คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Sanada Genichirou & Akimoto Pinku Series 2 part 4 : แล้วถ้าชอบล่ะ?
Sanada Genichirou & Akimoto Pinku
Series 2 part 4 : แล้วถ้าชอบล่ะ?
“เอ้า นี่”
ฟึ่บ
มือใหญ่ใช้สมุดเลกเชอร์เล่มน้อยตีที่หัวของร่างบางบนเตียงเบาๆราวกับเป็นการเรียกสติ ขนาดเขาเปิดประตูเข้ามาเธอก็ยังไม่ได้ยิน เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ได้
“อะไรเล่า”
พิงกุขมวดคิ้วก่อนมุ่ยหน้าเงยมองร่างสูงของซานาดะที่กำลังเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ก็ดอกไม้เก่าน่ะเริ่มร่วงโรยแล้วพอเลิกเรียนเขาเลยแวะไปซื้อดอกไม้ใหม่มาเปลี่ยนให้เธอไงล่ะ …
“เลกเชอร์แนวข้อสอบปลายภาค”
“จริง …. อ่ะ? … นายจดให้ฉันเองหมดเลยหรอ”
“…. !! ….”
เด็กสาวเปิดเลกเชอร์เล่มน้อยไปมาอย่างสนใจพลางเอ่ยปากถามร่างสูงข้างเตียงไปด้วย ซานาดะกระตุกเล็กน้อยก่อนถอดหมวกสีดำออกแล้วเดินไปวางมันบนโต๊ะอาหารแทน … เขาจงใจเมินเธอชัดๆ
“นี่ ตอบมาหน่อยสิ นายจดให้ฉันหรอ?อีกอย่างดอกไม้นั่นก็ด้วย”
“เลกเชอร์นั่นฉันแค่ให้ยืม ดอกไม้ฉันซื้อมาเปลี่ยนเพราะของเก่ามันเสียแล้วก็เท่านั้น”
“ใส่ใจกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันพ่อจักพรรดิตัวดี ~”
“ไร้สาระ ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำ - -*”
“จริงอ้ะ ~~ ?”
“ฮึ่ย .. !!”
ซานาดะส่งเสียงคำรามในลำคออย่างขัดใจก่อนเดินถือดอกไม้เหี่ยวแห้งนั่นออกไปทิ้งข้างนอกทันที ทิ้งข้างในห้องคนป่วยไม่ได้หรอกมันสกปรก … จักพรรดินีตัวดีคิดจะต้อนเขาให้จนมุมจนได้เลยสินะ
พิงกุเก็บเลกเชอร์ไว้ใต้หมอนก่อนเท้าคางมองร่างสูงที่เดินออกไปยิ้มๆ เธอเริ่มรู้สึกว่าซานาดะและเธอสนิทกันมากขึ้นกว่าเก่า ผิดกับตอนปี 1 ที่ไม่ลงรอยกันแทบทุกเรื่อง
แอ๊ด ปัง
เมื่อร่างสูงกลับเข้ามาเธอก็หันไปมองพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ทันใด ซานาดะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนทำเมินไม่สนใจ … เมื่อเห็นท่าทีจักพรรดิเป็นแบบนั้นก็ทำเอาจักพรรดินีอดหัวเราะไม่ได้ซะแล้วสิ
“เธอขำอะไรห๊ะ?!”
“ขำนายนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ >[ ]<”
“มีอะไรน่าขำ!”
“พักนี้นายชอบทำเหมือนเขินฉันเลยนะเนี่ย ~”
“เรื่องพรรค์นั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่!”
ซานาดะคำรามอย่างนึกโมโหร่างบางตรงหน้า สามวันแล้วสินะที่เขามาเฝ้าเธออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ถึงแม้มันจะทำให้เขาไม่ได้ไปซ้อมเลยก็ตามที … แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียดายซักนิด
พิงกุหัวเราะเสียงดังกับท่าทีของซานาดะที่ดูเหลอหลาไม่น้อยแม้จะพยายามกลบเกลื่อนด้วยความโกรธก็ตามที … รู้น่าว่าซานาดะน่ะเขินแต่เพราะปากแข็งมาตั้งแต่เด็กน่ะสิเลยชอบตะคอกเสียงดังแบบนี้
“เออใช่ฉันได้ยินมาจากยานางิคุงว่าฮายะอยากเรียนภาษาอังกฤษหรอ”
“อืม .. ใช่ - -”
เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องทันใดก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมา ซานาดะมองต้นเสียงก่อนพยักหน้ารับเบาๆ
“งั้นหรอ … สงสัยแอบไปปิ๊งสาวที่ไหนมาแหงเลย ~”
พิงกุเอ่ยพลางหยิบหูฟังในลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างเตียงออกมาก่อนเสียบเข้าที่โทรศัพท์ของตัวเอง ซานาดะไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหยิบสมุดการบ้านในกระเป๋านักเรียนออกมาแล้วนั่งทำมันบนโต๊ะอาหารภายในห้องของผู้ป่วย
และห้องก็ตกสู่ความเงียบ ….
“นี่ … เก็นอิจิโร่”
“หืม … ?”
จู่ๆเด็กสาวก็เอ่ยถามร่างสูงเสียงแผ่ว … ซานาดะแปลกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป เขาหยุดปากกาที่กำลังเขียนลงบนสมุดการบ้านก่อนหันมองร่างบางบนเตียงอีกครา
“พอจบม.ต้น … ฉันจะย้ายบ้านแล้วนะ”
“…. อะไรนะ..!”
ซานาดะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พิงกุได้แต่เผยยิ้มแหยให้เด็กหนุ่ม
“ไม่รู้สิ .. ไม่แน่ใจหรอก แต่คุณแม่บอกว่าให้เตรียมตัวไว้ก่อน”
“เธอจะย้ายไปที่ไหน”
“ฮอกไกโด … ล่ะมั้ง”
เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา .. พิงกุชันเข่าขึ้นแล้วกอดมันไว้ เธอก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อตอนเช้าที่คุณแม่โทรมาบอกเหมือนกัน แม่ของเธอต้องทำงานตลอดเวลาตั้งแต่แยกทางกับพ่อไปตอนเธออายุได้แค่ 7 ขวบเท่านั้น แม้ตอนนี้พ่อจะอยู่กับพี่สาวฝาแฝดอีกคนนึงไม่ไกลนักแต่ก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลยจนมารู้ทีหลังว่าพี่สาวของตัวเองเป็นผู้จัดการชมรมเทนนิสเซชุนคู่แข่งตัวฉกาจของโรงเรียนเธอซะได้
“…………………………”
“แย่จังเนอะ … คิดถึงพวกนายตายเลย”
ซานาดะไม่ได้ตอบอะไร .. รู้สึกช็อกอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มได้แต่มองร่างบนเตียงที่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ทั้งทีก็ยังคงใส่หูฟัง ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะฟังเพลงหรืออยากอยู่คนเดียวกันแน่
“เรื่องแค่นี้อย่ามาทำเศร้าหน่อยเลย”
ซานาดะเอ่ยพลางลุกขึ้น ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียงผู้ป่วยตัวน้อยที่กอดเข่ามองเขาอยู่
“เอ้ะ ? …”
“ยังรู้ไม่ใช่รึไงว่าอยู่ที่ไหน แค่ไม่ได้เจอกันบ่อยขึ้นก็เท่านั้น”
“….. นายคิดแบบนั้นงั้นหรอ”
“อืม … เธอก็คิดด้วยสิ”
ใบหน้าคมคายเผยยิ้มบางออกมาปลอบโยนทำเอาใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อทันใด พิงกุมุ่ยหน้าหนีรอยยิ้มนั่น ซานาดะเห็นดังนั้นจึงหุบยิ้มแล้วใช้มือดันหัวเด็กสาวอย่างหมั่นไส้
“อะไรเล่าตาลุงหน้าแก่นี่ …”
“แล้วเมื่อกี้ใครกันทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้”
“ฉ … ฉันไม่ได้ร้องไห้ซักหน่อยย่ะ!”
“หึ …”
พิงกุหันกลับมาตวาดแว้ดใส่ร่างสูงที่นั่งอยู่ขอบเตียง ซานาดะเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาราวกับผู้ชนะก่อนโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงจะดังขึ้น เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนหยิบมันออกมาดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามาขัด(จังหวะ)
“อาคายะ ….ไอ้เด็กบ้านั่น”
ซานาดะพึมพำเบาๆก่อนกดรับปลายสายไปในทันใด พิงกุหันมองอย่างสนใจก็นานๆทีเจ้าเด็กแสบนี่จะโทรเข้าเครื่องของจักพรรดิหนุ่มซักครั้งนึงนี่นา
ติ๊ด
“ว่าไง…..อะไรนะ?!”
“… !? ….”
จู่ๆร่างสูงที่ลุกขึ้นไปคุยโทรศัพท์ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาทำเอาพิงกุที่นั่งเขี่ยผ้าห่มบนเตียงอยู่ถึงกลับสะดุ้ง ร่างบางหันมองร่างสูงเล็กน้อย ... ‘จะตะโกนทำไมเล่าอีตานี่หนิ’
“งั้นเรอะ … อืม... ขอบใจที่โทรมาบอก”
ติ๊ด
ซานาดะกดตัดปลายสายทิ้งไปก่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงนักเรียนของตัวเองแล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟา พิงกุมองตามร่างสูงก่อนขมวดคิ้ว … นี่ไม่คิดจะบอกอะไรเธอเลยรึไงนะ?
“นี่ ! ฮายะโทรมาทำไมอ่ะ?”
“หืม … ก็แค่โทรมาบอกเรื่องมารุอิ”
“มารุอิคุง ? มารุอิคุงทำไมหรอ”
“มารุอิ … ถูกจับหมั้นน่ะสิ - -;”
“ห๊า ? O[ ]O!!!”
พิงกุตะโกนเสียงเหวอดังลั่นจนซานาดะต้องขมวดคิ้วดุเล็กน้อยทางสายตา … ยังไงนี่ก็โรงพยาบาลนะแถมห้องของทั้งสองคนก็ถูกเตือนเรื่องเสียงดังเอาซะเกือบทุกวันเลยด้วย
“อย่าเสียงดังจะได้มั้ย - -*”
“ก็คนมันตกใจนี่ มารุอิคุงหมั้นกับใครน่ะ? สวยรึเปล่า?!”
“ฉันก็อยู่กับเธอจะไปรู้ได้ยังไง”
“โห่ … อะไรกัน”
เด็กสาวมุ่ยหน้าหลังจากได้รับคำตอบที่ไม่น่าพอใจ ทำไมพักนี้มีแต่เรื่องไม่เข้าท่าเกิดขึ้นบ่อยนักนะ คนในชมรมก็ลากันบ่อยแม้แต่ยานางิที่เลื่อนเวลากลับเร็วขึ้นเพราะต้องไปสอนพิเศษ ยูคิมูระกัปตันที่พักนี้ก็ดูแปลกไปเล็กน้อยหากแต่พอถามเข้าก็เลือกที่จะยิ้มแล้วไม่พูดอะไร … แจ็กกัลป์ที่พักนี้ก็ชอบเอาแต่เหม่อ มีแต่ยางิวและนิโอที่ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิมแถมเจ้าเด็กแสบยังเกิดคึกอยากเรียนภาษาอังกฤษอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนซะด้วย
“แล้วที่หลังเธอยังเจ็บอยู่รึเปล่าล่ะ”
“ก็ …. หายแล้วเนี่ย! ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ!”
“หมอบอกว่าใกล้สอบปลายภาคถึงจะให้ออก -_-”
“เฮ้ย … มันอีกหลายวันนะ T^T”
“บอกว่าใกล้สอบปลายภาคไม่ใช่สอบปลายภาค”
“กร๊าซ นายอย่ากวนประสาทฉันเด้ตาบ้า >[ ]<”
พิงกุแย้งขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ซานาดะได้แต่ส่ายหัวระอากับคนตรงหน้า แหงสิ ถ้าเขาไม่หยุดเธอก็จะไม่หยุดด้วยทำตัวเหมือนเด็กที่กระหายชัยชนะไม่สิ้นสุด
“โมชิโมชิ ผมอยากจะสั่งข้าวต้มซักสองจานครับ”
“ฉันไม่อยากกินข้าวต้มน้า >[ ]<*”
เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนกดโทรออกไปยังร้านอาหารตามสั่งหน้าโรงพยาบาล … ก็พิงกุเอาแต่บ่นว่าอาหารโรงพยาบาลไม่อร่อยเขาเลยเปลี่ยนร้านให้ไงล่ะ … ถูกใจซะด้วยสิ เอาใจเต็มที่เลยนะจักพรรดิ
มือใหญ่เอื้อมไปปิดริมฝีปากเล็กที่แผดเสียงออกมาจังหวะที่เขาสั่งอาหารพอดีก่อนซานาดะจะขมวดคิ้วเข้มดุร่างบางบนเตียง พิงกุเห็นดังนั้นจึงมุ่ยหน้าแสดงความไม่พอใจทางสายตาใส่
“ที่ห้อง 511 อากิโมโตะ พิงกุครับ”
“ฮึ่ม …. -*-….”
“อ๋อ ผักโรยหน้าขอเยอะๆเลยนะครับ”
“=[ ]= ……!!”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
ติ๊ด
มือใหญ่กดตัดปลายสายไป ก่อนผละมือจากริมฝีปากบางออก
“ฉันไม่ชอบกินผักที่โรยหน้าข้าวต้มนายก็รู้อ่ะ T^T”
“ใครว่าฉันรู้ … เธอไม่บอกเองหนิ - -”
ร่างสูงยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้ … รู้สิทำไมจะไม่รู้ว่าร่างน้อยบนเตียงนี่เกลียดผักที่โรยหน้าข้าวต้มมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นผักอะไรที่มาอยู่บนข้าวต้มเธอก็เกลียดทั้งนั้นแหละ
“นายรู้ !!”
“ไม่รู้”
“นายรู้เว้ยยย !! T^T”
“ไม่รู้โว้ย! - -”
“นายรู้ ! ฉันบอกว่านายรู้ไงยะตาบ้า! >[ ]<*”
“ก็ฉันบอกว่าไม่รู้ไงล่ะยัยบ๊องตื้น - -”
“เชอะ … ก็เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่รู้ตัวซักที …”
พิงกุมุ่ยหน้าก่อนหันหน้าหนีร่างสูงออกไปนอกหน้าต่างทันที ซานาดะชะงักกับคำพูดนั่นเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้วมองร่างบางด้วยความสงสัย
“ไม่รู้อะไร?”
“ฉันเมาอ่ะ ฉันเมาเพลง เนี่ยเลิกฟังละ”
เด็กสาวแถออกไปทั้งที่สีหน้าก็ดูเลิ่กลั่ก มือบางดึงหูฟังออกก่อนยัดเข้าลิ้นชักไปพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องน้อยสีชมพูสดใสแล้วหันมายักไหล่ให้เด็กหนุ่มร่างสูงที่กอดอกมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ต้องมาแก้ตัว บอกฉันมาซะ! - -*”
“ฉันเมาเพลงงง >[ ]<;;;”
“ถ้าเมาเพลงก็เลิกพูดแบบนั้น”
“เอ๋ ? …”
“มันทำให้ฉันคิดมาก … และฉันไม่ชอบ!”
“………… แล้วถ้าฉันชอบล่ะ ….”
“… ? ! ….”
ซานาดะเอ่ยขึ้นเสียงดัง … เขาพะวังพะวนกับคำพูดกำกวมของเด็กสาวมาตลอดตั้งแต่เรื่องโทรศัพท์เมื่อสามวันก่อนแล้วหากแต่อีกประโยคนึงของเด็กสาวทำเอาร่างสูงต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
“แล้วถ้าฉันชอบนายล่ะเก็นอิจิโร่ … ?”
พิงกุเงยหน้าสบแววตากับร่างสูงทันใด .. ซานาดะเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครา
“….. เลิกล้อเล่นซักที ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นซักหน่อย!”
“ใครจะไปเชื่อคำพูดเธอห้ะ!?เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้วเรื่องพรรค์นั้นมันไร้สาระ!!”
ซานาดะตะคอกเสียงดังใส่หน้าเด็กสาว … เขาโกรธ … โกรธมากเพราะเขาคิดไปว่าเธอล้อเล่น ? ร่างสูงกำหมัดแน่นก่อนหันหลังไปคว้าหมวกสีดำมาสวมหัวแล้วคว้ากระเป๋านักเรียนของตนเองสะพายไหล่เดินออกไปทันที
แอ๊ด ปัง !!
“เมื่อตอนปี 1 … นายก็พูดแบบนี้ใส่ฉันไม่ใช่หรอ …”
สุดท้ายความรู้สึกของทั้งคู่ก็คลุมเครือมาตั้งแต่ปี 1งั้นหรอ ? … หรือนี่จะเป็นการล้อเล่นระหว่างสองผู้เป็นใหญ่?! …. อาจเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าคนสองคนที่รู้จักกันมา 3 ปี จะมีความหลังสมัยเด็กจนทำให้มองข้ามความรู้สึกพิเศษที่มอบให้กัน ….
เรื่องจะแปรผันรึเปล่านะ? ก็โลกใบนี้มันไม่แน่นอนนี่นา ~
To be continued
........................…………………………………………………………………………………………………………………
เอาล่ะสิ ? ทะเลาะกันอีกแล้วสองคนนี้ T^T พระเอกเราโกรธเพราะดันคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น
ว่าแต่เป็นเรื่องล้อเล่นจริงรึเปล่าน ะ ? ! แล้วนางเอกเราจะย้ายบ้านจริงมั้ยน้า ... ถ้าย้ายบ้านไป ...
มีหวังไม่ได้คู่กันแหงมเลย จักพรรดิอกหักดังเป๊าะ!(?) ติดตามตอนหน้าจ้า >[ ]<
ความคิดเห็น