ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Prince OF Tennis [mix 8 series]

    ลำดับตอนที่ #11 : Sanada Genichirou & Akimoto Pinku Series 2 part 5 : คำแนะนำของเสนาธิการ

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 56


    Sanada Genichirou &  Akimoto Pinku

    Series 2 part 5 :  คำแนะนำของเสนาธิการ

          “พิงกุไม่เป็นไรแล้วค่ะแม่ ค่ะ ขอบคุณนะคะ พิงกุรักแม่นะ

          เรียวนิ้วกดตัดปลายสายไปก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ แม่ของเธอโทรมาปลุกตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นแย้มแรกจึงทำให้เธอต้องแยงตาสู้แสงขึ้นมารับสาย สามอาทิตย์มานี้ร่างบางนอนแทบไม่หลับเนื่องจากว่าทะเลาะกับจักพรรดิแห่งริคไค แม้มันจะไม่รุนแรงมากนักแต่ก็ทำให้สะเทือนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

          วันนี้เป็นวันหยุด ครบเดือนแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลและเป็นสามอาทิตย์ที่เธอต้องนอนคนเดียวเพราะที่ผ่านมาอาทิตย์แรกนั้นซานาดะจะมานอนเป็นเพื่อนด้วยเสมอ

          “ใครจะไปเชื่อคำพูดเธอห้ะ!?เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้วเรื่องพรรค์นั้นมันไร้สาระ!!

          “ตาบ้า ฉันไม่ได้ล้อเล่นซักหน่อย”

          เมื่อหวนนึกถึงคำพูดของร่างสูงมือน้อยก็ถูกกำแน่นก่อนริมฝีปากบางจะถูกเม้มอย่างเจ็บใจไม่เข้าใจว่าทำไมซานาดะถึงชอบคิดว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เป็นเรื่องล้อเล่นกันนะ …?

          ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน

          ณ ทางเดินกลับบ้านเส้นทางหนึ่งมีเด็กนักเรียนชายหญิงปี 1 สองคนในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยริคไคกำลังเดินกลับด้วยกัน ความสูงของทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากมายนักดูเหมือนเด็กชายจะสูงกว่าเด็กหญิงเพียงนิดเดียวเท่านั้น

          “นายจะมาส่งฉันหรอเก็นอิจิโร่ ~

          “เปล่าซักหน่อย ! … ก... ก็แค่ทางผ่านเท่านั้นแหละ!

          เด็กชายเรือนผมสีดำสวมหมวกสีดำมุ่ยหน้าก่อนหันหน้าหนีเด็กสาวที่เดินถอยหลังนำหน้าเขาอยู่

          “จริงหรอ ? แต่ทางนี้ไกลกว่านี่นา”

          “เงียบเถอะน่า!รำคาญชะมัด”

          ซานาดะขึ้นเสียงใส่เด็กสาวกลบเกลื่อนความเขินของตนเอง พิงกุเห็นดังนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ก่อนเธอจะหันหลังแล้วเดินนำหน้าเขาต่อไป

          “นี่ เก็นอิจิโร่”

          “หือ ?”

          …….คือว่านะ …..

          ……… ? …..

          เด็กสาวเอ่ยขึ้นพลางหยุดเดิน ซานาดะเห็นดังนั้นจึงหยุดมองเธอบ้าง พิงกุยืนนิ่งอยู่ได้ชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ากลับมามองตรงไปทางเด็กชายที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าตน

          “ถ้าฉันชอบนายล่ะเก็นอิจิโร่ .. !

          ห๊า ?”

          “ก ก็ …. นั่นแหละ”

          “อย่ามาบ้านะ!!

          “อ เอ๋?”

          “ถ้าจะล้อกันเล่นก็อย่าเอาเรื่องพวกนี้มามันไร้สาระ ฉันไม่ชอบ!!

          ซานาดะตะคอกใส่หน้าพิงกุด้วยความโกรธ เป็นครั้งแรกที่ซานาดะโกรธเธอมากขนาดนี้ เด็กชายขมวดคิ้วมองเด็กสาวนิ่งก่อนหันหลังเดินกลับไปทันที

          พิงกุได้แต่มองตามซานาดะที่เดินลับตาไปเรื่อยๆ มือบางกำแน่นด้วยความโกรธที่ไม่ต่างกับเจ้าตัวเมื่อกี้เท่าไหร่นัก นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยคิดเกินเลยกับเด็กชายอีก แม้ในตอนแรกมันยากที่จะตัดใจแต่เธอก็ทำมันสำเร็จจนได้ ….

          แต่ปัจจุบันนี้ ณ ตอนนี้ เพียงแค่เธอได้ใกล้ชิดกับซานาดะมากกว่าเดิมไม่กี่วันเพียงเท่านั้น หัวใจกลับกอบโกยความรู้สึกเก่าๆเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก

          แอ๊ด

          “ขออนุญาตนะอากุจัง”

          ชายมีอายุในชุดเสื้อกราวด์สีขาวเอ่ยขึ้นก่อนเผยรอยยิ้มบาง เขามากับพยาบาลคนนึงและแน่นอนเธอรู้จักผู้ชายคนนี้ เขาเป็นหมอเจ้าของไข้เธอและเป็นพ่อของยางิว ฮิโรชิอีกด้วย

          “คุณหมอยางิว สวัสดีค่ะ”

          พิงกุเผยยิ้มบางก่อนโค้งหัวให้ผู้เป็นหมอด้วยความนอบน้อม ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้ข้างเตียงเด็กสาวพร้อมกับพยาบาลผู้ช่วย

          “อาการดีขึ้นเยอะเลยนี่เรา สมกับเป็นผู้จัดการชมรมเทนนิสจริงๆ ฮ่ะๆๆ”

          “งั้นหรอคะ แฮ่ะๆ เอ่อ หมอคะหนูมีเรื่องอยากขอร้องน่ะค่ะ”

          เด็กสาวหัวเราะรับชายผู้อาวุโสกว่าตามมารยาท ก่อนเธอจะเอ่ยประโยคขอร้องขึ้นมาพลางกำมือแน่นจนคนเป็นหมออดแปลกใจไม่ได้

          “หืม เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าฮิโรชิแกล้งงั้นหรอ”

          “ไม่หรอกค่ะ ยางิวคุงเป็นคนดี แต่หนูอยากจะออกจากโรงพยาบาลน่ะค่ะ”

          “อ้าว ทำไมล่ะ?”

          “หนูหายแล้วค่ะ อีกอย่างใกล้สอบแล้วด้วยหนูอยากกลับไปอ่านหนังสือ”

          คนเป็นหมอแสดงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ชายหนุ่มหันไปมองหน้ากับพยาบาลผู้ช่วยก่อนหันกลับมามองทางเด็กสาวบนเตียงที่นั่งจ้องเขาอยู่ แววตาของเธอขอร้องเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

          “เอ้า ก็ได้ แต่ว่าหนูต้องมาตามที่หมอนัดจนกว่าจะหายกลับเป็นปกติ ตกลงมั้ย?”

          “ค่ะ! ขอบคุณมากเลยนะคะ!

          เมื่อได้รับคำอนุญาตรอยยิ้มสดใสก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาว ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนหันหลังเดินกลับไปเพื่อทำหน้าที่ของตนต่อโดยไม่ลืมสั่งพยาบาลให้ออกใบนัดตามที่พูดไว้ด้วย

    …………………………………………………………………………………………………………………

          หลังออกมาจากโรงพยาบาลตามที่ใจหวังได้เรียบร้อยแล้วเธอก็เดินตรงรี่กลับบ้านที่ไม่ได้กลับมากว่าเดือนทันที ตอนนี้แม่ของเธอทำงานอยู่ที่ต่างประเทศอีกหลายอาทิตย์กว่าจะกลับมาจึงไม่แปลกที่วันนี้บ้านอากิโมโตะจะเงียบกว่าปกติ

          “กลับมาแล้วค่ะ”

          พิงกุเอ่ยเสียงแผ่ว เหงาเหมือนกันนะอยู่บ้านคนเดียวแต่เธอก็ชินแล้วนั่นแหละ มือบางหยิบรองเท้าที่ถอดออกวางขึ้นบนชั้นรองเท้าก่อนกระชับกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในบ้าน

          ตึก ตึก ตึก

          ขาเรียวสองข้างนำพาร่างบอบบางของเด็กสาวขึ้นมายังชั้นสองของตัวบ้านก่อนมือเล็กจะเอื้อมไปเปิดประตูห้องนอนของตนออก ตอนนี้แปดโมงกว่าแล้วคงต้องหาอะไรรองท้องแล้วสิเด็กสาวคิดพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองแล้วเดินออกมาทันที

          ต่อมา ณ ซุปเปอร์มาเก็ต

          แววตาสีฟ้าสดใสเล็งมองไปยังอาหารมากมายที่แพ็กใส่ถุงไว้ตรงหน้า แม้จะเห็นเพียงรูปตัวอย่างอาหารบนซองแต่มันก็ทำเอาเธอเลือกไม่ถูกได้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าพิงกุทำอาหารไม่เป็นหรอกนะ แต่เพราะขี้เกียจและเมื่อยล้าเพราะนอนบนเตียงหลายวันนี่แหละจึงทำให้ไม่มีกระจิตกระใจจะทำซักเท่าไหร่

          “อากุจัง ..?”

          “เอ๋ ยูคิมูระคุง ?”

          หากแต่กลับถูกใครบางคนเรียกชื่อไว้เสียก่อน เด็กสาวหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีน้ำเงินที่แสนคุ้นเคย กัปตันชมรมเทนนิสที่เธอเป็นผู้จัดการอยู่นั่นเอง

          “เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ วันนั้นพวกฉันไปเยี่ยมยังเห็นนอนอยู่เลย”

          ยูคิมูระพูดจบก็หัวเราะเบาๆเมื่อสองวันก่อนเขาและทุกคนในชมรมไปเยี่ยมเธอ หากแต่พิงกุกลับหลับไม่รู้เรื่องซะได้ แต่เธอก็ยังตื่นมาทันพอที่จะเห็นหน้าทุกคนในชมอยู่หรอกนะ แม้สามอาทิตย์ที่ผ่านมาซานาดะจะไม่ได้มาเฝ้าเธอแต่ทุกเย็นสมาชิกในชมรมจะผลัดกันมาดูแลและกลับไปเมื่อช่วงหัวค่ำเสมอ

          “ยูคิมูระคุงใจร้าย ! ว่าแต่ ทำไมพักนี้ดูยูคิมูระคุงสีหน้าไม่ค่อยดีเลยล่ะ”

          “เห เปล่านี่นา ฉันสบายดี ไม่เป็นไรหรอก”

          แม้เด็กหนุ่มจะสะดุ้งเล็กน้อยก็ตามแต่เขากลับเผยยิ้มบางให้แทน พิงกุได้แต่หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อแต่ก็พยักหน้ารับ เธอไม่อยากเซ้าซี้หรอก ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร คนเก่งอย่างยูคิมูระน่ะเอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว

          “ฉันไปซ้อมก่อนนะอากุจัง ไปด้วยกันมั้ย?”

          “นั่นสิ ! ฉันลืมไปเลยว่าวันหยุดก็มีซ้อม T^T

          “ฮ่ะๆๆ ไปพร้อมฉันเลยสิ สายด้วยกันไง ^^

          ยูคิมูระเอ่ยขึ้นก่อนเดินนำหน้าเด็กสาวไป พิงกุพยักหน้ารับน้อยๆก่อนเดินตามเด็กหนุ่มไปบ้าง แร็กเก็ตก็ไม่มี เสื้อวอร์มก็ไม่ได้เอามา ? เธอคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่จะไปพร้อมกับกัปตันคนนี้

          “นี่อากุจัง เธอคิดว่า ……

          …. ? อะไรหรอยูคิมูระคุง”

          ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกันทั้งสองคนต่างหาเรื่องมาคุยกันอย่างถูกคอจนมาถึงหน้าประตูชมรม สมาชิกบางคนยังไม่มาแต่หากมีร่างบางร่างนึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างคอร์ดสนามของชมรม และเด็กสาวคนนั้นทำเอาคำถามที่ยูคิมูระกำลังจะเอ่ยถามพิงกุกลืนหายไปในลำคอทันที

          “เรย์มุ …. จัง?”

          เด็กหนุ่มพึมพำชื่อของเด็กสาวออกมาเบาๆ มือใหญ่ลังเลว่าจะเปิดประตูเข้าไปดีหรือไม่ พิงกุเห็นดังนั้นจึงจับมือยูคิมูระแน่น กัปตันชมรมหันมองมือน้อยที่กุมมือของตนเองอยู่ก่อนทอดสายตามองใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของมัน

          “เข้าไปสิยูคิมูระคุง ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร….

          ………………………….

          แต่ถ้ายูคิมูระคุงชอบเธอ ก็ใจกล้าหน่อยสิ”

          พิงกุเอ่ยพร้อมรอยยิ้มก่อนบีบมือเพื่อนของตนเบาๆ ยูคิมูระเห็นดังนั้นจึงค่อยๆเผยยิ้มบางแล้วพยักหน้ารับตอบ มือใหญ่ผละจากมือเล็กก่อนร่างสูงจะเดินเข้าไปในสนามซ้อมของชมรมทันที

          “เอาล่ะ ฉันก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

          เด็กสาวมองภาพที่ยูคิมูระยืนคุยกับเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาล แม้ใบหน้าของทั้งคู่จะไม่สู้ดีเท่าไหร่นักหากแต่ยูคิมูระก็ยังคงยิ้มได้ พิงกุจึงกำมือแน่นให้กำลังใจตนเองก่อนก้าวเท้าเข้าไปในชมรม

          ร่างบางก้มหยิบขวดน้ำที่วางสะเปะสะปะอยู่ที่เท้าของเธอก่อนจะเล็งเป้าหมายไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังตีลูกโต้อยู่กับเสนาธิการของชมรมอยู่ ตอนนี้สมาชิกที่มาถึงมีเพียงสามราชันย์ปีศาจแห่งริคไคเท่านั้น สมาชิกคนอื่นไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด แม้นี่มันจะสายแล้วก็ตาม

          ฟึ่บ ! เฟี้ยว !

          ขวดน้ำขวดน้อยถูกขว้างออกไปและแน่นอนเป้าหมายของมันคือจักพรรดิหนุ่ม ..

          โป๊ก !!

          “ใคร ? !!

          เมื่อมันถูกหัวของซานาดะ เจ้าตัวที่ถูกเล่นงานก็ใช้มือรับลูกสักหลาดลูกน้อยเอาไว้แล้วหันกลับมาเขม็งตามองทิศที่ขวดน้ำถูกปามาพลางออกปากตะคอกถามเสียงดังทันที

          “เธอใช่มั้ยที่ปาขวดบ้านี่ใส่หัวฉันน่ะ !

          “ก็ถ้าอย่างนั้น แล้วจะทำไมล่ะ ~

          ซานาดะขึ้นเสียงดังถามร่างบางที่ยืนอยู่หน้าประตูชมรมทันที พิงกุยักไหล่พลางเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท ยานางิที่ยืนอยู่บนคอร์ดอีกฟากนึงได้แต่ยืนมองนิ่ง เขารู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นและมันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยูคิมูระมองทางจักพรรดิและจักพรรดินีของชมรมเล็กน้อยก่อนคว้ามือของเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลคู่สนทนาของตนไว้แล้วเดินออกไปจากชมรมผ่านคนทั้งสองทันที

          ซานาดะทอดสายตามองตามเพื่อนของตนและเด็กสาวคนนั้นเล็กน้อยหากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้มีเพียงร่างบางตรงหน้าเท่านั้น

          “เธอคิดบ้าอะไรมาปาขวดน้ำใส่หัวฉันห๊ะ!

          “แล้วนายคิดบ้าอะไรทิ้งฉันไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียวตั้งสามอาทิตย์!

          พิงกุเขม็งตามองกลับเมื่อถามถึงสาเหตุการกระทำทั้งหมดของเด็กหนุ่ม ซานาดะได้ยินดังนั้นก็เกือบทำตัวไม่ถูก ร่างสูงขยับปีกหมวกแล้วทอดสายตามองเด็กสาวตรงหน้าตน

          “คนอื่นไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอรึไงล่ะ”

          “มาอยู่ก็แค่ตอนเย็น ตอนกลางคืนฉันก็ต้องนอนคนเดียวอยู่ดี นี่ฉันยังอยู่คนเดียวไม่พอใช่มั้ยห๊ะ?!

          “เธออย่ามาชวนฉันทะเลาะได้มั้ยอากิโมโตะ!

          “เออใช่ฉันมันงี่เง่า ! แต่แค่เพราะประโยคเดียวของฉันที่นายคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นน่ะ …. นายต้องทิ้งฉันไว้เลยสินะ ? ฉันน่ะ ฉันก็แค่อยากให้นายอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้นไม่ได้หรอ?”

          ……………………………………………….

          สิ้นประโยคคำถามจากปากของเด็กสาว ความเงียบก็เข้าคลอบคลุมทั่วทั้งชมรมทันใด ยานางิที่คุยโทรศัพท์พลางจดหัวข้อการสอนของเย็นวันนี้อยู่จึงหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในเริ่มครุกรุ่น เด็กหนุ่มเอ่ยปิดบนสนทนาก่อนกดวางสายแล้วปิดสมุดโน้ตลง .. ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงเข้าไปที่เพื่อนทั้งสองของตนทันที มีแต่ยานางินี่แหละที่ทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นได้

          “ทั้งสองคนต่อจากนี้ไม่ต้องมาเจอกัน

          ! ? / เอ๋ ?”

          “ระหว่างนั้นเก็นอิจิโร่ นายลองหาคำตอบจากคำถามของอากุดู”

          ……………………….

          “ส่วนอากุ เธอลองคิดทบทวนดูซิ ว่าเธอถามเก็นอิจิโร่แบบนั้นเพราะอะไร”

          ……………………………

          “พอได้คำตอบแล้วค่อยมาเจอกัน จบ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว”

          ยานางิพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนเด็กหนุ่มเสนาธิการจะเดินออกไปจากวงสนทนามานั่งที่เดิมทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่คู่หูยางิว นิโอและมารุอิกับแจ็กกัลป์มาถึงพอดี ส่วนวันนี้คิริฮาระไม่มาเนื่องจากว่าต้องติวภาษาอังกฤษอยู่กับครู(สมมุติ)พิเศษ

          “ยู้ฮู้ว ~ ปุริ อากุจังจะไปไหนน่ะ?!” นิโอ

          “ซานาดะ มาทางนี้กับฉันหน่อย” ยางิว

          “ทะเลาะกันอีกแล้วอ่ะเด่ะอากุจังกับซานาดะน่ะ” มารุอิ

          “คงงั้นมั้ง แทบจะเป็นกิจวัตรเลยนี่” แจ็กกัลป์

          นิโอมองตามแผ่นหลังบางของผู้จัดการสาวที่เดินออกไปจากชมรมอย่างงุนงง ยางิวขยับแว่นขึ้นสันจมูกก่อนดึงแขนซานาดะเข้าไปในห้องของชมรม มารุอิบ่นเปรยเบาๆก่อนเดินไปวางกระเป๋าแร็กเก็ตข้างๆยานางิที่นั่งสรุปเนื้อหาในสมุดโน้ตอยู่ แจ็กกัลป์เองก็เดินตามมารุอิไปเช่นกัน

          ความเป็นไปได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกินเดือนนี้อากุกับเก็นอิจิโร่ต้องคบกันแน่ …’

          ยานางิคิดพลางสรุปเนื้อหาในสมุดไปพลาง ก็ดูจากท่าทางของทั้งคู่แล้วไม่ยอมเปิดใจให้กันซักทีนี่นา

          “พักนี้ซานาดะกับอากุจังเป็นอะไรกันหรอยานางิเห็นทะเลาะกันบ๊อยบ่อย” มารุอิ

          “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่คนมันปากแข็งน่ะ” ยานางิ

          “น่าเบื่อจริงน้า ตอนเย็นแวะไปหาลูกแมวซักหน่อยดีกว่า” แจ็กกัลป์

          “เชื่อฉันสิ ไม่เกินเดือนนี้หรอก ตัวจริงในชมรมของเราต้องสละโสดกันไม่ต่ำกว่าห้าคนแน่นอน”

          ยานางิเอ่ยขึ้นลอยๆก่อนปิดสมุดโน้ตลงหลังจากสรุปเนื้อหาในสมุดเสร็จ เขาเก็บมันลงกระเป๋าแร็กเก็ตก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหานิโอที่ยืนเดาะลูกอยู่ที่คอร์ดทันที

          “ย ยานางิมันพูดจริงเปล่าน่ะ” แจ็กกัลป์

          “ไม่รู้ว่ะ ขอให้ฉันเป็นหนึ่งในนั้นทีเถอะ” มารุอิ

    To be continued

    .......................…………………………………………………………………………………………………………………

    ท่านเสนาธิการเล่นทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้รุ่นพี่มารุอิกับรุ่นพี่แจ็กกัลป์อึ้งแบบนี้ …
      แล้วคนที่เค้าติดตามเนื้อเรื่องกันอยู่จะไม่อึ้งตามได้ไงล่ะเนี่ย?!
    เอาเนื้อเรื่องมาเฉลยแบบนี้ไม่ไหวเลยนะ เดี๋ยวก็เปลี่ยนพล็อตเรื่องซะเลย
    -3-;


     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×