ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : องค์ที่ 6 การเรียนรู้
“นั้นปราสาทหลวงแอสโทรเฟียขอรับ”
ราฟาเอลโร่ที่มองตามมือของเกรนเดล ปลายทางนั้นคือ ปราสาทขนาดมโหฬารที่สร้างจากหินอ่อนพันปี ดังนั้นเมื่อมองจากจุดที่พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่
ปราสาทสีขาวผ่องเมื่อต้องแสงของดวงอาทิตย์จึงราวกับว่ามันเปร่งประกายเรืองรองเป็นสีทอง ร่วมทั้งสะพานที่โยงจากตัวปราสาททั้ง 4 ด้าน ให้เชื่อมมายังป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นตลอดแนวกำแพงที่ทำจากวัสดุเดียวกัน แต่ปิดทับด้วยพืชชนิดไม้เลื้อยที่มีดอกและผล
“บนยอดของปราสาทคือต้นไม้แห่งชีวิตที่มีอายุนับหมื่นปี และอัญมณีซิวเวอร์ซันขอรับ”
และสิ่งที่เด่นไม่แพ้ตัวปราสาท นั่นคือต้นไม้ที่ลอยตระหง่านอยู่เหนือยอดปราสาท ลำต้นมีสีขาวโพลน ใบสีทองเจือสีเงิน
และรากที่โอบรัดรอบอัญมณีที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของตัวมันเอง อัญมณีที่มีสีเงินปนทองไม่ต่างจากสีใบของต้นไม้แห่งชีวิต และแสงที่รอดผ่านช่องว่างของรากไม้รอบตัวมัน ช่างส่องสว่างท่ามกลางท้องนภา
_________________________________________
หลังจากกลับมาจากการฝึกซ้อมกับเกรนเดล และทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ชั่วโมงเรียนกับคอพิอุสก็เริ่มต้นนขึ้นอีกครั้ง ณ สถานที่เดิม
ราฟาเอลนั่งลงบนโขดหินเช่นเคย และทำการรวบรวมอนูพลังเวทย์ จนกว่ามันจะกลายเป็นแกนพลังเวทย์ เพราะหากไม่ใช่ผู้ใช้พลังเวทย์พิเศษที่มีพลังเวทย์ติดตัวมาแต่กำเนิด ผู้ใช้เวทย์ทุกคนจำเป็นจะต้องปลุกพลังเวทย์ของตนเองขึ้นมาเสียการก่อน โดยการที่จะต้องมีแกนพลังเวทย์จึงจะสามารถใช้เวทมนต์ประเภทธาตุได้
การฝึกฝนนี้ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งรวมทั้งการฝึกฝนร่างการภายใต้การดูแลของเกรนเดล ที่ดุูเหมือนจะโหดขึ้นเรื่อยๆ และคอพิอุสยังได้เพิ่มการต่อสู้ระยะประชิดเข้ามาในการฝึกด้วย จนตอนนี้ก็ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2 ของการฝึกแล้ว การอยู่กับทุกๆ คนที่นี้ช่างเงียบสงบ ราฟาเอลโร่เป็นเด็กชายที่มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ แต่ความแข็งแรงของเขากับพัฒนาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพลังเยียวยาที่ติดตัวเขามาแต่กำเนินก็มีผลอย่างมาก แต่ดูเหมือนเด็กน้อยของเราจะทุ่มคะแนนทั้งหมดให้กับพ่อครัวของที่นี้ และสิ่งที่ราฟาเอลโร่รับรู้ได้ชัดเจนหลังได้รับการฝึกโหดเหนือมนุษย์ก็คือ แผลหรืออาการบาดเจ็บที่ได้รับหายเร็วอย่างเหลือเชื่อจากเมื่อก่อนต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงแต่ตอนนี้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นแผลทั้งหมดก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ไม่ช้าการสร้างแกนพลังเวทย์ก็สมบูรณ์ หลังจากการระเบิดพลังอย่างรุนแรง ดีที่คอพิอุสได้สร้างเกราะซึมซับแรงกระแทกรอบตัวเขาไว้ได้ทัน จึงไม่มีการเสียหายใดๆเกิดขึ้น
จุดไหลเวียนพลังในร่างกายทุกจุดของราฟาเอลโร่ก็ได้ถูกเปิดออก เขาสามารถสัมผัสพลังเวทย์ได้จากทุกส่วนของร่างกาย
แก่นพลังเวทย์ของราฟาเอลโร่ กระโดนข้ามขั้นไปที่สีแดงทันทีหลังการรวบตัวเป็นแก่นพลังเวทย์ พลังเวทย์ทุกส่วนในร่างกายพลั่งพลูราวกับน้ำที่ถูกปล่อยออกจากเขื่อน มันทำให้ทั้งโล่งและตัวเบาอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นต่อแต่นี้ผมคงต้องเรียกท่านอาว่าอาจารย์แล้วใช่ไหมครับ”
ราฟาเอลโร่กล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม คอพิอุสหัวเราะเบาๆ ในลำอย่างขบขัน
“เอาสิ ตามใจเจ้าเลย”
“ครับอาจารย์”
คอพิอุสมองลูกศิษย์คนใหม่ด้วยสายตาเอ็นดู
“งั้นเรามาต่อกันเลยดีไหม ข้าอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าเจ้าจะใช้ธาตุอะไรได้บ้าง”
คอพิอุสกล่าวพร้อมกับหงายมีและยกปลายนิ้วทั้ง 4 ขึ้นแล้วหมุนมันเป็นวงกลมเกิดพายุหมุนขนาดเล็กเหนือปลายนิ้วของเขาทันที ก่อนที่คอพิอุสจะแบนมือออก แล้วประคองพายุหมุนนั้นให้ลอยอยู่กลางฝ่ามือ
“ธาตุลมเป็นเวทย์ที่ผู้มีพลังเวทย์ทุกคนสามารถใช้ได้ แต่จะใช้ได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับบุคคล สัมผัสอนูพลังเวทย์ของธาตุลมรอบปลายนิ้วเจ้า ใช้พลังเวทย์ในตัวควบคุมอนูพลังของธาตุลม อย่าใช้แค่พลังที่มีอยู่แต่ในตัว มันจะทำให้เจ้าใช้พลังได้น้อยลง แต่ความแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
ราฟาเอลโร่ทำตามสิ่งที่คอพิอุสกล่าวอย่างไม่รีรอ ราฟาเอลโร่สามารถสัมผัสกับอนูพลังของธาตุลมในอากาศได้อย่างไม่ยากนัก เขาบิดอนูพลังเวทย์ของธาตุลมในอากาศได้โดยรู้สึกว่าแทบไม่ต้องใช้พลังเวทย์ในตัวดัวยซ๊ำ ก็สามารถสร้างพายุหมุนขนาดเล็กและประคองการไหลเวียนของพลังไว้ได้อย่างสวยงาม
“ดี ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะไม่เปลืองแรงข้า 555”
คอพิอุสกล่าวอย่างภาคภูมิ ก่อนจะอธิบายต่อ พร้อมกับผ่ายมือทั้งสองข้างขึ้น ข้างตัว ก่อนที่จะเกิดเป็นหยดน้ำที่ลอยอยู่กลางอากาศรอบตัวของพวกเขาทั้งคู่
“น้ำนั้นอยู่ทุกแห่งรอบตัวเรา แม้กระทั่งในร่างกายหรืออากาศเพียงแค่เรามองไม่เห็นมัน ราฟาเอลเจ้าต้องมองอนูพลังของธาตุต่างๆ รอบตัวให้ออก แล้วเจ้าจะรวมเพียงอนูพลังของธาตุที่เจ้าต้องการได้ง่ายขึ้น”
#ทำยังไงถึงจะมองให้เห็นๆ# ประโยคนี้ดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวเขา ราฟาเอลโร่หลับลงและเพ่งสมาธิไปยังดวงตา ราฟาเอลโร่ดึงพลังเวย์มาที่ดวงตาทั้งสองข้างโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซัำ เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาทั้งข้างที่เรื่องแสงออกมาช่วงครู่
คอพิอุสที่สังเกตุเห็นแอบยิ้มมุมปากอย่างชื่นชม เมื่อมองเห็นมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใช้พลังเวทย์ในตัวเพียงนิด ราฟาเอลโร่ก็สามารถถึงอนูพลังของธาตุน้ำที่อยู่ในอากาศมารวมกันจนเกิดเป็นหยดน้ำ
“ดี ทำได้ดี เจ้ามองเห็นแล้วสินะ งั้นบอกข้าที่ว่าในตัวเจ้ามีครบทั่ง 4 ธาตุเลยไหม”
ราฟาเอลโร่รวมรวบสมาธิอยู่ครู่นึ่งมองอนูพลังเวทที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก่อนที่จะตอบ
“ครับ เท่าที่ผมเห็น น่าจะมีทั้งสี่ธาตุ”
“ดีเลย แต่ยังไงก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะดึงพลังออกให้ใช้ให้ถูกวิธี”
คอพิอุสกล่าว ก่อนที่จะแยกขาทั้งสองข้างออกจากกันเล็กน้อย เขาหงายมือขึ้น ต้นแขนแนบลำตัว แล้วค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับดินใต้เท้าของเขาที่ยกสูงขึ้นต่างระดับจากพื้นปกติราว 10 นิ้ว
“ยืนให้มั่นคงราฟาเอล สัมผัสกับอนูของธาตุดินที่อัดแน่นอยู่ใต้เท้าเจ้า แล้วค่อยๆ ควบคุมอนูพลังเวทย์ของธาตุดินให้เปลี่ยนรูปร่าง ตามที่เจ้าต้องการ”
ราฟาเอลทำตามที่คอพิอุสกล่าวทันที เขาสามรถมองเห็นอนูของธาตุดินที่บีบอัดกันอย่างหนาแน่นเบื้องหน้าห่างจากตัวไปไม่กี่นิ้ว และพยายามแยกส่วนของอนูพลังเวทย์และยกมันขึ้น โชคยังดีที่ตอนนี้คอพิอุสยืนสังเกตุการณ์อยู่ข้าง ไม่ใช้ตรงข้ามกับราฟาเอลโร่เพราะอยู่ๆ พื้นดินตรงหน้าราฟาเอลโร่ก็พุ้งพวดขึ้นมา
“อืม ต้องฝึกอีกนิด แต่สำหรับครั้งแรกถือว่ายอดเยี่ยม”
“ขอบคุณครับ”
ราฟาเอลโร่กล่าวในขณะที่มองดูคอพิอุสทำให้พื้นดินกลับสู่สภาพเดิม
“ส่วนธาตุไฟเป็นธาตุที่ข้าไม่ถนัดเอาซะเลย ต้องของความช่วยเหลือจากใครบ้างคน”
พูดจบคอพิอุสก็มือขวาที่สวมแหวนเกลี้ยงสีทองไว้ที่นิ้วมาจรดที่ริมฝีปาก
“เกรนเดล”
แหวนที่สวมอยู่ส่องแสงวาววับเมื่อสิ้นเสียงของคอพิอุส ไม่นานนักเกรนเดลก็มาปรากฏตรงหน้าพวกทั่งคู่
“ขอรับ นายท่าน”
เกรนเดลกล่าวในขณะที่โค้งศีรษะลงเล็กน้อย
“ช่วยสอนการใช้เวทย์ไฟให้ราฟาเอลที”
เกรนเดลหันมาจ้องมองราฟาเอลโร่พร้อมกับรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยนะขอรับ”
“ขอบคุณครับ”
ราฟาเอลโร่เองก็กล่างรับด้วยรอยยิ้ม
“ธาตุไฟเป็นธาตุที่ของใช้พลังในตัวของผุู้ใช้เป็นส่วนใหญ่ขอรับ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเวทย์จะขึ้นอยู่กับพลังในตัวของผู้ใช้ครับ แต่ก็เป็นธาตุที่ซับซ้อนขึ้น เพราะต้องใช้ควบคู่กับธาตุลมในอากาศ การจะใช้เวทย์ไฟผู้ควบคุมไฟจะต้องการเพียงแค่ประกายไฟ หรือการเสียดสีเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างเปลวไฟขอรับ”
ราฟาเอลโร่ที่มองตามมือของเกรนเดล ปลายทางนั้นคือ ปราสาทขนาดมโหฬารที่สร้างจากหินอ่อนพันปี ดังนั้นเมื่อมองจากจุดที่พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่
ปราสาทสีขาวผ่องเมื่อต้องแสงของดวงอาทิตย์จึงราวกับว่ามันเปร่งประกายเรืองรองเป็นสีทอง ร่วมทั้งสะพานที่โยงจากตัวปราสาททั้ง 4 ด้าน ให้เชื่อมมายังป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นตลอดแนวกำแพงที่ทำจากวัสดุเดียวกัน แต่ปิดทับด้วยพืชชนิดไม้เลื้อยที่มีดอกและผล
“บนยอดของปราสาทคือต้นไม้แห่งชีวิตที่มีอายุนับหมื่นปี และอัญมณีซิวเวอร์ซันขอรับ”
และสิ่งที่เด่นไม่แพ้ตัวปราสาท นั่นคือต้นไม้ที่ลอยตระหง่านอยู่เหนือยอดปราสาท ลำต้นมีสีขาวโพลน ใบสีทองเจือสีเงิน
และรากที่โอบรัดรอบอัญมณีที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของตัวมันเอง อัญมณีที่มีสีเงินปนทองไม่ต่างจากสีใบของต้นไม้แห่งชีวิต และแสงที่รอดผ่านช่องว่างของรากไม้รอบตัวมัน ช่างส่องสว่างท่ามกลางท้องนภา
_________________________________________
หลังจากกลับมาจากการฝึกซ้อมกับเกรนเดล และทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ชั่วโมงเรียนกับคอพิอุสก็เริ่มต้นนขึ้นอีกครั้ง ณ สถานที่เดิม
ราฟาเอลนั่งลงบนโขดหินเช่นเคย และทำการรวบรวมอนูพลังเวทย์ จนกว่ามันจะกลายเป็นแกนพลังเวทย์ เพราะหากไม่ใช่ผู้ใช้พลังเวทย์พิเศษที่มีพลังเวทย์ติดตัวมาแต่กำเนิด ผู้ใช้เวทย์ทุกคนจำเป็นจะต้องปลุกพลังเวทย์ของตนเองขึ้นมาเสียการก่อน โดยการที่จะต้องมีแกนพลังเวทย์จึงจะสามารถใช้เวทมนต์ประเภทธาตุได้
การฝึกฝนนี้ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งรวมทั้งการฝึกฝนร่างการภายใต้การดูแลของเกรนเดล ที่ดุูเหมือนจะโหดขึ้นเรื่อยๆ และคอพิอุสยังได้เพิ่มการต่อสู้ระยะประชิดเข้ามาในการฝึกด้วย จนตอนนี้ก็ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2 ของการฝึกแล้ว การอยู่กับทุกๆ คนที่นี้ช่างเงียบสงบ ราฟาเอลโร่เป็นเด็กชายที่มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ แต่ความแข็งแรงของเขากับพัฒนาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพลังเยียวยาที่ติดตัวเขามาแต่กำเนินก็มีผลอย่างมาก แต่ดูเหมือนเด็กน้อยของเราจะทุ่มคะแนนทั้งหมดให้กับพ่อครัวของที่นี้ และสิ่งที่ราฟาเอลโร่รับรู้ได้ชัดเจนหลังได้รับการฝึกโหดเหนือมนุษย์ก็คือ แผลหรืออาการบาดเจ็บที่ได้รับหายเร็วอย่างเหลือเชื่อจากเมื่อก่อนต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงแต่ตอนนี้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นแผลทั้งหมดก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ไม่ช้าการสร้างแกนพลังเวทย์ก็สมบูรณ์ หลังจากการระเบิดพลังอย่างรุนแรง ดีที่คอพิอุสได้สร้างเกราะซึมซับแรงกระแทกรอบตัวเขาไว้ได้ทัน จึงไม่มีการเสียหายใดๆเกิดขึ้น
จุดไหลเวียนพลังในร่างกายทุกจุดของราฟาเอลโร่ก็ได้ถูกเปิดออก เขาสามารถสัมผัสพลังเวทย์ได้จากทุกส่วนของร่างกาย
แก่นพลังเวทย์ของราฟาเอลโร่ กระโดนข้ามขั้นไปที่สีแดงทันทีหลังการรวบตัวเป็นแก่นพลังเวทย์ พลังเวทย์ทุกส่วนในร่างกายพลั่งพลูราวกับน้ำที่ถูกปล่อยออกจากเขื่อน มันทำให้ทั้งโล่งและตัวเบาอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นต่อแต่นี้ผมคงต้องเรียกท่านอาว่าอาจารย์แล้วใช่ไหมครับ”
ราฟาเอลโร่กล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม คอพิอุสหัวเราะเบาๆ ในลำอย่างขบขัน
“เอาสิ ตามใจเจ้าเลย”
“ครับอาจารย์”
คอพิอุสมองลูกศิษย์คนใหม่ด้วยสายตาเอ็นดู
“งั้นเรามาต่อกันเลยดีไหม ข้าอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าเจ้าจะใช้ธาตุอะไรได้บ้าง”
คอพิอุสกล่าวพร้อมกับหงายมีและยกปลายนิ้วทั้ง 4 ขึ้นแล้วหมุนมันเป็นวงกลมเกิดพายุหมุนขนาดเล็กเหนือปลายนิ้วของเขาทันที ก่อนที่คอพิอุสจะแบนมือออก แล้วประคองพายุหมุนนั้นให้ลอยอยู่กลางฝ่ามือ
“ธาตุลมเป็นเวทย์ที่ผู้มีพลังเวทย์ทุกคนสามารถใช้ได้ แต่จะใช้ได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับบุคคล สัมผัสอนูพลังเวทย์ของธาตุลมรอบปลายนิ้วเจ้า ใช้พลังเวทย์ในตัวควบคุมอนูพลังของธาตุลม อย่าใช้แค่พลังที่มีอยู่แต่ในตัว มันจะทำให้เจ้าใช้พลังได้น้อยลง แต่ความแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
ราฟาเอลโร่ทำตามสิ่งที่คอพิอุสกล่าวอย่างไม่รีรอ ราฟาเอลโร่สามารถสัมผัสกับอนูพลังของธาตุลมในอากาศได้อย่างไม่ยากนัก เขาบิดอนูพลังเวทย์ของธาตุลมในอากาศได้โดยรู้สึกว่าแทบไม่ต้องใช้พลังเวทย์ในตัวดัวยซ๊ำ ก็สามารถสร้างพายุหมุนขนาดเล็กและประคองการไหลเวียนของพลังไว้ได้อย่างสวยงาม
“ดี ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะไม่เปลืองแรงข้า 555”
คอพิอุสกล่าวอย่างภาคภูมิ ก่อนจะอธิบายต่อ พร้อมกับผ่ายมือทั้งสองข้างขึ้น ข้างตัว ก่อนที่จะเกิดเป็นหยดน้ำที่ลอยอยู่กลางอากาศรอบตัวของพวกเขาทั้งคู่
“น้ำนั้นอยู่ทุกแห่งรอบตัวเรา แม้กระทั่งในร่างกายหรืออากาศเพียงแค่เรามองไม่เห็นมัน ราฟาเอลเจ้าต้องมองอนูพลังของธาตุต่างๆ รอบตัวให้ออก แล้วเจ้าจะรวมเพียงอนูพลังของธาตุที่เจ้าต้องการได้ง่ายขึ้น”
#ทำยังไงถึงจะมองให้เห็นๆ# ประโยคนี้ดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวเขา ราฟาเอลโร่หลับลงและเพ่งสมาธิไปยังดวงตา ราฟาเอลโร่ดึงพลังเวย์มาที่ดวงตาทั้งสองข้างโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซัำ เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาทั้งข้างที่เรื่องแสงออกมาช่วงครู่
คอพิอุสที่สังเกตุเห็นแอบยิ้มมุมปากอย่างชื่นชม เมื่อมองเห็นมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใช้พลังเวทย์ในตัวเพียงนิด ราฟาเอลโร่ก็สามารถถึงอนูพลังของธาตุน้ำที่อยู่ในอากาศมารวมกันจนเกิดเป็นหยดน้ำ
“ดี ทำได้ดี เจ้ามองเห็นแล้วสินะ งั้นบอกข้าที่ว่าในตัวเจ้ามีครบทั่ง 4 ธาตุเลยไหม”
ราฟาเอลโร่รวมรวบสมาธิอยู่ครู่นึ่งมองอนูพลังเวทที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก่อนที่จะตอบ
“ครับ เท่าที่ผมเห็น น่าจะมีทั้งสี่ธาตุ”
“ดีเลย แต่ยังไงก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะดึงพลังออกให้ใช้ให้ถูกวิธี”
คอพิอุสกล่าว ก่อนที่จะแยกขาทั้งสองข้างออกจากกันเล็กน้อย เขาหงายมือขึ้น ต้นแขนแนบลำตัว แล้วค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับดินใต้เท้าของเขาที่ยกสูงขึ้นต่างระดับจากพื้นปกติราว 10 นิ้ว
“ยืนให้มั่นคงราฟาเอล สัมผัสกับอนูของธาตุดินที่อัดแน่นอยู่ใต้เท้าเจ้า แล้วค่อยๆ ควบคุมอนูพลังเวทย์ของธาตุดินให้เปลี่ยนรูปร่าง ตามที่เจ้าต้องการ”
ราฟาเอลทำตามที่คอพิอุสกล่าวทันที เขาสามรถมองเห็นอนูของธาตุดินที่บีบอัดกันอย่างหนาแน่นเบื้องหน้าห่างจากตัวไปไม่กี่นิ้ว และพยายามแยกส่วนของอนูพลังเวทย์และยกมันขึ้น โชคยังดีที่ตอนนี้คอพิอุสยืนสังเกตุการณ์อยู่ข้าง ไม่ใช้ตรงข้ามกับราฟาเอลโร่เพราะอยู่ๆ พื้นดินตรงหน้าราฟาเอลโร่ก็พุ้งพวดขึ้นมา
“อืม ต้องฝึกอีกนิด แต่สำหรับครั้งแรกถือว่ายอดเยี่ยม”
“ขอบคุณครับ”
ราฟาเอลโร่กล่าวในขณะที่มองดูคอพิอุสทำให้พื้นดินกลับสู่สภาพเดิม
“ส่วนธาตุไฟเป็นธาตุที่ข้าไม่ถนัดเอาซะเลย ต้องของความช่วยเหลือจากใครบ้างคน”
พูดจบคอพิอุสก็มือขวาที่สวมแหวนเกลี้ยงสีทองไว้ที่นิ้วมาจรดที่ริมฝีปาก
“เกรนเดล”
แหวนที่สวมอยู่ส่องแสงวาววับเมื่อสิ้นเสียงของคอพิอุส ไม่นานนักเกรนเดลก็มาปรากฏตรงหน้าพวกทั่งคู่
“ขอรับ นายท่าน”
เกรนเดลกล่าวในขณะที่โค้งศีรษะลงเล็กน้อย
“ช่วยสอนการใช้เวทย์ไฟให้ราฟาเอลที”
เกรนเดลหันมาจ้องมองราฟาเอลโร่พร้อมกับรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยนะขอรับ”
“ขอบคุณครับ”
ราฟาเอลโร่เองก็กล่างรับด้วยรอยยิ้ม
“ธาตุไฟเป็นธาตุที่ของใช้พลังในตัวของผุู้ใช้เป็นส่วนใหญ่ขอรับ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเวทย์จะขึ้นอยู่กับพลังในตัวของผู้ใช้ครับ แต่ก็เป็นธาตุที่ซับซ้อนขึ้น เพราะต้องใช้ควบคู่กับธาตุลมในอากาศ การจะใช้เวทย์ไฟผู้ควบคุมไฟจะต้องการเพียงแค่ประกายไฟ หรือการเสียดสีเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างเปลวไฟขอรับ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น