ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cleanse this Land - ทัณฑ์เทวาใต้ฟ้าคราม

    ลำดับตอนที่ #9 : Round 9 (2)

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 58


    เรื่องเล่าสนุกๆมีเยอะแยะ แต่เลือกเรื่องนี้มาคุยเล่นเนี่ยนะ?”

                “ข้าพูดความจริง

                “ขำตายล่ะ

                “มันคือ [ทัณฑ์แห่งเทวา] บลูม่า เพิร์ลเสียงของฟาโก้ครั้งนี้เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ฉันเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายก็เริ่มหน่วงเวทเพื่อความปลอดภัยนี่ไม่ใช่เรื่องที่เล่นสนุก คู่หูของข้า เจ้ากับข้าจะต้องช่วยกันหาทางหยุดสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้น มิฉะนั้นเราจะวนเวียนอยู่ในวันนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

                ในที่สุดก็ยอมบอกซักที ทัณฑ์แห่งเทวา บทลงโทษของผู้ลงทัณฑ์สินะ

                เดี๋ยวก่อนสิ! เมื่อกี้เจ้านั่นบอกว่า

                “นายกำลังบอกว่า [ทัณฑ์เทวา] กำลังปรากฏขึ้นภายในวันนี้?”

                “เป็นเช่นนั้น มันจะลงทัณฑ์ทุกสิ่งในผืนฟ้าครามนี้ยามเที่ยงคืนของวันนี้ และนั่นคือวันสุดท้ายของชีวิตพวกเราทุกคน หากเจ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงมัน วงจรนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันจบฟาโก้เล่าเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ปรารถนาเวลา ทว่ายามนี้ [เวลา] คือสิ่งที่เรามีมิรู้สิ้นสุด  เจ้าเกลียดการเปลี่ยนแปลง แต่เจ้าจะต้อง [บิดเบือน] เพื่อให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามวัฏจักร

    แล้วทำไมต้องเป็นฉันนั่นสิ ทำไมนายต้องเจาะจงที่ฉันคนเดียว?

    รอยยิ้มจากปีศาจควรทำให้ฉันรู้สึกไม่ไว้วางใจ แต่ทว่ารอยยิ้มของเขากลับทำให้ฉันอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกข้าถามคำถามนี้กับเจ้าแล้วนะสาวน้อย  เจ้า [ตื่น] แล้ว และนั่นคือหลักฐานอย่างดีว่าสูงเฝ้ามองเจ้าอยู่

    แล้วทำไม ทำไม….” ฉันเริ่มลนลาน แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมาฉันก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ รับไอทะเลเข้าปอด และฉันก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “‘โทษที เมื่อกี้ตื่นเต้นไปหน่อย

    พูดต่อเถอะ

    ถ้าเวลาคือสิ่งที่เรามีไม่จำกัดฉันถามจะเกิดอะไรขึ้นหากเราผ่านวันนี้ไปได้

    ข้าก็ไม่รู้เจ้านั่นแบมือออกสองข้าง เมื่อนั้นเองที่ร่างเขาเอนไปข้างหลังอย่างน่ากลัวมันขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงจากน้ำมือของเจ้าบลูม่า  ทุกคนอาจจะตายกันหมด พรุ่งนี้อาจจะไม่มีอยู่ หรือแม้กระทั่งชีวิตที่ต้องดำเนินไปตามปกติ เจ้าจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกว่าเจ้าจะทำมันได้สำเร็จพร้อมกับประโยคสุดท้าย ร่างของฟาโก้ก็หงายหลังทิ้งตัวลงน้ำไป ฉันที่ร่ายเวทยกผืนน้ำขึ้นสูงก็ไม่พบร่างเขาอีกแล้ว

    เจ๊ เกิดอะไรขึ้นเสียงตื่นจากเทย่าผู้กำลังปรับใบเรือให้เข้ากับกระแสลมเจ๊ทำอะไรกับคลื่นล่ะนั่น เสียงดังตูมตามเลย

    ฟาโก้ไปแล้วน่ะฉันตอบไปอย่างเซ็งๆ

    ช่างเจ้านั่นสิฮาล์ฟบลัดครึ่งจิ้งจอกพูดพลางกระตุกใบเรืออีกครั้ง ท่าทีของเขาดูราวกับกะลาสีเรือคนหนึ่งก็ไม่ปานสำหรับข้านะ สูงไม่มีวันทอดทิ้งพวกเราหรอก

    ไม่แปลกใจเจ้าไหร่ที่เจ้านี่จะได้ยินการสนทนาของฉันกับฟาโก้ ก็มันมีหูหมา…. ไม่สิ หูจิ้งจอกนี่นะ

    มันไม่เหมือนกันหรอกนะเทย่าฉันพึมพำ สองตาจ้องมองพื้นน้ำใช้ความคิดไปเรื่อยอันโดริฟ  เทพารักษ์ผู้ลงทัณฑ์น่ะ จะทำสิ่งนั้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นบัญชาจากสูงเท่านั้น  ถ้าสูงไม่ทอดทิ้งพวกเรา ไฉนจึงเกิดทัณฑ์ขึ้น

    ข้าน่ะสนใจแค่ชีวิตในวันนี้เท่านั้นแหละ ตื่นมาก็กิน ทำงาน พูดคุย เล่น สำหรับข้าแค่นี้ก็พอแล้วคนขยันทำงานยังคงง่วนอยู่กับเชือกผูกใบเรือ ทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเสื้อที่ใส่เปียกแนบเนื้อด้านใน (ฉันเปล่าแอบมอง!) ปากก็ยังพูดคุยกับฉันต่อเจ๊จะคิดอะไรมากมาย ชีวิตนี้เป็นของสูง ทั้งเจ๊และข้าล้วนเป็นสูงที่เป็นผู้ให้กำเนิด หากสักวันเราต้องกลับไปเพราะเขาทวงสิ่งที่เป็นของเขาคืน มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วนี่หนา ข้าควรจะพอใจและมีความสุขกับชีวิตที่ได้รับจึงจะถูกสิจริงมะเจ๊?”

    ฉันลืมไปว่าเจ้านี่มันเกิดมาก็เป็นลูกของทะเลตั้งแต่กำเนิดเหมือนฉัน สำหรับคนที่หากินกับทะเลและผืนน้ำแล้ว สายน้ำผู้มอบชีวิตเปรียบเสมือนดั่งสูงผู้กำเนิดชีวิต เช่นนั้นแล้วเขาย่อมเคารพและเชื่อถือในอำนาจแห่งสูงอย่างไม่มีเงื่อนไข มันคือนิสัยโดยกำเนิดของผู้คนที่ใช้ชีวิตกับสายน้ำนั่นแหละ

    อาจจะมีข้อยกเว้นก็แถวๆนี้ซักคนล่ะมั้ง?

     

                “นั่นสินะฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง  มันก็ไม่น่าจะมีทางหยุดมันได้สิ เราจะหลีกหนีทัณฑ์แห่งเทวาไปได้อย่างไรกันล่ะ?”

                ไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉันหันไปมองแต่ก็ต้องอดฉงนไม่ได้ เมื่อกำลังเห็นอีกฝ่ายก้มหน้างุดเหมือนกำลังง่วนอยู่กับการหาบางสิ่ง ซึ่งไม่ใช่นิสัยปกติของเขา

                ร้อนแปลกๆ….

                วินาทีถัดมาฉันจึงรู้สึกตัวว่าสายลมรอบกายคล้ายกับหยุดนิ่งลงเสียดื้อๆ ท้องทะเลเบื้องหน้าก็ดูราบเรียบผิดปกติ

                “ผู้ลงทัณฑ์มิเคยปล่อยให้สิ่งใดหลุดพ้นไปได้หรอกนะเสียงอิสตรีผู้หนึ่งดังก้องในหูของฉัน ไม่ต้องเสียเวลาหันมอง เพราะเรียวขาของนางฟาดอากาศขึ้นลงช้าๆขณะที่ร่างเด็กสาวในชุดสีเขียวมรกตกำลังนั่งที่กราบเรือข้างๆฉัน

                ฉันจะไม่รู้จักนาง หากนางไม่มีปีกขาวบริสุทธิ์ประดับอยู่หนึ่งข้างที่กลางหลัง

                “ไฉนสายลมจึงสนใจคนจรอย่างฉันฉันยังคงจ้องมองภาพทิวทัศน์อันนิ่งค้าง กล่าวถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

                “สายลมมิมีเหตุผลหรอกนางหัวเราะคิกเราไปได้ทุกที่เราปรารถนา เราทำทุกสิ่งที่เราปรารถนา และหากปรารถนาของเราคือให้เจ้าพ้นไปจากทัณฑ์ของอันโดริฟ เจ้าก็จะรอดพ้น

                “ขอเดานะว่าฉันไม่ได้โชคดีรับสิทธิ์นั้น

                “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เราไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น”  อัทโมสก้า ตอบคำถามฉันด้วยเสียงหัวเราะเราปรารถนาที่จะมองเจ้ารอดพ้นไปได้ [ด้วยตนเอง] ต่างหาก

                “อลอสโซ่ คงเห็นดีเห็นงามเช่นเดียวกับท่าน?” ฉันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของบุคคลไม่สิเทพารักษ์ตรงหน้า แปลว่าเหตุสิ้นโลกในครานี้สามารถไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ด้วยหรือไง?

                “เขาคือคนแรกที่เฝ้ามองเจ้าเมื่อเจ้าตื่นสองมือของนางจับที่ไหล่ของฉัน นางยิ้มให้ฉันและกล่าวว่าเรารู้ว่าเจ้าจะไม่สิ้นหวัง บลูม่า เรารู้ว่าเจ้าจะไม่หมดซึ่งศรัทธา สองสิ่งนี้จะช่วยชี้นำให้เจ้าเห็นทางเมื่อเจ้าอับจน

                สัมผัสสุดท้ายที่ฉันได้รับคือความนุ่มนวลติดที่รสปาก และหลังจากนั้นทุกสิ่งก็ดับวูบลงอีกครั้ง

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ขอโทษครับวันนี้ลงดึกไปหน่อย กลับหอดึกเลยไม่ได้แวะลงเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×