ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Prince OF Tennis [mix 8 series]

    ลำดับตอนที่ #22 : Marui Bunta & Nakatani Keki Series 6 part 2 : เรื่องที่คาดไม่ถึง

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 56


    Marui Bunta & Nakatani Keki

    Series 6 part 2 : เรื่องที่คาดไม่ถึง

           เมื่อวานนี้ที่เด็กหนุ่มกลับบ้านเร็วไม่ได้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย หากแต่มีหญิงสาววัยราวๆเดียวกับแม่ของตนมาที่บ้านด้วย เมื่อมารุอิไปถึงแม่ของเขาก็เอ่ยแนะนำเสียจนมารุอิเบื่อที่จะฟัง วันนี้หลังจากเลิกชมรมเด็กหนุ่มจึงเลือกไปนั่งเล่นที่สนามหญ้าแทนการกลับบ้านทั้งยังปิดโทรศัพท์มือถือกันคนอื่นโทรมารบกวนอีกด้วย

           มารุอินอนเหยียดตัวอยู่ที่สนามหญ้าซึ่งด้านล่างเป็นแม่น้ำสายใหญ่ เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงหลับตาพริ้มรับกับลมที่กระทบใบหน้าคมคายนั่นพลันริมฝีปากก็เป่าหมากฝรั่งไปด้วย

           “เดี๋ยววันหยุดเธอบอกว่าจะชวนคนคนนึงไปด้วยหรอเคกิ”

           “ตื่นเต้นจังเลย ใครกันน้า > <

           “อื้ม หมอนั่นน่ะ อ๊ะ!!

           จังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังเคลิ้มหลับก็พลันปรากฏเสียงของนักเรียนหญิงกลุ่มนึงดังกระทบโสตประสาทของเขาซะก่อน มารุอิเบะปากแต่ก็ไม่ได้สนใจจะหันกลับไปมอง

           แซ่ก แซ่ก แซ่ก

           “บุนตะ!นายจริงๆด้วย”

           “หืม ?

           เมื่อรู้สึกถึงฝีเท้านึงที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงสนามหญ้าด้านข้างตนเด็กหนุ่มก็เหลือบตาไปมองทันใด ฉับพลันในหัวก็ประมวลว่าเด็กสาวตรงหน้าคือคนคนเดียวกับที่เปิดศึกชิงเค้กกับเขาเมื่อเช้าวานนี้

           “นายมาทำอะไรตรงนี้น่ะ”

           “ก็นอนเล่นแก้เบื่อ”

           มารุอิยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยตอบเด็กสาวไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก

           “ไหนๆขอดูหน้าหน่อยซิ”

           “ฉันไปด้วย ~!

           แซ่ก แซ่ก แซ่ก

           จู่ๆเด็กสาวทั้งสองซึ่งมากับเคกิก็จรลีเดินเข้ามาในสนามหญ้าทันทีแต่ยังไม่ทันไรที่มารุอิหันหน้ากลับไปมองพวกเธอสาวเจ้าพวกนั้นก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

           “หล่อจังเลย > <

           “นายชื่ออะไรหรอ *O*

           น้ำเสียงใสหากแต่แหลมปรี๊ดถูกเอ่ยถามออกมาอย่างกระดี๊กระด๊า มารุอิยกมือขึ้นปิดหูข้างที่ได้ยินชัดกว่าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที มือใหญ่คว้ากระเป๋าแร็กเก็ตขึ้นมาสะพายบ่าพลางเป่าหมากฝรั่งไปด้วย

           “อัจฉริยะ ฉันขอตัวล่ะ”

           เด็กหนุ่มตอบออกไปแค่นั้นก่อนเดินออกไปทันทีด้วยความรำคาญ อุตส่าห์จะมาหาที่พักผ่อนแต่กลับโดนรบกวนแทนซะได้ เขาควรจะไปหาเคาท์เตอร์อาหารของโรงแรมแล้วไปนอนงีบเอาแถวนั้นแทนสินะ

           หมับ!

           “น .. นี่บุนตะ นายอย่าลืมเรื่องวันหยุดนะ”

           มือบางของเคกิดึงแขนของร่างสูงไว้ มารุอิหยุดชะงักก่อนหันไปมองร่างบางด้านข้างตนทันที

           “รู้แล้วน่า ไม่ลืมหรอก”

           มารุอิเอ่ยตอบกลับไปก่อนเอื้อมมือไปยีหัวของเด็กสาวเบาๆพลางเผยยิ้มบางไปด้วย

           “ส สิบเอ็ดโมงนะบุนตะ!

           เมื่อเห็นว่าร่างสูงเดินออกไปไกลมากขึ้นเด็กสาวจึงเอ่ยเตือนออกไปอีกครั้งซึ่งมารุอิก็ทำสัญลักษณ์โอเคแทนคำพูดตอบรับเรียกรอยยิ้มบางบนหน้าของเด็กสาวทันที

           “ดูเหมือนเธอจะสนิทกับบุนตะคุงมากเลยนะเคกิ”

           น้ำเสียงแหลมถูกกระทบเข้าโสตประสาทของเด็กสาวอีกครา หากแต่มันกลับเป็นประโยคที่แลดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก และเมื่อเด็กสาวหันกลับไปก็พบว่าเพื่อนทั้งสองของตนกำลังเหยียดสายตาเย็นชาใส่อยู่

           “เราไม่ยกให้หรอกนะถึงเธอจะมาก่อนก็เถอะ”

           “พวกเราเองก็ชอบบุนคุงเหมือนกันนะยะน้อยๆหน่อย”

           เคกิรู้สึกราวกับถูกตบ ? นี่เพื่อนทั้งสองของเธอทรยศเธอเพียงเพราะแค่เธอสนิทกับมารุอิน่ะหรอ เรียกว่าสนิทก็ไม่ได้เต็มปากเท่าไหร่นัก เพราะเธอรู้จักกับเด็กหนุ่มเมื่อวานนี้เอง

           แม้เขาจะเป็นรักแรกของเธอก็เถอะนะ

           “ฉ ฉันไม่ได้สนิทกับบุนตะขนาดนั้นนะ”

           “ก็ดีแล้วนี่!เธอน่ะมีคู่หมั้นแล้วนะอย่าลืมสิ!

           “ใช่!!เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับบุนคุงซะนะยัยบ้า!!

           พลั่ก!

           มือบางของเพื่อนคนนึงในกลุ่มผลักอกของเคกิอย่างแรงทำเอาเธอถลาลงกับพื้นเนื่องด้วยเพราะตัวเล็กกว่า เด็กสาวสองคนเหยียดสายตาเย็นชาใส่เธอก่อนเผยยิ้มสะใจแล้วเดินออกไปทันที

           เคกิน้ำตาคลอ แล้วเรื่องวันหยุดเธอจะเอายังไงดีนะ? จะมาดีรึเปล่า

           “ทำไมล่ะ ฉันเองก็ชอบบุนตะเหมือนกันนะ

           เด็กสาวพึมพำกับตนเองเบาๆก่อนยันตัวเองลุกขึ้นมาพลันมือบางก็ยกขึ้นปาดน้ำตาของตนออก เคกิทอดสายตามองแผ่นหลังของอดีตเพื่อนสาวซึ่งตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว

           ฉัน จะทำยังไงดีล่ะบุนตะ

    …………………………………………………………………………………………………………………

           “กลับมาแล้วครับ”

           เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเนือยๆก่อนถอดรองเท้าไว้หน้าประตูบ้านสะเปะสะปะด้วยความขี้เกียจและอ่อนเพลียที่มีอยู่เต็มหัว

           “พี่บุนตะกลับมาแล้ว > <

           “มาเล่นกับพวกผมเหอะน้า *O*

           “ไม่เอา เหนื่อย”

           มือใหญ่ดันหน้าผากของน้องทั้งสองให้ออกไปจากตรงหน้าตนก่อนเด็กหนุ่มจะเดินเข้าครัวไปทันที

           “แม่ครับ วันนี้มีไรกินบ้างอ่ะ”

           มารุอิเอ่ยถามแม่ของตนก่อนเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นหาของกินมารองท้องทันที วันนี้ทั้งเหนื่อย ทั้งหิวเลยล่ะนะเด็กหนุ่มคนนี้น่ะ ผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังทำอาหารอยู่หันกลับมากอดอกมองลูกชายตัวดีทันที

           “ทำไมวันนี้แม่โทรไปถึงปิดเครื่องห๊ะบุนตะ?!

           “ไรเล่า แบตหมดบ้างไม่ได้หรอแม่”

           หากแต่เจ้าลูกชายตัวดีก็ยังคงเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงเนื่อยๆ แม่เขาก็พอจะรู้หรอกนะว่าลูกตัวเองเป็นนักเทนนิสคงจะอยากพักบ้างแหละแต่ทำไงได้ล่ะมันเล่นปิดเครื่องหนีแบบนี้ก็อดโมโหไม่ได้นี่นา

           “พี่บุนตะโดนด่าแล้ว ‘O’

           “สมน้ำหน้าพี่บุนตะ ‘^’

           เจ้าเด็กแฝดนรกเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วกันที่หน้าประตู ผู้เป็นพี่คนโตหันไปขมวดคิ้วมองดุใส่ทันทีก่อนใบหน้าคมคายจะหันกลับมามองทางแม่ตนเองอีกครั้ง

           “ก็วันนี้มีแขกมาหาแต่แกกลับไม่อยู่บ้านแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนล่ะ!

          “แล้วไมเค้าไม่รอผมล่ะ ผมเหนื่อยนะแม่อยากพักบ้าง”

           “เพราะแกเอาแต่ซ้อมเทนนิสบ้าๆบอๆแบบนี้นี่ไง!

           “โว้ะ!อย่ามาพาลไปถึงเทนนิสได้มั้ยแม่ มันเป็นความชอบของผม!

           เด็กหนุ่มขึ้นเสียงใส่ด้วยความโกรธเมื่อได้ยินแม่ของตนกล่าวว่าเทนนิสอันเป็นที่รักของเขา มารุอิลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปอย่างหัวเสียด้วยความโกรธ ผู้เป็นแม่ได้แต่ขมวดคิ้วมองตามหลังลูกชายของตนไปด้วยความโมโหที่ครุกรุ่นไม่แพ้กัน พ่อที่คอยห้ามศึกออกไปทำงานจึงไม่มีใครกล้าห้ามศึกโต้วาทีนี้

           แอ๊ด ปึง!!

           มือใหญ่ปิดประตูห้องของตัวเองลงอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าแร็กเก็ตลงข้างประตู นี่ถ้าไม้แร็กเก็ตไม่ได้อยู่ข้างในนะมารุอิคงโยนมันสะเปะสะปะบนพื้นไปแล้ว

           โครก ~

           เสียงท้องร้องโอดครวญลั่น มารุอิยกมือขึ้นกุมท้องของตนทันใด วันนี้เขาเอาแต่นอนเพลินเลยไม่ได้ไปกินข้าวเที่ยง ตอนเย็นก็ดันมาทะเลาะกับแม่แบบนี้เท่ากับว่าจะไม่ได้กินอะไรเลยรึไงนะ

           “โอ้ย หิวเป็นบ้า”

           เด็กหนุ่มนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพลันปากก็บ่นไปด้วย

           “ปีนหน้าต่างออกไปก็ได้วะ

           มารุอิพึมพำกับตนเองก่อนเด็กหนุ่มจะลุกขึ้นจากเตียง น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน มารุอิยังคงสวมเครื่องแบบนักเรียนชายของโรงเรียนสาธิตริคไคอยู่สมบูรณ์ยกเว้นเนคไทที่ถูกถอดออกไปแล้ว

           ครืด

           เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างออกแล้วกระโจนออกไปโดยใช้มือยึดขอบหน้าต่างแล้วทิ้งตัวลงไป เขาตั้งใจจะกระโดดลงไปด้วยท่วงท่าที่สุดอัจฉริยะของตน

           “เหอ?...

            ด้วยเพราะไม่ระวังตัว มือที่จับขอบหน้าต่างซึ่งเป็นแกนหลักยึดตัวของเขาไว้กลับลื่นพรืดส่งผลให้ร่างของมารุอิร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกทันใด

           “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!

           เด็กหนุ่มแหกปากลั่นทำเอาคนในบ้านสะดุ้งกันเป็นแถว

           ฟุ่บ !

           “โอ้ย เจ็บชิบ

           มือใหญ่คลำไปที่ด้านหลังของตนเอง โชคดีที่บ้านของเขาปลูกไม้ประเภทที่เป็นพุ่มใหญ่ไว้รอบบ้านจึงไม่เจ็บเท่าไหร่นัก นี่ถ้าไม่มีพุ่มไม้นี่รองรับไว้ละก็เขาคงตายไปแล้วหรือไม่ก็พิการไปชั่วชีวิตแน่ๆ

           ครืด

           “บุนตะ นั่นลูกหรอ?!

           หญิงสาวซึ่งเป็นแม่ของบ้านนี้เปิดหน้าต่างออกมามองหาลูกชายที่พุ่มไม้ทันใด เธอมั่นใจว่านั่นเป็นเสียงของลูกชายตัวเองไม่ผิดแน่หากแต่มารุอิกลับปิดปากเงียบ เดี๋ยวก็โดนด่าอีกถ้าออกไปน่ะ

           “รึว่าเราหูฝาดนะ

           ครืด

           เมื่อไร้น้ำเสียงการตอบรับกลับมา เธอจึงปิดหน้าต่างแล้วกลับเข้าไปในบ้านแทน มารุอิถอนหายใจอยู่ในพุ่มไม้แล้วค่อยๆคลานออกมาจากพุ่มไม้ให้เงียบที่สุด

           “อัจฉริยะบุนตะ เตรียมออกวิ่งได้

           ฟึ่บ ! ตึก ตึก ตึก ตึก

           เด็กหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วกระโจนวิ่งออกไปนอกตัวบ้านอย่างรวดเร็วทันใด และเมื่อวิ่งออกมาไกลจากตัวบ้านมากแล้วเขาจึงหยุดชะงักเพราะฉุกคิดอะไรได้อย่างนึงขึ้นมาในหัว

           “ชิบหาย ลืมหยิบกระเป๋าตังค์มา

           มารุอิล้วงทั้งกระเป๋านักเรียน กระเป๋าเสื้อ จะออกมาซื้อของแต่ดันไม่มีตังค์ซะได้

           ฟุ่บ

           “อะไรเนี่ย มีติดตัวแค่ 50 เยนเองหรอ” (50 เยนประมาณ 15-20 บาทจ้า : มิจจี้)

           มารุอิถอนหายใจก่อนดีดเหรียญ 50 เยนเล่นอย่างสนุกมือ ถึงแม้จะมีแค่ 50 เยนแต่มันก็สามารถซื้อน้ำผลไม้ได้กระป๋องนึงล่ะนะ

           เมื่อเดินมาถึงตู้กดน้ำเด็กหนุ่มก็ไม่รอช้าหยอดเหรียญลงไปพลันกดเลือกน้ำผลไม้ที่ตนเองต้องการ

           ครึ่ก!

           ทันทีที่เครื่องส่งน้ำผลไม้กระป๋องน้อยมาให้ที่ช่องรับของด้านล่างมารุอิก็เอื้อมมือไปหยิบมันมาเปิด และจังหวะที่เขากำลังจะยกมันขึ้นดื่มสายตาก็เหลือบไปเห็นคนบางคนที่แสนคุ้นตา

           “นั่นมันยัยจุกนี่นา

           มารุอิมองร่างบางที่เดินผ่านเขาไปด้วยเพราะเธอไม่เห็นเนื่องจากร่างของเขาอยู่ตรงผ้าใบสีส้มอันใหญ่ที่กางอยู่บนหัวซึ่งเมื่อดูจากท่าทางที่เธอก้มหน้าอยู่แล้วต้องไม่เห็นเขาแน่นอน แต่สายตาคมของเด็กหนุ่มประมวลผลได้ว่าเด็กสาวตาบวมเป่ง ? เธอร้องไห้งั้นหรอ ? แล้วทำไมกลับบ้านเอาป่านนี้กันนะ

           “ว่าไงยัยจุก”

           “เอ๋ ?”

           เด็กหนุ่มกระโจนเข้าไปขวางทางของเด็กสาวไว้ เคกิที่เดินก้มหน้าอยู่หยุดชะงักก่อนเงยหน้ามองร่างสูงตรงหน้าที่แสนคุ้นตายิ่งนักแม้จะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม

           “ไปส่งบ้านป่าว ? ไม่คิดตังค์ด้วย”

           มารุอิเอ่ยปากถามพลางยกน้ำผลไม้กระป๋องนั้นขึ้นดื่มไปด้วย เด็กสาวหน้าแดงระเรื่อ น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นคนตรงหน้าที่เธออยากเจอมากที่สุดในตอนนี้

           “บุน ตะ

           “ก็เออ เฮ้ย ร้องไห้ทำไม?”

           จังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยตอบกลับไปนั้นเคกิก็ก้มหน้าหนีเขาทันที น้ำตาสีใสใหลอาบแก้มของเธอดุจสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ร่างสูงได้แต่งุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้น

           “ป เปล่านะ .. ฮึก ฉัน ฮึก .. ไม่ได้ร้องไห้นะ

           “สะอื้นฮึกๆเป็นชุดขนาดนี้ยังจะมาปากแข็ง”

           มารุอิยกกระป๋องน้ำอันเย็นเฉียบแนบแก้มเนียนใสของเด็กสาวตรงหน้าทันทีทำเอาเธอสะดุ้ง เคกิเงยหน้ามองร่างสูงตรงหน้าทั้งที่แววตายังเปียกแฉะไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอยู่

           “เอ้า กินซะจะได้สบายใจขึ้น”

           เด็กหนุ่มผละกระป๋องน้ำจากแก้มของเด็กสาวก่อนจะยัดเยียดส่งมันเข้าไปที่มือบาง เคกิรับกระป๋องน้ำผลไม้อันน้อยนั่นมาไว้ในมืออย่างงุนงง

            “น นาย”

           “เอาหมากฝรั่งด้วยมั้ยล่ะ?”

           มารุอิเอ่ยถามพลางแกะหมากฝรั่งออกมาแล้วโยนมันเข้าปากของตนก่อนเด็กหนุ่มจะเป่ามันออกมาเป็นลูกโป่งสีเขียวที่ชอบทำเล่นบ่อยๆ

           “ฮึ ตาบ้า ….

           “อะไรเล่ายัยจุก”

           เคกิกลั้นขำกับท่าทีของคนตรงหน้าก่อนเธอจะขมวดคิ้วค้อนใส่เขาแทนเมื่อมารุอิเอ่ยเรียกเธอด้วยชื่อไม่น่าฟังแบบนั้นอีกครั้ง

           “เอาของเหลือมาให้ผู้หญิงกินแถมยังเรียกชื่อผิดๆแบบนั้นคิดว่ามันเท่นักรึไงยะ!

           “ก็ฉันไม่ใช่ยางิวนี่หว่าอีกอย่างนะมันเท่แน่อยู่แล้วเพราะฉันคืออัจฉริยะ”

           เด็กหนุ่มเอ่ยพลางยักคิ้วไปด้วย เคกิได้ยินดังนั้นก็อดจะเผยยิ้มออกมาไม่ได้ นี่ล่ะมั้งเสน่ห์ของมารุอิที่ทำให้เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบแบบนี้น่ะ แต่เธอยังไม่คิดจะบอกตอนนี้หรอกนะ

           “เอ้า นำทางดิจะไปส่งบ้าน”

           “อ .. เอาจริงหรอ?”

           “เออ เล่าให้ฟังด้วยว่าร้องไห้ทำไม”

           มารุอิเอ่ยตอบแต่กลับยื่นเงื่อนไขด้วย เคกิได้ยินดังนั้นจึงเงยมองร่างสูงด้านหน้าตนอีกครั้ง เธออยากให้เขาไปส่งนะ แต่ถ้าจะให้เล่าแบบนี้น่ะเธอก็ไม่เอาด้วยหรอก

           “งั้นฉันกลับเองก็ได้”

           เด็กสาวตั้งท่าจะเดินออกไปพลันมือของเธอก็ถือกระป๋องน้ำผลไม้ที่เด็กหนุ่มให้ไว้ด้วย

           “ยัยนี่ ปั๊ด ! เดี๋ยวไปส่งเฉยๆก็ได้ฟะ”

           มารุอิดึงมือของเคกิไปจับไว้ทันที เด็กสาวก้มมองการกระทำของเด็กหนุ่มด้วยความตกใจ ใบหน้าหวานเริ่มเจือสีแดงอ่อนๆไว้

           “เอ้า นำทางไปสิ”

           มือใหญ่กระตุกมือบางราวกับเรียกสติเจ้าของมัน เคกิผงกหัวหงึกหงักก่อนออกแรงเดินนำหน้าเด็กหนุ่มไปทั้งๆที่มือใหญ่ของร่างสูงก็ยังคงจับมือของเธอแน่นไม่ปล่อย

           มารุอิ บุนตะ ผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ทำแบบนี้เนี่ย

    To be continued

    .......................…………………………………………………………………………………………………………………
    แต่งไป ... แต่งมา .. กลับรู้สึกว่าตัวเองหลงเสน่ห์รุ่นพี่มารุอิแทนซะเอง!! >O< อ๊ากกก ผู้ชายอะไรน่ารักชะมัด
    ด้วยเหตุนี้ ... ไรท์จึงแต่งเพลินเอาซะยาวเหยียดขนาดนี้เลยค่ะ 5555 ไม่ว่ากันเน้อ T^T
    ฝากติดตามต่อด้วยจ้า ไปนอนละ บ๊ายบาย >___<


     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×