ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #14 : องค์ที่ 14 แผนลวง

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 67


    หลังจากการอำลาของอลูคาร์ด  ราฟาเอลโร่ก็ใช้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ๊อม  คอพิอุสก็ยังคงยุ่งวุ่นวายกับภาระกิจที่รัดตัว แต่ยังคงสามารถเคี่ยวกรำเขา ผ่านเกรนเดลผู้มากความสามารถ

    เพราะหากยังมิลืมเลือนราฟาเอลโร่ยังคงต้องฝึกปรือธาตุที่กำเนิดมาพร้อมกับเขาอีกสองธาตุให้ชำนาญ นั้นคือแสงสว่างที่ช่างหักล้างกับความมืด แต่ดูเหมือนหนุ่มน้อยผู้นี้จะครอบความขัดแย้งนั้นไว้ในกายเนื้อ

    แม้ราฟาเอลโร่จะบากบั่นต่อการฝึกฝนเพียงใด เขาก็มิลืมเลือนที่จะแวะไปเยียมเยือนวิหคเพลิงที่เปรียบได้กับสหายอีกคนของเขา  เขามักจะเสวนาหลายๆ สิ่งให้วิหคเพลิงได้ที่สดับรับฟังอยู่เสมอ แม้จะมิได้มีสุ่มเสียงใดๆ ตอบกลับมา

     “อลูคาร์ดเป็นเพื่อนที่ดี  เป็นคนที่ชั่งสังเกตุ และห่วงใย  ข้าอาจจะมิมีวันได้พบเจอสหายแบบเขาอีก”

    ราฟาเอลโร่ที่นั่งพิงลำตัวของวิหคเพลิงอย่างใกล้ชิด  และแลดูเหมือนมันเองก็มิได้รังเกียจเบียดฉันอันใดเขาเลย  มันกลับพยายามปลอยโยนเขา โดยการใช้ศรีษะดันไปที่ตัวเขาเบาๆ ก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตา

     “ขอบคุณ ถึงจะเหงา แต่ข้าก็ไม่เป็นไร”

    ถือเป็นการคาดเดาที่ดี ถึงแม้เขาเองก็ไม่ได้แน่ใจนัก ว่านั้นเป็นการปลอยโยนสะทีเดียว  เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเข้ารู้เปล่า  แต่การได้พูดออกมาก็ทำให้เขาสงบขึ้น

    แอสโทรเฟียนครหลวงอันอันรุ่งเรือง  อีกแห่งของเผ่าพันธุ์เอลฟ์  ที่นี้อุดมไปด้วยทรัพยากรอันมากมาย ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ  การบรรจบของสายธารพลังเวทย์อันยิ่งใหญ่ที้เกิดขึ้นเอง  ที่ทำให้ทุกชีวิตที่นี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต 

    และปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่งดงามเนื่องด้วยเป็นนครแห่งเดียวที่มีครบทั้งเบญจาตฤดู  แม้ในยามที่รัตติกาลมาเยือน  หากมิได้นับรวมแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิมีวันมอดดับแห่งวิลเวอร์ซันแล้ว  ก็ยังคงมีหลายชีวิตที่เจิดจรัสในราตรีอันมืดมิด  หิ่งห้อยลวงตาก็ไปหนึ่งในนั้น  พวกมันเปร่งประกายแสงแห่งชีวิตหลายหลากสี  บินตอมดอกไม้เรืองแสงที่ถูกปลูกไว้อย่างสวยงามตามระเบียงที่สร้างจากหินอ่อนพันปี  ณ  ปราสาทแอสโทรเฟีย

     “พระองค์ทรงเรียกพบข้าหรือฝ่าบาท"

     “มาถึงแล้วงั้นรึ คอพิอุส”

    เป็นน้ำเสียงที่ทรงพลัง แต่ทว่าก็อ่อนโยนนุ่มลึกในเวลาเดียวกัน  กษัตริย์เอลฟ์ที่ได้รับคำกล่าวขานว่า ทรงพระปรีชาสามารถ  ตั้งแต่เริ่มรัชสมัย ก็ก่อให้เกิดความผาสุขได้ตั้งแต่ทรงบัลลังก์ คอโดลาส ดิ กลาเดียร์ ทรงขึ้นครองราชหลังพระบิดาสวรรคต ในช่วงสงครามของเหล่าทวยเทพและราชันปีศาจ เรียกกันว่า ศึกบุปผาทองคำ

     “พะยะคะ แลดูเหมือนหลังการประชุมโต๊ะกลาง มีเหตุให้ทรงกังวลพระหฤทัยหรือฝ่าบาท"

    ร้อยยิ้มบางๆ นั้นถูกยกขึ้นที่มุมปาก มันเป็นการประทับรอยยิ้มด้วยความชื่นชม แต่น่าเสียดายยิ่งเมื่อคู่สนทนานั้น ได้ยลเพียงแผ่นหลัง

     “หากขาดเจ้าไปข้าจะทำเยี่ยงไร คอพิอุส ข้าหวั่นความเงียบสงัดนี่เหลือเกิน เงียบเสียจนข้าเกรงว่าจะถูกความมืดมิดเบื้องหน้ากลืนกิน"

    ของราชาผูเจับจองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้ากล่าวขึ้น

     “ข้าเอง ก็อยากเหลือเกินให้สัมผัสอันเฉียบคมของพระองค์นั้นคลาดเคลื่อน  แต่เหล่าวิญญาณในสายลมรอบตัวข้ากลับกระซิบบอกถึงสิ่งที่เรานั้นมองไม่เห็น"

    บรรยากาศที่เคยผ่อนคลาย  ตอนนี้กลับหนักอึ้ง แม้กระทั่งเหล่าหิ่งห้องที่บินอวดแสงสี  ยังต้องดับแสงเพื่อเร้นกายให้พ้นจากความกระอักกระอวนนี้

     “นิมิตข้าเลือนรางอย่างที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน นัยน์ตาข้ามืดบอด  เหมือนเราคล้ำทางในความมืดอันไร้จุดหมาย"

     “พระองค์ทรงไว้พระทัยข้าหรือไม่"

     “เจ้าเป็นเพียงผู้เดียว ที่ข้าจะมิมีวันเคลือบแคลง คอพิอุส"

    รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคอพิอุสปะปนไปด้วยความรู้สึกหลายสิ่งหลายอย่าง

     “ทรงวางพระทัยเถิด ข้าและคนของพระองค์จะตีฝ่าขวากหนาม และทอดเส้นทางไปสู่แสงที่ทอสว่างไสวเบื้องหน้าให้พระองค์เองฝ่าบาท"

     การปรากฏกายดั่งฝูงมดที่ทำรังจากใบพฤกษา ของเหล่าปีศาจจากอเวจี  เริ่มมีให้ประจักษ์บ่อยครั้งจนนับมิได้  ทำให้ความถี่ในการออกทำภารกิจนะ้นเพิ่มขึ้น

    ราฟาเอลโร่ที่เหน็ดเหนื่อยกลับมาจากการสู่รบที่ติดต่อกันร่วมสัปดาห์  เมื่อถึงห้องเขาก็ไม่รีรอที่จะถอดชุดไพรเวทย์ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าปีศาจ ที่แห้งกรังอีกทั่งยังเหม็นสาบออกจากร่างกาย 

    แล้วพร่ำบอกตัวเองว่าหลังจากวันพรุ่งนี้เขาจะมีเวลาได้พักแล้ว  ชุดไพรเวทย์ถูกเก็บออกจากห้องพักโดยเหล่าโนมรับใช้  และนำไปทำความสะอาด  ต่อด้วยเวทย์แห่งการชะล้าง

     “นี้เป็นชุดไพรเวทย์ของท่านราฟาเอลโร่”

    โนมรับใช้ที่มีเรือนที่เงาเป็นสีเขียว รูปร่างที่มิต่างไปจากเด็กชายคนนึ่ง ส่งต่อตะกร้าอาภรณ์ที่ต้องทำความสะอาดให้โนมหญิงตนนึ่ง

     “ร่วมหกปักษ์ได้แล้ว ที่ชุดไพร่เวทย์อาภรณ์ที่ เปอะเปือนโลหิตแล้วชำล้างมิได้"

    ( 1 ปักษ์ คือ 15 วัน /4 ปักษ์คือ 2 เดือน)

    โนมหญิงที่มีเรื่องผมสีชมพู  แสดงสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหยิบชุดไพรเวทญ์ที่เปรอะเปื้อนได้ด้วยคราบโลหิตแห้งกรังขึ้นมาจ้องมอง

     “หากเป็นเช่นนั้นก็ต้อง คงต้องทำลายเสีย  แล้วก่อนที่ท่านราฟาเอลจะไร้ซึ่งชุดไพรเวทย์ คงต้องแจ้งให้ท่านเกรนเดลสั่งตัดอาภรณ์ใหม่"

    โนมเรือนผมเขียวกล่าว  ก่อนจะคว้านึ่งในชุดไพรเวทย์แล้วเดินออกไป

    #ก๊อกๆ# เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้เกรนเดลซึ่งตอนนี้ง่วงกับงานเอกสารบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้น

     “เข้ามา"

    โนมชายที่มีเรือนผมสีเขียว หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ราวกับเด็กชายวัย 10 ขวบ ได้เปิดประตู และเยื้องเยียงเข้าไป

     “ขอรับ ข้ามีเหตุที่ต้องแจ้งขอรับ"

     “ว่ามาเลย"

    เกรนเดลเบนหน้ากลับไปที่งานเอกสารบนโต๊ะ

    “ชุดไพรเวทย์ของท่านราฟาเอลโร่ขอรับ  มันเลอะคราบโลหิตของปีศาจ ราวกับหมึกเวทย์ที่ฝังแน่นคราบโลหิตนั้นคงอยู่มิอาจเลือนหาย   มิเคยเป็นมาก่อน จะต้องทำลายชุดทิ้ง หากแต่ท่านจะสามารถสั่งตัดชุดให้ท่าราฟาเอลเพิ่มได้หรือไม่ขอรับ”

    โนมกล่าวพร้อมยื่นชุดไพรเวทย์ในมือให้เกรนเดล ที่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

     “มิอาจชำระล้างได้งั้นรึ นานเท่าไรแล้ว”

     “6 ปักษ์ได้ขอรับ"

    เกรนเดลคว้าหยิบชุดไพรเวทย์ตรงหน้ามาพินิจ ดวงตาเขาส่อแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด

     “พวกเจ้าลองกับทุกทางแล้วงั้นรึ"

     “ขอรับ ทุกทางแล้วขอรับ เมื่อก่อนโดยส่วนมาก เมื่อร่ายเวทย์ชำระล้างคราบโลหิตก็จะเลือนหาย  และกลับมาเหมือนใหม่ แต่พักหลังนี้มิอาจทำได้ขอรับ"

     “เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก ข้าจะเร่งให้ช่างตัดอาภรณ์ใหม่และส่งมาให้"

     “ขอรับ งั้นข้าขอตัวขอรับ"

    เกรนเดลพยักหน้า ในมือยังคงมีชุดไพรเวทที่เปื้อนเลือด  เขานั่งจ้องมองไปที่มันอยู่นาน พยายามนึกถึงสาเหตุที่โลหิตนั้นเกิดชำระล้างมิได้ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา  แม้หลังจากงานรับผิดชอบได้เสร็จสิ้น ในยามที่ทุกคนหลับไหล ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้าง  นั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิมให้ห้องของเขา  และนึกวกวนกลับไปมา

    "ทำไมนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก  ทั่งที่รู้ทั่งรู้ว่ามันมิสมเหตุสมผลเอาเสียเลย ที่อยู่ๆ คราบโลหิตที่เคยล้างออกอย่างง่ายดาย  กลับชำระล้างไม่ได้ เฮ้ย หรือข้าจะวิตกไปเอง”

    เกรนเดนวางมือจากชุดไพรเวทที่ถืออยู่  หันความสนใจไปยังเอกสารที่กองอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง

    “จริงสิข้าต้องส่งสารไปหาช่างเสื้อ เพื่อสั่งตัดชุดไพรเวท”

    ก่อนจะหยิบปากกาขนนกและกระดาษ  บรรจงเขียนสารขอให้สิ่งที่ต้องการ  และดึงกระดาษอีกแผ่นเพื่อร่างอักขระเพื่อสร้างวงเวทย์  แต่เมื่อบรรจงอักขระได้เพียงครึ่งทาง  มือเรียวที่จับด้ามปากกาก็หยุดยิ่ง

    “นี้ไง เหตุผล”

    ปากกาและกระดาษถูกวางลงเบื้องหน้า  เกรนเดลเอื้อมมือคว้าชุดไพรเวทย์เปื้อนคราบเลือด ก่อนที่จะลุกขึ้นพร้อมกับก้าวเดินออกจากประตูอย่างเร่งรีบ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×