ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : องค์ที่ 13 สายสัมพันธ์
“ไม่ เจ้ากลับก่อนเลย ข้ามีที่ที่อยากจะแวะไปก่อนกลับ”
ราวกับคำพูดนั้นเป็นเเม่เหล็กดึงดูดอลูคาร์ดเข้าหาราฟาเอลโร่
“ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าคลาดสายตาอีกเป็นอันขาด วันนี้ข้าจะไปด้วย”
ทันใดทันอลูคาร์ดกระโจนคว้าตัวของราฟาเอลโร่ แรงถ่วงทำให้รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่น่ารำคาญ การหายไปหลังจากภาระกิจภาคสนามอยูู่เป็นนิจ ซึ่งกินเพลานานสองนาน กว่าเขาจะปรากฏกายอีกครั้ง ก็จวนจะได้เวลามื้อเย็นแล้ว
“ตามใจเจ้าเลย แล้วก็ปล่อยข้าด้วย"
ทั้งคู่ใช้ก้าวพริบตา และมาหยุดอยู่ที่ปลายอุโมงค์ ทางเข้าถ้ำปิดขนาดใหญ่ ราฟาเอลโร่ก้าวนำไปตามทางเดินที่ลาดลงไปสู่ตัวถ้ำ
“ที่นี้ร้อนชะ…มัด โห!!!!ใหญ่โคตร“
อลูคาร์ดที่เมื่อมองตามแผ่นหลังของสหายรัก วินาทีนั้นเขาก็พบกับวิหคเพลิง ปักษาโบราณที่มีขนาดตัวเกือบครึ่งของถ้ำที่มันพำพักอยู่ กำลังก้มหัวของมันลงเบื้องหน้าราฟาเอลโร่ที่ไม่รอช้าจะสัมผัสมันอย่างอ่อนโยน
“อืม กลิ่นนี้สินะที่ติดตัวเจ้ากลับบ้านทุกครั้ง”
อลูคาร์ดยกมือข้างนึงขึ้นปิดจมูกที่แสบ เพราะกลิ่นของกำมะถันปะปนกับไอร้อนระอุที่โชยขึ้นจากพื้นดิน ระหว่างเดินลงมาตามทางลาด แต่ดูเหมือนหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวตรงหน้าจะไม่ได้สนใจเขาเลย
“ขอข้าสัมผัสด้วยได้ไหม”
อลูคาร์ดเดินมายืนเคียงข้างราฟาเอลโร่ พร้อมกับยื่นมือหมายจะสัมผัสกับศรีษะของนกเพลิงตรงหน้า แต่วิหคโบราณตัวนี้ เย่อหยิ่งเกินที่จะยอมรับคนที่พึ่งพบปะในคราแรก ดังนั้นมันจึงถ้อยลู่ไปด้านหลัง ยกหัวของมันขึ้นสะบัดและแผดเสียงกรีดร้องออกมา
“ใจเย็นๆ ข้าไม่จับแล้วก็ได้”
อลูคาร์ดสบถอย่างใจเย็น เมื่อเห็นสถานะการที่เปลี่ยนไป ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่นั้นพักใหญ่เลยที่เดียว ก่อนที่จะตัดสิ้นใจกลับออกมา และเดินทางกลับ
เมื่อถึงบ้านที่พำนักอยู่ด้วยกัน ก็เป็นเวลาย่ำสนธยาแล้ว ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันและกัน เข้ามาให้ในห้องโถงพร้อมกล่าววาจากิริยาที่หยอกล้อกันตามประสาสหายที่สนิทกันมาก
“ข้าจะไม่ไปที่นั้นอีกแล้ว ไอ้นกบ้านั้น มันพยายามจะฆ่าข้า”
อลูคาร์ดกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ กับปฏิกิริยาของวิหคเพลิงที่มีต่อเขาซึ่งต่างจากราฟาเอลโร่
“ไม่หรอกถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าคงตายไปแล้ว มันแค่ยังไม่คุ้น”
ราฟาเอลโร่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ และอีกหนึ่งรอยยิ้มจากผู้เฝ้ามองที่ผุดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้บนใบหน้าของคอพิอุสที่ทั่งรักและเอ็นดูศิษย์ทั่งสองของเขา คอพิอุสนั่งรั้งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ที่นั่งประจำบนโต๊ะอาหาร พร้อมกด้วยเกรนเดลที่จะยืนอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวามือของคอพิอุสเสมอ เพลานี้เป็นเวลาอาหารเย็น เมื่อทั้งคู่มาถึง โต๊ะอาหารก็ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารแล้ว
“กลับมาแล้วรึเจ้าทั้งสองคน มาสิมากินข้าว”
คอพิอุสก็กำลังจะเริ่มรับอาหาร เรียกให้ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศที่มีนั้นช่างอบอุ่น และเบิกบาน แม้ต่างคนจะต่างที่มา แต่หากมิมีเส้นแบ่งระหว่างเชื้อชาติแลยศฐา และต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
“อลูคาร์ด องค์แอเธอเรดได้ส่งจดหมายแจ้งกำหนดการกลับอคาด้ามาแล้วนะ”
ราฟาเอลโร่และอลูคาร์ดที่หันหน้าจองมองกันและกัน หลังสิ้นเสียงคอพิอุส ทั้งที่รู้ว่าสักวันการจากลาจะมาเยือน แต่ต้องยอมรับว่ามิได้เผื่อใจกับการพลัดพราก และด้วยหน้าที่ ความสนิทสนม น่าจะทำให้ทั่งคู่ลืมเลือน
“ฮ่าๆ ข้าลืมเสียสนิทเลย ว่าจะต้องกลับ”
เสียงหัวเราะแห้งของอลูคาร์ดกลับทำให้บรรยากาศมันยิ่งกร่อย
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าเราจะผูกพันกันมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเจ้าทั้งสอง ยังไงก็ยังมีเวลากว่าสองสัปดาห์ ในการกล่าวคำอำลา”
คอพิอุสกล่าวขึ้นอย่างเห็นใจ เขาพยายามปล่อยโยนศิษย์ทั้งคู่
“ท่านอาจาราย์ ที่นี้เองก็เป็นเปรียบเสมือนดังบ้านของข้า มิตรภาพที่เกิดขึ้นยังที่แห่งนี้ช่างปลอบประโลมจิตใจข้ายิ่งนัก”
“ที่นี้ยินดีต้อนรับเจ้าอลูคาร์ด หากต้องการแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน หรือต้องการความช่วยเหลือก็อย่าได้ลังเลที่จะกลับมา”
เมื่อเวลาของการรับประทานอาหารค่ำได้จบลง การแช่ตัวในอ่างที่มีน้ำอุณหภูมิอุ่นพอดีมักจะเป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจที่ดี แต่วันนี้มันกลับไม่ได้ทำให้เรื่องกวนใจนั้นคลายลงเลย ทั้งคู่มักจะนั่งแช่ในอ่างน้ำอุ่นด้วยกัน โดยอยู่กันคนละฟากฝั่งของอ่าง
“รู้ไหมเอล เจ้าเป็นคนที่ทำให้ข้าแทบไม่มีเวลาคิดถึงบ้านเลย”
การเริ่มต้นบทสทนาหลังจากความเงียบงันของอลูคาร์ด
“แล้วนั้นดีหรือไม่ดี”
แต่ราฟาเอลโร่กลับกล่าวถามพลางขมวดจังจัง
“5555 เจ้านี่ตบมุกเป็นบ้างไหมเนี่ย เฮ้อ(ถอนหายใจ)แต่รู้อะไรไหม เมื่อถึงบ้านข้าก็คงอดคิดถึงเจ้าไม่ได้”
แม้อลูคาร์ดจะมองว่าราฟาเอลโร่ ซื่อตรง จริงจัง และไร้ซึ่งความขบขัน แต่เขาก็ยอมรับอย่างจริงใจว่าราฟาเอลโร่ เป็นเพื่อนที่ดีและอาจจะดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมาเลยก็ได้
“ข้าก็เช่นกัน”
อลูคาร์ดนับว่าเป็นสหายคนแรกที่ราฟาเอลโร่มี แม้จะยังไม่อยากที่จะกล่าวอำลา เนื่องด้วยใจเขาช่างหวั่นเกรงนัก ว่าจะมิมีวันได้พบเจอกันอีกครา
และแล้วห้วงเวลาก็ทำให้เราทุกคนต้องย่ำต่อไปข้างหน้าแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กำหนดการกลับไปที่อคาร์ด้าของอลูคาร์ดที่อีกสองสัปดาห์นับจากวันที่คอพิอุสแจ้งข่าวก็มาถึง ในวันนั้นรถม้าประจำตำแหน่ง ตามศักดินาของเจ้าชายแห่งอคาด้าก็จอดเทียย ณ ที่เดิม พร้อมการกล่าวอำลา
“ขอบพระคุณขอรับท่านอาจารย์ ท่านให้ข้ามากกว่าที่ข้าคิดจะได้รับเสียอีก ท่านเกรนเดลเองก็ดีกับข้าเสมอ”
เป็นคำกล่าวที่แสนภาคภูมิที่ศิษย์คนหนึ่งจะมีได้ เกรนเดลที่พยักหน้ารับ คอพิอุสเองก็แสนจะภูมิใจกับอลูคาร์ด ที่แม้นจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เด็กคนนี้ก๋ถือเป็นศิษย์ที่เขารัก ก่อนการจากลาคอพิอุสเดินเข้าไปหาอลูคาร์ดตรงหน้า
“ข้ามี 2 สิ่งที่อยากจะมอบให้กับเจ้า นี้คือสิ่งแรก"
คอพิอุสยื่นมือที่เคยไขว้หลังออกมาเบื้องหน้าอลูคาร์ด มันคือตราประทับเวทย์ที่สามารถผ่านเข้าออกบาเรียแห่งแอสโทรโทรเฟียได้ตามใจนึก
"อย่างที่บอกที่นี้ยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ ส่วนชิ้นที่สอง”
เกรนเดลย่างเท้ามาด้านข้างคอพิอุสพร้อมกับยื่นดาบเล่มหนึ่งให้กับคอพิอุส ที่หยิบแล้วยื่นให้ลูกศิษย์ตรงหน้า
“นี่เป็นดาบที่ตีโดยช่างฝีมือที่ดีสุดของเอลฟ์ มันเป็นดาบที่เบา แต่คมนั้นตัดได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า ดาบเล่มนี้เข้าได้ดีกับพลังธาตุดินและไฟในตัวเจ้า มันมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้ ”
ดาบที่รับมานั้นมีลวดลายวิจิตรบรรจงตามเอกลักษณ์ของแหล่งที่สร้าง เขาชักดาบออกจากปอกดาบ ในพริบตานั้นดาบในมือก็แปลเปลี่ยนตัวเองให้รับกับรูปลักษณ์ และปรับขนาดให้เข้ากับเจ้าของที่ถือมัน
“ขอบพระคุณขอรับ ข้าจะใช้มันเป็นอย่างดี”
นัยน์ตาคู่นั้นทอเป็นเปร่งประกาย เขามิเคยคาดฝันว่าจะได้รับสิ่งที่ช่างล้ำค่าเช่นนี้ ไม่เพียงต่อตัวของเขา แต่มันจะตอกย้ำว่า เมื่อครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยมีความทรงจำที่ทรงคุณค่าเพียงใด แต่ดวงตาที่ทอเป็นประกายเมื่อครู่กลับหายไป เมื่ออลูคาร์ดก็จำต้องบอกลากับสหายที่มิเคยห่างกันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อลูคาร์ดสวมกอดราฟาเอลโร่ พร้อมกล่าวถ้อยคำกำชับ
“เอลถ้าไปที่อคาด้า เจ้าเรียกหาข้าได้เสมอนะ”
ซึ่งก็นับว่าเป็นคำพูดที่ช่างห่วงใย ราฟาเอลโร่เองก็หวังว่าสักวันจะได้ไปเยี่ยมเยื้อมเขา
“ขอบคุณนะ อลูคาร์ด ข้าจะไม่ลืมมิตรภาพระหว่างเราเลย”
“ข้าก็เช่นกัน แล้วพบกันนะเอล”
แม้นจะหดหู่อยู่บ้างแต่การจากลาก็เป็นความจริงที่ต้องเกิดขึ้นและทำได้เพียงคาดหวังว่า กาลเวลาจะนำเส้นทางของพวกเขาทั้งคู่มาบรรจบกันอีกครั้ง
ราวกับคำพูดนั้นเป็นเเม่เหล็กดึงดูดอลูคาร์ดเข้าหาราฟาเอลโร่
“ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าคลาดสายตาอีกเป็นอันขาด วันนี้ข้าจะไปด้วย”
ทันใดทันอลูคาร์ดกระโจนคว้าตัวของราฟาเอลโร่ แรงถ่วงทำให้รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่น่ารำคาญ การหายไปหลังจากภาระกิจภาคสนามอยูู่เป็นนิจ ซึ่งกินเพลานานสองนาน กว่าเขาจะปรากฏกายอีกครั้ง ก็จวนจะได้เวลามื้อเย็นแล้ว
“ตามใจเจ้าเลย แล้วก็ปล่อยข้าด้วย"
ทั้งคู่ใช้ก้าวพริบตา และมาหยุดอยู่ที่ปลายอุโมงค์ ทางเข้าถ้ำปิดขนาดใหญ่ ราฟาเอลโร่ก้าวนำไปตามทางเดินที่ลาดลงไปสู่ตัวถ้ำ
“ที่นี้ร้อนชะ…มัด โห!!!!ใหญ่โคตร“
อลูคาร์ดที่เมื่อมองตามแผ่นหลังของสหายรัก วินาทีนั้นเขาก็พบกับวิหคเพลิง ปักษาโบราณที่มีขนาดตัวเกือบครึ่งของถ้ำที่มันพำพักอยู่ กำลังก้มหัวของมันลงเบื้องหน้าราฟาเอลโร่ที่ไม่รอช้าจะสัมผัสมันอย่างอ่อนโยน
“อืม กลิ่นนี้สินะที่ติดตัวเจ้ากลับบ้านทุกครั้ง”
อลูคาร์ดยกมือข้างนึงขึ้นปิดจมูกที่แสบ เพราะกลิ่นของกำมะถันปะปนกับไอร้อนระอุที่โชยขึ้นจากพื้นดิน ระหว่างเดินลงมาตามทางลาด แต่ดูเหมือนหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวตรงหน้าจะไม่ได้สนใจเขาเลย
“ขอข้าสัมผัสด้วยได้ไหม”
อลูคาร์ดเดินมายืนเคียงข้างราฟาเอลโร่ พร้อมกับยื่นมือหมายจะสัมผัสกับศรีษะของนกเพลิงตรงหน้า แต่วิหคโบราณตัวนี้ เย่อหยิ่งเกินที่จะยอมรับคนที่พึ่งพบปะในคราแรก ดังนั้นมันจึงถ้อยลู่ไปด้านหลัง ยกหัวของมันขึ้นสะบัดและแผดเสียงกรีดร้องออกมา
“ใจเย็นๆ ข้าไม่จับแล้วก็ได้”
อลูคาร์ดสบถอย่างใจเย็น เมื่อเห็นสถานะการที่เปลี่ยนไป ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่นั้นพักใหญ่เลยที่เดียว ก่อนที่จะตัดสิ้นใจกลับออกมา และเดินทางกลับ
เมื่อถึงบ้านที่พำนักอยู่ด้วยกัน ก็เป็นเวลาย่ำสนธยาแล้ว ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันและกัน เข้ามาให้ในห้องโถงพร้อมกล่าววาจากิริยาที่หยอกล้อกันตามประสาสหายที่สนิทกันมาก
“ข้าจะไม่ไปที่นั้นอีกแล้ว ไอ้นกบ้านั้น มันพยายามจะฆ่าข้า”
อลูคาร์ดกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ กับปฏิกิริยาของวิหคเพลิงที่มีต่อเขาซึ่งต่างจากราฟาเอลโร่
“ไม่หรอกถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าคงตายไปแล้ว มันแค่ยังไม่คุ้น”
ราฟาเอลโร่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ และอีกหนึ่งรอยยิ้มจากผู้เฝ้ามองที่ผุดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้บนใบหน้าของคอพิอุสที่ทั่งรักและเอ็นดูศิษย์ทั่งสองของเขา คอพิอุสนั่งรั้งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ที่นั่งประจำบนโต๊ะอาหาร พร้อมกด้วยเกรนเดลที่จะยืนอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวามือของคอพิอุสเสมอ เพลานี้เป็นเวลาอาหารเย็น เมื่อทั้งคู่มาถึง โต๊ะอาหารก็ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารแล้ว
“กลับมาแล้วรึเจ้าทั้งสองคน มาสิมากินข้าว”
คอพิอุสก็กำลังจะเริ่มรับอาหาร เรียกให้ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศที่มีนั้นช่างอบอุ่น และเบิกบาน แม้ต่างคนจะต่างที่มา แต่หากมิมีเส้นแบ่งระหว่างเชื้อชาติแลยศฐา และต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
“อลูคาร์ด องค์แอเธอเรดได้ส่งจดหมายแจ้งกำหนดการกลับอคาด้ามาแล้วนะ”
ราฟาเอลโร่และอลูคาร์ดที่หันหน้าจองมองกันและกัน หลังสิ้นเสียงคอพิอุส ทั้งที่รู้ว่าสักวันการจากลาจะมาเยือน แต่ต้องยอมรับว่ามิได้เผื่อใจกับการพลัดพราก และด้วยหน้าที่ ความสนิทสนม น่าจะทำให้ทั่งคู่ลืมเลือน
“ฮ่าๆ ข้าลืมเสียสนิทเลย ว่าจะต้องกลับ”
เสียงหัวเราะแห้งของอลูคาร์ดกลับทำให้บรรยากาศมันยิ่งกร่อย
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าเราจะผูกพันกันมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเจ้าทั้งสอง ยังไงก็ยังมีเวลากว่าสองสัปดาห์ ในการกล่าวคำอำลา”
คอพิอุสกล่าวขึ้นอย่างเห็นใจ เขาพยายามปล่อยโยนศิษย์ทั้งคู่
“ท่านอาจาราย์ ที่นี้เองก็เป็นเปรียบเสมือนดังบ้านของข้า มิตรภาพที่เกิดขึ้นยังที่แห่งนี้ช่างปลอบประโลมจิตใจข้ายิ่งนัก”
“ที่นี้ยินดีต้อนรับเจ้าอลูคาร์ด หากต้องการแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน หรือต้องการความช่วยเหลือก็อย่าได้ลังเลที่จะกลับมา”
เมื่อเวลาของการรับประทานอาหารค่ำได้จบลง การแช่ตัวในอ่างที่มีน้ำอุณหภูมิอุ่นพอดีมักจะเป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจที่ดี แต่วันนี้มันกลับไม่ได้ทำให้เรื่องกวนใจนั้นคลายลงเลย ทั้งคู่มักจะนั่งแช่ในอ่างน้ำอุ่นด้วยกัน โดยอยู่กันคนละฟากฝั่งของอ่าง
“รู้ไหมเอล เจ้าเป็นคนที่ทำให้ข้าแทบไม่มีเวลาคิดถึงบ้านเลย”
การเริ่มต้นบทสทนาหลังจากความเงียบงันของอลูคาร์ด
“แล้วนั้นดีหรือไม่ดี”
แต่ราฟาเอลโร่กลับกล่าวถามพลางขมวดจังจัง
“5555 เจ้านี่ตบมุกเป็นบ้างไหมเนี่ย เฮ้อ(ถอนหายใจ)แต่รู้อะไรไหม เมื่อถึงบ้านข้าก็คงอดคิดถึงเจ้าไม่ได้”
แม้อลูคาร์ดจะมองว่าราฟาเอลโร่ ซื่อตรง จริงจัง และไร้ซึ่งความขบขัน แต่เขาก็ยอมรับอย่างจริงใจว่าราฟาเอลโร่ เป็นเพื่อนที่ดีและอาจจะดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมาเลยก็ได้
“ข้าก็เช่นกัน”
อลูคาร์ดนับว่าเป็นสหายคนแรกที่ราฟาเอลโร่มี แม้จะยังไม่อยากที่จะกล่าวอำลา เนื่องด้วยใจเขาช่างหวั่นเกรงนัก ว่าจะมิมีวันได้พบเจอกันอีกครา
และแล้วห้วงเวลาก็ทำให้เราทุกคนต้องย่ำต่อไปข้างหน้าแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กำหนดการกลับไปที่อคาร์ด้าของอลูคาร์ดที่อีกสองสัปดาห์นับจากวันที่คอพิอุสแจ้งข่าวก็มาถึง ในวันนั้นรถม้าประจำตำแหน่ง ตามศักดินาของเจ้าชายแห่งอคาด้าก็จอดเทียย ณ ที่เดิม พร้อมการกล่าวอำลา
“ขอบพระคุณขอรับท่านอาจารย์ ท่านให้ข้ามากกว่าที่ข้าคิดจะได้รับเสียอีก ท่านเกรนเดลเองก็ดีกับข้าเสมอ”
เป็นคำกล่าวที่แสนภาคภูมิที่ศิษย์คนหนึ่งจะมีได้ เกรนเดลที่พยักหน้ารับ คอพิอุสเองก็แสนจะภูมิใจกับอลูคาร์ด ที่แม้นจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เด็กคนนี้ก๋ถือเป็นศิษย์ที่เขารัก ก่อนการจากลาคอพิอุสเดินเข้าไปหาอลูคาร์ดตรงหน้า
“ข้ามี 2 สิ่งที่อยากจะมอบให้กับเจ้า นี้คือสิ่งแรก"
คอพิอุสยื่นมือที่เคยไขว้หลังออกมาเบื้องหน้าอลูคาร์ด มันคือตราประทับเวทย์ที่สามารถผ่านเข้าออกบาเรียแห่งแอสโทรโทรเฟียได้ตามใจนึก
"อย่างที่บอกที่นี้ยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ ส่วนชิ้นที่สอง”
เกรนเดลย่างเท้ามาด้านข้างคอพิอุสพร้อมกับยื่นดาบเล่มหนึ่งให้กับคอพิอุส ที่หยิบแล้วยื่นให้ลูกศิษย์ตรงหน้า
“นี่เป็นดาบที่ตีโดยช่างฝีมือที่ดีสุดของเอลฟ์ มันเป็นดาบที่เบา แต่คมนั้นตัดได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า ดาบเล่มนี้เข้าได้ดีกับพลังธาตุดินและไฟในตัวเจ้า มันมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้ ”
ดาบที่รับมานั้นมีลวดลายวิจิตรบรรจงตามเอกลักษณ์ของแหล่งที่สร้าง เขาชักดาบออกจากปอกดาบ ในพริบตานั้นดาบในมือก็แปลเปลี่ยนตัวเองให้รับกับรูปลักษณ์ และปรับขนาดให้เข้ากับเจ้าของที่ถือมัน
“ขอบพระคุณขอรับ ข้าจะใช้มันเป็นอย่างดี”
นัยน์ตาคู่นั้นทอเป็นเปร่งประกาย เขามิเคยคาดฝันว่าจะได้รับสิ่งที่ช่างล้ำค่าเช่นนี้ ไม่เพียงต่อตัวของเขา แต่มันจะตอกย้ำว่า เมื่อครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยมีความทรงจำที่ทรงคุณค่าเพียงใด แต่ดวงตาที่ทอเป็นประกายเมื่อครู่กลับหายไป เมื่ออลูคาร์ดก็จำต้องบอกลากับสหายที่มิเคยห่างกันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อลูคาร์ดสวมกอดราฟาเอลโร่ พร้อมกล่าวถ้อยคำกำชับ
“เอลถ้าไปที่อคาด้า เจ้าเรียกหาข้าได้เสมอนะ”
ซึ่งก็นับว่าเป็นคำพูดที่ช่างห่วงใย ราฟาเอลโร่เองก็หวังว่าสักวันจะได้ไปเยี่ยมเยื้อมเขา
“ขอบคุณนะ อลูคาร์ด ข้าจะไม่ลืมมิตรภาพระหว่างเราเลย”
“ข้าก็เช่นกัน แล้วพบกันนะเอล”
แม้นจะหดหู่อยู่บ้างแต่การจากลาก็เป็นความจริงที่ต้องเกิดขึ้นและทำได้เพียงคาดหวังว่า กาลเวลาจะนำเส้นทางของพวกเขาทั้งคู่มาบรรจบกันอีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น