ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Prince OF Tennis [mix 8 series]

    ลำดับตอนที่ #16 : Marui Bunta & Nakatani Keki Series 6 part 1 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 56


    Marui Bunta & Nakatani Keki

    Series 6 part 1 : แรกพบ

           “ไปล่ะนะครับ”

           เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดง แววตาสีม่วงจอมทะเล้น ใบหน้าคมคายและริมฝีปากที่มักจะเป่าหมากฝรั่งลูกโป่งสีเขียวในปากตลอดเวลาเอ่ยขึ้นบอกลาตามมารยาทก่อนเดินออกจากบ้านมาตามเส้นทางอันแสนคุ้นเคยทันที

           “พี่บุนตะไม่รอเลยอ่ะพี่บุนตะ >^<

           “พี่บุนตะหยุดเดี๋ยวนี้น้า >^<

           มารุอิเดินออกมาท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของน้องชายฝาแฝดตัวน้อยทั้งสองคนที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน น้องชายทั้งสองของเขาพึ่งจะอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 เองนะเนี่ย

            “ไคโตะ เคตะกลับเข้ามาในบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!

           และเมื่อเสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นมาเจ้าน้องชายฝาแฝดทั้งสองก็จรลีเข้าบ้านไปในทันที บุนตะไม่ได้สนใจแม้แต่จะหันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังนึกสะใจด้วยซ้ำไป ไม่ใช่ว่าเกลียดน้องตัวเองหรอกนะแต่มันก็อดหมั่นไส้เจ้าพวกแฝดนั่นไม่ได้นี่นา

           “สมน้ำหน้าเจ้าพวกแฝดนรก”

           มารุอิบ่นพึมพำก่อนเดินออกไปไกลจากตัวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ใส่ใจเส้นทางที่ตนเดินออกมาเท่าไหร่นัก เป้าหมายของเขาก็คือการฝึกซ้อมตอนเช้าอย่างเดียวนี่แหละนะ

           “หือ ?”

           ฉับพลันแววตาคมก็เหลือบไปเห็นเค้กชิฟฟ่อนก้อนนึงอยู่ในตู้โชว์ที่ติดป้ายลดราคาไว้ 50 % เพียงแค่เท่านั้น อัจฉริยะหนุ่มก็จรลีเข้าไปที่ตู้นั้นทันที

           “ผมเอาเค้กก้อนนี้ครับ! / ฉันเอาเค้กก้อนนี้ค่ะ!

           แต่แล้วมารุอิก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีเสียงนึงแทรกขึ้นมาระหว่างที่เขาเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของเค้กก้อนนี้และเมื่อใบหน้าคมคายหันไปก็พบกลับเจ้าของใบหน้าหวานผู้ซึ่งมีเส้นผมสีน้ำเงินปอยผมบางส่วนถูกมัดขึ้นด้วยโบว์สีเหลืองและแววตาสีเขียวฟ้าน้ำทะเลนั้นบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเขาสุดๆ

           “เค้กอันนั้นมันของฉันนะ!

           “แล้วเธอเอาชิ้นอื่นไม่ได้รึไง..

           มารุอิเอ่ยถามออกไปบ้างเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าตะโกนใส่หน้าเขาก่อน

           “แต่นายเป็นผู้ชายนะยะ”

           “เป็นผู้ชายแล้วไง ไม่จำเป็นต้องยอมเสมอไปนี่”

           เด็กหนุ่มกวาดสายตามองเธอเล็กน้อย เด็กสาวคนนี้ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับเขาหากแต่เธอกลับอยู่โรงเรียนคู่ขนานอย่างโรงเรียนสตรีสาธิตโชโจแทนต่างหาก

           “เอ่อ มีอะไรกันหรอคะ”

           “ผมอยากได้เค้กนี่ครับ! / ฉันอยากได้เค้กนี่ค่ะ!

           นิ้วของทั้งคู่ถูกชี้ออกมาที่เป้าหมายเดียวกันคือชิฟฟ่อนเค้กลดราคาไปกว่าครึ่ง พนักงานสาวเห็นดังนั้นก็ได้แต่เผยยิ้มแหย .. เธอไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการ์ณตรงหน้าดี

           “นี่เธอ ทำใจซะเหอะฉันขอเค้กนี่ล่ะนะ”

           เพียะ!

           “ฮึ่ยยยย … -^-!!

           มารุอิยักคิ้วให้เด็กสาวก่อนเขาจะคว้าเงินในกระเป๋าออกมาแล้วจ่ายมันออกไปทันทีโดยที่ยัดใส่มือพนักงานสาวลวกๆ(ออกแนวยัดเยียดเล็กน้อย) ร่างบางเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบปัดมือใหญ่ของมารุอิออกทันทีแต่ไม่ทันไรเงินก็ถูกส่งไปอยู่ในมือของพนักงานสาวซะแล้ว

           “น นี่ค่ะ”

           พนักงานสาวรีบจรลีหยิบชิฟฟ่อนเค้กใส่กล่องกระดาษให้เรียบร้อยก่อนใส่ถุงพลาสติกแล้วส่งให้เด็กหนุ่มหัวแดงทันที มารุอิเห็นดังนั้นก็เผยยิ้มชอบใจแล้วคว้ามันมาไว้ในมืออย่างไม่มีการลังเล

           “เกมว้อนท์บายมารุอิ บุนตะ 7-0 บ๊ายบาย ~”

           เด็กหนุ่มจอมทะเล้นยักคิ้วให้เธอก่อนโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินออกไปทันที เด็กสาวได้แต่ยืนกำหมัดเม้มปากด้วยความแค้นใจสุดๆ

           “หนอยแน่ะ อย่าได้คิดว่าจะรอดมือฉันไปได้นะอีตาบ้าบุนตะ!!

           ร่างบางตะโกนจงใจให้เด็กหนุ่มร่างสูงได้ยินก่อนเธอจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนีออกไปทันทีด้วยความโมโห มารุอิได้ยินนะแต่ไม่เก็บมาคิดให้รกสมองหรอก ~

    …………………………………………………………………………………………………………………

           หลังเลิกเรียน

           เมื่อเรย์มุหัวหน้าห้องของมารุอิและนิโอบอกทำความเคารพนักเรียนในคาบเรียนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว สมาชิกมัธยมต้นปี 3 ห้อง B ก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเรียนกันแทบจะทันที ยังคงมีนักเรียนบางส่วนที่เก็บของอยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีมารุอิด้วย

           “เฮ้ย นิโอ”

           … zzZZ

           และเมื่อเก็บของเสร็จอัจฉริยะก็เดินแบกกระเป๋าแร็กเก็ตตรงมาที่จอมหลอกลวงประจำชมรมซึ่งนอนหลับอยู่บนโต๊ะเรียนไม่รู้ฟ้ารู้ดินอะไรทั้งสิ้น .. คนอย่างนิโอปลุกแบบธรรมดาไม่ได้หรอกต้องปลุกแบบอะเมซิ่ง(?)ถึงจะยอมตื่น ..

           “อโหสินะ ฮึ้บ เฮ้ย ไอ้เจ้าบ้านิโอ!!!!!

           มารุอิแผดเสียงลั่นห้องทำเอานักเรียนคนอื่นที่ยังอยู่สะดุ้งกันเป็นแถวก่อนรีบพากันเดินออกจากห้องไปทันที เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันใดก่อนมือใหญ่จะลุกขึ้นขยี้ตาของตนเองอย่างงัวเงีย

           “อะไรเล่ามารุอิปลุกกันดีๆไม่ได้รึไง หูฉันหนวกเลยเนี่ย

           “ช่วยไม่ได้ก็ปลุกดีๆแล้วนายไม่ยอมตื่นเองนี่หว่า”

           มารุอิยักไหล่พลางเป่าลูกโป่งสีเขียวอีกครา นิโอสะบัดหน้าไล่ความง่วงก่อนทำท่าแคะเสียงมารุอิที่อยู่ในหูตัวเองออกมาแล้วลุกขึ้นยืนก่อนสะพายกระเป๋าแร็กเก็ตขึ้นบ่า

           “เออจะว่าไป รอยมือบนหน้านายนั่นน่ะใครทำ”

           อัจฉริยะถามขึ้นในขณะที่ทั้งคู่ต่างพากันเดินออกมาจากห้อง จริงๆเรื่องนี้มันคาใจเขามันตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วล่ะ แต่เพราะอาจารย์ดันเข้าสอนพอดีเลยไม่ได้ถามให้มากความนัก

           “ปุริ ไม่บอกหรอก”

           “บอกฉันมานะเฟ้ย นายไปก่อเรื่องอะไรมาห๊ะ”

           “ช่วยไม่ได้ นายอยากไม่รู้เองนี่หว่า ~

           นิโอยักคิ้วใส่มารุอิอย่างกวนประสาททำเอาอัจฉริยะอดจะยกขาถีบขึ้นมาไม่ได้แต่นิโอก็ดันเอี้ยวตัวหลบทันอย่างง่ายดาย มีแต่คนหมั่นไส้นิโอก็เพราะแบบนี้นั่นแหละ

           แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นมาซะก่อน มารุอิสบถอย่างไม่พอใจนิดๆก่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา นิโอเห็นดังนั้นจึงหยุดรอเพื่อนของตนเล็กน้อย

           ติ๊ด

           “โมชิโมชิครับแม่”

           เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นแม่ของตนก็ต้องจำใจรับเอาซะได้ ตอนแรกถ้าเป็นพวกซานาดะโทรมาตามกะจะตัดสายทิ้งซักหน่อยเชียว

           “อะไรนะ ? แต่ผมมีซ้อมนะครับ”

           นิโอมองอย่างงุนงงเล็กน้อยพลางเขี่ยพื้นเล่นไปด้วย มารุอิดูท่าทางไม่พอใจขนาดหนักทีเดียว

           “ครับๆก็ได้ๆเดี๋ยวผมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”

           ติ๊ด

           มารุอิตัดสายไปก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่กับตนเองพลางเดินเข้าไปหาเพื่อนของตนซึ่งยืนรออยู่ได้พักนึงแล้ว

           “นายไปก่อนเลยนิโอฝากบอกยูคิมูระกับซานาดะด้วยว่าฉันติดธุระกับแม่”

           “ปุริ ~ ถ้าไม่ลืมจะบอกให้ละกัน”

           “ห้ามลืมต่างหากล่ะเจ้าบ้า”

           “หยอกเพราะรักหรอก เดี๋ยวบอกให้”

           “เออ .. แต๊งกิ้ว”

           อัจฉริยะตบไหล่นิโอก่อนเดินออกไปทันที ตอนนี้เขาอารมณ์ขุ่นๆเพราะแม่ดันโทรมาบอกให้รีบกลับบ้านแทนการซ้อมตอนเย็นซะได้

           จะมีเรื่องสำคัญอะไรนักหนาวะ

           มารุอิครุ่นคิดในใจพลางตีหน้าเครียดเดินออกมาจากโรงเรียนไปด้วย ร่างสูงเดินไปตามเส้นทางเรื่อยๆเพื่อกลับบ้านของตนเองตามที่แม่สั่ง

           “หืม

           จังหวะที่เขาเดินออกมาจากโรงเรียนนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวแสนคุ้นหน้าคุ้นตายืนรอเขาอยู่ที่ป้ายหน้าโรงเรียนของตน มารุอิคุ้นหน้าเธอนะ แต่เขานึกไม่ออกนี่สิ

           ดังนั้นเขาจึงเลือกจะเดินผ่านเธอไปเพราะคิดว่าคงสวนทางกันตอนกลับบ้านมากกว่า

           “นี่นายบุนตะหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!

           “ห๊ะ ? บุนตะมันชื่อฉันนะเนี่ย เธอจำผิดแล้ว”

           “ฉันก็หมายถึงนายนั่นแหละ!

           เมื่อน้ำเสียงใสตะโกนขึ้น เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปมองเด็กสาวเจ้าของน้ำเสียงทันที เรือนผมสีน้ำเงิน ผูกโบว์สีเหลือง แววตาสีเขียวฟ้าน้ำทะเลแบบนี้ ยูนิฟอร์มสตรีสาธิตโชโจแบบนี้

           “ยัยหัวจุกคนเมื่อเช้านี่หว่า”

           “ฉันไม่ใช่ยัยหัวจุกซักหน่อย!

           “แล้วมีธุระอะไรฉันกำลังรีบ”

           “นายแย่งเค้กไปจากฉัน -^-!

           “เปล่านี่ ฉันซื้อมาด้วยความทุจริตต่างหาก ลาล่ะ”

           มารุอิยักไหล่ก่อนเป่าลูกโป่งเล่นอีกคราแล้วเดินออกไปจากวงสนทนาของเด็กสาวทันที หากแต่เธอก็ยังตามมารั้งแขนของเด็กหนุ่มไว้อย่างไม่ยอมแพ้ มารุอิกรอกตาไปมา เริ่มรำคาญแล้วนะเฮ้ย

           “เธอมีธุระอะไรห๊ะฉันบอกว่าฉันกำลังรีบไง!

           คราวนี้เด็กหนุ่มเริ่มขึ้นเสียงมาบ้างแล้ว ใบหน้าคมคายดูจริงจังขึ้นมาทันทีจนร่างบางตกใจผละมือออกจากแขนของเด็กหนุ่มแล้วถอยออกไปสองสามก้าว

           “ข ขอโทษ ฉันก็แค่อยากรู้จักนายอ่ะ”

           เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงอึกอักก่อนก้มหน้าหนีเด็กหนุ่มทันที มารุอิเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ?

           “ฉัน ? เธอก็รู้ชื่อฉันแล้วหนิ”

           “แล้วนายรู้ชื่อฉันมั้ยล่ะยะ ฮึ่ย”

           “เออนั่นสิ เธอชื่ออะไรล่ะ”

           เด็กหนุ่มเป่าหมากฝรั่งแล้วออกปากถามด้วยท่าทางสุดสบายจนเด็กสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้

           “ฉ ฉันชื่อเคกิ นาคาทานิ เคกิ”

           “หืออออ .. ?”

           มารุอิเลิกคิ้วสูงทันทีที่เด็กสาวเอ่ยชื่อของตนจบ ใบหน้าหวานของเธอขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย ก็แหงสิ ชื่อของเธอมันดูแปลกประหลาดนี่นา

           “อ .. อะไร อย่าหัวเรานะ …!

           “เปล่านี่ น่ารักดีออก .. อืม ~ เคกิงั้นหรอ” (เคกิในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าเค้กจ้า: มิจจี้)

           คำพูดของเด็กหนุ่มทำเอาเด็กสาวต้องหันกลับมามองทันทีด้วยความแปลกใจ ปกติมีแต่คนล้อเลียนชื่อของเธอ แต่ตอนนี้มารุอิกลับกำลังเอ่ยชมชื่อของเธออยู่รู้ตัวรึเปล่าเนี่ย ? (รู้สิ > <: มิจจี้)

           “ขอบใจ นะ”

           “อืม ฉันไปล่ะเอาไว้เจอกันใหม่”

           มารุอิโบกมือลาให้เด็กสาวก่อนหันหลังเดินกลับไป ตอนนี้แม่จะด่ายังไงก็ช่างเถอะขี้เกียจรีบแล้วเพราะตอนนี้น่ะอัจฉริยะแห่งริคไคอารมณ์ดีแล้วนี่นา ~

           “บ บุนตะ วันหยุดน่ะออกไปกินเค้กด้วยกันมั้ย!

           …… หืมม ?

           “ฉ ฉันก็จะมาชวนนายไปกินเค้กนี่แหละ พอดีฉันรู้จักย่านขนมหวานอร่อยๆน่ะ”

           “โอ้ส  11 โมงเจอกันหน้าร้านเค้กร้านเดิมนะ”

           เด็กหนุ่มชูสัญลักษณ์โอเคขึ้นมาให้เด็กสาวเข้าใจพลางเท้าของร่างสูงก็ก้าวเดินออกไปด้วย เคกิเห็นดังนั้นก็เผยยิ้มบางออกมาด้วยความดีใจที่มีอยู่เต็มอก นี่คือรักแรกพบสินะ มารุอิ บุนตะเนี่ยเสน่ห์แรงจริงๆทำให้สาวหลงรักได้ตั้งแต่แรกพบเลยเนี่ย ~ !

           “นี่ถ้าคู่หมั้นของฉันเป็นนายก็ดีสิ บุนตะ”

    To be continued

    ........................…………………………………………………………………………………………………………………

    เคกิจังซึนได้อีก อร๊ายย > < รุ่นพี่มารุอิน่ารัก น่าหยิกขนาดนี้ไม่แปลกใจเลย 555

    ฝากติดตามผลงานด้วยนะเออ ขอบใจทุกคนมากจ้าที่เม้นให้กำลังใจไรท์ รักรีดเดอร์น้า จุ๊บ <3
    ปล.น้องชายฝาแฝดทั้ง 2 ของรุ่นพี่มารุอิไรท์มั่วเอานะเออ ก็เห็นในประวัติบอกมีน้องชาย 2 คนเลยจับเป็นแฝดซะเลย


     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×