คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Marui Bunta & Nakatani Keki Series 6 part 1 : แรกพบ
Marui Bunta & Nakatani Keki
Series 6 part 1 : แรกพบ
“ไปล่ะนะครับ”
เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดง แววตาสีม่วงจอมทะเล้น ใบหน้าคมคายและริมฝีปากที่มักจะเป่าหมากฝรั่งลูกโป่งสีเขียวในปากตลอดเวลาเอ่ยขึ้นบอกลาตามมารยาทก่อนเดินออกจากบ้านมาตามเส้นทางอันแสนคุ้นเคยทันที
“พี่บุนตะไม่รอเลยอ่ะพี่บุนตะ >^<”
“พี่บุนตะหยุดเดี๋ยวนี้น้า >^<”
มารุอิเดินออกมาท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของน้องชายฝาแฝดตัวน้อยทั้งสองคนที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน … น้องชายทั้งสองของเขาพึ่งจะอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 เองนะเนี่ย
“ไคโตะ เคตะกลับเข้ามาในบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
และเมื่อเสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นมาเจ้าน้องชายฝาแฝดทั้งสองก็จรลีเข้าบ้านไปในทันที บุนตะไม่ได้สนใจแม้แต่จะหันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังนึกสะใจด้วยซ้ำไป ไม่ใช่ว่าเกลียดน้องตัวเองหรอกนะแต่มันก็อดหมั่นไส้เจ้าพวกแฝดนั่นไม่ได้นี่นา
“สมน้ำหน้าเจ้าพวกแฝดนรก”
มารุอิบ่นพึมพำก่อนเดินออกไปไกลจากตัวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ใส่ใจเส้นทางที่ตนเดินออกมาเท่าไหร่นัก เป้าหมายของเขาก็คือการฝึกซ้อมตอนเช้าอย่างเดียวนี่แหละนะ
“หือ ?”
ฉับพลันแววตาคมก็เหลือบไปเห็นเค้กชิฟฟ่อนก้อนนึงอยู่ในตู้โชว์ที่ติดป้ายลดราคาไว้ 50 % เพียงแค่เท่านั้น อัจฉริยะหนุ่มก็จรลีเข้าไปที่ตู้นั้นทันที
“ผมเอาเค้กก้อนนี้ครับ! / ฉันเอาเค้กก้อนนี้ค่ะ!”
แต่แล้วมารุอิก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีเสียงนึงแทรกขึ้นมาระหว่างที่เขาเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของเค้กก้อนนี้และเมื่อใบหน้าคมคายหันไปก็พบกลับเจ้าของใบหน้าหวานผู้ซึ่งมีเส้นผมสีน้ำเงินปอยผมบางส่วนถูกมัดขึ้นด้วยโบว์สีเหลืองและแววตาสีเขียวฟ้าน้ำทะเลนั้นบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเขาสุดๆ
“เค้กอันนั้นมันของฉันนะ!”
“แล้วเธอเอาชิ้นอื่นไม่ได้รึไง..”
มารุอิเอ่ยถามออกไปบ้างเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าตะโกนใส่หน้าเขาก่อน
“แต่นายเป็นผู้ชายนะยะ”
“เป็นผู้ชายแล้วไง … ไม่จำเป็นต้องยอมเสมอไปนี่”
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองเธอเล็กน้อย … เด็กสาวคนนี้ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับเขาหากแต่เธอกลับอยู่โรงเรียนคู่ขนานอย่างโรงเรียนสตรีสาธิตโชโจแทนต่างหาก
“เอ่อ … มีอะไรกันหรอคะ”
“ผมอยากได้เค้กนี่ครับ! / ฉันอยากได้เค้กนี่ค่ะ!”
นิ้วของทั้งคู่ถูกชี้ออกมาที่เป้าหมายเดียวกันคือชิฟฟ่อนเค้กลดราคาไปกว่าครึ่ง พนักงานสาวเห็นดังนั้นก็ได้แต่เผยยิ้มแหย .. เธอไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการ์ณตรงหน้าดี
“นี่เธอ ทำใจซะเหอะฉันขอเค้กนี่ล่ะนะ”
เพียะ!
“ฮึ่ยยยย … -^-!!”
มารุอิยักคิ้วให้เด็กสาวก่อนเขาจะคว้าเงินในกระเป๋าออกมาแล้วจ่ายมันออกไปทันทีโดยที่ยัดใส่มือพนักงานสาวลวกๆ(ออกแนวยัดเยียดเล็กน้อย) ร่างบางเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบปัดมือใหญ่ของมารุอิออกทันทีแต่ไม่ทันไรเงินก็ถูกส่งไปอยู่ในมือของพนักงานสาวซะแล้ว
“น … นี่ค่ะ”
พนักงานสาวรีบจรลีหยิบชิฟฟ่อนเค้กใส่กล่องกระดาษให้เรียบร้อยก่อนใส่ถุงพลาสติกแล้วส่งให้เด็กหนุ่มหัวแดงทันที มารุอิเห็นดังนั้นก็เผยยิ้มชอบใจแล้วคว้ามันมาไว้ในมืออย่างไม่มีการลังเล
“เกมว้อนท์บายมารุอิ บุนตะ 7-0 บ๊ายบาย ~”
เด็กหนุ่มจอมทะเล้นยักคิ้วให้เธอก่อนโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินออกไปทันที เด็กสาวได้แต่ยืนกำหมัดเม้มปากด้วยความแค้นใจสุดๆ
“หนอยแน่ะ … อย่าได้คิดว่าจะรอดมือฉันไปได้นะอีตาบ้าบุนตะ!!”
ร่างบางตะโกนจงใจให้เด็กหนุ่มร่างสูงได้ยินก่อนเธอจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนีออกไปทันทีด้วยความโมโห มารุอิได้ยินนะแต่ไม่เก็บมาคิดให้รกสมองหรอก ~
…………………………………………………………………………………………………………………
หลังเลิกเรียน
เมื่อเรย์มุหัวหน้าห้องของมารุอิและนิโอบอกทำความเคารพนักเรียนในคาบเรียนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว สมาชิกมัธยมต้นปี 3 ห้อง B ก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเรียนกันแทบจะทันที ยังคงมีนักเรียนบางส่วนที่เก็บของอยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีมารุอิด้วย
“เฮ้ย นิโอ”
“… zzZZ …”
และเมื่อเก็บของเสร็จอัจฉริยะก็เดินแบกกระเป๋าแร็กเก็ตตรงมาที่จอมหลอกลวงประจำชมรมซึ่งนอนหลับอยู่บนโต๊ะเรียนไม่รู้ฟ้ารู้ดินอะไรทั้งสิ้น .. คนอย่างนิโอปลุกแบบธรรมดาไม่ได้หรอกต้องปลุกแบบอะเมซิ่ง(?)ถึงจะยอมตื่น ..
“อโหสินะ ฮึ้บ … เฮ้ย ไอ้เจ้าบ้านิโอ!!!!!”
มารุอิแผดเสียงลั่นห้องทำเอานักเรียนคนอื่นที่ยังอยู่สะดุ้งกันเป็นแถวก่อนรีบพากันเดินออกจากห้องไปทันที เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันใดก่อนมือใหญ่จะลุกขึ้นขยี้ตาของตนเองอย่างงัวเงีย
“อะไรเล่ามารุอิปลุกกันดีๆไม่ได้รึไง หูฉันหนวกเลยเนี่ย…”
“ช่วยไม่ได้ก็ปลุกดีๆแล้วนายไม่ยอมตื่นเองนี่หว่า”
มารุอิยักไหล่พลางเป่าลูกโป่งสีเขียวอีกครา นิโอสะบัดหน้าไล่ความง่วงก่อนทำท่าแคะเสียงมารุอิที่อยู่ในหูตัวเองออกมาแล้วลุกขึ้นยืนก่อนสะพายกระเป๋าแร็กเก็ตขึ้นบ่า
“เออจะว่าไป รอยมือบนหน้านายนั่นน่ะใครทำ”
อัจฉริยะถามขึ้นในขณะที่ทั้งคู่ต่างพากันเดินออกมาจากห้อง … จริงๆเรื่องนี้มันคาใจเขามันตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วล่ะ แต่เพราะอาจารย์ดันเข้าสอนพอดีเลยไม่ได้ถามให้มากความนัก
“ปุริ ไม่บอกหรอก”
“บอกฉันมานะเฟ้ย นายไปก่อเรื่องอะไรมาห๊ะ”
“ช่วยไม่ได้ นายอยากไม่รู้เองนี่หว่า ~”
นิโอยักคิ้วใส่มารุอิอย่างกวนประสาททำเอาอัจฉริยะอดจะยกขาถีบขึ้นมาไม่ได้แต่นิโอก็ดันเอี้ยวตัวหลบทันอย่างง่ายดาย … มีแต่คนหมั่นไส้นิโอก็เพราะแบบนี้นั่นแหละ
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นมาซะก่อน มารุอิสบถอย่างไม่พอใจนิดๆก่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา นิโอเห็นดังนั้นจึงหยุดรอเพื่อนของตนเล็กน้อย
ติ๊ด
“โมชิโมชิครับแม่”
เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นแม่ของตนก็ต้องจำใจรับเอาซะได้ ตอนแรกถ้าเป็นพวกซานาดะโทรมาตามกะจะตัดสายทิ้งซักหน่อยเชียว
“อะไรนะ ? แต่ผมมีซ้อมนะครับ”
นิโอมองอย่างงุนงงเล็กน้อยพลางเขี่ยพื้นเล่นไปด้วย มารุอิดูท่าทางไม่พอใจขนาดหนักทีเดียว
“ครับๆก็ได้ๆเดี๋ยวผมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
ติ๊ด
มารุอิตัดสายไปก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่กับตนเองพลางเดินเข้าไปหาเพื่อนของตนซึ่งยืนรออยู่ได้พักนึงแล้ว
“นายไปก่อนเลยนิโอฝากบอกยูคิมูระกับซานาดะด้วยว่าฉันติดธุระกับแม่”
“ปุริ ~ ถ้าไม่ลืมจะบอกให้ละกัน”
“ห้ามลืมต่างหากล่ะเจ้าบ้า”
“หยอกเพราะรักหรอก เดี๋ยวบอกให้”
“เออ .. แต๊งกิ้ว”
อัจฉริยะตบไหล่นิโอก่อนเดินออกไปทันที … ตอนนี้เขาอารมณ์ขุ่นๆเพราะแม่ดันโทรมาบอกให้รีบกลับบ้านแทนการซ้อมตอนเย็นซะได้
‘จะมีเรื่องสำคัญอะไรนักหนาวะ’
มารุอิครุ่นคิดในใจพลางตีหน้าเครียดเดินออกมาจากโรงเรียนไปด้วย ร่างสูงเดินไปตามเส้นทางเรื่อยๆเพื่อกลับบ้านของตนเองตามที่แม่สั่ง
“หืม …”
จังหวะที่เขาเดินออกมาจากโรงเรียนนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวแสนคุ้นหน้าคุ้นตายืนรอเขาอยู่ที่ป้ายหน้าโรงเรียนของตน … มารุอิคุ้นหน้าเธอนะ แต่เขานึกไม่ออกนี่สิ
ดังนั้นเขาจึงเลือกจะเดินผ่านเธอไปเพราะคิดว่าคงสวนทางกันตอนกลับบ้านมากกว่า
“นี่นายบุนตะหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ห๊ะ ? บุนตะมันชื่อฉันนะเนี่ย เธอจำผิดแล้ว”
“ฉันก็หมายถึงนายนั่นแหละ!”
เมื่อน้ำเสียงใสตะโกนขึ้น เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปมองเด็กสาวเจ้าของน้ำเสียงทันที เรือนผมสีน้ำเงิน ผูกโบว์สีเหลือง แววตาสีเขียวฟ้าน้ำทะเลแบบนี้ ยูนิฟอร์มสตรีสาธิตโชโจแบบนี้ …
“ยัยหัวจุกคนเมื่อเช้านี่หว่า”
“ฉันไม่ใช่ยัยหัวจุกซักหน่อย!”
“แล้วมีธุระอะไรฉันกำลังรีบ”
“นายแย่งเค้กไปจากฉัน -^-!”
“เปล่านี่ ฉันซื้อมาด้วยความทุจริตต่างหาก ลาล่ะ”
มารุอิยักไหล่ก่อนเป่าลูกโป่งเล่นอีกคราแล้วเดินออกไปจากวงสนทนาของเด็กสาวทันที หากแต่เธอก็ยังตามมารั้งแขนของเด็กหนุ่มไว้อย่างไม่ยอมแพ้ มารุอิกรอกตาไปมา … ‘เริ่มรำคาญแล้วนะเฮ้ย’
“เธอมีธุระอะไรห๊ะฉันบอกว่าฉันกำลังรีบไง!”
คราวนี้เด็กหนุ่มเริ่มขึ้นเสียงมาบ้างแล้ว ใบหน้าคมคายดูจริงจังขึ้นมาทันทีจนร่างบางตกใจผละมือออกจากแขนของเด็กหนุ่มแล้วถอยออกไปสองสามก้าว
“ข … ขอโทษ … ฉ … ฉันก็แค่อยากรู้จักนายอ่ะ”
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงอึกอักก่อนก้มหน้าหนีเด็กหนุ่มทันที มารุอิเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ?
“ฉัน ? เธอก็รู้ชื่อฉันแล้วหนิ”
“แล้วนายรู้ชื่อฉันมั้ยล่ะยะ … ฮึ่ย”
“เออนั่นสิ เธอชื่ออะไรล่ะ”
เด็กหนุ่มเป่าหมากฝรั่งแล้วออกปากถามด้วยท่าทางสุดสบายจนเด็กสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ฉ … ฉันชื่อเคกิ นาคาทานิ เคกิ”
“หืออออ .. ?”
มารุอิเลิกคิ้วสูงทันทีที่เด็กสาวเอ่ยชื่อของตนจบ ใบหน้าหวานของเธอขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย … ก็แหงสิ ชื่อของเธอมันดูแปลกประหลาดนี่นา
“อ .. อะไร … อย่าหัวเรานะ …!”
“เปล่านี่ น่ารักดีออก .. อืม ~ เคกิงั้นหรอ” (‘เคกิ’ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า‘เค้ก’จ้า: มิจจี้)
คำพูดของเด็กหนุ่มทำเอาเด็กสาวต้องหันกลับมามองทันทีด้วยความแปลกใจ ปกติมีแต่คนล้อเลียนชื่อของเธอ แต่ตอนนี้มารุอิกลับกำลังเอ่ยชมชื่อของเธออยู่รู้ตัวรึเปล่าเนี่ย ? … (รู้สิ > <: มิจจี้)
“ขอบใจ … นะ”
“อืม ฉันไปล่ะเอาไว้เจอกันใหม่”
มารุอิโบกมือลาให้เด็กสาวก่อนหันหลังเดินกลับไป … ตอนนี้แม่จะด่ายังไงก็ช่างเถอะขี้เกียจรีบแล้วเพราะตอนนี้น่ะอัจฉริยะแห่งริคไคอารมณ์ดีแล้วนี่นา ~
“บ … บุนตะ วันหยุดน่ะออกไปกินเค้กด้วยกันมั้ย!”
“…… หืมม ? …”
“ฉ … ฉันก็จะมาชวนนายไปกินเค้กนี่แหละ พอดีฉันรู้จักย่านขนมหวานอร่อยๆน่ะ”
“โอ้ส 11 โมงเจอกันหน้าร้านเค้กร้านเดิมนะ”
เด็กหนุ่มชูสัญลักษณ์โอเคขึ้นมาให้เด็กสาวเข้าใจพลางเท้าของร่างสูงก็ก้าวเดินออกไปด้วย เคกิเห็นดังนั้นก็เผยยิ้มบางออกมาด้วยความดีใจที่มีอยู่เต็มอก … นี่คือรักแรกพบสินะ มารุอิ บุนตะเนี่ยเสน่ห์แรงจริงๆทำให้สาวหลงรักได้ตั้งแต่แรกพบเลยเนี่ย ~ !
“นี่ถ้าคู่หมั้นของฉันเป็นนายก็ดีสิ … บุนตะ”
To be continued
........................…………………………………………………………………………………………………………………
เคกิจังซึนได้อีก อร๊ายย > < รุ่นพี่มารุอิน่ารัก น่าหยิกขนาดนี้ไม่แปลกใจเลย 555
ฝากติดตามผลงานด้วยนะเออ ขอบใจทุกคนมากจ้าที่เม้นให้กำลังใจไรท์ รักรีดเดอร์น้า จุ๊บ <3
ปล.น้องชายฝาแฝดทั้ง 2 ของรุ่นพี่มารุอิไรท์มั่วเอานะเออ ก็เห็นในประวัติบอกมีน้องชาย 2 คนเลยจับเป็นแฝดซะเลย
ความคิดเห็น