ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #13 : องค์ที่ 13 สายสัมพันธ์

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 67


     “ไม่ เจ้ากลับก่อนเลย ข้ามีที่ที่อยากจะแวะไปก่อนกลับ”

    ราวกับคำพูดนั้นเป็นเเม่เหล็กดึงดูดอลูคาร์ดเข้าหาราฟาเอลโร่  

     “ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าคลาดสายตาอีกเป็นอันขาด วันนี้ข้าจะไปด้วย”

    ทันใดทันอลูคาร์ดกระโจนคว้าตัวของราฟาเอลโร่ แรงถ่วงทำให้รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่น่ารำคาญ การหายไปหลังจากภาระกิจภาคสนามอยูู่เป็นนิจ ซึ่งกินเพลานานสองนาน กว่าเขาจะปรากฏกายอีกครั้ง  ก็จวนจะได้เวลามื้อเย็นแล้ว

     “ตามใจเจ้าเลย แล้วก็ปล่อยข้าด้วย"

    ทั้งคู่ใช้ก้าวพริบตา และมาหยุดอยู่ที่ปลายอุโมงค์  ทางเข้าถ้ำปิดขนาดใหญ่  ราฟาเอลโร่ก้าวนำไปตามทางเดินที่ลาดลงไปสู่ตัวถ้ำ

     “ที่นี้ร้อนชะ…มัด โห!!!!ใหญ่โคตร“

    อลูคาร์ดที่เมื่อมองตามแผ่นหลังของสหายรัก วินาทีนั้นเขาก็พบกับวิหคเพลิง ปักษาโบราณที่มีขนาดตัวเกือบครึ่งของถ้ำที่มันพำพักอยู่ กำลังก้มหัวของมันลงเบื้องหน้าราฟาเอลโร่ที่ไม่รอช้าจะสัมผัสมันอย่างอ่อนโยน

     “อืม กลิ่นนี้สินะที่ติดตัวเจ้ากลับบ้านทุกครั้ง”

    อลูคาร์ดยกมือข้างนึงขึ้นปิดจมูกที่แสบ  เพราะกลิ่นของกำมะถันปะปนกับไอร้อนระอุที่โชยขึ้นจากพื้นดิน ระหว่างเดินลงมาตามทางลาด แต่ดูเหมือนหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวตรงหน้าจะไม่ได้สนใจเขาเลย

     “ขอข้าสัมผัสด้วยได้ไหม”

    อลูคาร์ดเดินมายืนเคียงข้างราฟาเอลโร่  พร้อมกับยื่นมือหมายจะสัมผัสกับศรีษะของนกเพลิงตรงหน้า  แต่วิหคโบราณตัวนี้  เย่อหยิ่งเกินที่จะยอมรับคนที่พึ่งพบปะในคราแรก  ดังนั้นมันจึงถ้อยลู่ไปด้านหลัง ยกหัวของมันขึ้นสะบัดและแผดเสียงกรีดร้องออกมา

     “ใจเย็นๆ ข้าไม่จับแล้วก็ได้”

    อลูคาร์ดสบถอย่างใจเย็น  เมื่อเห็นสถานะการที่เปลี่ยนไป  ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่นั้นพักใหญ่เลยที่เดียว ก่อนที่จะตัดสิ้นใจกลับออกมา และเดินทางกลับ

    เมื่อถึงบ้านที่พำนักอยู่ด้วยกัน  ก็เป็นเวลาย่ำสนธยาแล้ว  ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันและกัน  เข้ามาให้ในห้องโถงพร้อมกล่าววาจากิริยาที่หยอกล้อกันตามประสาสหายที่สนิทกันมาก

    “ข้าจะไม่ไปที่นั้นอีกแล้ว ไอ้นกบ้านั้น มันพยายามจะฆ่าข้า”

    อลูคาร์ดกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  กับปฏิกิริยาของวิหคเพลิงที่มีต่อเขาซึ่งต่างจากราฟาเอลโร่

    “ไม่หรอกถ้าไม่เช่นนั้น  เจ้าคงตายไปแล้ว  มันแค่ยังไม่คุ้น”

    ราฟาเอลโร่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ  และอีกหนึ่งรอยยิ้มจากผู้เฝ้ามองที่ผุดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้บนใบหน้าของคอพิอุสที่ทั่งรักและเอ็นดูศิษย์ทั่งสองของเขา คอพิอุสนั่งรั้งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม  ที่นั่งประจำบนโต๊ะอาหาร  พร้อมกด้วยเกรนเดลที่จะยืนอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวามือของคอพิอุสเสมอ  เพลานี้เป็นเวลาอาหารเย็น  เมื่อทั้งคู่มาถึง  โต๊ะอาหารก็ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารแล้ว

     “กลับมาแล้วรึเจ้าทั้งสองคน มาสิมากินข้าว”

    คอพิอุสก็กำลังจะเริ่มรับอาหาร เรียกให้ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร  บรรยากาศที่มีนั้นช่างอบอุ่น และเบิกบาน  แม้ต่างคนจะต่างที่มา แต่หากมิมีเส้นแบ่งระหว่างเชื้อชาติแลยศฐา และต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

     “อลูคาร์ด องค์แอเธอเรดได้ส่งจดหมายแจ้งกำหนดการกลับอคาด้ามาแล้วนะ”

    ราฟาเอลโร่และอลูคาร์ดที่หันหน้าจองมองกันและกัน หลังสิ้นเสียงคอพิอุส ทั้งที่รู้ว่าสักวันการจากลาจะมาเยือน แต่ต้องยอมรับว่ามิได้เผื่อใจกับการพลัดพราก  และด้วยหน้าที่  ความสนิทสนม น่าจะทำให้ทั่งคู่ลืมเลือน

     “ฮ่าๆ ข้าลืมเสียสนิทเลย ว่าจะต้องกลับ”

    เสียงหัวเราะแห้งของอลูคาร์ดกลับทำให้บรรยากาศมันยิ่งกร่อย

     “ข้าเองก็ไม่คิดว่าเราจะผูกพันกันมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเจ้าทั้งสอง  ยังไงก็ยังมีเวลากว่าสองสัปดาห์ ในการกล่าวคำอำลา”

    คอพิอุสกล่าวขึ้นอย่างเห็นใจ  เขาพยายามปล่อยโยนศิษย์ทั้งคู่

     “ท่านอาจาราย์ ที่นี้เองก็เป็นเปรียบเสมือนดังบ้านของข้า มิตรภาพที่เกิดขึ้นยังที่แห่งนี้ช่างปลอบประโลมจิตใจข้ายิ่งนัก”

     “ที่นี้ยินดีต้อนรับเจ้าอลูคาร์ด  หากต้องการแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน  หรือต้องการความช่วยเหลือก็อย่าได้ลังเลที่จะกลับมา”

    เมื่อเวลาของการรับประทานอาหารค่ำได้จบลง  การแช่ตัวในอ่างที่มีน้ำอุณหภูมิอุ่นพอดีมักจะเป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจที่ดี  แต่วันนี้มันกลับไม่ได้ทำให้เรื่องกวนใจนั้นคลายลงเลย  ทั้งคู่มักจะนั่งแช่ในอ่างน้ำอุ่นด้วยกัน  โดยอยู่กันคนละฟากฝั่งของอ่าง

     “รู้ไหมเอล เจ้าเป็นคนที่ทำให้ข้าแทบไม่มีเวลาคิดถึงบ้านเลย”

    การเริ่มต้นบทสทนาหลังจากความเงียบงันของอลูคาร์ด

     “แล้วนั้นดีหรือไม่ดี”

    แต่ราฟาเอลโร่กลับกล่าวถามพลางขมวดจังจัง

     “5555 เจ้านี่ตบมุกเป็นบ้างไหมเนี่ย เฮ้อ(ถอนหายใจ)แต่รู้อะไรไหม  เมื่อถึงบ้านข้าก็คงอดคิดถึงเจ้าไม่ได้”

    แม้อลูคาร์ดจะมองว่าราฟาเอลโร่  ซื่อตรง  จริงจัง  และไร้ซึ่งความขบขัน แต่เขาก็ยอมรับอย่างจริงใจว่าราฟาเอลโร่  เป็นเพื่อนที่ดีและอาจจะดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมาเลยก็ได้

     “ข้าก็เช่นกัน”

    อลูคาร์ดนับว่าเป็นสหายคนแรกที่ราฟาเอลโร่มี แม้จะยังไม่อยากที่จะกล่าวอำลา  เนื่องด้วยใจเขาช่างหวั่นเกรงนัก  ว่าจะมิมีวันได้พบเจอกันอีกครา

     และแล้วห้วงเวลาก็ทำให้เราทุกคนต้องย่ำต่อไปข้างหน้าแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  กำหนดการกลับไปที่อคาร์ด้าของอลูคาร์ดที่อีกสองสัปดาห์นับจากวันที่คอพิอุสแจ้งข่าวก็มาถึง ในวันนั้นรถม้าประจำตำแหน่ง  ตามศักดินาของเจ้าชายแห่งอคาด้าก็จอดเทียย ณ ที่เดิม  พร้อมการกล่าวอำลา

     “ขอบพระคุณขอรับท่านอาจารย์ ท่านให้ข้ามากกว่าที่ข้าคิดจะได้รับเสียอีก  ท่านเกรนเดลเองก็ดีกับข้าเสมอ”

    เป็นคำกล่าวที่แสนภาคภูมิที่ศิษย์คนหนึ่งจะมีได้ เกรนเดลที่พยักหน้ารับ  คอพิอุสเองก็แสนจะภูมิใจกับอลูคาร์ด  ที่แม้นจะเป็นช่วงสั้นๆ  แต่เด็กคนนี้ก๋ถือเป็นศิษย์ที่เขารัก  ก่อนการจากลาคอพิอุสเดินเข้าไปหาอลูคาร์ดตรงหน้า

     “ข้ามี 2 สิ่งที่อยากจะมอบให้กับเจ้า นี้คือสิ่งแรก"

    คอพิอุสยื่นมือที่เคยไขว้หลังออกมาเบื้องหน้าอลูคาร์ด  มันคือตราประทับเวทย์ที่สามารถผ่านเข้าออกบาเรียแห่งแอสโทรโทรเฟียได้ตามใจนึก

    "อย่างที่บอกที่นี้ยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ  ส่วนชิ้นที่สอง”

    เกรนเดลย่างเท้ามาด้านข้างคอพิอุสพร้อมกับยื่นดาบเล่มหนึ่งให้กับคอพิอุส  ที่หยิบแล้วยื่นให้ลูกศิษย์ตรงหน้า

    “นี่เป็นดาบที่ตีโดยช่างฝีมือที่ดีสุดของเอลฟ์  มันเป็นดาบที่เบา  แต่คมนั้นตัดได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า ดาบเล่มนี้เข้าได้ดีกับพลังธาตุดินและไฟในตัวเจ้า  มันมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้ ”

     ดาบที่รับมานั้นมีลวดลายวิจิตรบรรจงตามเอกลักษณ์ของแหล่งที่สร้าง  เขาชักดาบออกจากปอกดาบ  ในพริบตานั้นดาบในมือก็แปลเปลี่ยนตัวเองให้รับกับรูปลักษณ์ และปรับขนาดให้เข้ากับเจ้าของที่ถือมัน

     “ขอบพระคุณขอรับ  ข้าจะใช้มันเป็นอย่างดี”

    นัยน์ตาคู่นั้นทอเป็นเปร่งประกาย  เขามิเคยคาดฝันว่าจะได้รับสิ่งที่ช่างล้ำค่าเช่นนี้  ไม่เพียงต่อตัวของเขา  แต่มันจะตอกย้ำว่า  เมื่อครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยมีความทรงจำที่ทรงคุณค่าเพียงใด  แต่ดวงตาที่ทอเป็นประกายเมื่อครู่กลับหายไป เมื่ออลูคาร์ดก็จำต้องบอกลากับสหายที่มิเคยห่างกันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อลูคาร์ดสวมกอดราฟาเอลโร่  พร้อมกล่าวถ้อยคำกำชับ

     “เอลถ้าไปที่อคาด้า  เจ้าเรียกหาข้าได้เสมอนะ”

    ซึ่งก็นับว่าเป็นคำพูดที่ช่างห่วงใย  ราฟาเอลโร่เองก็หวังว่าสักวันจะได้ไปเยี่ยมเยื้อมเขา

     “ขอบคุณนะ อลูคาร์ด ข้าจะไม่ลืมมิตรภาพระหว่างเราเลย”

     “ข้าก็เช่นกัน แล้วพบกันนะเอล”

    แม้นจะหดหู่อยู่บ้างแต่การจากลาก็เป็นความจริงที่ต้องเกิดขึ้นและทำได้เพียงคาดหวังว่า  กาลเวลาจะนำเส้นทางของพวกเขาทั้งคู่มาบรรจบกันอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×