ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : องค์ที่ 9 ช่วยเหลือ
การฝึกปรือพลังเวทย์ขั้นพื้นฐาน คือการเรียนรู้ที่จะควบคุมกระแสของอนูพลังเวทย์ให้แปลเปลี่ยนดังใจนึก
อาจเริ่มจากสร้างเศษเสี้ยวของเปลวเพลิง แล้วหมุนควงให้เชียวกราดดังกระแสน้ำที่พัดพาใต้ท้องนภา เพิ่มพูนการพลักและดึง จนทุกอนูนั้นสั่นสะเทือน
รวมทั้งการแผ่ขยายพลังเวทย์ให้ปกคลุมทุกส่วนของศาสตราวุธดั่งอาภรณ์ไร้สี เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ร่วมทั้งสรรค์สร้างความคมบนใบมีดที่ทือบิ่น
หรือแผ่ชะโลมพลังเวทย์ดั่งสายธารลงบนร่างเนื้อ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย
ซึ่งราฟาเอลโร่ก็ทำได้ดีมาโดยตลอด มีการเริ่มผนวกการใช้เวทย์เเปลเปลี่ยนเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่มาก
ซึ่งนับวันก็แทบจะมิมีเวลาหยุดพักเลย จนกระทั่งต้องฝึกให้เสร็จเสียก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะมิมีวันไหนเลย ที่ราฟาเอลโร่จะไม่แวะเวียนไปพบวิหคเพลิงที่ซึ่งเยียวยาบาดแผลอันหนักหน่วงที่ได้รับ ราฟาเอลโร่มักจะนำอาหาร และบากบั่นในการทาสมุนไพรเยียวยาให้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แรกเริ่มเดิมทีเจ้าวิหคเพลิงที่ยังคงระแวดระแวง ก็จะทั้งขู่ ทั้งจิก ทั้งไล่ จนราฟาเอลโร่ต้องวางอาหารที่นำเอาไว้ แล้วรีบออกไป
แต่คงเพราะความกระหายหิว และร่างกายที่บาดเจ็บ อาหารที่นำมาจึงมิเคยเหลือเลยสักครั้ง ยิ่งหากเป็นหินเวทย์ที่เป็นสิ่งชื่นชอบของเหล่าสัตว์เวทย์แล้วละก็ พริบตาก็แทบจะหมดในทันทีที่นำมาวางไว้ตรงหน้า
การพากเพียรกระทำนี้ ล่วงเลยมากระทั้งจวนจะ 3 เดือนแล้ว มันกลายเป็นกิจวัตรที่ได้สร้างความคุ้นเคยให้กับพวกเขาทั้งสอง วิหคเพลิงที่เคยเชิดหน้าใส่คราเมื่อพบราฟาเอลโร่ ตอนนี้กลับตั้งหน้าตั้งตารอค่อยการมาเยือนของเขา
วิหคเพลิงก็ตามชื่อที่ถูกเรียกขาน นอกจากมันจะเป็นสัตว์เวทย์แห่งเปลวอัคคีแล้ว อนูพลังเวทย์ธาตุไฟก็จำเป็นต่อแผลที่สมานบนตัวของมันด้วยเช่นกัน มันจำเป็นจะต้องอยู่ในที่ที่อัคคีทรงอานุภาพ
ดังนั้นคอพิอุสจึงเปลี่ยนห้องทั้งห้องเป็นรังของมัน โดยการปิดทับด้วยหินภูเขาไฟเวทย์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ทั้งพื้น เพดาน ผนัง และที่นอนที่สร้างจากหินภูเขาไฟเวทย์ทั้งก้อน
ปูรองด้วยผ้าไหมมายาที่รังสรรค์ขึ้น เพื่อเก็บกับอนูพลังเวทย์อัคคีให้มารวมกัน นั้นยังไม่นับร่วมบ่อน้ำพุที่โพยพุ่งจากบ่ออน่างงดงาม ที่คอพิอุสกล่าวอ้างว่า #จำเป็นต่อความสมดุล# หรืออาจจะเป็นเพราะความพึ่งพอใจส่วนตัว
(ผ้าไหมมายาคือ เส้นใยเวทย์ ถักทอด้วยเวทมนต์ คุณสมบัติล้วนแปรเปลี่ยนตามจุดประสงค์ของผู้สร้าง มีความยืดหยุ่น และความคงทนสูง บ่อยครั้งจะใช้ในการสร้างเครื่องป้องกัน)
คอพิอุสที่นับวันแลดูจะยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่บ้างอย่าง ซึ่งวันนี้เช่นกันเหมือนว่าเขาจะมีธุระเร่งรีบ บ้างประการที่จะต้องออกไปทำ ยอมปล่อยให้ราฟาเอลโร่ได้มีเวลาว่างที่เพิ่มพูนมากขึ้น
ดังนั้นหนุ่มน้อยแรกแย้ม จึงไม่รีรอที่จะสาวเท้ายาวๆ ไปพบกับวิหคเพลิง พร้อมกับของฝากเล็กๆน้อยๆ เป็นหินเวทย์ 1 กำมือ
วิหคเพลิงที่ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก จนสามารถโบยบินไปล้อมๆ รังกว้างๆ ของมัน ได้อย่างเชี่ยวชาญ กระทั่งบินมาดับกระหายที่บ่อน้ำพุร้อนได้เองเสียแล้ว
แต่แล้วเสียงจากประตูที่กำลังจะเปิดก็ดึงดูดความสนใจของมัน วิหคเพลิงเอียงคอเล็กน้อย เมื่อประตูนั้นถูกเปิดออก ราฟาเอลโร่ที่เปิดประตู ส่งยิ้มมาให้หลังจากการปิดลงประตู
“ข้านำหินเวทย์มาให้ อยากกินไหม”
ราฟาเอลโร่กล่าวพร้อมกับแบมือออกไปเบื้องหน้าเจ้านกเพลิง เผยให้เห็นหินเวทย์หลากสี วิหคเพลิงเขย่าขนสีส้มแดงรอบต้นคอของมัน ก่อนที่จะสยายปีกที่มีสีไม่ต่างกัน เปลวไฟที่เกิดขึ้นลุกลามไปตามเส้นขน มันส่งตัวให้ขึ้นบินโบยบิน ก่อนจะโฉบลงเกาะที่บ่าข้างซ้ายของราฟาเอลโร่เป็นครั้งแรก เขาจึงยื่นหินเวทย์ในมือให้วิหคเพลิงอย่างเอ็นดู
“วันนี้ข้ามีเวลาเหลือเยอะเลย ออกไปเดินเล่นกันดีไหม”
ราฟาเอลโร่กล่าวในขณะที่จ้องมองไปยังวิหคเพลิงบนบ่าของเขา ที่กำลังสวาปามหินเวทย์ มันผละออกจากการกินชั่วครู่แล้วมองไปยังใบหน้าที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะก้มลงกลับไปกินต่อ
“จริงซินะเจ้าพูดไม่ได้ แต่ถ้าพูดได้คงจะดี งั้นข้าเลือกให้เลยเเล้วกัน”
ราฟาเอลโร่ที่ไม่รอช้าได้ก้าวออกมาจากประตูห้อง กระทั่งมาถึงหน้าบ้าน เขาก็หยุดยืนก่อนที่จะ ประคองวิหคเพลิงไว้ในมือ และสร้างบาเรียล้อมรอบตัวของมัน
“อยู่ในนั้นแป๊บนะ”
ราฟาเอลโร่กล่าวกับวิหคเพลิงที่อยู่ด้านในของบาเรีย ก่อนที่จะใช้ก้าวพริบ 2-3 ครั้ง และมุ่งเข้าสู่ป่าลึก
ณ ป่าลึกที่ที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ของแอสโทรเฟีย เป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหล่าสัตว์เวทย์นานาชนิด และแมกไม้นานาพันธุ์
ทันทีที่ราฟาเอลโร่มาถึงจุดที่ต้องการ เขาก็คลายบาเรียรอบตัววิหคเพลิงออก ปล่อยให้อมันบินขึ้นสูงจนเขาใจหาย แต่ไม่นานนักมันก็เลือกที่จะบินกลับมา และเกาะที่บ่าของเขาเช่นเดิม
“อยากไปหรอ เจ้าจะไปก็ได้นะ”
ราฟาเอลโร่พยายามบอกว่าตัวมันมีอิสระเต็มที่ที่จะโบยบินหากต้องการ ในขณะที่เจ้าวิหคเพลิงจ้องมองกลับมาที่ใบหน้าเขา และเพียงส่งเสียงร้องเบาๆ ในลำคอ
แสงแดดช่วงบ่ายแม้จะร้อนแรง แต่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ในป่าทึกกลับทำให้อากาศรอบตัวเย็นสบาย ทั้งคู่เดินเล่นทอดน่อง พร้อมพิสมัยวิวทิวทัศน์รอบตัว ทำให้เรื่องหนักอึ้งหลายอย่างในหัวมลายลง หลังจากการฝึกหนักมาหลายวัน
ก่อนที่เสียงอึกทึกครึกโครมของการต่อสู้จะดึงดูดความสนใจของทั้งคู่ พร้อมลอยเคลื่อนเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว วิหคและสัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างตื่นตระหนกโบยบินกระจัดกระจายกันออกไปคนละทิศทาง ดังนั้นการกำหนดทิศทางแลตำแหน่งของการต่อสู่ที่บังเกิดขึ้นจึงมิใช่เรื่องยาก
หลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงกรีดร้องแหลมสูงแม้นผู้ที่สดับรับฟังยังเจ็บปวด แต่หาใช่เสียงของมนุษย์ไม่ วิหคเพพลิงและราฟาเอลโร่ที่เลือบมองใบหน้าของกันและกัน ก่อนที่นกไฟบนบ่าเขาจะขยายปีก และบินนำทางสู่เบื้องหน้า
ทั้งคู่มาถึงยังที่หมายที่เกิดการวิวาทในช่วงเวลาเดียวกัน เหตุการณ์ที่ประจักษ์อยู่ตอนนี้จะกล่าวว่าเป็นการต่อสู้ก็หาได้ไม่
เพราะคล้ายจะเป็นการจู่โจมจากฝ่ายเดียวเสียมากกว่า สิ่งที่ทั้งคู่เห็นเบื้องหน้านั้น คือเอลฟ์ 5 ตน ในเอกวรรษิกชนไม่ต่างจากราฟาเอลโร่เลย
หรือหักลบได้ไม่เกิน 2-3 ปี กำลังใช้พลังเวทย์โจมตีเข้าใส่ #เรนโบว์ฮัส# (เรนโบว์ฮัส เป็นสัตว์เวทย์ที่มีลักษณะคล้ายกับลิงโมเสท แต่ตัวของมันมีขนาดเท่าเด็กอายุ 12-13 ปี มีสติปัญญาใกล้เคียงกับเอลฟ์ ขนทั้งตัวเป็นสีขาวสะอาดตา มีเพียงขนที่หู อุ้งมือ และอุ้งเท้า เท่านั้นที่เป็นสีรุ้ง และดวงตาสามารถมีหลายสี)
ที่นั่งหันหน้าเข้าหาโคนต้นไม้ต้นใหญ่ มือทั้งสองพยายามปกป้องลูกน้อยในอ้อมแขนให้พ้นจากการโจมตี ขนบนหลังที่เคยขาวสะอาด ตอนนี้เเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
โดยเฉพาะขาข้างขวาที่โดนยิงด้วยลูกธนูนั้น มีโลหิตสีแดงฉานไหลออกมาไม่ขาดสาย มันทำได้เพียงโบกมือเพียงหนึ่งข้าง พยายามปัดป้องการโจมตีเท่านั้น เพราะขาที่บาดเจ็บจึงทำให้ มันไม่สามารถปีนป่ายหรือหนีออกไปได้
ภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นภาพซ้อนทับ คล้ายเมื่อคราวในอดีตของราฟาเอลโร่ที่กำลงยืนจับจ้องตัวของเขาเอง
ในขณะที่จ้องมองไปยังภาพของการกระทำเบื้องหน้านั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นไหวขึ้นที่ละน้อย ด้วยโทสะที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายใน
แล้วสถานะการณ์ก็เริ่มแย่ลง เมื่อเด็ก 1 ใน 5 ต้องการที่จะสำแดงแสนยานุภาพเล็กๆ ในตัว
โดยเลือกที่จะง้างศาสตราวุธในมือแล้วฟันลง #เพล้ง# เสียงดาบที่ตกกระทบกับต้นไม้ แทนที่การเฉือดคมบนเนื้อสด การหมายที่จะฟันสัตว์เวทย์ที่อยู่เบื้องหน้า ได้กลับกลายเป็นด้านแรงที่กระทบกลับ จนซวนเซไปมาคล้ายคนเมา ของเจ้าของดาบที่หมายจะฟันเจ้าเรนโบว์ฮัส ตอนนี้ด้านหน้าของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยมนุษย์ ที่เหมือนจะมีซึ่งวัยวุฒิที่ไม่ต่างกัน ในมือกำเพียงท่อนไม้ ประชันหน้าอย่างมิหวั่นเกรง
“มนุษย์”
เอลฟ์ทั้ง 5 คนร้องพร้อมกัน
“อี๋ ไอ้มนุษย์โสโครก กล้าดีเยี่ยงไรจึงได้ขัดขวางท่านชาย”
อาจเริ่มจากสร้างเศษเสี้ยวของเปลวเพลิง แล้วหมุนควงให้เชียวกราดดังกระแสน้ำที่พัดพาใต้ท้องนภา เพิ่มพูนการพลักและดึง จนทุกอนูนั้นสั่นสะเทือน
รวมทั้งการแผ่ขยายพลังเวทย์ให้ปกคลุมทุกส่วนของศาสตราวุธดั่งอาภรณ์ไร้สี เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ร่วมทั้งสรรค์สร้างความคมบนใบมีดที่ทือบิ่น
หรือแผ่ชะโลมพลังเวทย์ดั่งสายธารลงบนร่างเนื้อ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย
ซึ่งราฟาเอลโร่ก็ทำได้ดีมาโดยตลอด มีการเริ่มผนวกการใช้เวทย์เเปลเปลี่ยนเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่มาก
ซึ่งนับวันก็แทบจะมิมีเวลาหยุดพักเลย จนกระทั่งต้องฝึกให้เสร็จเสียก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะมิมีวันไหนเลย ที่ราฟาเอลโร่จะไม่แวะเวียนไปพบวิหคเพลิงที่ซึ่งเยียวยาบาดแผลอันหนักหน่วงที่ได้รับ ราฟาเอลโร่มักจะนำอาหาร และบากบั่นในการทาสมุนไพรเยียวยาให้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แรกเริ่มเดิมทีเจ้าวิหคเพลิงที่ยังคงระแวดระแวง ก็จะทั้งขู่ ทั้งจิก ทั้งไล่ จนราฟาเอลโร่ต้องวางอาหารที่นำเอาไว้ แล้วรีบออกไป
แต่คงเพราะความกระหายหิว และร่างกายที่บาดเจ็บ อาหารที่นำมาจึงมิเคยเหลือเลยสักครั้ง ยิ่งหากเป็นหินเวทย์ที่เป็นสิ่งชื่นชอบของเหล่าสัตว์เวทย์แล้วละก็ พริบตาก็แทบจะหมดในทันทีที่นำมาวางไว้ตรงหน้า
การพากเพียรกระทำนี้ ล่วงเลยมากระทั้งจวนจะ 3 เดือนแล้ว มันกลายเป็นกิจวัตรที่ได้สร้างความคุ้นเคยให้กับพวกเขาทั้งสอง วิหคเพลิงที่เคยเชิดหน้าใส่คราเมื่อพบราฟาเอลโร่ ตอนนี้กลับตั้งหน้าตั้งตารอค่อยการมาเยือนของเขา
วิหคเพลิงก็ตามชื่อที่ถูกเรียกขาน นอกจากมันจะเป็นสัตว์เวทย์แห่งเปลวอัคคีแล้ว อนูพลังเวทย์ธาตุไฟก็จำเป็นต่อแผลที่สมานบนตัวของมันด้วยเช่นกัน มันจำเป็นจะต้องอยู่ในที่ที่อัคคีทรงอานุภาพ
ดังนั้นคอพิอุสจึงเปลี่ยนห้องทั้งห้องเป็นรังของมัน โดยการปิดทับด้วยหินภูเขาไฟเวทย์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ทั้งพื้น เพดาน ผนัง และที่นอนที่สร้างจากหินภูเขาไฟเวทย์ทั้งก้อน
ปูรองด้วยผ้าไหมมายาที่รังสรรค์ขึ้น เพื่อเก็บกับอนูพลังเวทย์อัคคีให้มารวมกัน นั้นยังไม่นับร่วมบ่อน้ำพุที่โพยพุ่งจากบ่ออน่างงดงาม ที่คอพิอุสกล่าวอ้างว่า #จำเป็นต่อความสมดุล# หรืออาจจะเป็นเพราะความพึ่งพอใจส่วนตัว
(ผ้าไหมมายาคือ เส้นใยเวทย์ ถักทอด้วยเวทมนต์ คุณสมบัติล้วนแปรเปลี่ยนตามจุดประสงค์ของผู้สร้าง มีความยืดหยุ่น และความคงทนสูง บ่อยครั้งจะใช้ในการสร้างเครื่องป้องกัน)
คอพิอุสที่นับวันแลดูจะยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่บ้างอย่าง ซึ่งวันนี้เช่นกันเหมือนว่าเขาจะมีธุระเร่งรีบ บ้างประการที่จะต้องออกไปทำ ยอมปล่อยให้ราฟาเอลโร่ได้มีเวลาว่างที่เพิ่มพูนมากขึ้น
ดังนั้นหนุ่มน้อยแรกแย้ม จึงไม่รีรอที่จะสาวเท้ายาวๆ ไปพบกับวิหคเพลิง พร้อมกับของฝากเล็กๆน้อยๆ เป็นหินเวทย์ 1 กำมือ
วิหคเพลิงที่ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก จนสามารถโบยบินไปล้อมๆ รังกว้างๆ ของมัน ได้อย่างเชี่ยวชาญ กระทั่งบินมาดับกระหายที่บ่อน้ำพุร้อนได้เองเสียแล้ว
แต่แล้วเสียงจากประตูที่กำลังจะเปิดก็ดึงดูดความสนใจของมัน วิหคเพลิงเอียงคอเล็กน้อย เมื่อประตูนั้นถูกเปิดออก ราฟาเอลโร่ที่เปิดประตู ส่งยิ้มมาให้หลังจากการปิดลงประตู
“ข้านำหินเวทย์มาให้ อยากกินไหม”
ราฟาเอลโร่กล่าวพร้อมกับแบมือออกไปเบื้องหน้าเจ้านกเพลิง เผยให้เห็นหินเวทย์หลากสี วิหคเพลิงเขย่าขนสีส้มแดงรอบต้นคอของมัน ก่อนที่จะสยายปีกที่มีสีไม่ต่างกัน เปลวไฟที่เกิดขึ้นลุกลามไปตามเส้นขน มันส่งตัวให้ขึ้นบินโบยบิน ก่อนจะโฉบลงเกาะที่บ่าข้างซ้ายของราฟาเอลโร่เป็นครั้งแรก เขาจึงยื่นหินเวทย์ในมือให้วิหคเพลิงอย่างเอ็นดู
“วันนี้ข้ามีเวลาเหลือเยอะเลย ออกไปเดินเล่นกันดีไหม”
ราฟาเอลโร่กล่าวในขณะที่จ้องมองไปยังวิหคเพลิงบนบ่าของเขา ที่กำลังสวาปามหินเวทย์ มันผละออกจากการกินชั่วครู่แล้วมองไปยังใบหน้าที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะก้มลงกลับไปกินต่อ
“จริงซินะเจ้าพูดไม่ได้ แต่ถ้าพูดได้คงจะดี งั้นข้าเลือกให้เลยเเล้วกัน”
ราฟาเอลโร่ที่ไม่รอช้าได้ก้าวออกมาจากประตูห้อง กระทั่งมาถึงหน้าบ้าน เขาก็หยุดยืนก่อนที่จะ ประคองวิหคเพลิงไว้ในมือ และสร้างบาเรียล้อมรอบตัวของมัน
“อยู่ในนั้นแป๊บนะ”
ราฟาเอลโร่กล่าวกับวิหคเพลิงที่อยู่ด้านในของบาเรีย ก่อนที่จะใช้ก้าวพริบ 2-3 ครั้ง และมุ่งเข้าสู่ป่าลึก
ณ ป่าลึกที่ที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ของแอสโทรเฟีย เป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหล่าสัตว์เวทย์นานาชนิด และแมกไม้นานาพันธุ์
ทันทีที่ราฟาเอลโร่มาถึงจุดที่ต้องการ เขาก็คลายบาเรียรอบตัววิหคเพลิงออก ปล่อยให้อมันบินขึ้นสูงจนเขาใจหาย แต่ไม่นานนักมันก็เลือกที่จะบินกลับมา และเกาะที่บ่าของเขาเช่นเดิม
“อยากไปหรอ เจ้าจะไปก็ได้นะ”
ราฟาเอลโร่พยายามบอกว่าตัวมันมีอิสระเต็มที่ที่จะโบยบินหากต้องการ ในขณะที่เจ้าวิหคเพลิงจ้องมองกลับมาที่ใบหน้าเขา และเพียงส่งเสียงร้องเบาๆ ในลำคอ
แสงแดดช่วงบ่ายแม้จะร้อนแรง แต่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ในป่าทึกกลับทำให้อากาศรอบตัวเย็นสบาย ทั้งคู่เดินเล่นทอดน่อง พร้อมพิสมัยวิวทิวทัศน์รอบตัว ทำให้เรื่องหนักอึ้งหลายอย่างในหัวมลายลง หลังจากการฝึกหนักมาหลายวัน
ก่อนที่เสียงอึกทึกครึกโครมของการต่อสู้จะดึงดูดความสนใจของทั้งคู่ พร้อมลอยเคลื่อนเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว วิหคและสัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างตื่นตระหนกโบยบินกระจัดกระจายกันออกไปคนละทิศทาง ดังนั้นการกำหนดทิศทางแลตำแหน่งของการต่อสู่ที่บังเกิดขึ้นจึงมิใช่เรื่องยาก
หลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงกรีดร้องแหลมสูงแม้นผู้ที่สดับรับฟังยังเจ็บปวด แต่หาใช่เสียงของมนุษย์ไม่ วิหคเพพลิงและราฟาเอลโร่ที่เลือบมองใบหน้าของกันและกัน ก่อนที่นกไฟบนบ่าเขาจะขยายปีก และบินนำทางสู่เบื้องหน้า
ทั้งคู่มาถึงยังที่หมายที่เกิดการวิวาทในช่วงเวลาเดียวกัน เหตุการณ์ที่ประจักษ์อยู่ตอนนี้จะกล่าวว่าเป็นการต่อสู้ก็หาได้ไม่
เพราะคล้ายจะเป็นการจู่โจมจากฝ่ายเดียวเสียมากกว่า สิ่งที่ทั้งคู่เห็นเบื้องหน้านั้น คือเอลฟ์ 5 ตน ในเอกวรรษิกชนไม่ต่างจากราฟาเอลโร่เลย
หรือหักลบได้ไม่เกิน 2-3 ปี กำลังใช้พลังเวทย์โจมตีเข้าใส่ #เรนโบว์ฮัส# (เรนโบว์ฮัส เป็นสัตว์เวทย์ที่มีลักษณะคล้ายกับลิงโมเสท แต่ตัวของมันมีขนาดเท่าเด็กอายุ 12-13 ปี มีสติปัญญาใกล้เคียงกับเอลฟ์ ขนทั้งตัวเป็นสีขาวสะอาดตา มีเพียงขนที่หู อุ้งมือ และอุ้งเท้า เท่านั้นที่เป็นสีรุ้ง และดวงตาสามารถมีหลายสี)
ที่นั่งหันหน้าเข้าหาโคนต้นไม้ต้นใหญ่ มือทั้งสองพยายามปกป้องลูกน้อยในอ้อมแขนให้พ้นจากการโจมตี ขนบนหลังที่เคยขาวสะอาด ตอนนี้เเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
โดยเฉพาะขาข้างขวาที่โดนยิงด้วยลูกธนูนั้น มีโลหิตสีแดงฉานไหลออกมาไม่ขาดสาย มันทำได้เพียงโบกมือเพียงหนึ่งข้าง พยายามปัดป้องการโจมตีเท่านั้น เพราะขาที่บาดเจ็บจึงทำให้ มันไม่สามารถปีนป่ายหรือหนีออกไปได้
ภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นภาพซ้อนทับ คล้ายเมื่อคราวในอดีตของราฟาเอลโร่ที่กำลงยืนจับจ้องตัวของเขาเอง
ในขณะที่จ้องมองไปยังภาพของการกระทำเบื้องหน้านั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นไหวขึ้นที่ละน้อย ด้วยโทสะที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายใน
แล้วสถานะการณ์ก็เริ่มแย่ลง เมื่อเด็ก 1 ใน 5 ต้องการที่จะสำแดงแสนยานุภาพเล็กๆ ในตัว
โดยเลือกที่จะง้างศาสตราวุธในมือแล้วฟันลง #เพล้ง# เสียงดาบที่ตกกระทบกับต้นไม้ แทนที่การเฉือดคมบนเนื้อสด การหมายที่จะฟันสัตว์เวทย์ที่อยู่เบื้องหน้า ได้กลับกลายเป็นด้านแรงที่กระทบกลับ จนซวนเซไปมาคล้ายคนเมา ของเจ้าของดาบที่หมายจะฟันเจ้าเรนโบว์ฮัส ตอนนี้ด้านหน้าของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยมนุษย์ ที่เหมือนจะมีซึ่งวัยวุฒิที่ไม่ต่างกัน ในมือกำเพียงท่อนไม้ ประชันหน้าอย่างมิหวั่นเกรง
“มนุษย์”
เอลฟ์ทั้ง 5 คนร้องพร้อมกัน
“อี๋ ไอ้มนุษย์โสโครก กล้าดีเยี่ยงไรจึงได้ขัดขวางท่านชาย”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น