คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Round 9 (2)
“เรื่องเล่าสนุกๆมีเยอะแยะ แต่เลือกเรื่องนี้มาคุยเล่นเนี่ยนะ?”
“ข้าพูดความจริง”
“ขำตายล่ะ”
“มันคือ [ทัณฑ์แห่งเทวา] บลูม่า เพิร์ล” เสียงของฟาโก้ครั้งนี้เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ฉันเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายก็เริ่มหน่วงเวทเพื่อความปลอดภัย “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เล่นสนุก คู่หูของข้า เจ้ากับข้าจะต้องช่วยกันหาทางหยุดสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้น มิฉะนั้นเราจะวนเวียนอยู่ในวันนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
ในที่สุดก็ยอมบอกซักที ทัณฑ์แห่งเทวา บทลงโทษของผู้ลงทัณฑ์สินะ
เดี๋ยวก่อนสิ! เมื่อกี้เจ้านั่นบอกว่า…
“นายกำลังบอกว่า [ทัณฑ์เทวา] กำลังปรากฏขึ้นภายในวันนี้?”
“เป็นเช่นนั้น มันจะลงทัณฑ์ทุกสิ่งในผืนฟ้าครามนี้ยามเที่ยงคืนของวันนี้ และนั่นคือวันสุดท้ายของชีวิตพวกเราทุกคน หากเจ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงมัน วงจรนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันจบ” ฟาโก้เล่า “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ปรารถนาเวลา ทว่ายามนี้ [เวลา] คือสิ่งที่เรามีมิรู้สิ้นสุด เจ้าเกลียดการเปลี่ยนแปลง แต่เจ้าจะต้อง [บิดเบือน] เพื่อให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามวัฏจักร”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน” นั่นสิ ทำไมนายต้องเจาะจงที่ฉันคนเดียว?
รอยยิ้มจากปีศาจควรทำให้ฉันรู้สึกไม่ไว้วางใจ แต่ทว่ารอยยิ้มของเขากลับทำให้ฉันอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก “ข้าถามคำถามนี้กับเจ้าแล้วนะสาวน้อย เจ้า [ตื่น] แล้ว และนั่นคือหลักฐานอย่างดีว่าสูงเฝ้ามองเจ้าอยู่”
“แล้วทำไม ทำไม….” ฉันเริ่มลนลาน แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมาฉันก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ รับไอทะเลเข้าปอด และฉันก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “‘โทษที เมื่อกี้ตื่นเต้นไปหน่อย”
“พูดต่อเถอะ”
“ถ้าเวลาคือสิ่งที่เรามีไม่จำกัด” ฉันถาม “จะเกิดอะไรขึ้นหากเราผ่านวันนี้ไปได้”
“ข้าก็ไม่รู้” เจ้านั่นแบมือออกสองข้าง เมื่อนั้นเองที่ร่างเขาเอนไปข้างหลังอย่างน่ากลัว “มันขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงจากน้ำมือของเจ้าบลูม่า ทุกคนอาจจะตายกันหมด พรุ่งนี้อาจจะไม่มีอยู่ หรือแม้กระทั่งชีวิตที่ต้องดำเนินไปตามปกติ เจ้าจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกว่าเจ้าจะทำมันได้สำเร็จ” พร้อมกับประโยคสุดท้าย ร่างของฟาโก้ก็หงายหลังทิ้งตัวลงน้ำไป ฉันที่ร่ายเวทยกผืนน้ำขึ้นสูงก็ไม่พบร่างเขาอีกแล้ว
“เจ๊ เกิดอะไรขึ้น” เสียงตื่นจากเทย่าผู้กำลังปรับใบเรือให้เข้ากับกระแสลม “เจ๊ทำอะไรกับคลื่นล่ะนั่น เสียงดังตูมตามเลย”
“ฟาโก้ไปแล้วน่ะ” ฉันตอบไปอย่างเซ็งๆ
“ช่างเจ้านั่นสิ” ฮาล์ฟบลัดครึ่งจิ้งจอกพูดพลางกระตุกใบเรืออีกครั้ง ท่าทีของเขาดูราวกับกะลาสีเรือคนหนึ่งก็ไม่ปาน “สำหรับข้านะ สูงไม่มีวันทอดทิ้งพวกเราหรอก”
ไม่แปลกใจเจ้าไหร่ที่เจ้านี่จะได้ยินการสนทนาของฉันกับฟาโก้ ก็มันมีหูหมา…. ไม่สิ หูจิ้งจอกนี่นะ
“มันไม่เหมือนกันหรอกนะเทย่า” ฉันพึมพำ สองตาจ้องมองพื้นน้ำใช้ความคิดไปเรื่อย “อันโดริฟ เทพารักษ์ผู้ลงทัณฑ์น่ะ จะทำสิ่งนั้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นบัญชาจากสูงเท่านั้น ถ้าสูงไม่ทอดทิ้งพวกเรา ไฉนจึงเกิดทัณฑ์ขึ้น”
“ข้าน่ะสนใจแค่ชีวิตในวันนี้เท่านั้นแหละ ตื่นมาก็กิน ทำงาน พูดคุย เล่น สำหรับข้าแค่นี้ก็พอแล้ว” คนขยันทำงานยังคงง่วนอยู่กับเชือกผูกใบเรือ ทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเสื้อที่ใส่เปียกแนบเนื้อด้านใน (ฉันเปล่าแอบมอง!) ปากก็ยังพูดคุยกับฉันต่อ “เจ๊จะคิดอะไรมากมาย ชีวิตนี้เป็นของสูง ทั้งเจ๊และข้าล้วนเป็นสูงที่เป็นผู้ให้กำเนิด หากสักวันเราต้องกลับไปเพราะเขาทวงสิ่งที่เป็นของเขาคืน มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วนี่หนา ข้าควรจะพอใจและมีความสุขกับชีวิตที่ได้รับจึงจะถูกสิจริงมะเจ๊?”
ฉันลืมไปว่าเจ้านี่มันเกิดมาก็เป็น “ลูกของทะเล” ตั้งแต่กำเนิดเหมือนฉัน สำหรับคนที่หากินกับทะเลและผืนน้ำแล้ว สายน้ำผู้มอบชีวิตเปรียบเสมือนดั่งสูงผู้กำเนิดชีวิต เช่นนั้นแล้วเขาย่อมเคารพและเชื่อถือในอำนาจแห่งสูงอย่างไม่มีเงื่อนไข มันคือนิสัยโดยกำเนิดของผู้คนที่ใช้ชีวิตกับสายน้ำนั่นแหละ
อาจจะมีข้อยกเว้นก็แถวๆนี้ซักคนล่ะมั้ง?
“นั่นสินะ” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันก็ไม่น่าจะมีทางหยุดมันได้สิ เราจะหลีกหนีทัณฑ์แห่งเทวาไปได้อย่างไรกันล่ะ?”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉันหันไปมองแต่ก็ต้องอดฉงนไม่ได้ เมื่อกำลังเห็นอีกฝ่ายก้มหน้างุดเหมือนกำลังง่วนอยู่กับการหาบางสิ่ง ซึ่งไม่ใช่นิสัยปกติของเขา
ร้อนแปลกๆ….
วินาทีถัดมาฉันจึงรู้สึกตัวว่าสายลมรอบกายคล้ายกับหยุดนิ่งลงเสียดื้อๆ ท้องทะเลเบื้องหน้าก็ดูราบเรียบผิดปกติ
“ผู้ลงทัณฑ์มิเคยปล่อยให้สิ่งใดหลุดพ้นไปได้หรอกนะ” เสียงอิสตรีผู้หนึ่งดังก้องในหูของฉัน ไม่ต้องเสียเวลาหันมอง เพราะเรียวขาของนางฟาดอากาศขึ้นลงช้าๆขณะที่ร่างเด็กสาวในชุดสีเขียวมรกตกำลังนั่งที่กราบเรือข้างๆฉัน
ฉันจะไม่รู้จักนาง หากนางไม่มีปีกขาวบริสุทธิ์ประดับอยู่หนึ่งข้างที่กลางหลัง
“ไฉนสายลมจึงสนใจคนจรอย่างฉัน” ฉันยังคงจ้องมองภาพทิวทัศน์อันนิ่งค้าง กล่าวถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“สายลมมิมีเหตุผลหรอก” นางหัวเราะคิก “เราไปได้ทุกที่เราปรารถนา เราทำทุกสิ่งที่เราปรารถนา และหากปรารถนาของเราคือให้เจ้าพ้นไปจากทัณฑ์ของอันโดริฟ เจ้าก็จะรอดพ้น”
“ขอเดานะว่าฉันไม่ได้โชคดีรับสิทธิ์นั้น”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เราไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น” อัทโมสก้า ตอบคำถามฉันด้วยเสียงหัวเราะ “เราปรารถนาที่จะมองเจ้ารอดพ้นไปได้ [ด้วยตนเอง] ต่างหาก”
“อลอสโซ่ คงเห็นดีเห็นงามเช่นเดียวกับท่าน?” ฉันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของบุคคล… ไม่สิ “เทพารักษ์” ตรงหน้า แปลว่าเหตุสิ้นโลกในครานี้สามารถไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ด้วยหรือไง?
“เขาคือคนแรกที่เฝ้ามองเจ้าเมื่อเจ้าตื่น” สองมือของนางจับที่ไหล่ของฉัน นางยิ้มให้ฉันและกล่าวว่า “เรารู้ว่าเจ้าจะไม่สิ้นหวัง บลูม่า เรารู้ว่าเจ้าจะไม่หมดซึ่งศรัทธา สองสิ่งนี้จะช่วยชี้นำให้เจ้าเห็นทางเมื่อเจ้าอับจน”
สัมผัสสุดท้ายที่ฉันได้รับคือความนุ่มนวลติดที่รสปาก และหลังจากนั้นทุกสิ่งก็ดับวูบลงอีกครั้ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษครับวันนี้ลงดึกไปหน่อย กลับหอดึกเลยไม่ได้แวะลงเลย
ความคิดเห็น