ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #12 : วงที่ 12 มิตรภาพ

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 67


    อลูคาร์ดที่หันไปสนทนากับราฟาเอลโร่ และพึ่งสังเกตุว่าคันธนูที่ถืออยู่ตอนนี้ลุกเป็นไฟ อลูคาร์ดรีบปล่อยมือจากคันธนูทันที  แล้วหันมาปัดป้องลูกบอลน้ำที่พุ่งมาทางเขา แต่จำนวนของเวทย์น้ำที่พุ่งมาอย่างไม่ขาดสายก็ทำให้การปัดป้องของอลูคาร์ดนั้นพลาดไป  หนึ่งลูกที่พุ่งเข้าใส่ท้องเขาอย่างจัง ความเจ็บปวดทำให้อลูคาร์ดทรุดลงไปนั่งกับพื้น

     “เจ้าเป็นอะไรของเจ้า”

    อลูคาร์ดที่เอ่ยถาม แต่แทบจะมิมีเสียงใดๆ  เล็ดรอดออกมา  นอกเสียจากการโจมตีที่พุ่งมายังเขา  ราวกับหยาดฝน  กำแพงดินถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องร่างกายจากการโจมตี

    อลูคาร์ดถึงกับโล่งอก เมื่อแรงสั่นสะเทือนที่กระแทกกำแพงดินนั้นหายไป  แต่ร่างกายต้องแข็งทื่อพร้อมกับขนที่ลุกไปทั้งตัว  เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดต้นคออยู่  อลูคาร์ดหันหลังกลับ เสี้ยววินาทีที่เขาเห็นใบหน้าของราฟาเอลโร่  ก่อนที่ร่างกายจะถูกตรึงไว้บนกำแพงดินที่ตัวเองสร้างขึ้น

    “ปล่อยข้านะ”

    อลูคาร์ดที่เกรี้ยวกราวเพราะมิเข้าใจถึงเหตุที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

     “พระองค์ทรงรู้สึกอย่างไหร่บ้างพะยะคะ ทรงเจ็บหรือไม่เมื่อถูกโจมตี  ทรงวาดกลั่วหรือไม่เมื่อกระทำอันใดมิได้  หมู่สัตว์ที่ถูกพระองค์ล่าก็รู้สึกเช่นเดียวกันหรืออาจแย่ยิ่งกว่า”

    อลูคาร์ดตระหนักถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการที่จะสื่อในทันที่  หากแอเธอเรดเป็นผู้ที่มีใจกว้างดุจท้องทะเลอันกว้างใหญ่  อลูคาร์ดก็กว้างยิ่งกว่า 

    ถึงบัดนี้จะเป็นเพียงเด็กเล็ก  แม้การเป็นลูกชายคนรองที่ทำให้รายต่อหลายผู้ออกนอกลู่นอกทาง  แต่ก็มิได้ทำให้เขารู้สึกว่าต้องกระทำตัวเช่นนั้น  มิจำต้องเห็นแก่ตัวหรือง้อแง่เลยแม้แต่น้อย 

    เพราะการสูญเสียมารดาเมื่อครั้งเยาว์วัย  และด้วยพลานามัยของพระเชษฐาที่ประสูติมาแล้วมีพระวรกายที่เปราะบางจนต้องพึ่งพิงเขาอยู่ร่ำไป  ด้วยเหตุที่บิดามิอาจจัดสรรเวลาให้  ทั้งคู่จึงจำต้องใช้ช่วงเวลาส่วนใหญ่กับเชษฐามีเพียงกันและกัน  อลูคาร์ดจึงกลายเป็นผู้ที่ช่างเห็นอกเห็นใจ  ช่างสังเกตุ  และค่อยคียงข้างผู้อื่นเสมอ 

     “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ไปอีกแล้ว แล้วปล่อยข้าลงด้วย”

    อลูคาร์กล่าวอย่างนิ่งเฉย แต่เป็นน้ำเสียงที่ตระหนักรู้ และดังพอที่จะได้ยิน  ราฟาเอลโร่นิ่งเงียบเขาตัวรู้ว่าตนกระทำเกินความจำเป็น  แต่ก็ยินยอมที่จะปล่อยอลูคาร์ด  แม้จะไม่แน่ใจว่า  เจ้าชายตรงหน้าจะรู้สึกเเค้นเคียงเขาหรือไม่

     “โอ้ยเจ็บชะมัด เจ้าก็เล่นแรงเกิน”

     “โปรดอภัยด้วยพะยะคะ”

     อลูคาร์ดหันมายิ้มกับราฟาเอลโร่อย่างมันเลศนัย

     “ถ้ารู้สึกผิด ต่อแต่นี้ก็พูดเหมือนคนปกติเขาพูดกัน เจ้าชื่อราฟาเอลโร่ใช่ไหม ข้าอลูคาร์ด บรอสมันด์ เรียกแค่ชื่อก็พอเข้าใจนะ”

    อลูคาร์ดที่มาเยื้อนมีกำหนดการพำนักอยู่เป็นระยะเวลาราว 2 ปี เพื่อฝึกฝนและขัดเกลาฝีมือของตัวของตน ก่อนการเสด็จกลับของแอเธอเรด องค์ราชาก็ได้ทรงแสดงอีกมุมที่ยากจะเห็น  แอเธอเรดสวมกอดลูกชายอย่างรักไร่ พร้อมกับกล่าววาจาอย่างอ่อนโยน

    “อย่าหุนหันพลันแล่น เป็นศิษย์ที่ดีจงเชื่อฟังอาจารย์  จงหนักแน่น  และรักษาตัวให้ดีจนกว่าจะได้กลับ  พ่อและพี่รอค่อยเจ้าอยู่”

    “พะยะคะเสด็จพ่อ ข้าฝากท่านพี่ด้วยนะพะยะคะ”

    แอเธอเรดยิ้มน้อยๆ กับคำพูดของบุตรชาย ก่อยที่จะหันไปหาคอพิอุส

    “ท่านคอพิอุส เอ็นดูบุตรของข้าด้วย และวันนี้หากมีสิ่งใดที่ข้าทำให้ขุ่นเคือง ก็โปรดอภัยความมิแยกแยะของข้าด้วย”

    “พระองค์ทรงมีหทัยกว้างเสมอฝ่าบาท  ทรงอย่าได้วิตกเรื่องท่านชายเลย  ขอให้ทรงเสด็จกลับโดยปลอดภัยพะยะคะ”

    หลังจากการกล่าวคำอำ  แอเธอเรดที่ทรงเสด็จมาเยือนโดยการใช้ตราประทับเวทย์ที่มีไม่กี่ชิ้น  ซึ่งยากที่ใครจะได้ครอบครอง  ตราประทับเวทย์จะถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าราชวงค์เอลฟ์  และเสริมเวทย์สุดท้ายโดยองค์กษัตริย์ของแอสโทรเฟียเท่าน้ั้น

    องค์แอเธอเรดได้ทรงเสด็จจากไปพร้อมกับวัตสันที่กำลังจะผ่านพ้น และต้นเหมันต์ที่กำลังจะมาเยือน 

    หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นราฟาเอลโร่และอลูคาร์ด ก็กลับสนิทสนมกันนิ่งนัก แม้ราฟาเอลโร่จะเป็นเด็กสุขุมที่พูดน้อย  แต่อลูคาร์ดก็ร่าเริงและไม่ถือตัวเลยแม้แต่นิด การรำเรียนของทั้งคู่ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะฝึกในลานฝึกเดียวกัน  แต่อลูคาร์ดยังคงอยู่ในขั้นพื้นฐานของการการใช้พลังเวทย์ และไม่สารถมองเห็นซึ่งอนูพลังเวทย์ได้  การสัมผัสและจดจำความรู้สึก  จึงเป็นหนทางเดียวของเขา  ซึ่งมันต้องใช้เวลา แต่ราฟาเอลโร่นั่นเชียวชาญในขั้นที่ 1 เป็นที่เรียบร้อย เขาสามารถใช้พลังเวทย์ในรูปแบบต่างๆ ขณะต่อสู้กับศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่ง หรือเสริมสร้างความคงทนด้วยธาตุต่างๆ  ให้ทั่งกายเนื้อ  และศาสตราวุธ

     เหมันต์ได้ล่วงเลยไปแล้วถึง 2 ครา เหมันตฤดูที่มาเยือนในครานี้ได้ล่วงเข้าเป็นปีที่ 2  หลังการจากลาของแอเธอเรด  ทุกสิ่งผ่านพ้นไปอย่างเร็วราวกับสายลมที่ต้องใบพฤกษาให้ร่วงหล่นในสารทฤดู การเติบโตอย่างงดงามและแข็งแกร่งของทั้งคู่ก็เช่นกัน

    อลูคาร์ดที่ตอนนี้แกนพลังเวทย์เป็นสีแดงเข็ม และการฝึกฝนในขั้นที่ 1 ของเขาก็เชียวชาญและทรงพลัง ขณะที่ราฟาเอลโร่ได้รับความลับของพลังเวทย์จากการฝึกฝนกับคอพิอุส จึงทำให้แกนพลังเวทย์ของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็วจนตอนนี้กลายเป็นสีเหลือง ร่วมทั้งการฝึกฝนในขั้นที่ 2การหลอมร่วมพลังเวทย์มากว่าหนึ่งให้แปลเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ใหม่ ก็เป็นไปได้ด้วยดี

    ตอนนี้ทั้งสองมักจะได้ฝึกปรือฝีมือด้วยการออกทำภาระกิจจริงด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง  เพราะการร่วมตัวของเหล่าภูตปีศาจจำนวนมาก เงาดำมืดที่พยายามแผ่ขยายปรากฏขึ้นให้เห็นบ่อยครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา จึงจำเป็นจะต้องมีการกระจายตัวของผู้เชียวชาญในการต่อสู้โดยใช้ทักษะเวทย์  เพื่อออกควบคุมสถานะการณ์  และตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก่อนการก่อตัวที่จะนำไปสู่ภัยร้ายที่ไม่อาจควบคุมได้

    ”ราฟาเอลโร่ เจ้าตรวจฝั่งนั้นเสร็จรึยัง จะร่วมตัวกันแล้วนะ”

    หลังจากการต่อสู้กับปีศาจจำนวนหลายสิบ ก็จะมีการรวมตัวเพื่อรายงานในสิ่งที่จบลงหลังการสู้รบ ทั่งกลุ่มจะปรากฏกายในอาภรณ์ที่ไม่ต่างกัน  ชุดนั้นถูกสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเกราะ  จากการถักทอด้วยไหมเวทย์มายา  สีของเปลือกไม้โอ๊คถูกเลือกเป็นสีของชุดจึงใช้ได้ดีในการอำพลาง  ชุดกระชับที่พอดีตัวเสริมความคล่องแคล่วให้แก่กายเนื้อ  มันคงทนต่อเวทย์  และต้านทานแรงเฉือดจากใบมีด

     สมาชิกทั้งหมดในกลุ่มประกอบด้วยเอลฟ์ 6 และมนุษย์ 2 ผู้นำของกลุ่มคือเอลฟ์สาวที่ทรวดทรงองค์เอวงดงาม ที่มีเรือนผมสีทองอ่อน ถูกเปียแกะไปด้านหลัง  ความยาวถึงเอว  ปอยผมหน้าม้าที่ระกับหน้าผาก ทำให้ใบหน้าของเธอนั้นแลดูอ่อนเยาว์กว่าที่ควร  และมันก็มิเข้ากันเลยกับสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ  ของเจ้าตัว

     “ฝั่งเจ้าเป็นยังไง โอโดลาส”

    โอโดลาสเป็นเอลฟ์หนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำ ใบหน้าคมเข้มแต่เรือนผมสีบลอนด์กลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยน

     “เป็นปีศาจระดับล่างจำนวน 28 ตน ไม่มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่ผิดปกติใดๆ บนการหยาบ และบริเวณโดยรอบก็ไม่บ่งบอกถึงอันตรายครับ”

     “แล้วฝั่งของเจ้าละราฟาเอลโร่”

     “เป็นปีศาจระดับล่างจำนวน 18 และระดับขุนพลจำนวน 1 ตน ไม่มีสัญญาณใดที่บ่งบอกถึงอันตรายครับ”

      “ดีมาก งั้นทุกคนแยกย้ายได้ ขอบคุณสำหรับวันนี้”

    "ขอบคุณครับ/คะ"

    สิ้นเสียงของผู้นำกลุ่ม ทุกคนก็เก็บของที่จำเป็นของตน และแยกย้ายกัน

    อลูคาร์ดที่คว้าข้าวของคล้องกายเรียบร้อยแล้ว หันเดินตรงมายังทิศทางที่ราฟาเอลโร่อยู่  และเอ่ยถาม

    “กลับกันเลยไหมเอล”

    ราฟาเอลโร่ที่เสร็จจากการง่วนอยู่กับรองเท้าของตัวเอง  และลุกขึ้นยืน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×