คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Round 8 (2)
“เจ๊ ส่งของเรียบร้อยดีหนา?” เสียงเรียกของเทย่าปลุกให้ฉันรู้สึกตัวอีกครั้ง
“อะ อื้อ ไม่เป็นไรหรอก เจอแดดจ้าไปหน่อยเลยตาพร่าน่ะ” ฉันหันไปตอบอีกฝ่าย สะบัดหน้าแรงๆเรียกสติกลับมาอีกครั้ง
เดี๋ยวสิ คำพูดนี้มันเหมือนกับก่อนที่…
ฉันหันขวับไปที่ไซท์สองในทันที แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ
จะว่าไปครั้งนีัฉันตรงมาที่ไซท์งานทันทีที่ออกจากบ้านเลยนี่นา บางที “ผู้รุกราน” เหล่านั้นอาจจะยังไม่มาถึง
ฉันเหลือบมองเบ๊หมายเลขหนึ่งของฉันครั้งหนึ่ง ดูท่าเจ้านี่ไม่ได้มีความทรงจำแบบที่ฉันมีติดมาด้วย ทดสอบดูซักหน่อยก็ดี
“เทย่า”
“มีไรเจ๊?”
“ฉันรู้สึกไม่ดีเลย บางทีวันนี้อาจจะมีพวกลอบเข้ามาที่ไซท์สองก็ได้นะ”
ที่ฉันเห็นมีเพียงแค่ครึ่งจิ้งจอกขนน้ำตาลแดงทำหน้าเอ๋อๆใส่ฉัน “คิดมากน่าเจ๊ เสร็จงานแล้วจะรีบไปเที่ยวต่อกับลุชเชอร์ไม่ใช่รึไง งานที่เหลือข้าทำเองได้น่า รีบไปเถอะ”
สรุปคือไม่มีติดมาจริงๆสินะ ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนเดินกลับบ้าน
แต่ลองคิดไปคิดมาอีกที ถ้าตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น แล้วฉันไม่ได้อยู่ที่ไซท์ มันจะเป็นอย่างไรกันนะ?
ฉันยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าเหตุใดชีวิตฉันถึงวนเวียนอยู่กับวันเดิมๆ บางทีฉันอาจจะโชคร้ายถูกคำสาปจากสินค้าบางชิ้นเข้า….ก็ไม่น่าเป็นไปได้ สินค้าต้องสาปจะถูกแยกหีบห่อบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะก่อนถึงมือพวกเราเสมอ
คิดเพลินๆ จนกระทั่งสัมผัสที่เฉียบแหลมของฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติ
มีคนกำลังสะกดรอยตามฉันมา…
วิสเทลเทียเป็นเพียงหมู่บ้านลอยน้ำ ท่าเรือส่งสินค้า ตลาดค้าขายอาหารทะเลที่ไม่เลื่องชื่อสักเท่าไหร่นัก ถึงกระนั้นประชากรที่นี่ก็ไม่หนาแน่น ตัวเลขอาชญากรรมในเมืองนี้ไม่เคยขึ้นถึงสองหลักต่อปี ถ้าฉันกำลังโดนปล้นหรือลอบฆ่าก็ต้องนับว่าโคตรของโคตรของซวยอย่างแท้จริง
ไอน้ำในบรรยากาศเริ่มถูกควบแน่นเข้ารอบตัวของฉันอย่างช้าๆ มาน่าถูกรวบรวมทีละน้อยแบบไม่ให้ผิดสังเกต หมู่บ้านท่ามกลางสายชลแห่งนี้มีพลังวารีให้หยิบยืมไม่มีที่สิ้นสุด แต่ประสบการณ์ตายที่ผ่านมาทำให้ฉันเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองลดลง และหันไปสัมผัสสัญชาติญาณมากขึ้น
ยังคงเงียบอยู่… ก็ดี
อาจจะเป็นเพราะบริเวณที่ฉันอยู่ตอนนี้ยังเป็นย่านชุมชนริมท่าเรือ แม้ยามเที่ยงจะยังมีผู้คนเดินไปมาไม่มากนัก แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นคงยากที่ผู้กระทำจะหนีรอดไปโดยไม่มีใครสังเกต ฉันจึงยังคงปลอดภัย
คิดได้ดังนั้นจึงพยายามเดินไปตามปกติ แวะไปคุยกับคุณลุงปลาวาฬพ่อค้ากุ้งสดๆริมทางสักหน่อยเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยว่าตรวจจับศัตรูได้แล้ว เดินดูของไปเรื่อยๆซักพักสัมผัสพลังแผ่วเบานั้นจึงหายไป
มีได้สองประเด็น ถ้าไม่ถอนตัวไปก็กำลังใกล้ที่จะลงมือเต็มที
สถานการณ์ปกติทำให้ฉันคิดว่ามันคงถอยไป แต่สัญชาติญาณของฉันยังคงตื่นตัวไม่หยุดหย่อน
ก็สถานการณ์ตอนนี้สำหรับฉันมันปกติซะที่ไหนกันล่ะ
“อควอบาเรีย!” ฉันเอ่ยออกด้วยเสียงกร้าว ม่านพลังสายน้ำก่อตัวหุ้มรอบตัวฉันทันทีที่เรียกใช้ มันสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเที่ยงเข้าตาศัตรูอย่างจังจนทำให้ผู้ลงมือเสียจังหวะไปครู่ใหญ่ นั่นจึงเป็นโอกาสของฉัน
ขณะที่ร่ายมนต์เพื่อโจมตีศัตรู ประสบการณ์เตือนให้ฉันเหลือมาน่าไว้เพื่อป้องกันตัวเองเสมอ
“พริซั่น สเฟียร์!!” โบกมือบัญชา มวลน้ำที่หุ้มอยู่รอบตัวพลันแปรเปลี่ยนไปห่อหุ้มศัตรูแทน กักร่างศัตรูให้จมอยู่ในมวลน้ำก้อนใหญ่ ฉันมองร่างที่กำลังขาดอากาศนั้นอยู่ได้เพียงครู่เดียวต้องรีบกระแทกคทากับพื้นเสียงดังเรียกอาณาเขตวารีพร้อมใช้เวทติดกันทันทีสองบท “วอเทอเรีย อีวาลูสเทม!! อควอมิเรอร์!”
กระจกแก้วใสทว่าพริ้วไหวดุจสายน้ำ (ก็แหงล่ะ มันกำเนิดขึ้นมาจากน้ำนี่) ปรากฏขึ้นรับมวลสารแห่งความมืดที่ศัตรูยิงเข้าใส่ เสียงหวีดร้องของผู้คนเริ่มดังขึ้นพร้อมกับความแตกตื่นที่แผ่ไปทั่วอย่างรวดเร็ว แต่ฉันยังไม่มีเวลาสนใจพวกนั้น เนื่องจากขณะนี้ศัตรูปรากฏตัวขึ้นมาทีเดียวถึงสี่คน!
ถ้าตัดที่กำลังจมน้ำในคุกวารีไปก็เหลือสามนั่นแหละ…
สองคนจากสามคนพุ่งเข้าใส่ฉันพร้อมกัน แต่เมื่อเข้าใกล้ระยะที่หวังผลได้ฉันจึงปล่อยเวทเขตแดนวารีที่ถูกหน่วงไว้ออกมาทันที ความเร็วของศัตรูถูกลดลงอย่างฉับพลันเนื่องจากพื้นที่ที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ศัตรูทั้งสองคนลุยน้ำฝ่ามาได้อย่างยากลำบากเปิดโอกาสให้ฉันร่ายบอลวารีโจมตีสวนกลับไป แรงอัดของมันดีดหนึ่งในสองกระเด็นกลับไปหาพรรคพวกของมัน อีกหนึ่งถูกฉันแปลงสภาพเขตแดนกลายเป็นคุกวารีอีกหนึ่งราย
ยังเหลืออีกหนึ่ง
“อควอเรีย โดลาลอสซาร์!!” ย้ายตำแหน่งอย่างรวดเร็วพร้อมสาดคลื่นน้ำแรงดันสูงเข้าใส่แต่ศัตรูกลับกางปีกโผบินหลบการโจมตีของฉันไปได้ ศัตรูอีกคนผู้ใช้เวทร่ายเวทหมอกความมืดเข้าใส่ฉันจนทำให้ทัศนวิสัยรอบตัวแย่ลง แต่ก็ถูกศัตรูอีกคนตวาดใส่เสียงดังลั่น “เจ้าโง่! แม่นั่นเป็นจอมเวทวารี ใช้หมอกความมืดให้เสียพลังเปล่าทำไม!”
ก็ถูกตามที่เขาว่านั่นแหละ หมอกที่น่ารำคาญพวกนี้ถูกฉันละลายด้วยน้ำและยิงสวนกลับไปจนอีกฝ่ายเป็นผู้กรีดร้องเสียเอง ร่างในคุกวารีทั้งสองร่างเริ่มหยุดดิ้นและลอยแน่นิ่งกลางก้อนมวลน้ำนั้นแล้ว
“ทำได้ดีนี่ เจ้าตื่นแล้วสินะ” ศัตรูคนสุดท้ายเอ่ยทักด้วยเสียงนุ่ม ใบหน้าที่โผล่พ้นแดดและน้ำเสียงนั่นไปสะกิดต่อมโทสะของฉันเข้าอย่างจัง
เจ้านี่คือคนที่ฆ่าฉันไปแล้วไม่ต่ำกว่าห้ารอบ!!
“หมายความว่าอย่างไรว่าฉันตื่นแล้ว” ฉันเอ่ยถามไปเสียงเย็น ศัตรูตรงหน้าหัวเราะพร้อมเก็บอาวุธในมือ “เจ้าจำข้าได้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะตื่นแล้ว”
“แกคือคนที่ฆ่าฉัน?” ฉันเลิกคิ้วครั้งหนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ายอมรับพร้อมกับดึงมีดสีดำลวดลายโบราณออกมาโบกไปมาให้ฉันดู “ผู้ที่ถูกอาวุธนี้สังหารจะถูกทดสอบโดยบททดสอบแห่งสูง ผู้ที่มีจิตวิญญาณแรงกล้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตื่น”
คนอะไรพูดจาเข้าใจยากสุดๆ ฉันแอบคิดในใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเดาออกและกล่าวต่อ “วันนี้คือวันสุดท้าย หากแต่ชีวิตยังไม่ถึงคราวท้ายสุด หากเจ้าตื่นแล้ว จงช่วยข้าหาหนทางหยุดทัณฑ์แห่งเทวาเถิด บลูม่า เพิร์ล”
เจ้าบ้านี่รู้กระทั่งนามสกุลของฉัน!? นี่ไม่ปกติแล้วนะ
แต่ที่รู้ๆ เจ้านี่ร้ายกาจมาก และฉันต้องการเวลาเพื่อเรียบเรียงข้อมูลที่ได้รับจึงชวนอีกฝ่ายคุยโดยไม่ลดการระวังตัว “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหม? เจ้าฆ่าฉันไปถึงหลายครั้งหลายคราแต่กลับอยากให้ฉันช่วยเจ้า ฉันจะเชื่อใจได้อย่างไร”
มีดต้องสาปนั้นถูกปาเข้าใส่ฉันแต่ทว่าไม่ได้รวดเร็วมากนัก ฉันรับมันได้ด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับมองมันในมือ “ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคตอีกต่อไป บลูม่า มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่เราต้องรักษาไว้ วันนี้ได้ถูกบิดเบือนไปแล้วด้วยของในมือเจ้า จงปลิดชีพตัวเองหรือตัวข้าซะเพื่อไขความสงสัยของเจ้า”
ลักษณะภายนอกไม่ผิดกัน ลวดลายที่แกะสลักไว้ในมีดดูลึกลับและโบราณ… มีดเล่มนี้คือมีดที่ใช้เสียบอกฉันแน่ ถ้าเป็นอย่างที่มันว่าผู้ที่ถูกมีดเล่มนี้สังหารจะได้รับความทรงจำติดมาด้วย ….ผู้ตื่นอย่างนั้นรึ
แล้วยังทัณฑ์แห่งเทวานั่นอีก…. มันคืออะไรกัน
“อะไรจะเกิดขึ้นหากฉันตายที่นี่ตอนนี้” ฉันถามอีกฝ่ายไปตามตรง
“วันนี้จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในแบบที่เจ้าไม่เคยรับรู้มาก่อน เพราะมันถูกบิดเบือนไปแล้ว” มันว่า
“แล้วถ้าเจ้าตายด้วยน้ำมือของฉันตอนนี้ล่ะ”
“วันนี้ก็จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในแบบที่เจ้าไม่เคยรับรู้มาก่อนอยู่ดี เพราะมันถูกบิดเบือนไปแล้ว”
“อะไรคือทัณฑ์แห่งเทวา?”
“เจ้าไม่ควรรู้ การรับรู้มีผลต่อวันนี้ที่จะถูกบิดเบือนไปอย่าไม่อาจคาดเดาได้”
ฉันเบ้ปากออกมาด้วยความขัดใจ วันนี้ที่ถูกบิดเบือนงั้นเหรอ บางทีวันนี้อาจจะเป็นตัวอย่างการบิดเบือนก็เป็นได้ เพราะฉันตื่นเช้ากว่าปกติ
เดี๋ยวสิ…
เพราะฉันตื่นเช้ากว่าปกติ ฉันจึงไม่ถูกลอบสังหาร ฉันจึงนึกได้ ฉันจึงรู้จักกับนายคนนี้…
บางที… ถ้าฉันรู้จักกับนายคนนี้ตั้งแต่ต้นล่ะ?
เพื่อพิสูจน์ทฤษฏีของฉัน มีดในมือยกขึ้นกำแน่น ถามอีกฝ่ายเป็นสิ่งสุดท้าย “เจ้าชื่อว่าอะไร และเกี่ยวพันอะไรกับฉัน?”
“ฟาโก้ เป็นคู่หูที่สนิทที่สุดของเจ้า”
และฉันก็ปักมีดเข้าที่ขั้วหัวใจตัวเอง ตายสนิท
ความคิดเห็น