ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #9 : องค์ที่ 9 ช่วยเหลือ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 67


    การฝึกปรือพลังเวทย์ขั้นพื้นฐาน คือการเรียนรู้ที่จะควบคุมกระแสของอนูพลังเวทย์ให้แปลเปลี่ยนดังใจนึก

    อาจเริ่มจากสร้างเศษเสี้ยวของเปลวเพลิง แล้วหมุนควงให้เชียวกราดดังกระแสน้ำที่พัดพาใต้ท้องนภา  เพิ่มพูนการพลักและดึง จนทุกอนูนั้นสั่นสะเทือน

    รวมทั้งการแผ่ขยายพลังเวทย์ให้ปกคลุมทุกส่วนของศาสตราวุธดั่งอาภรณ์ไร้สี  เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ร่วมทั้งสรรค์สร้างความคมบนใบมีดที่ทือบิ่น

    หรือแผ่ชะโลมพลังเวทย์ดั่งสายธารลงบนร่างเนื้อ  เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย

    ซึ่งราฟาเอลโร่ก็ทำได้ดีมาโดยตลอด มีการเริ่มผนวกการใช้เวทย์เเปลเปลี่ยนเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่มาก

    ซึ่งนับวันก็แทบจะมิมีเวลาหยุดพักเลย  จนกระทั่งต้องฝึกให้เสร็จเสียก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะมิมีวันไหนเลย  ที่ราฟาเอลโร่จะไม่แวะเวียนไปพบวิหคเพลิงที่ซึ่งเยียวยาบาดแผลอันหนักหน่วงที่ได้รับ  ราฟาเอลโร่มักจะนำอาหาร  และบากบั่นในการทาสมุนไพรเยียวยาให้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง  แรกเริ่มเดิมทีเจ้าวิหคเพลิงที่ยังคงระแวดระแวง ก็จะทั้งขู่ ทั้งจิก ทั้งไล่ จนราฟาเอลโร่ต้องวางอาหารที่นำเอาไว้ แล้วรีบออกไป

    แต่คงเพราะความกระหายหิว และร่างกายที่บาดเจ็บ  อาหารที่นำมาจึงมิเคยเหลือเลยสักครั้ง  ยิ่งหากเป็นหินเวทย์ที่เป็นสิ่งชื่นชอบของเหล่าสัตว์เวทย์แล้วละก็   พริบตาก็แทบจะหมดในทันทีที่นำมาวางไว้ตรงหน้า

    การพากเพียรกระทำนี้  ล่วงเลยมากระทั้งจวนจะ 3 เดือนแล้ว  มันกลายเป็นกิจวัตรที่ได้สร้างความคุ้นเคยให้กับพวกเขาทั้งสอง   วิหคเพลิงที่เคยเชิดหน้าใส่คราเมื่อพบราฟาเอลโร่   ตอนนี้กลับตั้งหน้าตั้งตารอค่อยการมาเยือนของเขา

     วิหคเพลิงก็ตามชื่อที่ถูกเรียกขาน นอกจากมันจะเป็นสัตว์เวทย์แห่งเปลวอัคคีแล้ว อนูพลังเวทย์ธาตุไฟก็จำเป็นต่อแผลที่สมานบนตัวของมันด้วยเช่นกัน มันจำเป็นจะต้องอยู่ในที่ที่อัคคีทรงอานุภาพ

    ดังนั้นคอพิอุสจึงเปลี่ยนห้องทั้งห้องเป็นรังของมัน   โดยการปิดทับด้วยหินภูเขาไฟเวทย์ที่มีความบริสุทธิ์สูง   ทั้งพื้น   เพดาน   ผนัง  และที่นอนที่สร้างจากหินภูเขาไฟเวทย์ทั้งก้อน   

    ปูรองด้วยผ้าไหมมายาที่รังสรรค์ขึ้น  เพื่อเก็บกับอนูพลังเวทย์อัคคีให้มารวมกัน   นั้นยังไม่นับร่วมบ่อน้ำพุที่โพยพุ่งจากบ่ออน่างงดงาม   ที่คอพิอุสกล่าวอ้างว่า  #จำเป็นต่อความสมดุล#  หรืออาจจะเป็นเพราะความพึ่งพอใจส่วนตัว

    (ผ้าไหมมายาคือ เส้นใยเวทย์ ถักทอด้วยเวทมนต์ คุณสมบัติล้วนแปรเปลี่ยนตามจุดประสงค์ของผู้สร้าง มีความยืดหยุ่น และความคงทนสูง บ่อยครั้งจะใช้ในการสร้างเครื่องป้องกัน)

    คอพิอุสที่นับวันแลดูจะยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่บ้างอย่าง  ซึ่งวันนี้เช่นกันเหมือนว่าเขาจะมีธุระเร่งรีบ  บ้างประการที่จะต้องออกไปทำ   ยอมปล่อยให้ราฟาเอลโร่ได้มีเวลาว่างที่เพิ่มพูนมากขึ้น   

    ดังนั้นหนุ่มน้อยแรกแย้ม จึงไม่รีรอที่จะสาวเท้ายาวๆ ไปพบกับวิหคเพลิง  พร้อมกับของฝากเล็กๆน้อยๆ  เป็นหินเวทย์ 1 กำมือ

     วิหคเพลิงที่ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก   จนสามารถโบยบินไปล้อมๆ รังกว้างๆ ของมัน ได้อย่างเชี่ยวชาญ  กระทั่งบินมาดับกระหายที่บ่อน้ำพุร้อนได้เองเสียแล้ว 

    แต่แล้วเสียงจากประตูที่กำลังจะเปิดก็ดึงดูดความสนใจของมัน  วิหคเพลิงเอียงคอเล็กน้อย  เมื่อประตูนั้นถูกเปิดออก   ราฟาเอลโร่ที่เปิดประตู  ส่งยิ้มมาให้หลังจากการปิดลงประตู

     “ข้านำหินเวทย์มาให้  อยากกินไหม”

    ราฟาเอลโร่กล่าวพร้อมกับแบมือออกไปเบื้องหน้าเจ้านกเพลิง   เผยให้เห็นหินเวทย์หลากสี   วิหคเพลิงเขย่าขนสีส้มแดงรอบต้นคอของมัน   ก่อนที่จะสยายปีกที่มีสีไม่ต่างกัน   เปลวไฟที่เกิดขึ้นลุกลามไปตามเส้นขน  มันส่งตัวให้ขึ้นบินโบยบิน   ก่อนจะโฉบลงเกาะที่บ่าข้างซ้ายของราฟาเอลโร่เป็นครั้งแรก  เขาจึงยื่นหินเวทย์ในมือให้วิหคเพลิงอย่างเอ็นดู

     “วันนี้ข้ามีเวลาเหลือเยอะเลย   ออกไปเดินเล่นกันดีไหม”

    ราฟาเอลโร่กล่าวในขณะที่จ้องมองไปยังวิหคเพลิงบนบ่าของเขา  ที่กำลังสวาปามหินเวทย์   มันผละออกจากการกินชั่วครู่แล้วมองไปยังใบหน้าที่อยู่ด้านข้าง  ก่อนจะก้มลงกลับไปกินต่อ

     “จริงซินะเจ้าพูดไม่ได้ แต่ถ้าพูดได้คงจะดี งั้นข้าเลือกให้เลยเเล้วกัน”

    ราฟาเอลโร่ที่ไม่รอช้าได้ก้าวออกมาจากประตูห้อง   กระทั่งมาถึงหน้าบ้าน  เขาก็หยุดยืนก่อนที่จะ ประคองวิหคเพลิงไว้ในมือ  และสร้างบาเรียล้อมรอบตัวของมัน

     “อยู่ในนั้นแป๊บนะ”

    ราฟาเอลโร่กล่าวกับวิหคเพลิงที่อยู่ด้านในของบาเรีย   ก่อนที่จะใช้ก้าวพริบ 2-3 ครั้ง  และมุ่งเข้าสู่ป่าลึก

    ณ  ป่าลึกที่ที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ของแอสโทรเฟีย   เป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหล่าสัตว์เวทย์นานาชนิด และแมกไม้นานาพันธุ์   

    ทันทีที่ราฟาเอลโร่มาถึงจุดที่ต้องการ   เขาก็คลายบาเรียรอบตัววิหคเพลิงออก  ปล่อยให้อมันบินขึ้นสูงจนเขาใจหาย แต่ไม่นานนักมันก็เลือกที่จะบินกลับมา และเกาะที่บ่าของเขาเช่นเดิม

     “อยากไปหรอ เจ้าจะไปก็ได้นะ”

    ราฟาเอลโร่พยายามบอกว่าตัวมันมีอิสระเต็มที่ที่จะโบยบินหากต้องการ  ในขณะที่เจ้าวิหคเพลิงจ้องมองกลับมาที่ใบหน้าเขา   และเพียงส่งเสียงร้องเบาๆ  ในลำคอ   

    แสงแดดช่วงบ่ายแม้จะร้อนแรง  แต่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ในป่าทึกกลับทำให้อากาศรอบตัวเย็นสบาย ทั้งคู่เดินเล่นทอดน่อง  พร้อมพิสมัยวิวทิวทัศน์รอบตัว ทำให้เรื่องหนักอึ้งหลายอย่างในหัวมลายลง  หลังจากการฝึกหนักมาหลายวัน

    ก่อนที่เสียงอึกทึกครึกโครมของการต่อสู้จะดึงดูดความสนใจของทั้งคู่  พร้อมลอยเคลื่อนเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว  วิหคและสัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างตื่นตระหนกโบยบินกระจัดกระจายกันออกไปคนละทิศทาง  ดังนั้นการกำหนดทิศทางแลตำแหน่งของการต่อสู่ที่บังเกิดขึ้นจึงมิใช่เรื่องยาก   

    หลังจากนั้นไม่นานนัก   เสียงกรีดร้องแหลมสูงแม้นผู้ที่สดับรับฟังยังเจ็บปวด   แต่หาใช่เสียงของมนุษย์ไม่  วิหคเพพลิงและราฟาเอลโร่ที่เลือบมองใบหน้าของกันและกัน  ก่อนที่นกไฟบนบ่าเขาจะขยายปีก  และบินนำทางสู่เบื้องหน้า 

    ทั้งคู่มาถึงยังที่หมายที่เกิดการวิวาทในช่วงเวลาเดียวกัน   เหตุการณ์ที่ประจักษ์อยู่ตอนนี้จะกล่าวว่าเป็นการต่อสู้ก็หาได้ไม่

    เพราะคล้ายจะเป็นการจู่โจมจากฝ่ายเดียวเสียมากกว่า  สิ่งที่ทั้งคู่เห็นเบื้องหน้านั้น คือเอลฟ์ 5 ตน ในเอกวรรษิกชนไม่ต่างจากราฟาเอลโร่เลย

    หรือหักลบได้ไม่เกิน 2-3 ปี กำลังใช้พลังเวทย์โจมตีเข้าใส่ #เรนโบว์ฮัส# (เรนโบว์ฮัส เป็นสัตว์เวทย์ที่มีลักษณะคล้ายกับลิงโมเสท แต่ตัวของมันมีขนาดเท่าเด็กอายุ 12-13 ปี มีสติปัญญาใกล้เคียงกับเอลฟ์ ขนทั้งตัวเป็นสีขาวสะอาดตา มีเพียงขนที่หู อุ้งมือ และอุ้งเท้า เท่านั้นที่เป็นสีรุ้ง และดวงตาสามารถมีหลายสี)

    ที่นั่งหันหน้าเข้าหาโคนต้นไม้ต้นใหญ่ มือทั้งสองพยายามปกป้องลูกน้อยในอ้อมแขนให้พ้นจากการโจมตี ขนบนหลังที่เคยขาวสะอาด ตอนนี้เเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

    โดยเฉพาะขาข้างขวาที่โดนยิงด้วยลูกธนูนั้น มีโลหิตสีแดงฉานไหลออกมาไม่ขาดสาย มันทำได้เพียงโบกมือเพียงหนึ่งข้าง พยายามปัดป้องการโจมตีเท่านั้น   เพราะขาที่บาดเจ็บจึงทำให้  มันไม่สามารถปีนป่ายหรือหนีออกไปได้

    ภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นภาพซ้อนทับ คล้ายเมื่อคราวในอดีตของราฟาเอลโร่ที่กำลงยืนจับจ้องตัวของเขาเอง

    ในขณะที่จ้องมองไปยังภาพของการกระทำเบื้องหน้านั้น  ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นไหวขึ้นที่ละน้อย  ด้วยโทสะที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายใน

    แล้วสถานะการณ์ก็เริ่มแย่ลง เมื่อเด็ก 1 ใน 5 ต้องการที่จะสำแดงแสนยานุภาพเล็กๆ ในตัว

    โดยเลือกที่จะง้างศาสตราวุธในมือแล้วฟันลง #เพล้ง# เสียงดาบที่ตกกระทบกับต้นไม้   แทนที่การเฉือดคมบนเนื้อสด  การหมายที่จะฟันสัตว์เวทย์ที่อยู่เบื้องหน้า   ได้กลับกลายเป็นด้านแรงที่กระทบกลับ  จนซวนเซไปมาคล้ายคนเมา  ของเจ้าของดาบที่หมายจะฟันเจ้าเรนโบว์ฮัส  ตอนนี้ด้านหน้าของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยมนุษย์ ที่เหมือนจะมีซึ่งวัยวุฒิที่ไม่ต่างกัน ในมือกำเพียงท่อนไม้  ประชันหน้าอย่างมิหวั่นเกรง

     “มนุษย์”

    เอลฟ์ทั้ง 5 คนร้องพร้อมกัน

     “อี๋ ไอ้มนุษย์โสโครก กล้าดีเยี่ยงไรจึงได้ขัดขวางท่านชาย”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×