ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #6 : องค์ที่ 6 การเรียนรู้

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 67


    “นั้นปราสาทหลวงแอสโทรเฟียขอรับ”

    ราฟาเอลโร่ที่มองตามมือของเกรนเดล  ปลายทางนั้นคือ ปราสาทขนาดมโหฬารที่สร้างจากหินอ่อนพันปี   ดังนั้นเมื่อมองจากจุดที่พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่   

    ปราสาทสีขาวผ่องเมื่อต้องแสงของดวงอาทิตย์จึงราวกับว่ามันเปร่งประกายเรืองรองเป็นสีทอง ร่วมทั้งสะพานที่โยงจากตัวปราสาททั้ง 4 ด้าน ให้เชื่อมมายังป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นตลอดแนวกำแพงที่ทำจากวัสดุเดียวกัน แต่ปิดทับด้วยพืชชนิดไม้เลื้อยที่มีดอกและผล

     “บนยอดของปราสาทคือต้นไม้แห่งชีวิตที่มีอายุนับหมื่นปี และอัญมณีซิวเวอร์ซันขอรับ”

    และสิ่งที่เด่นไม่แพ้ตัวปราสาท นั่นคือต้นไม้ที่ลอยตระหง่านอยู่เหนือยอดปราสาท ลำต้นมีสีขาวโพลน  ใบสีทองเจือสีเงิน 

    และรากที่โอบรัดรอบอัญมณีที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของตัวมันเอง  อัญมณีที่มีสีเงินปนทองไม่ต่างจากสีใบของต้นไม้แห่งชีวิต และแสงที่รอดผ่านช่องว่างของรากไม้รอบตัวมัน ช่างส่องสว่างท่ามกลางท้องนภา
    _________________________________________

    หลังจากกลับมาจากการฝึกซ้อมกับเกรนเดล และทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ชั่วโมงเรียนกับคอพิอุสก็เริ่มต้นนขึ้นอีกครั้ง ณ สถานที่เดิม

    ราฟาเอลนั่งลงบนโขดหินเช่นเคย และทำการรวบรวมอนูพลังเวทย์ จนกว่ามันจะกลายเป็นแกนพลังเวทย์ เพราะหากไม่ใช่ผู้ใช้พลังเวทย์พิเศษที่มีพลังเวทย์ติดตัวมาแต่กำเนิด ผู้ใช้เวทย์ทุกคนจำเป็นจะต้องปลุกพลังเวทย์ของตนเองขึ้นมาเสียการก่อน โดยการที่จะต้องมีแกนพลังเวทย์จึงจะสามารถใช้เวทมนต์ประเภทธาตุได้

    การฝึกฝนนี้ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งรวมทั้งการฝึกฝนร่างการภายใต้การดูแลของเกรนเดล ที่ดุูเหมือนจะโหดขึ้นเรื่อยๆ และคอพิอุสยังได้เพิ่มการต่อสู้ระยะประชิดเข้ามาในการฝึกด้วย จนตอนนี้ก็ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2 ของการฝึกแล้ว การอยู่กับทุกๆ คนที่นี้ช่างเงียบสงบ ราฟาเอลโร่เป็นเด็กชายที่มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ แต่ความแข็งแรงของเขากับพัฒนาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพลังเยียวยาที่ติดตัวเขามาแต่กำเนินก็มีผลอย่างมาก แต่ดูเหมือนเด็กน้อยของเราจะทุ่มคะแนนทั้งหมดให้กับพ่อครัวของที่นี้ และสิ่งที่ราฟาเอลโร่รับรู้ได้ชัดเจนหลังได้รับการฝึกโหดเหนือมนุษย์ก็คือ แผลหรืออาการบาดเจ็บที่ได้รับหายเร็วอย่างเหลือเชื่อจากเมื่อก่อนต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงแต่ตอนนี้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นแผลทั้งหมดก็หายเป็นปลิดทิ้ง

    ไม่ช้าการสร้างแกนพลังเวทย์ก็สมบูรณ์ หลังจากการระเบิดพลังอย่างรุนแรง ดีที่คอพิอุสได้สร้างเกราะซึมซับแรงกระแทกรอบตัวเขาไว้ได้ทัน จึงไม่มีการเสียหายใดๆเกิดขึ้น

    จุดไหลเวียนพลังในร่างกายทุกจุดของราฟาเอลโร่ก็ได้ถูกเปิดออก เขาสามารถสัมผัสพลังเวทย์ได้จากทุกส่วนของร่างกาย

    แก่นพลังเวทย์ของราฟาเอลโร่ กระโดนข้ามขั้นไปที่สีแดงทันทีหลังการรวบตัวเป็นแก่นพลังเวทย์ พลังเวทย์ทุกส่วนในร่างกายพลั่งพลูราวกับน้ำที่ถูกปล่อยออกจากเขื่อน มันทำให้ทั้งโล่งและตัวเบาอย่างบอกไม่ถูก

    “งั้นต่อแต่นี้ผมคงต้องเรียกท่านอาว่าอาจารย์แล้วใช่ไหมครับ”

    ราฟาเอลโร่กล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม คอพิอุสหัวเราะเบาๆ ในลำอย่างขบขัน

     “เอาสิ ตามใจเจ้าเลย”

     “ครับอาจารย์”

    คอพิอุสมองลูกศิษย์คนใหม่ด้วยสายตาเอ็นดู

     “งั้นเรามาต่อกันเลยดีไหม ข้าอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าเจ้าจะใช้ธาตุอะไรได้บ้าง”

     คอพิอุสกล่าวพร้อมกับหงายมีและยกปลายนิ้วทั้ง 4 ขึ้นแล้วหมุนมันเป็นวงกลมเกิดพายุหมุนขนาดเล็กเหนือปลายนิ้วของเขาทันที ก่อนที่คอพิอุสจะแบนมือออก แล้วประคองพายุหมุนนั้นให้ลอยอยู่กลางฝ่ามือ

     “ธาตุลมเป็นเวทย์ที่ผู้มีพลังเวทย์ทุกคนสามารถใช้ได้ แต่จะใช้ได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับบุคคล สัมผัสอนูพลังเวทย์ของธาตุลมรอบปลายนิ้วเจ้า ใช้พลังเวทย์ในตัวควบคุมอนูพลังของธาตุลม อย่าใช้แค่พลังที่มีอยู่แต่ในตัว มันจะทำให้เจ้าใช้พลังได้น้อยลง แต่ความแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”

    ราฟาเอลโร่ทำตามสิ่งที่คอพิอุสกล่าวอย่างไม่รีรอ ราฟาเอลโร่สามารถสัมผัสกับอนูพลังของธาตุลมในอากาศได้อย่างไม่ยากนัก เขาบิดอนูพลังเวทย์ของธาตุลมในอากาศได้โดยรู้สึกว่าแทบไม่ต้องใช้พลังเวทย์ในตัวดัวยซ๊ำ ก็สามารถสร้างพายุหมุนขนาดเล็กและประคองการไหลเวียนของพลังไว้ได้อย่างสวยงาม

     “ดี ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะไม่เปลืองแรงข้า 555”

    คอพิอุสกล่าวอย่างภาคภูมิ ก่อนจะอธิบายต่อ พร้อมกับผ่ายมือทั้งสองข้างขึ้น ข้างตัว ก่อนที่จะเกิดเป็นหยดน้ำที่ลอยอยู่กลางอากาศรอบตัวของพวกเขาทั้งคู่

     “น้ำนั้นอยู่ทุกแห่งรอบตัวเรา แม้กระทั่งในร่างกายหรืออากาศเพียงแค่เรามองไม่เห็นมัน ราฟาเอลเจ้าต้องมองอนูพลังของธาตุต่างๆ รอบตัวให้ออก แล้วเจ้าจะรวมเพียงอนูพลังของธาตุที่เจ้าต้องการได้ง่ายขึ้น”

    #ทำยังไงถึงจะมองให้เห็นๆ# ประโยคนี้ดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวเขา ราฟาเอลโร่หลับลงและเพ่งสมาธิไปยังดวงตา ราฟาเอลโร่ดึงพลังเวย์มาที่ดวงตาทั้งสองข้างโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซัำ เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาทั้งข้างที่เรื่องแสงออกมาช่วงครู่

    คอพิอุสที่สังเกตุเห็นแอบยิ้มมุมปากอย่างชื่นชม เมื่อมองเห็นมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใช้พลังเวทย์ในตัวเพียงนิด ราฟาเอลโร่ก็สามารถถึงอนูพลังของธาตุน้ำที่อยู่ในอากาศมารวมกันจนเกิดเป็นหยดน้ำ

     “ดี ทำได้ดี เจ้ามองเห็นแล้วสินะ งั้นบอกข้าที่ว่าในตัวเจ้ามีครบทั่ง 4 ธาตุเลยไหม”

    ราฟาเอลโร่รวมรวบสมาธิอยู่ครู่นึ่งมองอนูพลังเวทที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก่อนที่จะตอบ

     “ครับ เท่าที่ผมเห็น น่าจะมีทั้งสี่ธาตุ”

     “ดีเลย แต่ยังไงก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะดึงพลังออกให้ใช้ให้ถูกวิธี”

    คอพิอุสกล่าว ก่อนที่จะแยกขาทั้งสองข้างออกจากกันเล็กน้อย เขาหงายมือขึ้น ต้นแขนแนบลำตัว แล้วค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับดินใต้เท้าของเขาที่ยกสูงขึ้นต่างระดับจากพื้นปกติราว 10 นิ้ว

     “ยืนให้มั่นคงราฟาเอล สัมผัสกับอนูของธาตุดินที่อัดแน่นอยู่ใต้เท้าเจ้า แล้วค่อยๆ ควบคุมอนูพลังเวทย์ของธาตุดินให้เปลี่ยนรูปร่าง ตามที่เจ้าต้องการ”

    ราฟาเอลทำตามที่คอพิอุสกล่าวทันที เขาสามรถมองเห็นอนูของธาตุดินที่บีบอัดกันอย่างหนาแน่นเบื้องหน้าห่างจากตัวไปไม่กี่นิ้ว และพยายามแยกส่วนของอนูพลังเวทย์และยกมันขึ้น โชคยังดีที่ตอนนี้คอพิอุสยืนสังเกตุการณ์อยู่ข้าง  ไม่ใช้ตรงข้ามกับราฟาเอลโร่เพราะอยู่ๆ พื้นดินตรงหน้าราฟาเอลโร่ก็พุ้งพวดขึ้นมา

     “อืม ต้องฝึกอีกนิด แต่สำหรับครั้งแรกถือว่ายอดเยี่ยม”

     “ขอบคุณครับ”

    ราฟาเอลโร่กล่าวในขณะที่มองดูคอพิอุสทำให้พื้นดินกลับสู่สภาพเดิม

     “ส่วนธาตุไฟเป็นธาตุที่ข้าไม่ถนัดเอาซะเลย ต้องของความช่วยเหลือจากใครบ้างคน”

    พูดจบคอพิอุสก็มือขวาที่สวมแหวนเกลี้ยงสีทองไว้ที่นิ้วมาจรดที่ริมฝีปาก

     “เกรนเดล”

    แหวนที่สวมอยู่ส่องแสงวาววับเมื่อสิ้นเสียงของคอพิอุส ไม่นานนักเกรนเดลก็มาปรากฏตรงหน้าพวกทั่งคู่

     “ขอรับ นายท่าน”

    เกรนเดลกล่าวในขณะที่โค้งศีรษะลงเล็กน้อย

     “ช่วยสอนการใช้เวทย์ไฟให้ราฟาเอลที”

    เกรนเดลหันมาจ้องมองราฟาเอลโร่พร้อมกับรอยยิ้ม

     “ยินดีด้วยนะขอรับ”

     “ขอบคุณครับ”

    ราฟาเอลโร่เองก็กล่างรับด้วยรอยยิ้ม

     “ธาตุไฟเป็นธาตุที่ของใช้พลังในตัวของผุู้ใช้เป็นส่วนใหญ่ขอรับ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเวทย์จะขึ้นอยู่กับพลังในตัวของผู้ใช้ครับ แต่ก็เป็นธาตุที่ซับซ้อนขึ้น เพราะต้องใช้ควบคู่กับธาตุลมในอากาศ การจะใช้เวทย์ไฟผู้ควบคุมไฟจะต้องการเพียงแค่ประกายไฟ หรือการเสียดสีเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างเปลวไฟขอรับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×