ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cleanse this Land - ทัณฑ์เทวาใต้ฟ้าคราม

    ลำดับตอนที่ #8 : Round 9 (1)

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 58


                เริ่มต้นวันทำงานอีกครั้งด้วยการกลิ้งตกเตียง…. ฉันเปล่านอนดิ้นนะ!

     

                หลังกระแทกพื้น ความเจ็บปวดทำให้ฉันตาสว่างในทันใด แต่การผุดลุกอย่างรวดเร็วกลับทำให้หัวของฉันไปโขกกับตู้ข้างเตียงซะงั้น

                บางสิ่งร่วงลงสู่พื้นเกิดเสียงกังวานใส หันไปมองก็ต้องนึกแปลกใจ

     

                มีดลวดลายประหลาดเล่มนั้น….  มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

     

                ฉันหยิบมันขึ้นมาพินิจดูโดยใกล้  มันเป็นมีดเล่มเดียวกับที่ฉันได้รับมาเมื่อจะใช้คำว่าอะไรดีล่ะ

                เรียกว่ารอบที่แล้วก็แล้วกัน

                ฉันลุกขึ้นเดินไปแต่งตัวและล้างหน้าเรียกความสดชื่นให้ตัวเองซักหน่อย ก่อนจะกลับมาแต่งหน้าที่โต๊ะ ในตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกถึงความผิดปกติ

                คทาคู่ใจฉันหายไปไหน?

     

                เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น เมื่อฉันหันกลับไปมองผู้มาเยือนก็ต้องหยิบมีดบนโต๊ะขึ้นมาถือไว้โดยพลัน

                เจ้านั่น…. ชื่อฟาโก้สินะ

     

                “อรุณสวัสดิ์ บลูม่าทว่าผู้มาเยือนเพียงโบกมือทักทายคราหนึ่งพร้อมแย้มยิ้มบางเบาเมื่อคืนเจ้าคงหลับสบาย จึงตื่นแต่เช้าเช่นนี้

                จะบอกว่าการเอามีดปักอกตัวเองเป็นยานอนหลับที่ไม่เลวอย่างนั้นรึไง?

                “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

                “พูดอะไรบ้าๆ ก็ข้าเป็นคู่หูของเจ้า มาหาเจ้าตั้งแต่เช้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

                เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆๆๆ มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้านี่อยู่ๆ จึงมาทู่ซี้บอกว่าเป็นคู่หูของฉันได้?

                หวนคิดไปถึงบทสนทนาของรอบที่แล้ว หรือเจ้านั่นจะพูดจริง

                วินาทีที่มีดนั้นมาอยู่ในมือฉันปัจจุบันก็ถูกบิดเบือนไปแล้ว?

     

               

                “เจ้ายังมึนงงอยู่สินะฟาโก้กอดอกเมื่อเห็นท่าทีของฉัน ผลักประตูปิดดังปังสิ่งที่เจ้ารับรู้และคิดอยู่ถูกต้อง ปัจจุบันกำลังถูกบิดเบือนโดยตั้งใจด้วยฝีมือข้า

                เป็นความสามารถเฉพาะตัวอย่างนั้นหรือ?  ฉันพิจารณาอีกฝ่ายช้าๆ ปีกสีดำแดงหนึ่งคู่หุบเก็บแนบหลังอย่างแนบเนียนแทบไม่มีใครสังเกต (นอกจากฉันที่เคยเห็นมันกางออก และฉันจำได้) ร่างกายไม่สูงใหญ่ ทว่าเปล่งประกายสีแดงชาดเมื่อสะท้อนแสง กับเขาหนึ่งคู่ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นเผ่าปีศาจ

                ปีศาจสายบิดเบือนมิติ? ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินนะ แต่มันหายากมากๆ และไม่น่าจะพบเจอได้ในแถบนี้เลย  ชักสงสัยเเล้วสิว่าหมอนี่เป็นใครมาจากไหน

                “บิดเบือนโดยตั้งใจ แสดงว่าที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเป็นเพราะฝีมือเจ้าอย่างนั้นล่ะสิฉันว่า ปีศาจหนุ่มส่ายหน้าก็มิผิดนัก แต่สิ่งที่สำคัญคือเจ้าต้องคล้อยตาม และรับรู้ได้ว่าสิ่งที่จะบิดเบือนนั้นเกิดขึ้นได้จริง มันไม่ใช่พลังพิเศษของข้า แต่คือพลังจากสิ่งที่เจ้าถืออยู่

                ฉันชูมีดให้อีกฝ่ายเห็น ฟาโก้แบมือออกแทนความหมายว่าขอกลับคืน แต่ฉันยังไม่ไว้ใจเขาเท่าไหร่นัก จึงไม่ส่งไปให้เขาแล้วทำไมคทาของฉันถึงหายไป

                “เจ้ายังจำเป็นต้องร่ายมนต์ผ่านคทาด้วยหรือ หากมี [เศษเสี้ยวต้นกำเนิดพลังฟ้าที่หลับใหล] อยู่ในมือเจ้าฟาโก้หัวเราะร่า  “ปัจจุบันที่ถูกบิดเบือนทำให้เจ้ากลายเป็น [จอมเวทผู้มีเศษเสี้ยวแห่งพลังฟ้า] อยู่ในมือ ทั้งเมืองนี้รู้จักเจ้าในนามผู้พิทักษ์วารี ผู้ใช้เวทวารีได้ดั่งใจ ไร้เสียง ไร้ลักษณ์

                มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ?

                ฉันลองรวบรวมมาน่าที่มือข้างซ้าย ยามปกติแม้ห้องนี้จะอับชื้นแต่ก็ไม่อาจหยิบยืมพลังวารีมาได้มานัก  แต่ทว่าครานี้ฉันสัมผัสได้ว่าหยดน้ำทุกอณูภายในห้องนี้นิ่งสงบรวมกันในมือของฉันอย่างเชื่อฟัง

                ชักชอบการบิดเบือนที่เจ้านั่นว่าขึ้นมาหน่อยแล้วสิ โดยไม่ให้ตั้งตัวฉันแปลงสภาพมาน่าเป็นบอลน้ำปาใส่อีกฝ่ายอย่างนึกสนุก

     

                แอ๊ด….  ปุ!

     

              ฟาโก้เอนกายหลบเพียงนิดเดียวก็หลบบอลวารีลูกจิ๋วนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น คนซวยจึงเป็นเทย่าผู้เปิดประตูห้องมาพอดีที่โดนล้างหน้าด้วยน้ำในห้องตัวเองตั้งแต่เช้า

                “อรุณ….สวัสดิ์หางสองหางชี้ตั้ง  ตัวของเจ้าฮาล์ฟบีสจิ้งจอกสั่นจนฉันแอบกลัวอยู่นิดๆ ว่าจะเกิดเรื่อง แต่ท้ายสุดมันก็กลับมาร่าเริงเหมือนเคยมื้อเช้าเสร็จพอดีเลย เจ๊ลงมากินด้วยกันเถอะ ฟาโก้เจ้าก็มาด้วยกันสิประโยคสุดท้ายหันไปชวนว่าที่คู่หู(?) ของฉันด้วยท่าทีสนิทสนมซะด้วย

                ไปรู้จักตอนไหนไม่สิ ถ้าบิดเบือนแบบนี้ เป็นไปได้สูงว่า

                “เจ้าเป็นคู่หูกับฉันมากี่ปีแล้วนะฉันหันไปถามอีกฝ่ายผู้กอดอกพิงผนังห้องเงียบๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำเชิญชวนของจิ้งจอกหนุ่ม

                “สี่ปี พร้อมๆกับที่เจ้าเจอเทย่าฟาโก้ตอบเจ้าซื้อชีวิตมันมาได้ด้วยความทรงจำของเจ้า เจ้าได้ข้าเป็นคู่หูเพราะข้ารู้ใจเจ้า

                “พูดแบบนี้จะไม่เอาดีเข้าตัวไปหน่อยรึฉันม้วนปลายผมตัวเองเล่น ยิ้มมุมปากเหมือนท้าทายอีกฝ่ายเราเพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วัน กลับกล้าบอกว่าตัวรู้จักฉันดีกว่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกับฉันมาสี่ปีอย่างนั้นสินะ

                “อย่าลืมว่าข้าก็เป็นคู่หูกับเจ้ามาสี่ปีเช่นกัน หากเจ้าไม่เชื่อใจข้า ก็ตามใจสิ้นคำพูดปีศาจหนุ่มก็หันหลังเดินลงบันไดไป ฉันมองแผ่นหลังนั้นตามไปครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ

                ชักจะเริ่มปวดหัวขึ้นมาจี๊ดๆแล้วสิ



                บรรยากาศในห้องครัวยังคงอบอุ่นเหมือนเคย เทย่าหันไปตักยำสาหร่ายทะเลใส่จานส่งให้ฟาโก้และฉันพร้อมฮัมเพลงในลำคอไปด้วยเบาๆ ท่วงทำนองของมันฉันรู้จักดี

                แต่ที่ฉันคาดไม่ถึง คือฟาโก้เองก็กำลังร้องเพลงนั้นออกมาเช่นเดียวกัน

    https://soundcloud.com/chayutt-pisetpakasit/tartaros-bgm-103

     

                “บุตรแห่งทะเล เกิดมากับเรือ ลอยคอกลางน่านนที ท้องธารคือเรือนตาย ยามแหลกสลายขอทิ้งกายใต้พื้นธารา”  ความหมายมันแปลออกมาได้ประมาณนั้น

     

                “อารมณ์ดีกันแต่เช้าเลยนะฉันว่า หยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาจัดการกับมื้อเช้าอันโอชะตรงหน้า ฟาโก้นั่งทานเงียบๆ มีเพียงเทย่าที่ตอบกลับมาวันนี้เจ๊ไม่มีงานเข้านะ ออกไปแล่นเรือกับข้ากันไหม?”

                “น่าสนุกดีนะฟาโก้พูดขึ้นมาบ้าง หยิบหนังปลาดาวตากแห้งขึ้นมาเช็ดปากเจ้าสนใจมั้ยล่ะบลูม่า

                เดี๋ยวนะ วันนี้ฉันต้องมีงานเข้าสิ  ส่งของสองอย่างไง….  ฉันหันมองทั้งคู่สลับไปมา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าปัจจุบันถูกบิดเบือนไปแล้ว

                ไม่แน่เจ้าปีศาจแดงนี่อาจจะพยายามลากฉันไปทำอะไรซักอย่าง แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะยอมเชื่อมาแล้ว ก็ต้องเดินตามไปให้สุดทางล่ะ

                “ก็เอาสิในที่สุดฉันก็ตอบตกลง ม้วนสาหร่ายคำสุดท้ายเข้าปากถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปทาครีมกันแดดเพิ่มก่อนได้มั้ย?”

               

     

               

     

               

                แสงแดดวันนี้สาดส่องสดใส เรือใบลำน้อยลอยละล่องกลางสายชลโดยมีลูกครึ่งจิ้งจอกเป็นสารถี สายลมวันนี้คล้ายเป็นใจ ดั่งเสียงกระซิบแห่งเอรอนน่าที่มอบไออุ่นและความเย็นฉ่ำช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ใบเรือกางออกรับลมอย่างเต็มที่ส่งแรงให้เรือแล่นฉิว

                ฉันชอบการล่องเรือมากๆ แม้ว่าอารมณ์มันจะคนละแบบกับการได้ลงไปดำผุดดำว่ายในทะเลก็เถอะ แต่การรับรู้ได้ถึงสายลมที่ปะทะร่างกายตลอดเป็นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่วิเศษมากจริงๆ

                แต่ดูแล้ว(ว่าที่)คู่หูของฉันจะยังไม่เอ็นจอยกับทริปนี้ซักเท่าไหร่…. ฟาโก้ยืนกอดอกนิ่งอยู่ท้ายเรือ  เขาดูนิ่งได้อย่างเหลือเชื่อจนฉันนึกสงสัยว่าร่างที่ไร้ซึ่งสิ่งยืดเกาะเหตุไฉนจึงไม่ถูกลมโต้จนตกน้ำอย่างที่ฉันคาดหวังให้เป็น

                เอาจริงๆนะบลูม่า ต่อให้หมอนั่นพลาดตกเรือจริงๆ มันก็บินขึ้นมาได้อยู่ดีนั่นแหละ จะคาดหวังไปเพื่ออะไรกันล่ะแม่คุณ!

                “เจ้าชอบอะไรมากกว่ากันรึ? สายลม แสงแดด สายน้ำ”  เป็นคำถามแรกที่ออกจากปากของนายเฉยคนนั้นในทริปนี้ ฉันหันไปมองเขาครั้่งหนึ่งก็ตอบทุกอย่าง นายขาดมันไปไม่ได้ซักอย่างหรอก ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์ ล้วนมีคุณค่าเพราะมีสิ่งอื่นเกื้อหนุนและขับเน้นให้อีกสิ่งแสดงความเด่นชัดออกมาชัดเจน เช่นนั้นแล้วฉันจึงรักในทุกสิ่ง พอๆกับที่ไม่อยากเสียมันไปเลยซักอย่างเหมือนกัน

                “เป็นคำตอบที่ดีเจ้านั่นว่าเจ้าจะว่าอย่างไรหากข้าเพิ่ม [เวลา] ไปในรายชื่อสิ่งที่เจ้าชอบอีกสักอย่าง

    เวลาไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็ปรารถนาหรอกนะฉันรำพึง เห็นเทย่าหันมามองฉันครั้งหนึ่งก็กลับไปพายเรือต่อไม่ใช่สำหรับฉัน เวลาทำให้ทุกสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง และฉันเกลียดการเปลี่ยนแปลง

    เจ้าแน่ใจรึเสียงถามอีกฝ่ายกลั้วด้วยอารมณ์ขันจนฉันนึกสงสัยกับคำตอบตัวเอง มันมีอะไรน่าตลกกัน?

    นายกำลังจะบอกอะไรฉัน

    หากข้าบอกเจ้าว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของโลกนี้ เจ้าจะทำอย่างไร?”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×