คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Sanada Genichirou & Akimoto Pinku Series 2 part 7 : ไม่ต่างกัน(เท่าไหร่)
Sanada Genichirou & Akimoto Pinku
Series 2 part 7 : ไม่ต่างกัน(เท่าไหร่)
(ถ้าแบบนั้นฉันว่าซานาดะคุงคงชอบเธอแล้วล่ะมั้ง ~)
“จะบ้าหรอมิซึอิ!”
(ไม่บ้านะ คุนิมิสึที่ฟังอยู่ยังคิดแบบฉันเลย)
“อ เอ๋ ?! เทะสึกะคุงก็อยู่กับเธอด้วยหรอ?!”
พิงกุหน้าแดงระเรื่อทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากปลายสาย ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อคืนก่อนนี่ก็สองวันแล้วที่เธอเอาแต่คิดถึงคำพูดและท่าทางของซานาดะจนแทบไม่ได้หลับได้นอนและเมื่อเห็นว่าตนเองจิตใจไม่สงบสุขแบบนี้พิงกุจึงอดไม่ได้ที่จะโทรไปหาพี่สาวของตนเองทันทีหลังจากตื่นมาวันนี้
(อื้ม วันนี้คุนิมิสึมาติวแนวข้อสอบให้ฉันน่ะ)
“เอ่อ …. นี่ฉันมารบกวนเวลาของพวกเธอรึเปล่าน่ะ …”
ใจจริงพิงกุอยากจะถามว่า ‘นี่ฉันมารบกวนเวลาหวานชื่นของพวกเธอรึเปล่าน่ะ’ ต่างหากล่ะ
(ไม่เป็นไรหรอก เรื่องของน้องสาวสำคัญกว่าอยู่แล้วล่ะ เนอะคุนิมิสึ)
ปลายสายที่แลดูท่าจะหันกลับไปพูดกับหวานใจของตนทำเอาพิงกุอดหมั่นไส้ในใจลึกๆไม่ได้ ถึงแม้เทะสึกะจะเป็นผู้ชายที่ภายนอกแลดูเย็นชาไม่น้อยแต่พออยู่กับมิซึอิแล้วกลับกลายเป็นผู้ชายอ่อนโยน น่ารักไปแทนซะได้
“ว่าแต่ทำไมเทะสึกะคุงถึงได้มาติวให้เธอเร็วจังฤดูสอบปลายภาคมันเดือนหน้าไม่ใช่หรอ”
(อ้าวนี่เธอไม่รู้หรอว่าเซชุนถูกคัดเลือกให้เข้าค่าย U-17 น่ะ เลยต้องรีบติวแล้วเก็บตัวซ้อมเดือนนึงไง)
“ห๊า ? ค่าย U-17 หรอ?!”
(อื้ม ก็พอแข่งระดับประเทศจบเซชุนก็ได้รับคัดเลือก นี่หรือว่าสาธิตริคไคไม่ได้ถูกเลือก?)
“ไม่รู้สิ ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย พึ่งมารู้ก็ตอนที่เธอบอกเมื่อกี้นี่แหละ”
(ลองถามกัปตันชมรมดูสิ ระดับสาธิตริคไคน่ะต้องได้อยู่แล้ว)
“… อ่า .. งั้นเอาไว้คุยกันทีหลังนะมิซึอิ ปิดเทอมฉันจะไปหา บอกพ่อด้วยนะ”
(โอเค ฉันจะรอนะพิงกุ)
ติ๊ด
พิงกุกดตัดสนทนาปลายสายไปก่อนลุกขึ้นจากเตียงทันที เรื่องที่เธอไม่ได้เข้าชมรมหลายวันนี่อาจจะทำให้เธอพลาดข่าวสารก็ได้ แม้เธอจะต้องเจอหน้าซานาดะแต่ก็ต้องไปให้ได้ล่ะ!
ต่อมา …
หลังจัดแจงธุระอาบน้ำแต่งตัวให้ตนเองเรียบร้อยแล้วเด็กสาวร่างน้อยก็ตรงรี่มาสถานที่ฝึกซ้อมของชมรมเทนนิสชายโรงเรียนสาธิตริคไคอันแสนคุ้นตาทันที
แอ๊ด
“อ้าวอากุจัง มาด้วยหรอวันนี้”
และไม่ทันไรก็เป็นเด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงผู้เป่าหมากฝรั่งสีเขียวเป็นเอกลักษณ์อัจฉริยะแห่งริคไคนั่นเองที่เอ่ยทักทายเธอเป็นคนแรกก่อนจะหันกลับไปโต้ลูกสักหลาดกลับไปหาแจ็กกัลป์ต่อ
“มารุอิคุง ยูคิมูระคุงไม่อยู่หรอ?เก็นอิจิโร่ก็ได้”
“วันนี้ยูคิมูระไม่ ……”
“ผู้จัดการรรร ~ !!”
จังหวะที่มารุอิกำลังจะตอบผู้จัดการสาวกลับไปนั้นเจ้าเด็กปีสองตัวแสบก็ดันแผดเสียงซะดังลั่นจนอัจฉริยะเผลอสะดุ้งสุดตัวจังหวะที่กระโจนรับลูกทำให้เขาล้มลงหน้าคะมำทันที
โครม !!
“มารุอิ!! / มารุอิคุง!”
และเสียงตะโกนดังลั่นทำเอาคู่หูนิโอและยางิวที่ซ้อมอยู่อีกคอร์ดต้องหันกลับมามอง แจ็กกัลป์รีบกระโดดข้ามตาข่ายตรงหน้าไปฝั่งเพื่อนของตนทันทีเมื่อเห็นมารุอิล้มลงไป พิงกุเองก็รีบวิ่งไปหาเด็กหนุ่มที่คอร์ดทันทีก่อนเด็กสาวจะหันมากอดอกมองเจ้าเด็กตัวต้นเหตุที่ยืนทำหน้าจ๋อยอยู่
“เจ้าเด็กบ้าสร้างเรื่องอีกแล้วสิน่ะ” นิโอ
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ซ้อมต่อกันเถอะ” ยางิว
“เป็นอะไรรึเปล่าวะมารุอิ” แจ็กกัลป์
“ไม่เป็นไร ยังเล่นไหวอยู่” มารุอิ
“ขอโทษนะครับรุ่นพี่มารุอิ” คิริฮาระ
“ช่างเหอะ คิดมาก ซ้อมต่อกันแจ็กกัลป์” มารุอิ
มารุอิดันตัวเองลุกขึ้นแล้วผลักแจ็กกัลป์ให้ออกไปจากคอร์ดของตน เด็กหนุ่มคู่หูเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วกระโดดข้ามตาข่ายเข้าคอร์ดของตนเองไปอีกครั้งนึงเพื่อซ้อมต่อ
พิงกุเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มอัจฉริยะไม่เป็นไรเธอจึงเดินมาดึงหูคิริฮาระไปข้างสนามทันที
“โอ้ยผู้จัดการผมเจ็บนะเนี่ย T^T”
“มีธุระอะไรถึงได้ตะโกนซะคนอื่นเค้าเสียสมาธิแบบนั้นน่ะ -*-”
คิริฮาระเบะปากใส่เด็กสาวตรงหน้าก่อนยื่นแผ่นกระดาษสีขาวขนาดเท่า A4 ให้จักพรรดินีของชมรม พิงกุมองกระดาษแผ่นนั้นอย่างงุนงงสงสัยเล็กน้อยก่อนรับมา
“ก็ผมดีใจนี่นาที่โรงเรียนเราได้รับคัดเลือกให้เข้าค่าย U-17 ด้วย ~”
“เอ๋ ? ค่าย U-17 หรอ”
“ครับ!”
พิงกุเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มร่าก่อนเด็กสาวจะพยักหน้ารับเบาๆ
“แล้วนี่ยูคิมูระคุงกับเก็นอิจิโร่รู้รึยัง”
“วันนี้ผมไม่เห็นรองกัปตันเลยอ่ะแต่ที่แน่ๆวันนี้กัปตันป่วยเลยไม่มาซ้อมน่ะครับ”
“อะไรกัน ทั้งกัปตันทั้งรองกัปตันไม่อยู่ซักคนเลยงั้นหรอ”
“ผมโทรไปบอกกัปตันแล้วแต่รองกัปตันเค้าไม่รับสายผม T^T”
“งั้นหรอ … เดี๋ยวเก็นอิจิโร่ฉันบอกเองก็ได้แต่ก็ขอบใจนายมากนะฮายะ”
“ฮะ ?”
พิงกุเผยยิ้มบางพลางเอื้อมมือไปยีผมหยิกๆของเด็กรุ่นน้องตรงหน้าเบาๆด้วยความเอ็นดูก่อนเธอจะเดินออกไปจากวงสนทนาทันที คนถูกยีผมหน้าแดงอ่อนๆแล้วหันกลับไปมองตามแผ่นหลังบางของผู้จัดการสาว … ก็แหม นานๆทีพิงกุจะเอ็นดูคิริฮาระนี่นา ไม่ให้เขินได้ไงล่ะ
“อ้าว กลับแล้วหรออากุจัง”
“อื้ม ฉันกะว่าจะแวะไปหาเก็นอิจิโร่ซักหน่อยน่ะ”
นิโอเอ่ยถามทันทีที่เห็นผู้จัดการสาวเดินออกไปที่ประตูทางออกชมรมซึ่งเธอก็หันมาพยักหน้ารับ ยางิวเห็นดังนั้นจึงดันแว่นขึ้นสันจมูก .. เขารู้อยู่แล้วน่าว่าเธอกลับไปด้วยเหตุผลอะไร
“เรื่องค่าย U-17 สินะ”
สุภาพบุรุษเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ใช่ หลังสอบปลายภาคเสร็จก็ให้เก็บตัวซ้อมเพื่อเตรียมตัวได้เลยนะ”
“รับทราบผู้จัดการ”
หลังพิงกุเอ่ยประโยคที่ดูเหมือนกับคำสั่งเสร็จทั้งยานางิ ยางิว นิโอ แจ็กกัลป์ คิริฮาระและมารุอิก็ประสานเสียงตอบรับกันทันทีก่อนต่างคนจะหันกลับไปซ้อมตามฉบับของตนเองต่อ เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็เผยยิ้มบางรับก่อนเปิดประตูชมรมเดินออกไปทันที
‘อีตาบ้าเก็นอิจิโร่ … หายไปไหนของเค้ากันนะ’
เด็กสาวครุ่นคิดมาตลอดระหว่างที่เธอไปบ้านของซานาดะ เธอชักไม่แน่ใจเท่าไหร่แล้วสิว่าเด็กหนุ่มจะอยู่ที่บ้านน่ะ ร่างบางเริ่มลังเลว่าจะโผล่หน้าไปที่บ้านของซานาดะเอาดื้อๆหรือว่าบ้านของกัปตันดีนะ?
จังหวะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นฉับพลันเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลหยิกลอนสวยเป็นธรรมชาติ … พิงกุจำได้ดีกว่าเธอเป็นคนเดียวกันกับที่มานั่งรอยูคิมูระในชมรมวันนั้น ไม่รอช้าจักพรรดินีตรงเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้นทันทีเพื่อหวังว่าจะได้คำตอบดีๆจากเธอมาบ้าง
“นี่เธอ เรย์มุจังสินะ”
“อ … อื้ม อ๊ะ เธอคือพิงกุผู้จัดการของชมรมเทนนิชายนี่นา”
พิงกุสะกิดไหล่เด็กสาวและเมื่อเรย์มุหันมาเธอก็ไม่รอช้าจะเอ่ยปากถามทันที คนถูกถามหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนจะสะกิดใจได้ว่าคนถามตรงหน้าคือผู้จัดการชมรมของยูคิมูระที่เธอรู้จักอยู่เป็นอย่างดี
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ว่าแต่เธอได้ไปเยี่ยมยูคิมูระคุงรึยัง”
“เซอิจิน่ะหรอ กะว่าจะไปอยู่นี่แหละ ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
“คือฉันแค่อยากจะฝากนี่ไปให้ยูคิมูระคุงหน่อย”
พิงกุกล่าวก่อนยื่นกระดาษสีขาวซีดส่งให้เด็กสาวตรงหน้า เรย์มุก้มมองมันเล็กน้อยก่อนพยักหน้าแล้วยื่นมือออกไปรับมันมาถือไว้
“แล้วจะไม่ไปเยี่ยมด้วยกันหรอ”
“ฉันว่าจะไปทำธุระต่อน่ะ ยังไงก็ฝากเธอด้วยละกันนะเรย์มุจัง”
จักพรรดินีเอ่ยไว้แค่นั้นก่อนเผยยิ้มบางให้เรย์มุแล้วเดินออกมาทันที เรย์มุโบกมือให้เธอพลางยิ้มน่ารักตอบให้ก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกันเดินออกไป
หลังฝากใบคัดเลือกตัวแทนในการเข้าค่าย U-17 เรียบร้อยแล้วพิงกุก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์โทรรายชื่อของจักพรรดิหนุ่มทันใด … ทำไมเธอถึงได้เป็นห่วงเขาแบบนี้นะ
ตู๊ด … ตู๊ด … ตู๊ด
“รับสิเก็นอิจิโร่ …. รับสายฉันทีเถอะ”
ตู๊ด … ตู๊ด … ตู๊ด …
ติ๊ด … ตู๊ดๆๆ
หลังจากรอเสียงปลายสายอยู่นาน … เมื่อได้ยินเสียงที่เหมือนกับจะตอบรับก็ทำเอาเด็กสาวใจชื้นขึ้นมาเป็นกองหากแต่กลับกลายเป็นว่าสายถูกตัดทิ้งแทนไม่ได้เป็นการรับสายอย่างที่เธอเข้าใจ
พิงกุยกโทรศัพท์ออกจากหูพลางมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตนอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง … แต่ไหนแต่ไรซานาดะไม่เคยตัดสายใส่เธอแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดสายใส่เธอซะได้?
‘นายตัดสายฉันทำไมเนี่ยตาบ้า’
เด็กสาวได้แต่ฉุนอยู่ในใจ เธอไม่ได้เอะใจอะไรมากนักเพราะคิดว่าจักพรรดิหนุ่มคงกำลังวุ่นวายกับกิจวัตรประจำวันของตนเองอยู่แต่กิจวัตรหลักของซานาดะก็คือการมาซ้อม … หากแต่วันนี้เขากลับไม่ได้มาซ้อม … แล้วเขาทำอะไรอยู่กันนะ ? พิงกุเริ่มไม่สบายใจอีกครั้ง
“เอ๊ะ ?”
ฉับพลันแววตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักกีฬาตัวจริงของสาธิตริคไคแสนคุ้นตายืนอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ พิงกุเผยยิ้มกว้าง เธอรู้สึกอุ่นใจ โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังปกติดีไม่บาดเจ็บตรงไหนแต่อย่างใด
“เก็นอิจิ ….”
จังหวะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปทักทายร่างสูงนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวคนนึงกำลังยืนก้มหน้างุดๆอยู่ตรงหน้าเขา … พิงกุรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจราวกับถูกไฟช็อต เธอเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในสายตาของตนเอง … ที่ซานาดะมาซ้อมช้าวันนี้เพราะออกมาหาเด็กผู้หญิงคนนี้งั้นหรอ?
“เก็นอิจิโร่ ….”
พิงกุพึมพำเสียงแผ่วเบา … หยาดน้ำตาสีใสคลอที่เบ้าตาของเธอโดยที่ร่างบางไม่รู้ตัว พิงกุตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ? เด็กสาวรีบยกมือปาดน้ำตาแล้วเดินออกมาจากสถานที่ตรงนั้นทันที
‘นี่ฉัน … ร้องไห้งั้นหรอ’
เด็กสาวเดินออกมาด้วยหัวใจที่เต้นส่ำรั้นด้วยความเจ็บปวด … เธอไม่เคยรู้สึกทรมาณแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกหึงหวง ความรู้สึกเสียใจผสมปนเปในหัวของพิงกุอยู่เต็มไปหมดจนหยาดน้ำตาสีใสต้องร่วงเผาะอาบแก้มใสของร่างเล็ก …. นี่เป็นเพราะเธอดันปากแข็งไม่ยอมบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปสินะถึงได้ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ ?
“อากุอยู่ที่นี่เองหรอ กำลังจะไปหาที่บ้านพอดีเลย”
จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อของเธอขึ้น พิงกุรีบยกมือปาดน้ำตาแล้วหันกลับไปสู้หน้ามองร่างสูงทันใด
“ย … ยางิวคุง มีอะไรหรอ”
“เธอร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเธอ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ … ยางิวคุงไม่ได้ซ้อมอยู่ที่ชมรม …”
“ซานาดะโทรมาบอกว่าวันนี้จะเข้าชมรมสายหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง”
สิ้นคำพูดของยางิวพิงกุก็รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจขึ้นมาอีกครา … เด็กสาวฝืนยิ้มแหยออกไปแล้วพยักหน้ารับคำของยางิว … คงเพราะซานาดะเห็นว่าเธอโทรไปแล้วตัวเองดันตัดสายทิ้งจึงโทรมาบอกยางิวให้มาบอกเธออีกทีนึง …แล้วทำไมเจ้าตัวถึงไม่โทรมาเองนะ?
‘ที่เข้าชมรมสายเพราะต้องไปหาเด็กคนนั้นมากกว่าล่ะสิ’ … เธอครุ่นคิดในหัวอย่างน้อยใจ
“อากุ … ?”
“… หือ อะไรหรอ?”
“เธอไปเห็นซานาดะกับฮาคุโนะมาใช่มั้ย”
คำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอาพิงกุเบิกตากว้าง เธอเงยหน้ามองยางิวด้วยความแปลกใจ … ถึงเธอจะไม่รู้จักว่าฮาคุโนะที่ว่านั่นเป็นใคร แต่ก็พอเดาออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ซานาดะอยู่ด้วยตอนนั้น
“ท … ทำไมยางิวคุงถึง …”
“ฉันเองก็เห็นเหมือนกัน”
“… !!! ….”
“…. ฉันเอง … ก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอหรอกนะ”
“นี่อย่าบอกนะว่านาย … ?”
“อืม .. ใช่ …”
“… ยางิวคุง”
“ไปบอกกันดีมั้ย”
“………………..”
“ก่อนที่มันจะสายเกินไป … มากกว่านี้”
To be continued
......................…………………………………………………………………………………………………………………
ตัดฉับฉับฉับ !! ไม่ค้างเท่าไหร่หรอกจ้า ไรท์รู้ตัวดีว่าตัดตอนไม่เก่ง T^T
ทำไมตอนนี้ไรท์เกิดสงสารรุ่นพี่ยางิวมากกว่าจะเป็นพิงกุจังนะ ทั้งที่ก็แค่ผ่านมาเหมือนกัน(?) = A =;;
แจ้งข่าวจ้า พล็อตเรื่องทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเกิดขึ้นก่อนเข้าค่าย U-17 นะจ๊ะ จะได้มีภาคพิเศษหลังเข้าค่ายเลย > <
ความคิดเห็น