ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mighty Spear Chronicle - Tale of Brionac (สถานะ:จบครึ่งแรก)

    ลำดับตอนที่ #1 : Protologue-กลางสายฝน ( Falling Rain )

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 56


                    เคยมีคนบอกว่าฟ้าหลังฝนมักสวยงาม แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น...

                    ฝนกระหน่ำลงมาแบบไม่ขาดสายกลางเดือนเมษายน  เมษายน !? ฝนบ้าอะไรตกเอาเดือนนี้กันเนี่ย

                    ช่างมันเถอะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

                    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฝนตกหนัก เสียงหยดน้ำหยดกระทบใบไม้ดังเปาะแปะดังเป็นจังหวะดุจท่วงทำนองของธรรมชาติ

                    ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ใต้ต้นโอ้กต้นใหญ่ มันขึ้นอยู่โดดๆบนเนินเขาลูกนี้ รอบด้านถึงแม้จะเป็นป่ารกชัฏแต่ก็ไม่มีต้นไม้ต้นไหนสูงใหญ่ต้นนี้มาก่อน ต้นโอ้กต้นนี้จึงเป็นจุดนัดพบของ “พวกเรา” หลายๆครั้ง

     

                    แน่นอน ผมไม่ได้มานั่งหลบฝนแค่เพื่อมานั่งฟังเสียงธรรมชาติแน่นอน ผมกำลังรอใครบางคน...

                    นั่นไง... พูดถึงก็มากันเลย...

                    พุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากผมนักสั่นไหว ซักพักบางสิ่งก็ถูกโยนออกมา ผมจ้องมองมันก็พบว่าเป็นลูกธนูที่แขวนป้ายไม้เล็กๆไว้ ผมเก็บมันไว้แล้วหยิบบางสิ่งจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนกลับไป

                    มันเป็นแค่วิธีป้องกันการสวมรอยเบื้องต้นเท่านั้น เพราะการนัดพบทุกครั้งในภารกิจของเราต้องลับสุดยอด แน่นอนครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น

                    ผ่านไปไม่กี่นาที ร่างสามร่างก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้นั้น พวกเขาเป็นเด็กหนุ่มอายุพอๆกันกับผม และตอนนี้ร่างของทั้งสามก็เปื้อนไปด้วยโคลนทั้งร่าง

                    “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ผมถาม

                    “มากันประมาณยี่สิบคน เป็นพวกนักรบรับจ้างซะเป็นส่วนใหญ่” เด็กหนุ่มคนที่หนึ่งตอบ

                    “สัมภาระล่ะ?” ผมถามต่อ

                    “มีแค่เกวียนใหญ่สีแดงเล่มเดียวเท่านั้น ดูเหมือนจะเป็นเกวียนของทางการ มีความสำคัญน่าดู เพราะคนคุ้มกันแน่นหนามาก” เด็กหนุ่มคนอีกคนตอบบ้าง

                    “ข้าว่าต้องเป็นเกวียนขนเสบียงแน่นอน งานนี้พวกเราอิ่มไปหลายวันแน่ๆ” เด็กหนุ่มคนสุดท้ายพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เมื่อนึกถึงอาหารที่อาจจะอยู่ในเกวียนนั่น

                    “อย่าเพิ่งรีบร้อน งานนี้เราพลาดไม่ได้ เพื่อพี่น้องของพวกเราด้วย” ผมบอกทุกคน ก่อนจะพูดต่อว่า “ปกติการขนเสบียงของกองทัพจะต้องใช้คนมากกว่านี้ และยิ่งถ้ารู้ว่าแถวหุบเขานี้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีได้ง่ายไม่มีทางที่พวกทหารจะไม่พาคนมาป้องกันการชิงเสบียงแน่นอน”

                    “แต่มันก็น่าเสี่ยงนะ เจ้าก็รู้ว่าพวกเราไม่ได้กินอะไรดีๆนอกจากกล้วยมาเกือบเดือนแล้ว แม่ข้ายังทักเลยว่าหน้าข้าเหมือนลิงเข้าไปทุกวัน” เด็กหนุ่มคนที่สองพูด

                    “แต่ข้าว่าเจ้าก็หน้าเหมือนลิงจริงๆนั่นแหละ คลูต” เด็กหนุ่มคนแรกแย้ง

                    “อะไรนะเทรส เจ้ากล้าดียังไงมาว่าหน้าข้า มีปัญหามากใช่มั้ย มาสู้กันตรงนี้เลยดีกว่า” เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคลูตถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมหาเรื่องเต็มที่ ส่วนเด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเทรสก็ตั้งท่าพร้อมหาเรื่องเช่นกัน แต่ก็มีเสียงหนึ่งมาขัดจังหวะเสียก่อน

                    “ชั้นล่ะเบื่อพวกผู้ชายเสียจริง เอะอะก็ใช้แต่กำลัง” ร่างหนึ่งทิ้งตัวลงมาจากต้นโอ้กที่พวกเราคุยกันอยู่ พริบตาก็มายืนอยู่ข้างๆผม

                    “รอบนอกเป็นไงบ้างนีน่า” ผมถามเธอ

                    “เงียบสงบผิดปกติ ไม่มีทหาร ไม่มีหน่วยซุ่มยิง ไม่มีอะไรเลย” เธอตอบสั้นๆ

                    “เอาไงล่ะเพทริกส์ โอกาสงามๆแบบนี้มีไม่บ่อยนะ” เด็กหนุ่มคนที่สามถามขึ้น

                    ผมยืนใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ ก็เริ่มแบ่งงานกัน

                    “ศัตรูมีจำนวนปานกลาง ให้ใช้วิธีแบ่งมากำจัดทีละส่วน คลูตกับเอียนลอบโจมตีจากระยะไกลและดึงดูดความสนใจให้ไปติดกับดัก นีน่ารอดักเชือดพวกหลงเข้าป่ามา ส่วนเทรสไปกับชั้น เราจะบุกเกวียนตอนพวกมันไปทางคลูตกันหมด”  ทุกคนพยักหน้า แต่ก่อนจะแยกย้ายกันไป เทรสหันกลับมาถามว่า “เฮ้ๆๆ หัวหน้าจะไม่กล่าวสุนทรพจน์ก่อนเริ่มปฏิบัติการหน่อยรึ”

                    เด็กหนุ่มทั้งสามมองผมด้วยรอยยิ้ม ตาขวาผมกระตุกถี่ๆ แต่ผมก็ชักดาบออกมาก่อนพูดเสียงแผ่ว

                    “ศึกครั้งนี้.... เพื่อขนมปัง”

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×