คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Round 8 (1)
“...ความรู้สึกเจ็บปวดสิ้นหวังก่อนตาย จงจำมันไว้ให้ดี…”
ตัวฉันในความฝันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกออกเป็นสองซีกทั้งๆที่ยังรู้สึกตัวครบทุกประการ ปวดร้าวไปทุกส่วนทุกอณูของร่างกาย
และฉันก็ตื่น…
สิ่งแรกที่แปลกตาคือแสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างมาเข้าตาฉัน ฉันลุกขึ้นชันเข่ามองแสงจ้านั้นด้วยความกังขา
ทำไมรู้สึกไม่คุ้นเคยกับแสงนี้เลยนะ…?
ครั้นจะลงไปนอนต่อวันนี้มันก็วันทำงานอีกวันหนึ่ง ถึงจะมานอนค้างบ้านลูกน้องแต่การนอนตื่นสายก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ ฉันจึงลุกขึ้นเก็บที่นอนและเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว
แปลก… จำได้ว่าต้องมีคนมาปลุกแล้วสิ
เดี๋ยวสิ...ฉันว่าตอนนี้ต้องเป็นเวลาสิบโมงสิบห้าแล้วนะ แต่เมื่อหันไปมองนาฬิกามันกลับเป็นเวลารุ่งสางเจ็ดโมงยี่สิบแปดนาทีแทนไปเสียอย่างนั้น
ยามเมื่อฉันมองไปที่นาฬิกา เสียงพูดคุยดังแว่วเข้ามาในหัวสมองของฉันจนทำให้มองภาพรอบตัวเป็นภาพเบลอไปหมด
“...รู้แล้วน่า…”
“ลุชเชอร์ก็เลยไม่รอเจ๊แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวไปส่งของไม่ทันออร์เดอร์….”
“...จงจำมันไว้ให้ดี…”
รู้สึกตัวอีกทีฉันก็พบว่าตัวเองลงไปนั่งพับเพียบแปะอยู่กลางห้อง หัวสมองมึนตื้อไปหมดราวกับว่าผ่านการล่องเรือในน่านน้ำวนติดต่อกันเจ็ดวันเจ็ดคืน
….และตอนนั้นเองที่ประตูห้องส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นเทย่าที่ยืนมองฉันผู้กำลังนั่งพับเพียบกับพื้นตาปริบๆ
“อรุณสวัสดิ์” คำกล่าวทักทายในตอนแรกฟังดูดีชะมัด ถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดไปเข้าซะก่อนนะ “เมื่อคืนนอนดิ้นมากเลยรึไงเจ๊ถึงมาจบที่กลางห้องเนี่ย”
มโนชนะเลิศไปเลยค่ะคุณลูกน้องตัวดี!
ผลั่ก! รางวัลสำหรับสาขามโนยอดเยี่ยมคือหมอนหนึ่งใบปาอัดใส่หน้ากวนๆเข้าเต็มๆ
“รับอะไรดีล่ะเจ๊ แซนวิซปลาทูน่า หรือยำสาหร่ายทะเล?” เทย่าถามขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาในครัว ซึ่งฉันก็ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด “ยำสาหร่ายทะเลดีกว่า”
“เสียใจด้วยเจ๊ ดูเหมือนลุชเชอร์จะกินไปหมดแล้วล่ะ” คำพูดอีกฝ่ายทำให้ฉันอ้าปากค้าง ซึ่งเจ้านั่นก็หันมาจากเตาอบพร้อมยัดแซนวิซเข้าปากที่อ้าค้างของฉันทันทีทันใด “มื้อเช้าที่อุดมไปด้วยสารอาหารและโอเมก้าสาม!” มันยกนิ้วโป้งให้ฉันพร้อมหยิบอีกชิ้นมาเคี้ยวเข้าปากตุ้ยๆ
จะปล่อยให้มันคาปากอยู่อย่างนั้นก็ออกจะดูไม่งามสำหรับสาวเรียบร้อยอย่างฉันซักเท่าไหร่ จะคายทิ้งโดยไม่กินเลยก็เสียมารยาทอีกนั่นแหละ จึงอดไม่ได้ที่จะกัดเคี้ยวเข้าไปคำหนึ่งถึงแม้ว่าฉันไม่ชอบกินเนื้อมากนักก็เถอะ
อื้ม… สมกับเป็นเจ้านี่ ทำอะไรกินก็อร่อยสุดๆเลย ชะตาแซนวิซที่กำลังถูกทิ้งจึงพลิกผันกลับเข้าไปอยู่ในท้องฉันแทน
“ไม่พูดอะไรเลยซักคำ เคี้ยวตุ้ยๆขนาดนั้น ข้าบอกเจ้าแล้วว่านางต้องชอบอะไรก็ตามที่เป็นฝีมือเจ้า” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับร่างกลมป้อก…. กลมจริงๆนั่นแหละ…. เดินเข้ามาในห้องครัวอีกรายพร้อมกับกลิ่นยาเส้นที่เป็นเอกลักษณ์
จะเป็นใครไปได้นอกจากเพื่อนสุดที่รักของฉัน ลุชเชอร์ เขาเป็นปลาฉลามที่น่ารักและ “กลม” ที่สุดในโลกที่ฉันรู้จักเลยล่ะ!
“เจ้าทำผนังห้องข้าร้าวอีกแล้ว” เทย่าบ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายในครัว “ข้าบอกเจ้ากี่คราแล้วนะว่าให้ไปรอข้างนอก ห้องนี้มันเล็กไปสำหรับเจ้า”
“แต่ข้าก็เข้ามาได้แล้วนี่” เจ้าตัวอ้วนกลมพ่นควันออกมาพร้อมกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ฉันหันไปมองที่ขอบประตูจึงทันเห็นรอยร้าวที่ผนัง ยังใหม่ๆอยู่เลย
แต่ฉันก็แก้ไขปัญหาง่ายๆนี่ได้ด้วยการโบกสะบัดมือเบาๆ น้ำจากอ่างล้างมือเข้าไปประสานที่รอยแตกและเชื่อมผนังให้กลับเป็นเหมือนเดิมไร้ซึ่งรอยร้าว
“บอกแล้วแค่นี้เรื่องเล็ก” เพื่อนปลาฉลามอ้วนกลมของฉันว่า พร้อมหันมาหาฉัน “บลูม่า ข้ามีส่งของด่วนตอนเก้าโมง ส่วนเจ้าก็มีงานเข้าเหมือนกัน….”
“อ้อ เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว สองชิ้นที่ไซส์สามใช่มั้ย” ฉันกล่าวคำพูดนั้นออกไปเองด้วยความรู้สึก ซึ่งภายหลังจากที่กล่าวไปทำให้ฉันเริ่มเห็นภาพซ้อนในดวงตาอีกครั้ง
“....ที่เจ้าสนใจก็มีแค่เงินสินะ…”
“....ชีวิตคนมันเลือกมากนักไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะเจ๊….”
“....อควอเรีย โดลาลอสซา!....”
ฉันรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีมือหยาบกร้านของคนๆหนึ่งเอื้อมมาแตะที่หน้าผาก เป็นเทย่านั่นเอง “เจ๊ ไม่สบายรึเปล่า เห็นตาลอยๆแปลกๆ”
“หา…? ไม่ล่ะ ฉันสบายดี” ฉันรีบปัดมือข้างนั้นออกไป….กลื่นปลาทูน่าติดอยู่เต็มเลย “หัดล้างมือหลังทำอาหารบ้างก็ดีนะนาย”
“กลิ่นปลาสดๆก็ติดทนนานแบบนี้แหละน่า” เป็นคนอ้วนกลมที่กล่าวแก้ตัวแทน “รู้แล้วก็ดี หลังเที่ยงค่อยเจอกันนะบลูม่า”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องครัวไป แต่ทว่า….
ครืด…..
“.....”
“....”
ตอนเข้าเข้ามาได้ ไหงตอนออกดันติดพุงออกไม่ได้กันละนี่!?
ช่วยแก้ไขกันประมาณสิบนาทีทั้งฉันและเทย่าจึงจะช่วย “กลิ้ง” เพื่อนตัวใหญ่คนนี้ของฉันออกจากบ้านมาได้ เหนื่อยไม่ใช่เล่น
ที่เซ็งกว่าคงเป็นลุชเชอร์ที่โดนกลิ้งไปมาจนอยากคายของเก่าออกมาเต็มทีกระมัง แต่ช่วยไม่ได้นี่นะ นายควรลดความอ้วนซะบ้าง!
“ไปทำงานได้นะ” ฉันถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายดึงดันจะไปที่ทำงานต่อโดยไม่ยอมพักแม้แต่นาทีเดียว “งานเจ้าน่ะยังยากกว่างานข้าร้อยเท่า รีบทำให้เสร็จจะได้รีบหนีเที่ยวซะทีบลูม่า”
“จ้า” เมื่อเห็นลุชเชอร์ยังร่าเริงได้ฉันจึงได้แต่โบกมือลา มองอีกฝ่ายเดินสองเท้าไปพร้อมกับพุงพรุ้ยที่โยกไปมาตลอดเส้นทางที่เดิน
...บางทีฉันก็สงสัยเหมือนกันนะว่าหุ่นแบบเขาทำงานส่งของด่วนได้อย่างไร?
สามสิบนาทีต่อมาทั้งฉันและเทย่าก็มาเตรียมพร้อมที่ไซส์สาม
กลิ่นอายแห่งท้องทะเลปะทะเข้ากับตัวฉันเข้าอย่างจัง เวลาที่ฉันรู้สึกไม่สบายใจหรือกังวลใจ สิ่งแรกที่ฉันนึกถึงคือท้องทะเล
เพราะท้องทะเลคือที่ที่ฉันถือกำเนิด ที่ที่ฉันอยู่ และที่ที่ฉันต้องกลับไป
“เริ่มงานกันเลยเถอะ” ฉันหันไปพยักหน้าให้กับเทย่า เจ้านั่นรับคำคราหนึ่งไขกุญแจเปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ และให้ฉันจัดการใช้เวทมนตร์ส่งของทั้งสองชิ้นนั้นไปยังสถานที่ที่ถูกระบุไว้ตามจ่าหน้า… เขตสี่ ภูเขาน้ำลึก
งานทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็เสร็จลุล่วง ฉันลืมตาขึ้นมาก็ต้องกระพริบตาหลายๆครั้งเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงตะวันยามสายที่เริ่มทอประกายร้อนแรง…
ในตอนนั้นเองที่ฉันเห็นภาพเบลออีกแล้ว...
“....นายเห็นเหมือนฉันใช่มั้ย?....”
“....เจ๊ ถอยไป!”
“....ในที่สุดเจ้าจะรู้ตัว เมื่อนั้นจงเอื้อนเอ่ย ขอสิ่งทีเจ้าปรารถนามันมากที่สุดในชีวิตของเจ้า…”
ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน….
ภาพท้องทะเลและแสงตะวันเบื้องหน้าทำให้ฉันนึกถึงทุกเรื่องได้ในทันที
ภาพที่ฉันตื่นสาย ปาหมอนใส่เทย่า มาไซท์งานสาย จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย… ทุกอย่างถูกเล่นในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนหนังกรอกลับและกรอผ่านอีกครั้งอย่างรวดเร็วติดต่อกัน
ฉันมายืนที่จุดนี้กี่ครั้งแล้วในวันนี้…?
ไม่สิ… ฉันผ่าน “วันนี้” มากี่ครั้งกันแล้ว?
ฉันตายกี่ครั้งแล้วนะ?
นี่ฉัน….กำลังวนเวียนอยู่ในห้วงเวลาที่หยุดนิ่งหรือกระไร เหตุใดดวงวิญญาณต่ำต้อยอย่างฉันจึงไม่คืนกลับสู่สูง?
ความคิดเห็น