คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Sanada Genichirou & Akimoto Pinku Series 2 part 9 : เพลงสุดท้าย
Sanada Genichirou & Akimoto Pinku
Series 2 part 9 : เพลงสุดท้าย
และหลังจากนั้นไม่นาน … การสอบปลายภาคของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยริคไคก็ดำเนินมาถึงการสอบวันสุดท้ายจนได้
ก่อนการสอบอาทิตย์นึงเธอและพวกตัวจริงในชมรมต่างก็ไปเลี้ยงฉลองสังสรรค์ด้วยกันก่อนการจากลา พิงกุบอกทุกคนว่าเธอต้องไปเรียนต่อฮอกไกโด … แต่เธอไม่ได้บอกว่าเธอจะย้ายบ้านไปอยู่ที่นั่นเลย
“วันนี้วันสอบวันสุดท้ายแล้วนี่นา T^T”
พิงกุร้องโอดครวญทันที … ร่างบางเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ยาวในชมรมซึ่งเปิดซ้อมรอบเช้าอยู่ แต่ไหงวันนี้มากันน้อยจังนะ? เรียกว่าไม่มากันเลยจะดีกว่า … เพราะตอนนี้ทั้งชมรมน่ะเธอเห็นแค่ซานาดะคนเดียวเท่านั้น
“นี่เก็นอิจิโร่ คนอื่นไม่มาซ้อมกันหรอ?”
เด็กสาวเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มตรงหน้าตนซึ่งกำลังหวดไม้เข้าวงสวิงอยู่ เรื่องในวันนั้นเธอก็ยังไม่ได้ถามเขาออกไปซักที … เรื่องของซานาดะกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อฮาคุโนะอะไรนั่นน่ะ …
“เธอเห็นว่ามากันรึเปล่าล่ะ”
“อะไรกันยะ =[ ]=! ฉันถามดีๆนะเนี่ย”
จักพรรดินีสาวตวาดแว้ดขึ้นมาทันทีหลังจากได้รับคำตอบไม่เข้าหูจากจักพรรดิหนุ่มตรงหน้า
“ยูคิมูระไปติวหนังสือกับฟุบุคิ ฉันก็รู้แค่นั้นแหละ”
“เห … ไปกับเรย์มุจังหรอเนี่ยมี something wrong ชัดๆเลย ~”
พิงกุเอ่ยพลางเลิกคิ้วสูงอย่างชอบใจหากแต่ซานาดะก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากมายนัก เด็กหนุ่มเอาแต่ซ้อมอยู่กับตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าค่าย U-17 เต็มที่ ส่วนการสอบน่ะหรอคนอย่างซานาดะน่ะเตรียมตัวมาตั้งแต่ต้นเทอมแล้วล่ะ
“อ่ะ … นี่”
“หืม อะไร”
ซานาดะเอ่ยปากถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าพิงกุยื่นหูฟังข้างนึงมาให้เขา โดยที่อีกข้างนึงมันก็อยู่ในมือเธอ … โทรศัพท์สีชมพูสวยสะดุดตานั่นก็เช่นกัน นี่เธอจะชวนเขาฟังเพลงในเวลาแบบนี้น่ะหรอ
“น่านะ ฉันมีอะไรจะให้ฟัง”
“ไร้สาระ ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกนะ”
“แค่นิดเดียวเอง ฉันสัญญาจะไม่กวนใจนายอีก”
เด็กสาวเผยยิ้มบางให้เขาหลังพูดประโยคสุดท้ายจบ สีหน้าเธอดูสั่นคลอนเล็กน้อยหากแต่พิงกุก็รีบปกปิดมันไว้ซะก่อน … ประโยคที่ซานาดะพูดเมื่อกี้น่ะหรอ?เจ็บสิ … เธอเจ็บแปล๊บที่หัวใจมากเลยล่ะ … พักหลังนี่ซานาดะเริ่มตีตัวห่างเธอไปไกลขึ้นทุกที …. หรือว่าเขาจะคบกับฮาคุโนะแล้วนะ?
“ถ้างั้นฉันก็จะไม่ฟัง”
“เอ้า อะไรของนายอ่ะ”
“ถอนคำพูด”
“คำพูดอะไรยะ”
“ก็ฉันบอกว่าให้ถอนคำพูดไง!”
“ก็ได้ๆ =[ ]= ฉันขอถอนคำพูด!”
“ดี - - …”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพอใจเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้ายอมถอนคำพูดอัปมงคลเมื่อกี้ … ก็เธอบอกว่าถ้าเขายอมฟังเพลงนี้จะไม่มากวนใจอีกนี่นา … ก็เลยจะไม่ฟังนอกจากเธอจะยอมถอนคำพูดไงล่ะ
มือใหญ่ของซานาดะรับหูฟังข้างนั้นไว้ก่อนจะเสียบมันเข้าที่หูของตน พิงกุเงยหน้ามองการกระทำของเขาก่อนเธอจะเอาหูฟังเสียบเข้าไปในหูของตนบ้างพลันมือเล็กก็คว้ามือใหญ่ตรงหน้าตนไว้
“ป่ะ มานั่งตรงนี้ก่อนนะ”
“.. ? .. อืม …”
เด็กสาวว่าพลางดึงร่างสูงให้ลงไปนั่งที่เก้าอี้ยาว … ซานาดะดูงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับแล้วนั่งลงไปก่อนคนตัวเล็กจะนั่งตามลงไปบ้าง นิ้วเรียวของพิงกุคลิกปุ่มเพื่อเล่นเพลงที่ตนต้องการให้ร่างสูงข้างๆฟังมาตลอดทันใด … เธอจะใช้เพลงนี้นี่แหละบอกความรู้สึกของเธอเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้ …
และเธอจะใช้เพลงนี้นี่แหละบอกเขาว่าเธอมีเวลาที่จะอยู่ที่นี่อีกไม่นานแล้วนะ …
……………………………………………………………………………………
เมื่อเพลงบรรเลงจบลง … หยาดน้ำใสก็ร่วงเผาะมาเป็นสายทันใด … เด็กสาวรีบยกมือบางของตนปาดน้ำตาแล้วดึงสายหูฟังของตนออกจากหูของร่างสูงทันที ซานาดะชะงักไปเมื่อเพลงบรรเลงจบ นี่พิงกุตั้งใจจะบอกอะไรกับเขากันแน่นะ? ไม่ใช่ว่าปิดกั้นหัวใจว่าไม่อยากรู้ แต่เขาไม่อยากจะเชื่อต่างหากล่ะ
“อากิโมโตะนี่เธอ …”
“นายไม่เข้าใจหรอเก็นอิจิโร่….”
พิงกุเก็บโทรศัพท์และหูฟังเข้ากระเป๋าก่อนมือบางจะยกกระเป๋านักเรียนสะพายบ่าของตนแล้วลุกขึ้นหันหลังให้ร่างสูงที่นั่งอยู่ … ความรู้สึกทั้งหมดเธอก็บอกเขาไปหมดแล้ว … ถ้ายังไม่เข้าใจอีกคงจะไม่ไหวจริงๆแล้วสินะกับซานาดะน่ะ
“ใช่ … ฉันไม่ได้แค่ไปเรียนต่อฮอกไกโดหรอก”
“…………………………”
“แต่ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่โน่นเลยต่างหากเล่า!!”
เด็กสาวตะโกนลั่นก่อนหันมาประจันหน้ากับเด็กหนุ่มทันใด .. ซานาดะชะงักค้างกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าหากเธอต้องย้ายไปที่โน่นจริงๆคงไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีกแน่ หยาดน้ำตาสีใสไหลอาบแก้มของเด็กสาวเป็นสาย … แต่พิงกุกลับไม่ได้ยกมือปาดหรือหลบหน้าหนีเขา … เธอปล่อยให้หยดน้ำนี้ไหลออกมา ไม่อายหรอก ไม่หวงแล้วศักดิ์ศรี กับคนตรงหน้าน่ะ เธอให้เขาไปหมดแล้ว
“ฉัน … ไม่มีอะไรจะพูดกับนายหรอกนะ … มีแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น ….”
“…………………………………….”
ซานาดะไม่ตอบอะไร … เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม พิงกุกำหมัดแน่น ริมฝีปากบางถูกเม้มจนบอบช้ำ
“ฉัน … ตั้งใจจะบอกนายมาตั้งนานแล้ว …”
“……………………………..”
“ความจริงแล้วฉันไม่ได้ชอบนายหรอก … ฉันล้อเล่นอย่างที่นายบอกนั่นแหละ …”
“……………!!!…………….”
“ที่ว่าตัดใจได้น่ะ … ฉันก็ตัดได้แค่คำว่าชอบเท่านั้นแหละ … ที่บอกว่าไม่เคยคิดอะไรเกินเพื่อนอีกเลยน่ะเพราะฉันรู้สึกอย่างอื่นแทนต่างหาก …”
“………………………………”
“สิ่งที่ฉันควรจะทำที่สุดมาตั้งนานแล้วก็คือบอกนายว่า ..… ฉันรักนายนะเก็นอิจิโร่ …”
สิ้นประโยคสุดท้ายเด็กสาวก็วิ่งออกไปจากชมรมทันที … มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้งหากแต่หยาดน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน ซานาดะที่ได้ยินถ้อยคำทุกประโยคจากปากของพิงกุถึงกลับชะงักค้างทำอะไรไม่ถูก … นี่เด็กสาวคนนี้แอบรักเขามาตลอด 3 ปีเลยงั้นหรอ?
หรือว่า … มันถึงเวลาแล้วนะที่เขาควรจะรู้หัวใจตัวเองซักที
ตอนนี้จักพรรดิกำลังจะสูญเสียจักพรรดินีข้างกายตลอด 3 ปีไปงั้นหรอ? …
เขา … ควรจะปล่อยเธอไปแบบนี้ … หรือ… เขาควรจะกอดเธอไว้แล้วเริ่มต้นทบทวนความรู้สึกของตนเองใหม่กันแน่นะ?
“บ้าเอ้ย ฉันปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!”
จังหวะที่ร่างสูงลุกขึ้นนั้น … ออดที่บอกสัญญาณว่าเริ่มการสอบก็ดังขึ้นทันใดนั่นทำให้จักพรรดิหนุ่มหัวเสียยิ่งกว่าเดิมแต่ก็จำใจลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักเรียนเพื่อเข้าการสอบวันสุดท้ายนี้
เพิ่งมารู้ตัวเอาวันที่สายแบบนี้ก็ดีแต่ทำให้ตัวเองวิ่งเต้นไปอย่างนั้น นี่เขาจะทำยังไงกับตัวเองดีนะ?
…………………………………………………………………………………………………………………
เมื่อการสอบของวันสุดท้ายจบลงซานาดะก็ไม่รอช้าจะลุกขึ้นตรงรี่ไปที่โต๊ะของเด็กสาวร่างบางทันที พิงกุที่กำลังเก็บของอยู่เงยหน้ามองร่างสูงก่อนเธอจะก้มหน้าจัดแจงธุระของตัวเองต่อแล้วลุกขึ้น
หมับ !!
จังหวะที่ร่างบางกำลังจะเดินหนีออกไปนั้นมือใหญ่กลับคว้าข้อแขนของเธอไว้ก่อน
“ ! ?”
“เธอเห็นใช่มั้ยวันที่ฉันอยู่กับฮาคุน่ะ!”
ซานาดะโพล่งขึ้นก่อนส่งสายตาดุจราชสีห์ไล่นักเรียนที่เหลืออยู่ในห้องให้ออกไปซึ่งมันก็ได้ผล … นักเรียนที่เหลือในห้องทั้งหมดตอนนี้จึงมีแต่เขาและพิงกุเท่านั้น ส่วนยางิว … นั่นคือคนแรกที่เขายอมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนเช้าให้ฟังตอนพักเที่ยง … และคำชี้แนะของยางิวก็สามารถทำให้ซานาดะค้นหาทางออกของตนเองเจอจนได้!
“ฉันกับฮาคุไม่ได้เป็นอะไรกัน … ยัยนั่นก็แค่มาปรึกษาฉันเรื่องยางิวเท่านั้น”
“… เอ๋ ? …..”
“เธอไม่รู้รึไง ว่ายางิวเลียนแบบฉันเพื่อเอาชนะใจฮาคุ”
คำถามของซานาดะทำเอาพิงกุส่ายหน้ารัว ก็เธอเอาแต่คิดเรื่องของคนตรงหน้านี้จนไม่เป็นอันสนใจเรื่องของคนอื่นนี่ไงเล่า
“งั้นก็รู้ไว้ซะ ฉันกับฮาคุเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“ง … งั้นหรอ … แล้วตอนนี้ทั้งสองคนเป็นยังไงกันบ้างล่ะ?”
“เธอจะสนใจเรื่องของสองคนนั้นทำไม”
“ไม่สนใจได้ไงล่ะ ก็ฉันอยากรู้นี่”
“แล้วเธอไม่อยากรู้เรื่องของตัวเองบ้างรึไง”
ซานาดะเผยยิ้มออกมา … พิงกุเงยมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกฉงนใจ เธอไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั่นหมายความว่ายังไง แต่ว่าคำพูดประโยคสุดท้ายของร่างสูงทำเอาเด็กสาวต้องสะบัดแขนหนีซานาดะทันที
“หลังพิธีจบการศึกษาฉันต้องย้ายไปอยู่กับคุณยายแล้ว”
“ว่าไงนะ?!”
“มันสายไปแล้วล่ะ … เรื่องของพวกเราน่ะเก็นอิจิโร่”
พิงกุพูดไว้แค่นั้นก่อนเด็กสาวจะเดินออกมาจากห้องเรียนทันที … ซานาดะไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้คว้ามือของเธอเอาไว้... สิ่งที่เขาคิดตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว …
“ฉันไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ …อากิโมโตะ พิงกุ”
ซานาดะพึมพำอยู่กับตัวเองก่อนเด็กหนุ่มร่างสูงจะคว้ากระเป๋าแร็กเก็ตมาสะพายบ่าของตน … เขาเป็นจักพรรดินี่นา … เรื่องความทะเยอทะยานน่ะไม่แพ้ใครอยู่แล้ว ~!
ร่างบางของพิงกุก้าวเดินเข้ามาตามเส้นทางกลับบ้านของตนเอง … วันนี้เธอได้พูดสิ่งที่ตนเองอยากบอกมานานกว่า 3 ปีออกไปหมดแล้ว คงได้เวลาจากลากันจริงๆแล้วสินะ
“กลับมาแล้วค่ะ…”
แอ๊ด
พิงุเอ่ยเสียงแผ่วพลางเปิดประตูบ้านเข้าไป … วันนี้แม่ของเธออยู่บ้านเพราะกลับมาได้ 3 วันแล้วแต่แม่เธอมาอยู่ไม่นานเดี๋ยวก็กลับไปทำงานต่อหลังจากส่งเธอไปอยู่กับคุณยายที่ฮอกไกโดเสร็จน่ะ
“อ้าวพิงกุ กลับมาแล้วหรอ”
“อ่า … ค่ะ แฮ่ะๆ”
หญิงสาวใบหน้าสะสวยยิ้มรับลูกสาวของตนทันทีที่เห็นเด็กสาวเดินเข้ามา พิงกุยิ้มแหยให้แม่ของเธอ … อยากจะยิ้มให้มันกว้างกว่านี่นะ … แต่ตอนนี้ยิ้มไม่ออกจริงๆแล้วล่ะ
“วันนี้ไปเตรียมเก็บข้าวของได้เลยนะจ๊ะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”
“ต … แต่เช้าเลยหรอคะ?!”
“อ้าวก็วันนี้ลูกสอบเสร็จแล้วไม่ใช่หรอจ๊ะ?”
คำถามของผู้เป็นแม่ทำเอาพิงกุต้องพยักหน้ารับ .. แต่เดี๋ยวเธอยังเหลือพิธีจบการศึกษาอีกนี่นา?!
“ม … แม่คะ !! หนูยังไม่ได้เข้าพิธีจบการศึกษาเลย!”
“โอ๊ะนั่นสิ .. แม่ลืมไปเลย เมื่อไหร่ล่ะ?”
“อีกสามวันน่ะค่ะ แม่ต้องไปนะ”
เด็กสาวส่งสายตาออดอ้อนแม่ของตน ผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็อดจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มนิ่มๆของลูกสาวไม่ได้
“ไปแน่นอนสิ จะพลาดได้ยังไงล่ะ”
หญิงสาวเอ่ยพลางหัวเราะก่อนยีผมลูกสาวของตนเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที พิงกุมองตามแผ่นหลังแม่ของตนเล็กน้อยก่อนเผยยิ้มบาง
‘เอาล่ะ ฉันจะได้มีเวลาไปบอกลาทุกคนซักที!’
……………………………………………………………………….
ณ คฤหาสน์ซานาดะ
“พ่อ”
เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางมองแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงหันไปตามเสียงเรียกทันที
“ไงไอ้ลูกชาย ยังไม่นอนอีกเรอะ”
รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นพ่อทันที ซานาดะถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งข้างพ่อของตนบนเบาะอีกอันนึงที่วางอยู่ข้างพ่อของเขาโดยมีโต๊ะไม้ตัวเตี้ยวางอยู่ตรงหน้า
“ผม …. มีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย…”
“หืม … มีอะไร?”
คำพูดของลูกชายทำเอาผู้เป็นพ่อชะงัก มือใหญ่พับหนังสือพิมพ์ก่อนวางมันลงกับโต๊ะตรงหน้าตนทันทีที่ได้ยินคำถามจากเด็กหนุ่มข้างๆ … ร้อยวันพันปีที่ซานาดะจะมาปรึกษาอะไรกับคนอื่นเขานี่นา
“ผมกำลังจะเสียคนคนนึงไป … ผมควรจะทำยังไงดี”
ซานาดะหลุบสายตาพ่อของตนลงต่ำ มือใหญ่ของเขากำแน่น … เด็กหนุ่มนั่งคิดมาตลอดไม่ว่าจะเป็นระหว่างทางเดินกลับบ้านหรือแม้แต่กิจวัตรประจำวันเขาก็ไม่ได้ทำเหมือนเช่นทุกวันเพราะเอาแต่คิดหาทางว่าจะดึงตัวพิงกุให้อยู่กับตัวเองตลอดไปยังไงดี …
ฟึ่บ
“เก็นอิจิโร่เอ้ย … ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่ของเราจริงยังไงเขาก็ต้องกลับมา”
มือใหญ่ของผู้เป็นพ่อยีเข้าที่เส้นผมลูกชายตนอย่างปลอบโยน
“ตอนนี้ผมไม่สนว่ายัยนั่นจะเป็นเนื้อคู่ของใคร!แต่ตอนนี้ผมต้องการแค่ยัยนั่นคนเดียว!”
“ก็แล้วทำไมแกถึงไม่ยื้อเค้าไว้ตั้งแต่ทีแรกล่ะ?แกจะมายื้ออะไรตอนสายเอาป่านนี้”
“……… !! ………..”
คำพูดอันเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มทำเอาซานาดะชะงัก เด็กหนุ่มเริ่มใจเย็นลงบ้างหลังจากขึ้นเสียงใส่ผู้เป็นพ่อไปด้วยความโกรธ … เขาไม่รู้จะตอบคำถามของพ่อตนเองยังไงดีนี่สิ
“หรือเป็นเพราะแกปากแข็งไม่ยอมบอกเธอไปว่าแกรู้สึกยังไง”
“………………………..”
“ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆทางเดียวที่แกทำได้ก็คือบอกความรู้สึกของแกไปซะ”
“………………………..”
“แล้วต่อจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับเธอคนนั้นว่าจะเลือกอยู่กับแกหรือไป”
“…ผม … ทำได้แค่นั้นเองหรอครับพ่อ?”
ซานาดะเอ่ยถามพ่อของตนออกไปบ้างหลังจากนิ่งเงียบฟังอยู่นาน …
“แกทำได้แค่นี้ แต่แกทำให้ดีที่สุดเป็นพอ อย่างที่พ่อเคยสอนแกไว้ตั้งแต่เด็ก”
“หากตั้งใจจริง ไม่มีอะไรจะมาขวางการกระทำนั้นได้ … ใช่มั้ยครับ?”
“เออนั่นแหละ จำใส่ใจไว้ก็ดีแล้ว ทีนี้ก็ไปนอนซะไป ทำใจให้สบายแล้วไปบอกกับเธอซะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำของผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย … วันนี้เขาได้รับบทเรียนมากมายเลยทีเดียว
“ครับ … ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อ”
“เออ ฝันดีๆไอ้ลูกชาย”
ซานาดะลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที ทีนี้ใจของเขาก็เบาลงไปได้พักใหญ่แล้ว … เหลือก็เพียงแต่หาโอกาสบอกความรู้สึกของตนเองให้พิงกุรับรู้เท่านั้น
“เก็นอิจิโร่ … แกเนี่ยไม่เคยเปลี่ยนไปตั้งแต่เด็กเลยนะ”
ผู้เป็นพ่อมองตามหลังของลูกชายตนไปก่อนส่ายหัวระอา เขาพอจะเดาออกหรอกว่าเด็กผู้หญิงที่ลูกชายตนหมายตาไว้น่ะคือใคร … ก็มีเด็กผู้หญิงคนเดียวที่เขาสนิทด้วยที่สุดนี่นา
“ยื้อหัวใจอากิโมโตะจังเค้าให้ได้ล่ะ …”
To be continued
......................…………………………………………………………………………………………………………………
ว๊ากก ตอนหน้าจบแล้วจ้า >O< แต่สุดท้ายในที่สุดพิงกุจังเราก็พูดความรู้สึกทั้งหมดออกไปได้ซักทีเนอะ
ใครอ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ไรท์อยากจะบอกว่าไรท์รักรีดเดอร์คนนั้นมาก แต๊งกิ้วที่ไม่ทิ้งกันน้า > //// <
ps.อยากรู้มั้ยคะเพลงที่พิงกุจังให้รุ่นพี่ซานาดะฟังคือเพลงอะไร อยากรู้ตามลิ้งค์นี้เลยจ้า :')
http://youtu.be/E-_5OzIrx1s
ความคิดเห็น