซานาดะสบถก่อนลุกขึ้นแล้วเปิดประตูวิ่งออกไปนอกตัวบ้านทันที เขาไม่มีทางปล่อยให้เด็กสาวตัวคนเดียวทำเรื่องบ้าบอแบบนั้นเพราะมีตัวเองเป็นตนเหตุหรอกนะ
ต่อมา …
ตึก ตึก ตึก ตึก !
“เฮ้ย อากิโมโตะ!!”
“อ๊ะ เก็นอิจิโร่ ?!”
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงร่างสูงก็พาตัวเองมาถึงโรงพยาบาลที่ไม่ได้มาเหยียบนานกว่าสามอาทิตย์ได้ฉับพลันสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวร่างบางยืนอยู่พอดี เด็กหนุ่มจึงตะโกนเรียกเธออย่างไม่ลังเลซึ่งพิงกุก็หันกลับมาตามเสียงเรียกแล้วตะโกนตอบเสียงหลงเช่นกัน … เธอก็ดีใจนะที่ซานาดะออกมาเป็นเพื่อนด้วยน่ะอย่างน้อยก็ไม่ต้องบุกเดี่ยวแล้ว ~
“เธอคิดจะเข้าไปเอาสมุดของฉันตอนนี้เนี่ยนะ”
“ก … ก็ฉันไม่อยากให้นายลำบากอ่ะ T^T”
พิงกุเบะปากใส่ซานาดะก่อนตวัดสายตามองเข้าไปในโรงพยาบาล ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้วถึงแม้มันจะไม่ดึกมากนักแต่บรรยากาศตรงหน้าก็วังเวงน่าดู เหงื่อเริ่มผุดตามใบหน้าเด็กสาวเล็กน้อยก่อนเธอจะกลืนน้ำลาย … ทำไงได้ก็เธอเกลียดความมืด เกลียดความเงียบเหงาและการอยู่คนเดียวนี่นา
หมับ
“อ .. เอ๋?”
จู่ๆมือใหญ่ก็จับหมับเข้าที่มือบางของเธอกะทันหัน พิงกุตกใจเล็กน้อย เธอก้มมองมือใหญ่ของร่างสูงก่อนเงยหน้ามองใบหน้าคมคายที่ยังคงมองตรงไปด้านหน้าอยู่ … จักพรรดิแห่งริคไคจะหลบหน้าจักพรรดินีทุกทีแหละ … เฉพาะเวลาเขินน่ะ
“กลัวอะไรไม่เข้าท่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย”
“เก็นอิจิโร่ ….”
“เอ้า เข้าไปกันได้แล้ว”
ซานาดะกระชับมือบางที่ตนเองกุมอยู่ไว้แน่นก่อนจะดึงพาร่างเล็กเข้าไปในโรงพยาบาลทันที พิงกุพยักหน้ารับก่อนเผยยิ้มบางแล้วก้าวเดินตามแรงดึงของร่างสูงพลางทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างของซานาดะที่นำหน้าตนอยู่
“ผมจะมาเอาของที่ลืมไว้เมื่อสามอาทิตย์ก่อนครับ”
ไม่รอช้าเมื่อเข้าไปในตัวของโรงพยาบาล .. เด็กหนุ่มก็ตรงรี่เข้าไปที่เคาท์เตอร์พยาบาลทันที วันนี้รีบมากเขาจึงไม่ได้เอาหมวกมาใส่ข่ม(?)ซะได้
“อ … เอ่อ … ที่ห้องอะไรคะ”
“ห้อง 511 ค่ะ!”
เด็กสาวเอ่ยตอบกลับไปบ้าง … ก็ไม่อยากให้ซานาดะได้ซีนอยู่คนเดียวนี่นา
“มีคนไข้พักอยู่นะคะ”
“เราก็แค่อยากจะไปเอาของครับ!/ค่ะ!”
ทั้งสองคนแย่งพูดพร้อมกันก่อนร่างสูงจะหันหน้าไปมองร่างบางทันที ซึ่งเธอเองก็หันมามองหน้าเขาเช่นกัน สีหน้าของทั้งคู่ตอนนี้ไม่มีใครยอมใครเลยแม้แต่น้อย
“ก … ก็ได้ค่ะ นี่ค่ะบัตรเยี่ยมผู้ป่วย”
พยาบาลสาวพยักหน้าอย่างงุนงงก่อนส่งยื่นบัตรเยี่ยมให้เด็กทั้งสอง มือใหญ่รีบคว้าบัตรกระดาษนั่นมาไว้ในมือก่อนดึงพาร่างบางออกไปจากเคาท์เตอร์ในทันที
หลังจากทั้งคู่พากันขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 5 แล้ว แววตาก็พลางมองหาเลขห้องไปด้วย ท่ามกลางความเงียบสงัดมือของพิงกุเริ่มจับมือของซานาดะแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัวหากแต่คนที่รู้สึกตัวเป็นร่างสูงแทน ซานาดะก้มมองร่างเล็กข้างตนเล็กน้อย … ‘ยัยบ้านี่กลัวขนาดนั้นเลยงั้นเรอะ …’
แอ๊ด ปัง
แต่แล้วเสียงของประตูห้องที่ถูกเปิดออกก็เรียกสติของเด็กทั้งสองเอาไว้ก่อนจะปรากฏบุรุษพยาบาลหนุ่มคนหนึ่งกำลังเข็นเตียงคนไข้สีขาวออกมาจากห้องพักผู้ป่วยที่ถูกเปิดขึ้นเมื่อกี้ … เป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งซานาดะและพิงกุเดินมาถึงหน้าห้องนั้นพอดีและเมื่อเงยหน้ามองก็พบกว่าเลขห้องนั้นเป็นเลขเดียวกับห้องที่พิงกุเข้าพักตัวเมื่อสามอาทิตย์ก่อน
“อ … เอ่อ … ขอโทษนะคะ คุณคนนี้เค้าเป็นอะไรหรอคะ”
“อ๋อ … ยายคนนี้แกเพิ่งตายเมื่อไม่นานเองครับทางโรงพยาบาลว่าจะโทรไปแจ้งญาติอยู่”
“ร … หรอคะ ขอบคุณนะคะ ^^;”
สิ้นคำตอบของบุรุษพยาบาลทั้งสองคนก็มองหน้ากันทันใด … และเมื่อชายคนนั้นเข็นเตียงคนไข้ผู้ไร้ลมหายใจขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ซานาดะและพิงกุที่ยืนเงียบกันมานานจึงต้องทำใจกล้าพากันเดินเข้าไป
แอ๊ด …
“ก … เก็นอิจิโร่ …”
เมื่อร่างสูงเปิดประตูห้อง 511 ออก พิงกุก็เริ่มใช้มืออีกข้างเกาะแขนแกร่งเอาไว้แน่น ใบหน้าของเธอดูเครียดมาก … เขาก็พอรู้มาหรอกนะว่าพิงกุเกลียดความมืดและความรู้สึกวังเวงแบบนี้แต่ไม่นึกว่าเธอจะกลัวถึงขั้นยอมเกาะแขนของร่างสูง … ก็พิงกุน่ะหวงศักดิ์ศรีของตัวเองจะตายไป
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไปเอาสมุดมาสิเธอเอาไว้ไหน”
“ฉันเอาไว้ใต้หมอนอ่ะ … อ เอาไว้ใต้หมอน!!”
“ห๊า ?!”
“หมอนบนเตียงอ่ะเก็นอิจิโร่!!”
“แสดงว่า … หมอนก็อยู่กับเตียงที่บุรุษพยาบาลเข็นไป”
“มันก็เท่ากับว่า …. ยายคนนั้นนอนทับอยู่”
สิ้นประโยคของพิงกุทั้งสองคนก็มองหน้ากันอีกครา … หากแต่คราวนี้พิงกุกลับเป็นฝ่ายหลบหนีใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกผิดที่ประดังเข้าเล่นงานเธอไม่ยั้ง
“ฉันขอโทษนะ … ขอโทษจริงๆ”
“……… ช่างมันเถอะ”
พิงกุเอ่ยเสียงแผ่ว .. เธอบีบมือใหญ่ที่กุมมือของตนไว้ ซานาดะนิ่งไป ไม่ใช่ไม่รู้หรอกว่าเธอรู้สึกแย่แค่ไหนแต่เขาก็ไม่รู้สึกโกรธหรอกนะ … ทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นจะไล่ให้ไปเอามาแทบทุกคนซะแล้วเชียว
และคำตอบของซานาดะทำเอาเด็กสาวต้องเงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจอีกครั้ง
“น … นาย … ไม่โกรธหรอ?”
“…. จะโกรธได้ยังไงล่ะ”
“….. ? …..”
“ก็คนทำมันเป็นเธอนี่ไง”
“… ! ? ….”
“กลับบ้านกันเถอะ ดึกแล้ว”
ปัง
ร่างสูงดึงร่างเล็กให้ก้าวออกมาจากห้องกว้างก่อนเขาจะปิดประตูไม้สีสวยนั่นลง พิงกุก้าวเดินตามแรงของคนตรงหน้าที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกตลอดระยะทางที่เดินออกมา … ทำไมนับวันเธอกับซานาดะถึงได้มีแต่คำพูดแปลกๆให้ฟังกันได้บ่อยนักนะ …?
หรือว่า ….. ความรู้สึกมันเหลือล้นจนไม่สามารถเก็บไว้ได้ ?
แล้วเมื่อไหร่ … เมื่อไหร่จะพูดออกไปซักที?!
‘มิซึอิ … ฉันว่าฉันคงต้องโทรหาเธอแล้วล่ะนะ’ …..
To be continued
......................…………………………………………………………………………………………………………………
ตอนนี้ลบหลายรอบมากค่ะ ผลสุดท้ายก็ได้ออกมาแบบนี้ 555 T^T!
ถ้าไม่สนุกก็ขอโทษนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจ้า มีกำลังใจอัพเยอะแยะเลย เย้ ! >O<
ความคิดเห็น