ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #11 : องค์ที่ 11 เจ้าชายแห่งอคาด้า

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 67


    เมื่อแสงแรกของดวงอาทิตย์ทอประกาย รุ่งอรุณของวันใหม่จึงมาเยือน หลังจากที่ทั้งคู่รับอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

    ราฟาเอลโร่ก็ออกเดินทางพร้อมกับวิหคเพลิง ที่ตอนนี้โบยบินได้อย่างคล่องแคลวว่องไว และเร็วพอกันกับก้าวพริบตาหรืออาจจะเร็วเสียยิ่งกว่า บรรยายในเช้านี้ชั่งดูอึมครึม ทำให้รู้สึกหดหู่ขึ้น ยิ่งพุ่งผ่านป่าลึกมากขึ้นเท่าไหร่ เส้นทางก็ยิ่งดูทึบมากขึ้นเรื่อยๆ

    หากแต่เปลวเพลิงที่ส่องสว่างเจิดจ้า จากตัววิหคเพลิงที่บินอยู่ข้างกายเขา ทำให้ทุกอย่างรอบทั้งคู่กลับแจ่มชัด  แม้จะพุ่งไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วปานสายฟ้า ก็ไม่มีทีท่าว่าเปลวเพลิงนั้นจะมอดดับ 

    เมื่อทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ปลายอุโมงค์ในรังของเจ้าวิหคเพลิง  ที่ราฟาเอลโร่พบเจอวิหคเพลิงเป็นครั้งเเรก

    มันโผบินผ่านร่างของราฟาเอลโร่พี่ค่อยๆ  เดินลงมาตามแนวราบของพื้นถ้ำ  มันบินเข้าสู่รังเบื้องหน้า และกลับสู่ร่างจริงที่มีใหญ่เทียบเท่าได้กับบ้านหลังหนึ่ง

    ราฟาเอลโร่ที่กำลังจ้องมองวิหคเพลิงเปลี่นกายสุู่ร่างจริงของมัน  เขาก็รู้สึกได้ถึงช่องว่างอันอ้างว้างที่เกิดขึ้นภายจิตใจ  มันหาใช่การลาจากเขารู้ดี  แต่ก็อดที่จะรู้สึกเปล่าเปลี่ยวไม่ได้

      “ดูแลตัวเองให้ดี  แล้วข้าจะมาเยี่ยม”

     วิหคเพลิงที่อยู่เบื้องหน้าก้มหัวที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวราฟาเอลโร่  ลงมาชนกับตัวของเขา โดยไม่ต้องกล่าวคำพูดใดๆ

    ราฟาเอลโร่โอบกอดรอบศรีษะของวิหคเพลิงตรงหน้า  และซุกหน้าของเขาเข้าไปในขนสีส้มแดงบนหัวมัน  หลังจากนั้นวิหคเพลิงก็ได้ดึงขนที่ลำคอของมันออกมา

    และมอบให้กับราฟาเอลโร่  ขนนกสีส้มปนแดงที่ตอนนี้เปลวไฟได้มอดดับลงแล้ว  ลดขนาดของตัวมันลง  และเข้าพันรอบต้นแขนของมือข้างที่ยื่นเข้ามาหามัน

     “ขอบคุณนะ”

    ราฟาเอลโร่ลูบไปที่ขนอันอ่อนนุ่มบนหัวของมันอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่จะกลับออกมา

    รถม้าที่ดูโอ่อ่าสวยงาม  พร้อมด้วยเหล่าผู้คุ้มกันที่ประดับยศบนอกนับสิบ  ได้ทำการจอดเทียบตรงแนวรั่วเถาวัลย์  ที่สร้างขึ้นล้อมรอบบ้านหลังหนึ่ง

    ที่แทบจะมองไม่เห็นเพราะปกคลุมด้วยพืชตระกูลไม้เลือน  และมีต้นแอปเปิ้ลตั้งต้นใหญ่ตระหง่านอยู่หน้าบ้าน

    ผู้มาเยือยที่ก้าวลงจากรถม้า  เป็นชายที่มีเรือนผมสีน้ำตาลเข็ม  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน  ร่างกายสูงโปร่งที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี  ประดับประดาอัญมณีราคสูงลิบ 

    บรรยายกาศรอบตัวที่ดูภูมิฐาน  น่ายำเกรง  แต่ปะปนคละคลุ้งไปด้วยความเย่อหยิ่งจางๆ  ทำให้รู้ว่าศักดินาและชาติกำเนิดนั้นสูงสุด 

    เด็กชายที่ก้าวออกมาพร้อมกันนั้น แม้จะอายุเพียง 11-12 ปี แต่ก็ดูมาดมั่น  ในตาสีดำเป็นประกาย ปอยผมที่ลู่ไปกับแรงลมนั้นมีสีดำสนิท  แต่ผิวที่ขาวราวหิมะต้นเหมันต์  มันช่างตัดกันกับริมฝีปากที่แดงดุจกุหลาบแรกแย้ม

    “เชิญเสด็จองค์ราชาแห่งอคาด้าพะยะคะ  ท่านคอพิอุสได้เตรียมการต้อนรับรอด้านใน  เชิญเสด็จด้านในเลยพะยะคะ”

    เกรนเดลและเหล่าโนมจำนวนหลายสิบที่ออกมาต้อนรับการมาเยือนของแขกคนสำคัญ  เปิดประตูให้เขาได้เดินเข้าไปด้านใน  เมื่อถึงห้องโถงก็พบกับคอพิอุสที่ลุกขึ้นยืนรับแขกตามมรรยาท  เขาค้อมศรีษะลงเล็กน้อยเพื่อถวายการเคารพ  ก่อนที่จะกล่าวเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง  ที่หัวมุมโต๊ะคนละฝากฝั่ง

     “เชิญประทับพะยะคะองค์ราชา  หมายจะทรงเสวยชาไหมฝ่าบาท”

    คอพิอุสกล่าวถามด้วยความสนิทสนม

     “ดีเลยเพราะข้าเองก็รู้สึกกระหายเหลือเกิน  แล้วก็อย่าได้มากพิธีเลยท่านชาย  ยศฐาท่านก็ไม่ได้ต่ำศักดิ์  พูดปกติกับข้าเถิด”

    องค์ราชากล่าวกับคอพิอุสอย่างให้เกียรติ

     “หามิได้ฝ่าบาท  พระองค์เป็นถึงองค์ราชา  แอเธอเรด บรอสมันด์ ที่ปกครองอคาด้าให้กลายเป็นนครที่รุ่งเรืองที่สุดในตอนนี้”

     “ตามใจท่านเถิด  ถึงจะบอกว่ายังห่างไกลกับแอสโทรเฟียมากนัก ก็คงเป็นเรื่องหยุมหยิมที่ไม่น่าเสียเวลาเอามาพูด”

    แอเธอเรดพยายามไม่ดึงดันคอพิอุส  เมื่อรู้ว่าคงไม่ได้ผล

     “ทรงอ่อนล้ากับการเสด็จไหมฝ่าบาท  มิทรงมีเหตุจำเป็นใดเลยที่จะต้องเสร็จมาด้วยพระองค์เอง”

    คอพิอุสกล่าวเป็นเชิงถามถึงเหตุในการมาเยือนของแอเธอเรด

     “ใจจริงข้าก็อยากมาส่งอลูคาร์ดด้วยตัวข้าเอง แล้วก็มีเรื่องที่จะขอคำปรึกษา อาจจะถึงขั้นขอความช่วยเหลือ”

     “พระองค์มีเรื่องอันใดหรือฝ่าบาท”

      คอพิอุสกล่าวถามเพื่อเปิดประเด็น

     “ข้าได้ยินเรื่องการบุกโจมตี ฝั่งเอลฟ์มีการสู้รบด้วยแล้วใช่ไหม”

    แอเธอเรดกล่าวพร้อมกับมีสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น

     “ใช่พะยะคะ เริ่มมีมากขึ้นแต่ก็ยังถือว่าเป็นพวกปลาซิวปลาสร้อย ตอนนี้ยังมิได้หนักหนาอะไร”

     “ในส่วนของข้า พวกมันเคลือบคลานขึ้นมาจากหลุมราวกับซากศพที่คืนชีพได้ เข้าโจมตีหมู่บ้านหลายแห่งที่ไร้การป้องกัน  ตอนนี้เรายังคงควบคุมมันได้  แต่มิอาจล่วงรู้ว่าอีกนานเท่าไร ท่านคิดว่าเหล่าขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์จะเกียวข้องด้วยหรือไม่”

     “มันเป็นการบุกโจมตีที่ยังมิอาจทราบจุดประสงค์พะยะค่ะ ข้าเกรงว่าสิ่งที่พระองค์ทรงหวาดเกรงอาจจะบังเกิดขึ้น”

    แต่แล้วการสนทนาก็ถูกรบกวน ด้วยการมาเยือนของราฟาเอลโร่ที่กลับจากการเดินทางสั้นๆ ได้ก้าวเข้ามาในภายในห้องโถง

     “ข้ากลับมาแล้วขอรับ”

    คอพิอุสเองที่เป็นคนกล่าวให้เขาเข้ามาหาหลังจากกลับมา

     “ฝ่าบาทนี่คือ ราฟาเอลโร่ลูกศิษย์ในการดูแลของข้า น่าจะมีอายุที่ไล่เลี่ยกันกับบุตรของพระองค์”

    ราฟาเอลโรได้หยุดยืนเคียงข้างเกรนเดล  ด้านหลังของคอพิอุส  จากองศาตรงนี้ทำให้เขามองก็เห็นเจ้าชายที่นั่งถัดจากบิดาของเขา  ที่กำลังยิ้มและพยักหน้าให้ราฟาเอลโร่

     “ท่านเห็นชอบเช่นไร  หากราฟาเอลจะพาเจ้าชายออกไปเดินเล่นรอบๆ  และจะได้ทำความรู้จักกันด้วย”

    สีหน้าของ แอเธอเรด ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวว่า

     “หากท่านคิดว่าเห็นควร ไปเถอะอลูคาร์ด”

    แล้วเด็กทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องโถงพร้อมกันก่อนที่บทสนา จะเริ่มต่อ

     “ท่านคอพิอุส เด็กคนนั้นคงไม่ได้มีสายเลือดที่ต่างจากเราอย่างที่ข้าคิดใช่หรือไม่”

    คอพิอุสที่เริ่มรู้สึกได้ถึงการดูหมิ่น  แต่ก็มิได้แสดงถึงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกออกมา

     “ทูลฝ่าบาท จะมีสายเลือดใดก็หาได้สลักสำคัญมิใช่หรือ”

      “ท่านคิดเช่นไรถึงได้อุปการะอสรพิษเช่นนั้น”

    บรรยากาสรอบด้วยคอพิอุสเริ่มคุกรุ่น ท่านั่งพิงหลังตามสบาย บัดนี้ตั้งตรงและโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อย

     “แอเธอเรด บรอสมันด์ ท่านเป็นถึงราชา ที่ปกครองผู้คนนับล้าน หาแต่ทรงมีฤทัยที่คับแคบ และดูแคลนผู้อื่น แต่เพียงเปลือกนอกอย่างนั้นหรือ”

    แม้จำเป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กๆ ใจความของประโยคที่กล่าวทำให้แอเธอเรดถึงกับนิ่งเงียบ พระองค์ทรงก้าวผิด และดูเหมือนจะทรงรู้ตัวดี

     เด็กทั้ง 2 เดินออกมาจนถึงบริเวณหน้าน้ำตกที่ราฟาเอลโร่ใช้เป็นที่ฝึกซ้อม

     “โห เป็นน้ำตกที่ใหญ่โตและสวยงามทีเดียว  ป่าแถวนี้ช่างอุดมสมบูรณ์  แสดงว่ามีสัตว์ป่าเยอะใช่หรือไม่”

    ราฟาเอลโร่ที่รู้สึกตะหงิดๆ กับคำถามแต่ก็ตอบไปอยู่ดี

     “พะยะคะ เจ้าชาย”

    อลูคาร์ดตรงติ่งไปยังชั้นเก็บอาวุธที่อยู่ใกล้ๆ  เมื่อสังเกตุเห็นมัน

     “อาวุธครบมือเลยทีเดียว  หยิบยืมใช้ได้ใช่ไหม”

    อลูคาร์ดที่ตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้าราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่

     “พะยะคะ แต่พระองค์จะทรงเอาไปทำอะไร”

     “เราไปล่าสัตว์กันดีไหม ข้าเลือกชิ้นนี้”

    เจ้าชายอลูคาร์ดที่หยิบคันธนูขึ้นมาง้าง ไม่ได้สังเกตุเลยว่ากำลังเกิดสิ่งผิดปกติ

     “พระองค์จะทรงไปจริงๆหรือพะยะคะ”

     “อืม เจ้าเองก็เลือกสิ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×