คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1 - ชิง (Seize)
ผมฆ่าคนมาเท่าไหร่แล้วนะ? ร้อยคนได้ละมั้ง?
ไม่สิ... ผมหยุดนับเมื่อถึงร้อยไปแล้วต่างหาก
ครั้งแรกของผมมันเกิดขึ้นเมื่อสิบสองปีที่แล้ว...
ริกาโด้ รากูเอล วีรบุรุษแห่งเอสปาด้า กำลังถูกทหารของทางการล้อมไว้ ผมหลบอยู่ในโขดหินก้อนหนึ่ง ในมือมีมีดที่ส่องแสงสีเงินวาววับ พริบตาที่ผมเห็นเขาถูกทหารเข้าล้อมโจมตี ผมก็พุ่งเข้าไป
ฉึก!
มีบางสิ่งเปรอะเปื้อนอยู่บนมือผม... มันคือเลือด...
ใช่... ผมแทงเขาจากด้านหลัง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการช่วยเขาคนนั้น คนที่เป็น “พ่อ” ของผม
พวกทหารเมื่อเห็นเพื่อนของพวกเขาถูกเด็กห้าขวบแทงเข้ากลางหลังก็หันอาวุธมาทางผมแทน โชคดีที่พ่อของผมช่วยผมเอาไว้ได้
เฮ้อ... เรื่องเก่าๆทำไมต้องมานึกถึงตอนนี้เนี่ยนะ?
ผมซุ่มอยู่ในพุ่มไม้จุดหนึ่งซึ่งเห็นการเคลื่อนไหวของกองคาราวานได้ชัดเจน พวกมันมีกันอยู่ประมาณยี่สิบคนตามที่เทรสได้แจ้งข่าวไว้ แต่สิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือเกวียนที่อยู่กลางขบวน เกวียนเล่มนั้นสีแดงทั้งเล่ม ขนาดใหญ่โตขนาดที่ใส่ม้าหรือแรดเข้าไปได้สบายๆ มันใหญ่เกินไปที่จะไว้ใช้ขนเสบียงกองทัพ ผมชักสงสัยแล้วแฮะว่าในนั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่
เมื่อผมเห็นทุกคนในทีมประจำที่แล้ว สัญญาณเริ่มปฏิบัติการก็ถูกโยนเข้าไปกลางวง
ปุ้ง !
ควันสีดำพวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย ย้อมบรรยากาศบริเวณนั้นให้มืดมัวไปด้วยควันสีดำ
“แย่แล้ว! พวกเราถูกโจมตี! ป้องกันเกวียนให้ได้!” ใครบางคนในขบวนนั้นตะเบ็งเสียงสั่งการ
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฉึก!
ธนูและหลาวไม้ไผ่ถูกส่งเข้าไปในขบวนนั้นเป็นระยะๆ ปลิดชีวิตเหล่าผู้คุ้มกันที่ไม่ทันได้ระวังตัวไปได้สี่ห้าคน เมื่อมันถูกยิงได้ซักพักผมก็ส่งสัญญาณให้ถอยกลับตามแผน ทั้งสองคนกระโจนออกจากเพิงบนต้นไม้แล้วลัดเลาะไปตามทางที่ซักซ้อมไว้ แน่นอนการหลบหนีครั้งนี้ไม่พ้นสายตาของพวกนั้น แต่นั่นก็อยู่ในแผน...
“พวกมันอยู่นั่น! ตามไปฆ่ามันซะ!” เสียงสั่นๆร้องสั่งการ นักรบรับจ้างประมาณแปดคนมุ่งหน้าตามเอียนและคลูตไป เหลือไว้เฝ้าเกวียนอีกแปดคน
“แข่งกันมั้ยเทรส ว่าใครจะได้หัวพ่อค้านั่นก่อนกัน เดิมพันคือแพนเบรดทุกชิ้นในเกวียนนั่น” ผมท้าทายเพื่อนสนิทที่ซุ่มดูเป้าหมายอยู่ข้างๆ
“ใครจะไปโง่แข่งกับปีศาจอย่างเจ้าล่ะ ยังไงก็ต้องแบ่งกันอยู่ดี” เทรสกระซิบลอดไรฟันตอบกลับมา
“ว้า... แย่จัง ถ้างั้นช้าหมดอดกินนะพวก” ผมแลบลิ้นใส่เด็กหนุ่มแล้วก็สปริงตัวกระโดดขึ้นบนต้นไม้ข้างๆ แล้วก็กระโดดไปตามกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว
“อ้าวเฮ้ย ทิ้งกันได้ลง เฮ้อสงสัยกินกล้วยนานจนห้อยโหนได้เหมือนลิงเข้าไปทุกทีซะแล้วเจ้านี่” เทรสบ่นก่อนจะกระโดดไปตามกิ่งไม้ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่
คลูตกับเอียนกำลังวิ่งหนีพวกผู้คุ้มกันแปดคนที่ไล่กวดพวกเขากระชั้นชิดเข้าไปทุกที
“คลูต ไปทางไหนต่อวะ?”เด็กหนุ่มตะโกนถามเพื่อนที่วิ่งด้วยกัน
“ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว” คลูตส่ายหน้า
“อ่าวเฮ้ย อย่างนี้พวกเราก็วิ่งหลงในป่านี้น่ะสิ” เอียนบ่น
“อย่าพูดมากวิ่งไปๆ ถ้าไม่อยากโดนเฉือน” คลูตเร่งฝีเท้าแซงเอียนขึ้นไป เอียนที่มีคันธนูอยู่บนหลังวิ่งได้ไม่ไวเท่าจึงต้องวิ่งอย่างสุดชีวิตเช่นกัน
ทั้งสองวิ่งมาจนถึงดงไม้ไผ่ เอียนที่อาศัยจังหวะฮึดสู้วิ่งแซงหน้าคลูตไป คลูตเห็นดังนั้นไม่รอช้าเร่งฝีเท้าไปเช่นเดียวกันแต่ว่า
ปึ้ก!
หอกไม้ไผ่กลางหลังติดอยู่ระหว่างไม้ไผ่สองต้น คลูตใช้ความพยายามขยับมันออกแต่ก็ไม่สำเร็จ
“บ้าเอ้ย มาติดอะไรจังหวะนี้วะ ออกเร็วๆสิเฟ้ย” คลูตเขย่าหอกไม้ไผ่กลางหลังไปมาหวังให้มันหลุดออก
เอียนที่หันมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีตะเบ็งเสียงเตือนเพื่อนดังลั่น
“คลูต! ด้านหลัง!!”
คลูตได้ยินเสียงเพื่อนรักไม่รอช้าก้มหัวลงทันที ใบดาบเฉี่ยวผมด้านหลังของเขาไปเล็กน้อยแล้วผ่าไม้ไผ่สองต้นที่ขวางทางหอกของเขาออก ส่งผลให้คลูตหน้าคะมำไปด้านหน้า แต่ไม่ทันจะลุกขึ้นเขาก็เห็นทหารรับจ้างอีกคนกำลังจะเงื้อขวานเพื่อสับเขาให้เป็นสองส่วน เขาพลิกตัวหนึ่งครั้งก่อนตั้งหลักได้แล้วก็ออกวิ่งต่อ
“เจอแล้ว! ด้านหน้านั่นทางทิศสิบเอ็ดนาฬิกา!”คลูตตะเบ็งเสียง
“จะรออะไรเล่า พุ่งเข้าไปสิ” เอียนเร่ง
“เอาก็เอาวะ ตอนนี้แหละ! โดดเข้าไปเลย!” แล้วทั้งคู่ก็โดดเข้าพุ่มไม้ริมทางแยก
ตุบ! ตุบ!
ทั้งคู่ล้มกลิ้งทับกันอยู่ ร่างของคลูตกดคร่อมเอียนในท่าทางชวนให้คิดสุดๆ
“อูย... ทันพอดีเลยแฮะ” คลูตปาดเหงื่อก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อน แต่สีหน้าเอียนตอนนี้บ่งบอกอาการเจ็บปวดสุดๆ
“โอยย.. ก่อนจะดีใจน่ะ ออกไปจากตัวข้าก่อนได้มั้ย หอกเจ้ามันกดไอ้นั่นของข้าอยู่นะ”
“ไอ้นั่น?”
“ก็อย่างที่เจ้าคิดน่ะแหละ”
“เจ้ารู้เหรอข้าคิดอะไร?”
“ไอ้โง่! รีบลุกออกไปเถอะน่า” เอียนตัดบท ให้ขาถีบให้คนที่ทับตัวเองอยู่ลุกขึ้น ร่างของคลูตเซถลาไปด้านหลังก่อนไปชนกับต้นไม้ต้นหนึ่ง
“ตะกี้มันเหนื่อยเป็นบ้า” คลูตปาดเหงื่ออีกครั้งก่อนพิงตัวกับต้นไม้ เอียนหันมาจะสนทนากับคลูตเมื่อเห็นคลูตเข้าก็ถึงกับหน้าซีดเผือด คลูตสังเกตเห็นอาการของเพื่อนตัวเองได้ก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“เอียนเจ้าเป็นอะไร? ทำหน้าเหมือนอย่างกับเห็นผี หรือหน้าตามีอะไรติดอยู่?”
“ขะ... ขะ...”
“ถามก็ไม่ตอบ เป็นอะไรของเจ้ากันเนี่ย เออแปลกจริงทำไมต้นนี้มันช่างนุ่มนิ่มจังนะ” คลูตเลิกสนใจท่าทางของเอียน มือจับไปที่โคนต้นไม้หวังจะเคลียร์พื้นที่ให้แอบงีบซักหน่อย มือของคลูตเลื่อนสูงขึ้นๆ จนกระทั่ง...
ชิ้ง!! เขารู้สึกเหมือนมีของมีคมมาบาดที่หลังคอของเขาอยู่
“ถ้ามือแกขยับอีกนิดเดียว ชั้นปาดไม่เลี้ยงแน่” เสียงเย็นเยียบดังมาจากด้านหลัง คลูตหันไปมองจึงพบว่า เขากำลังลูบต้นขาของนีน่าอยู่ และมันก็อยู่ห่างจุดอันตรายแค่นิดเดียวเท่านั้น
“อะ... เอ่อ... อ้าวนีน่า เธอมาทำอะไรเนี่ย” คลูตถามแก้เก้อ
“ทีแรกกะว่าจะมาปาดคอทหารเล่น แต่ตอนนี้ชั้นเปลี่ยนใจละ” นีน่ายังตอบเสียงเย็นไม่เปลี่ยน แววตาเย็นเยียบจ้องมาทางคลูตตรงๆ
“อ้าว ตามแผนเธอจะรออยู่ที่ทางทิศสิบนาฬิกาที่เราล่อทหารให้ไปทางเธอไม่ใช่รึไง” เป็นเอียนที่ถามมาบ้าง
“แหกตาดูรอบตัวบ้าง พวกนายต่างหากที่ผิดแผน วิ่งมาทางชั้นกันหมด โขดหินที่พวกนายวิ่งฉีกหนีมันอยู่ทางโน้น” นีน่าชี้ไปคนละทางกับที่คลูตพาวิ่งมา
“ถ้านี่เป็นจุดลงมือของเธอ ถ้างั้น...” เอียนยังไม่ทันพูดจบ พุ่มไม้ด้านหลังก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ซักพักร่างของทหารรับจ้างก็โผล่ออกมา
“มาอยู่นี่เอง ตายซะเถอะ!” พูดจบพวกมันก็พุ่งตัวมาหาพวกเขาสามคน
“...ขอบใจที่พาเหยื่อมาส่งแบบเดลิเวอร์รี่” นีน่าแขวะ “แต่ชั้นไม่รับประกันความปลอดภัยของผู้ส่งนะ”
ทั้งสองคนยิ้มแหยๆ หันมามองหน้ากันเอง
“เอียน ธนูนายเหลือกี่ดอก” คลูตถาม
“สอง หลาวนายล่ะ” เอียนถามกลับ
คลูตเอื้อมมือไปหยิบหอกไม้ไผ่กลางหลังออกมาถือไว้ ยิ้มแห้งๆให้เพื่อนรัก
“เหลือแต่ไอ้นี่แหละว่ะ”
นกแร้งบินเล่นลมอยู่บนท้องฟ้า ท่าทางมันดูมีความสุขที่วันนี้มีคนมาเลี้ยงโต๊ะจีนมื้อเย็นให้กับมัน
ร่างผู้คุ้มกันทั้งแปดนอนเรียงรายอยู่บนพื้น เลือดสดๆไหลรินออกมาจากจุดสำคัญอันเป็นจุดตายของมนุษย์ บ่งบอกถึงฝีมือของผู้ลงมือได้อย่างดี
ไม่ได้จะชมฝีมือตัวเองนะ แต่ผมกะแม่นนะเรื่องพวกนี้น่ะ...
พลั่ก!
“เกวียนเล่มนี้มันขนอะไรมา? แล้วขนมาจากไหน” มหกรรมการสอบสวนพ่อค้าขี้กลัวเริ่มขึ้นด้วยการซ้อมมันจนน่วมไปทั้งตัว
“มะ... ไม่รู้ขอรับ ข้าแค่รับจ้างคนอื่นมาเฉยๆ” พ่อค้าหนุ่มตอบ เสียงของเขาสั่นด้วยความกลัว เทรสที่ยืนอยู่ข้างๆชักยัวะ หยิบดาบขึ้นมาก่อนพูดว่า
“ยังกล้าเล่นลิ้นอีกเหรอ อย่ามีลิ้นเหลืออีกเล-“
“ใจเย็นไว้เทรส เรายังมีเวลาเล่นกับเจ้านี่อีกเยอะ ให้มันคายออกมาให้หมดก่อนค่อยเชือดก็ไม่สาย”ผมกล่าวเสียงเรียบ หันหน้ามาคุยกับพ่อค้าหนุ่มอีกครั้ง
“ให้โอกาสอีกครั้งนะ ตอบให้ถูกด้วยล่ะ บอกก่อนนะว่าความอดทนของชั้นน่ะต่ำ” พ่อค้าหนุ่มหน้าซีดเผือด เขารีบเล่าออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ขะ... ข้าไม่รู้จริงๆ ขอรับ ขะ... ข้าก็แค่รับจ้างมาจะ... จริงๆนะ เขาสะ... สั่งให้ข้าขนเกวียนนี้ไปยะ... ยังเขตมิลลิเทีย ขะ.. เขายังบอกอีกว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วข้าก็จะ... จะปลอดภัย” เขาพูดออกมาจนหมด แต่ผมรู้ว่าเขาต้องการพูดต่อ จึงส่งสัญญาณพยักหน้าหนึ่งที แล้วเขาก็เล่าต่อไป “นะ... ในนั้นมีอะไร ขะ... ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันถูกปิดล็อคไว้นะ... แน่นหนามากขอรับ”
“เทรส ไปลองงัดหน่อยซิ” ผมสั่งเพื่อนที่อยู่ข้างๆ แต่เขากลับส่ายหน้า
“ลองแล้ว มันแข็งจริงๆ มันต้องมีวิธีอื่นน่าเพสซี่”
‘อย่าเรียกชื่อตูว่าอย่างนั้น......’ ผมแอบด่าเพื่อนในใจ ก่อนจะหันหน้าไปทางพ่อค้านั่น... เป็นครั้งสุดท้าย
“เอาล่ะ ในเมื่อแกหมดประโยชน์แล้ว งั้นก็...”
ปุ้ง! สัญญาณควันสีเหลืองถูกยิงขึ้นบนท้องฟ้าจากจุดที่นีน่าประจำการอยู่
แย่จัง.... งั้นผมก็อดได้สร้างงานศิลป์เลยน่ะสิ
“เพสซี่ นีน่าส่งสัญญาณรวมตัว!” เทรสบอก
“นั่งดูอยู่ด้วยกัน เห็นแล้วล่ะน่า” ผมตัดบท หันไปทางพ่อค้านั่นอีกครั้ง “ถือว่าดวงดีไปละกันนะแก” ผมตัดเชือกในมือแล้วก็ถีบพ่อค้านั่นลงป่าข้างทางไป ก่อนจะหันไปปรึกษาเทรสว่า “แล้วเกวียนนี้ล่ะ?”
“ก็ไว้นี่แหละ” เทรสบอก แล้วเราสองคนก็เร่งฝีเท้าไปทางสัญญาณนั่น
ฉับ! ฉับ!
พริบตาเดียงเลือดก็พุ่งกระฉูดออกมาจากคอหอยของนักรบรับจ้างสองคนโดยยังไม่ทันเห็นผู้ลงมือ ร่างทั้งคู่ก็ลงไปนอนชักดิ้นชักงอบนพื้นซักพักก็แน่นิ่งไป แต่นักรบรับจ้างที่เหลือทั้งหกคนก็ยังพุ่งเข้าใส่ทั้งสามอย่างไม่ลดละ เอียนได้แต่หลบไปมา เพราะคันธนูถูกใช้ป้องกันดาบจนหักเป็นสองท่อนไปเรียบร้อยแล้ว
“เอียน! อ้อมขุนเขา!” คลูตเสือกหอกเข้าหาเอียน เมื่อร่างของเพื่อนสนิทกระโดดขึ้นมาบนหอกเขาก็ตวัดหอกหนึ่งครั้งส่งร่างของเอียนอ้อมศรีษะไปใช้ลูกธนูปักเข้าที่หัวของนักรบรับจ้างอีกคน
สองคนนี้ถูกฝึกคู่กันตั้งแต่ยังเด็ก โตมาด้วยกันจนรู้นิสัยใจคอและรูปแบบการต่อสู้ของกันและกันเป็นอย่างดี ไม่แปลกที่การลงมือของทั้งคู่จะลงตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบ แต่นีน่าก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ความเร็วของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้ศัตรูต้องตื่นตระหนก เพราะหากพลั้งเผลอเมื่อไหร่นั่นหมายถึงชีวิตที่ต้องหลุดลอยไป ทั้งสามจัดการพวกทหารรับจ้างคนสุดท้ายเสร็จ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ผมและเทรสเดินทางมาถึงพอดี
“ก็เรียบร้อยดีนี่” ผมหันไปมองผลงานของทั้งสามคน นักรบรับจ้างห้าคนถูกมีดปาดที่คอ สองคนมีรอยถูกเสียบทะลุท้อง อีกหนึ่งยังมีลูกธนูปักอยู่ที่หัว
“ตอนแรกผิดแผน ไอ้สองตัวนั่นดันโผล่มาทางชั้น เลยแห่กันมาหมด” นีน่าบ่น
“เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วก็ไปดูของในเกวียนกันเถอะ” เทรสกล่าวชวนทุกคน
“อาหาร อาหารรรรรร......” เอียนฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ เร่งฝีเท้าแซงไปข้างหน้าก่อนใครเพื่อน ความคิดในหัวตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียว คือ กิน!
“ไม่รอกันเลยแฮะ” ผมบ่น เทรสกับคลูตหัวเราะ
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากในเกวียนเมื่อพวกเราไปถึง สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าคือ หลังเกวียนที่ถูกแงะ หอกคลูตที่หักอยู่ข้างๆโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเอียนไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่ กับเสียงร่ำไห้ของเจ้าตัวที่อยู่ด้านใน
“อาหารของข้า อาหารของข้าอยู่ไหน !? พวกมันต้องเอาไปซ่อนไว้แน่ๆ” เอียนพยายามงัดพื้นเกวียนเพื่อหาอาหารที่(ไม่มีวันที่จะเจอ)ปรารถนา
“คลูต เทรส เอามันออกไปทีดิ๊” ผมบุ้ยปากไปทางเอียน คลูตเดินเข้าไปหาเอียน ซักพักก็ได้ยินเสียง “เผี๊ยะ!” ดังลั่นในความมืด จากนั้นเสียงเอียนก็สงบลง และคลูตก็ลากตัวเอียนออกมา
“ไม่ต้องห่วง ข้าตบเกรียนมันไปละ” เทรสว่า
“แรงเอาเรื่องนะนั่น” ผมหัวเราะ ก่อนจะสังเกตเห็นบางสิ่งในความมืดมิดในเกวียนนี้
ที่มุมด้านในสุดของเกวียน มีอะไรบางอย่างอยู่ ผมสืบเท้าไปหาสิ่งนั้นอย่างช้าๆ จนเมื่อเห็นมันชัดเจน ผมก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เด็กผู้หญิง !?”
ณ ริมมุมเกวียนที่มืดและแสนจะอับชื้น มีเด็กสาวนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่คนหนึ่ง...
เป็นไงล่ะ ยาวสะใจมั้ย >< จะพยายามรักษาให้ตอนนึงยาวประมาณนี้นะขอรับ
ความคิดเห็น