คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Sanada Genichirou & Akimoto Pinku Series 2 part 5 : คำแนะนำของเสนาธิการ
Sanada Genichirou & Akimoto Pinku
Series 2 part 5 : คำแนะนำของเสนาธิการ
“พิงกุไม่เป็นไรแล้วค่ะแม่ … ค่ะ ขอบคุณนะคะ … พิงกุรักแม่นะ…”
เรียวนิ้วกดตัดปลายสายไปก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ แม่ของเธอโทรมาปลุกตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นแย้มแรกจึงทำให้เธอต้องแยงตาสู้แสงขึ้นมารับสาย … สามอาทิตย์มานี้ร่างบางนอนแทบไม่หลับเนื่องจากว่าทะเลาะกับจักพรรดิแห่งริคไค … แม้มันจะไม่รุนแรงมากนักแต่ก็ทำให้สะเทือนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
วันนี้เป็นวันหยุด ครบเดือนแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลและเป็นสามอาทิตย์ที่เธอต้องนอนคนเดียวเพราะที่ผ่านมาอาทิตย์แรกนั้นซานาดะจะมานอนเป็นเพื่อนด้วยเสมอ
“ใครจะไปเชื่อคำพูดเธอห้ะ!?เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้วเรื่องพรรค์นั้นมันไร้สาระ!!”
“ตาบ้า … ฉันไม่ได้ล้อเล่นซักหน่อย”
เมื่อหวนนึกถึงคำพูดของร่างสูงมือน้อยก็ถูกกำแน่นก่อนริมฝีปากบางจะถูกเม้มอย่างเจ็บใจ…ไม่เข้าใจว่าทำไมซานาดะถึงชอบคิดว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เป็นเรื่องล้อเล่นกันนะ …?
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน …
ณ ทางเดินกลับบ้านเส้นทางหนึ่งมีเด็กนักเรียนชายหญิงปี 1 สองคนในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยริคไคกำลังเดินกลับด้วยกัน … ความสูงของทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากมายนักดูเหมือนเด็กชายจะสูงกว่าเด็กหญิงเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“นายจะมาส่งฉันหรอเก็นอิจิโร่ ~”
“เปล่าซักหน่อย ! … ก... ก็แค่ทางผ่านเท่านั้นแหละ!”
เด็กชายเรือนผมสีดำสวมหมวกสีดำมุ่ยหน้าก่อนหันหน้าหนีเด็กสาวที่เดินถอยหลังนำหน้าเขาอยู่
“จริงหรอ ? แต่ทางนี้ไกลกว่านี่นา”
“เงียบเถอะน่า!รำคาญชะมัด”
ซานาดะขึ้นเสียงใส่เด็กสาวกลบเกลื่อนความเขินของตนเอง พิงกุเห็นดังนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ก่อนเธอจะหันหลังแล้วเดินนำหน้าเขาต่อไป
“นี่ … เก็นอิจิโร่”
“หือ ?”
“…….คือว่านะ …..”
“……… ? …..”
เด็กสาวเอ่ยขึ้นพลางหยุดเดิน ซานาดะเห็นดังนั้นจึงหยุดมองเธอบ้าง พิงกุยืนนิ่งอยู่ได้ชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ากลับมามองตรงไปทางเด็กชายที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าตน
“ถ้าฉันชอบนายล่ะเก็นอิจิโร่ .. !”
“… ห๊า ?”
“ก … ก็ …. นั่นแหละ”
“อย่ามาบ้านะ!!”
“อ … เอ๋?”
“ถ้าจะล้อกันเล่นก็อย่าเอาเรื่องพวกนี้มามันไร้สาระ ฉันไม่ชอบ!!”
ซานาดะตะคอกใส่หน้าพิงกุด้วยความโกรธ … เป็นครั้งแรกที่ซานาดะโกรธเธอมากขนาดนี้ เด็กชายขมวดคิ้วมองเด็กสาวนิ่งก่อนหันหลังเดินกลับไปทันที
พิงกุได้แต่มองตามซานาดะที่เดินลับตาไปเรื่อยๆ … มือบางกำแน่นด้วยความโกรธที่ไม่ต่างกับเจ้าตัวเมื่อกี้เท่าไหร่นัก นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยคิดเกินเลยกับเด็กชายอีก … แม้ในตอนแรกมันยากที่จะตัดใจแต่เธอก็ทำมันสำเร็จจนได้ ….
แต่ปัจจุบันนี้ … ณ ตอนนี้ เพียงแค่เธอได้ใกล้ชิดกับซานาดะมากกว่าเดิมไม่กี่วันเพียงเท่านั้น หัวใจกลับกอบโกยความรู้สึกเก่าๆเข้ามาได้อย่างง่ายดาย …
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แอ๊ด
“ขออนุญาตนะอากุจัง”
ชายมีอายุในชุดเสื้อกราวด์สีขาวเอ่ยขึ้นก่อนเผยรอยยิ้มบาง เขามากับพยาบาลคนนึงและแน่นอนเธอรู้จักผู้ชายคนนี้ … เขาเป็นหมอเจ้าของไข้เธอและเป็นพ่อของยางิว ฮิโรชิอีกด้วย
“คุณหมอยางิว … สวัสดีค่ะ”
พิงกุเผยยิ้มบางก่อนโค้งหัวให้ผู้เป็นหมอด้วยความนอบน้อม ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้ข้างเตียงเด็กสาวพร้อมกับพยาบาลผู้ช่วย
“อาการดีขึ้นเยอะเลยนี่เรา สมกับเป็นผู้จัดการชมรมเทนนิสจริงๆ ฮ่ะๆๆ”
“งั้นหรอคะ … แฮ่ะๆ เอ่อ … หมอคะหนูมีเรื่องอยากขอร้องน่ะค่ะ”
เด็กสาวหัวเราะรับชายผู้อาวุโสกว่าตามมารยาท ก่อนเธอจะเอ่ยประโยคขอร้องขึ้นมาพลางกำมือแน่นจนคนเป็นหมออดแปลกใจไม่ได้
“หืม เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าฮิโรชิแกล้งงั้นหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ ยางิวคุงเป็นคนดี … แต่หนูอยากจะออกจากโรงพยาบาลน่ะค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ?”
“หนูหายแล้วค่ะ อีกอย่างใกล้สอบแล้วด้วยหนูอยากกลับไปอ่านหนังสือ”
คนเป็นหมอแสดงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ชายหนุ่มหันไปมองหน้ากับพยาบาลผู้ช่วยก่อนหันกลับมามองทางเด็กสาวบนเตียงที่นั่งจ้องเขาอยู่ … แววตาของเธอขอร้องเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ้า ก็ได้ แต่ว่าหนูต้องมาตามที่หมอนัดจนกว่าจะหายกลับเป็นปกติ ตกลงมั้ย?”
“ค่ะ! ขอบคุณมากเลยนะคะ!”
เมื่อได้รับคำอนุญาตรอยยิ้มสดใสก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาว ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนหันหลังเดินกลับไปเพื่อทำหน้าที่ของตนต่อโดยไม่ลืมสั่งพยาบาลให้ออกใบนัดตามที่พูดไว้ด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………
หลังออกมาจากโรงพยาบาลตามที่ใจหวังได้เรียบร้อยแล้วเธอก็เดินตรงรี่กลับบ้านที่ไม่ได้กลับมากว่าเดือนทันที … ตอนนี้แม่ของเธอทำงานอยู่ที่ต่างประเทศอีกหลายอาทิตย์กว่าจะกลับมาจึงไม่แปลกที่วันนี้บ้านอากิโมโตะจะเงียบกว่าปกติ …
“กลับมาแล้วค่ะ”
พิงกุเอ่ยเสียงแผ่ว … เหงาเหมือนกันนะอยู่บ้านคนเดียวแต่เธอก็ชินแล้วนั่นแหละ มือบางหยิบรองเท้าที่ถอดออกวางขึ้นบนชั้นรองเท้าก่อนกระชับกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ตึก ตึก ตึก
ขาเรียวสองข้างนำพาร่างบอบบางของเด็กสาวขึ้นมายังชั้นสองของตัวบ้านก่อนมือเล็กจะเอื้อมไปเปิดประตูห้องนอนของตนออก … ‘ตอนนี้แปดโมงกว่าแล้วคงต้องหาอะไรรองท้องแล้วสิ’ เด็กสาวคิดพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองแล้วเดินออกมาทันที
ต่อมา ณ ซุปเปอร์มาเก็ต
แววตาสีฟ้าสดใสเล็งมองไปยังอาหารมากมายที่แพ็กใส่ถุงไว้ตรงหน้า แม้จะเห็นเพียงรูปตัวอย่างอาหารบนซองแต่มันก็ทำเอาเธอเลือกไม่ถูกได้เช่นกัน … ไม่ใช่ว่าพิงกุทำอาหารไม่เป็นหรอกนะ แต่เพราะขี้เกียจและเมื่อยล้าเพราะนอนบนเตียงหลายวันนี่แหละจึงทำให้ไม่มีกระจิตกระใจจะทำซักเท่าไหร่
“อากุจัง ..?”
“เอ๋ ยูคิมูระคุง ?”
หากแต่กลับถูกใครบางคนเรียกชื่อไว้เสียก่อน เด็กสาวหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีน้ำเงินที่แสนคุ้นเคย กัปตันชมรมเทนนิสที่เธอเป็นผู้จัดการอยู่นั่นเอง
“เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ วันนั้นพวกฉันไปเยี่ยมยังเห็นนอนอยู่เลย”
ยูคิมูระพูดจบก็หัวเราะเบาๆเมื่อสองวันก่อนเขาและทุกคนในชมรมไปเยี่ยมเธอ หากแต่พิงกุกลับหลับไม่รู้เรื่องซะได้ แต่เธอก็ยังตื่นมาทันพอที่จะเห็นหน้าทุกคนในชมอยู่หรอกนะ … แม้สามอาทิตย์ที่ผ่านมาซานาดะจะไม่ได้มาเฝ้าเธอแต่ทุกเย็นสมาชิกในชมรมจะผลัดกันมาดูแลและกลับไปเมื่อช่วงหัวค่ำเสมอ
“ยูคิมูระคุงใจร้าย ! ว่าแต่ … ทำไมพักนี้ดูยูคิมูระคุงสีหน้าไม่ค่อยดีเลยล่ะ”
“เห … เปล่านี่นา ฉันสบายดี ไม่เป็นไรหรอก”
แม้เด็กหนุ่มจะสะดุ้งเล็กน้อยก็ตามแต่เขากลับเผยยิ้มบางให้แทน พิงกุได้แต่หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อแต่ก็พยักหน้ารับ … เธอไม่อยากเซ้าซี้หรอก ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร คนเก่งอย่างยูคิมูระน่ะเอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว
“ฉันไปซ้อมก่อนนะอากุจัง ไปด้วยกันมั้ย?”
“นั่นสิ ! ฉันลืมไปเลยว่าวันหยุดก็มีซ้อม T^T”
“ฮ่ะๆๆ ไปพร้อมฉันเลยสิ สายด้วยกันไง ^^”
ยูคิมูระเอ่ยขึ้นก่อนเดินนำหน้าเด็กสาวไป พิงกุพยักหน้ารับน้อยๆก่อนเดินตามเด็กหนุ่มไปบ้าง … แร็กเก็ตก็ไม่มี เสื้อวอร์มก็ไม่ได้เอามา ? เธอคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่จะไปพร้อมกับกัปตันคนนี้
“นี่อากุจัง เธอคิดว่า ……”
“…. ? อะไรหรอยูคิมูระคุง”
ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกันทั้งสองคนต่างหาเรื่องมาคุยกันอย่างถูกคอจนมาถึงหน้าประตูชมรม สมาชิกบางคนยังไม่มาแต่หากมีร่างบางร่างนึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างคอร์ดสนามของชมรม … และเด็กสาวคนนั้นทำเอาคำถามที่ยูคิมูระกำลังจะเอ่ยถามพิงกุกลืนหายไปในลำคอทันที
“เรย์มุ …. จัง?”
เด็กหนุ่มพึมพำชื่อของเด็กสาวออกมาเบาๆ … มือใหญ่ลังเลว่าจะเปิดประตูเข้าไปดีหรือไม่ พิงกุเห็นดังนั้นจึงจับมือยูคิมูระแน่น กัปตันชมรมหันมองมือน้อยที่กุมมือของตนเองอยู่ก่อนทอดสายตามองใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของมัน
“เข้าไปสิยูคิมูระคุง ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร….”
“………………………….”
“… แต่ถ้ายูคิมูระคุงชอบเธอ ก็ใจกล้าหน่อยสิ”
พิงกุเอ่ยพร้อมรอยยิ้มก่อนบีบมือเพื่อนของตนเบาๆ ยูคิมูระเห็นดังนั้นจึงค่อยๆเผยยิ้มบางแล้วพยักหน้ารับตอบ มือใหญ่ผละจากมือเล็กก่อนร่างสูงจะเดินเข้าไปในสนามซ้อมของชมรมทันที
“เอาล่ะ … ฉันก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
เด็กสาวมองภาพที่ยูคิมูระยืนคุยกับเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาล … แม้ใบหน้าของทั้งคู่จะไม่สู้ดีเท่าไหร่นักหากแต่ยูคิมูระก็ยังคงยิ้มได้ พิงกุจึงกำมือแน่นให้กำลังใจตนเองก่อนก้าวเท้าเข้าไปในชมรม
ร่างบางก้มหยิบขวดน้ำที่วางสะเปะสะปะอยู่ที่เท้าของเธอก่อนจะเล็งเป้าหมายไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังตีลูกโต้อยู่กับเสนาธิการของชมรมอยู่ … ตอนนี้สมาชิกที่มาถึงมีเพียงสามราชันย์ปีศาจแห่งริคไคเท่านั้น สมาชิกคนอื่นไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด แม้นี่มันจะสายแล้วก็ตาม
ฟึ่บ ! เฟี้ยว !
ขวดน้ำขวดน้อยถูกขว้างออกไปและแน่นอนเป้าหมายของมันคือจักพรรดิหนุ่ม ..
โป๊ก !!
“ใคร ? !!”
เมื่อมันถูกหัวของซานาดะ เจ้าตัวที่ถูกเล่นงานก็ใช้มือรับลูกสักหลาดลูกน้อยเอาไว้แล้วหันกลับมาเขม็งตามองทิศที่ขวดน้ำถูกปามาพลางออกปากตะคอกถามเสียงดังทันที
“เธอใช่มั้ยที่ปาขวดบ้านี่ใส่หัวฉันน่ะ !”
“ก็ถ้าอย่างนั้น … แล้วจะทำไมล่ะ ~”
ซานาดะขึ้นเสียงดังถามร่างบางที่ยืนอยู่หน้าประตูชมรมทันที พิงกุยักไหล่พลางเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท ยานางิที่ยืนอยู่บนคอร์ดอีกฟากนึงได้แต่ยืนมองนิ่ง … เขารู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นและมันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน … ยูคิมูระมองทางจักพรรดิและจักพรรดินีของชมรมเล็กน้อยก่อนคว้ามือของเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลคู่สนทนาของตนไว้แล้วเดินออกไปจากชมรมผ่านคนทั้งสองทันที
ซานาดะทอดสายตามองตามเพื่อนของตนและเด็กสาวคนนั้นเล็กน้อยหากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้มีเพียงร่างบางตรงหน้าเท่านั้น
“เธอคิดบ้าอะไรมาปาขวดน้ำใส่หัวฉันห๊ะ!”
“แล้วนายคิดบ้าอะไรทิ้งฉันไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียวตั้งสามอาทิตย์!”
พิงกุเขม็งตามองกลับเมื่อถามถึงสาเหตุการกระทำทั้งหมดของเด็กหนุ่ม ซานาดะได้ยินดังนั้นก็เกือบทำตัวไม่ถูก ร่างสูงขยับปีกหมวกแล้วทอดสายตามองเด็กสาวตรงหน้าตน
“คนอื่นไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอรึไงล่ะ”
“มาอยู่ก็แค่ตอนเย็น ตอนกลางคืนฉันก็ต้องนอนคนเดียวอยู่ดี นี่ฉันยังอยู่คนเดียวไม่พอใช่มั้ยห๊ะ?!”
“เธออย่ามาชวนฉันทะเลาะได้มั้ยอากิโมโตะ!”
“เออใช่ฉันมันงี่เง่า ! แต่แค่เพราะประโยคเดียวของฉันที่นายคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นน่ะ …. นายต้องทิ้งฉันไว้เลยสินะ ? … ฉันน่ะ ฉันก็แค่อยากให้นายอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้นไม่ได้หรอ?”
“……………………………………………….”
สิ้นประโยคคำถามจากปากของเด็กสาว … ความเงียบก็เข้าคลอบคลุมทั่วทั้งชมรมทันใด ยานางิที่คุยโทรศัพท์พลางจดหัวข้อการสอนของเย็นวันนี้อยู่จึงหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในเริ่มครุกรุ่น เด็กหนุ่มเอ่ยปิดบนสนทนาก่อนกดวางสายแล้วปิดสมุดโน้ตลง .. ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงเข้าไปที่เพื่อนทั้งสองของตนทันที … มีแต่ยานางินี่แหละที่ทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นได้
“ทั้งสองคนต่อจากนี้ไม่ต้องมาเจอกัน …”
“ ! ? / เอ๋ ?”
“ระหว่างนั้น…เก็นอิจิโร่ … นายลองหาคำตอบจากคำถามของอากุดู”
“……………………….”
“ส่วนอากุ … เธอลองคิดทบทวนดูซิ … ว่าเธอถามเก็นอิจิโร่แบบนั้นเพราะอะไร”
“……………………………”
“พอได้คำตอบแล้วค่อยมาเจอกัน จบ … เลิกทะเลาะกันได้แล้ว”
ยานางิพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนเด็กหนุ่มเสนาธิการจะเดินออกไปจากวงสนทนามานั่งที่เดิมทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่คู่หูยางิว นิโอและมารุอิกับแจ็กกัลป์มาถึงพอดี … ส่วนวันนี้คิริฮาระไม่มาเนื่องจากว่าต้องติวภาษาอังกฤษอยู่กับครู(สมมุติ)พิเศษ
“ยู้ฮู้ว ~ ปุริ อากุจังจะไปไหนน่ะ?!” นิโอ
“ซานาดะ … มาทางนี้กับฉันหน่อย” ยางิว
“ทะเลาะกันอีกแล้วอ่ะเด่ะอากุจังกับซานาดะน่ะ” มารุอิ
“คงงั้นมั้ง แทบจะเป็นกิจวัตรเลยนี่” แจ็กกัลป์
นิโอมองตามแผ่นหลังบางของผู้จัดการสาวที่เดินออกไปจากชมรมอย่างงุนงง ยางิวขยับแว่นขึ้นสันจมูกก่อนดึงแขนซานาดะเข้าไปในห้องของชมรม มารุอิบ่นเปรยเบาๆก่อนเดินไปวางกระเป๋าแร็กเก็ตข้างๆยานางิที่นั่งสรุปเนื้อหาในสมุดโน้ตอยู่ แจ็กกัลป์เองก็เดินตามมารุอิไปเช่นกัน
‘ความเป็นไปได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ … ไม่เกินเดือนนี้อากุกับเก็นอิจิโร่ต้องคบกันแน่ …’
ยานางิคิดพลางสรุปเนื้อหาในสมุดไปพลาง … ก็ดูจากท่าทางของทั้งคู่แล้วไม่ยอมเปิดใจให้กันซักทีนี่นา …
“พักนี้ซานาดะกับอากุจังเป็นอะไรกันหรอยานางิเห็นทะเลาะกันบ๊อยบ่อย” มารุอิ
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่คนมันปากแข็งน่ะ” ยานางิ
“น่าเบื่อจริงน้า … ตอนเย็นแวะไปหาลูกแมวซักหน่อยดีกว่า” แจ็กกัลป์
“เชื่อฉันสิ … ไม่เกินเดือนนี้หรอก ตัวจริงในชมรมของเราต้องสละโสดกันไม่ต่ำกว่าห้าคนแน่นอน”
ยานางิเอ่ยขึ้นลอยๆก่อนปิดสมุดโน้ตลงหลังจากสรุปเนื้อหาในสมุดเสร็จ เขาเก็บมันลงกระเป๋าแร็กเก็ตก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหานิโอที่ยืนเดาะลูกอยู่ที่คอร์ดทันที
“ย … ยานางิมันพูดจริงเปล่าน่ะ” แจ็กกัลป์
“ไม่รู้ว่ะ ขอให้ฉันเป็นหนึ่งในนั้นทีเถอะ” มารุอิ
To be continued
.......................…………………………………………………………………………………………………………………
ท่านเสนาธิการเล่นทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้รุ่นพี่มารุอิกับรุ่นพี่แจ็กกัลป์อึ้งแบบนี้ …
แล้วคนที่เค้าติดตามเนื้อเรื่องกันอยู่จะไม่อึ้งตามได้ไงล่ะเนี่ย?!
เอาเนื้อเรื่องมาเฉลยแบบนี้ไม่ไหวเลยนะ … เดี๋ยวก็เปลี่ยนพล็อตเรื่องซะเลย -3-;
ความคิดเห็น