ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : องค์ที่ 10 ขวาง
“มนุษย์”
เอลฟ์ทั้ง 5 คนร้องพร้อมกัน
“อี๋ ไอ้มนุษย์โสโครก กล้าดีเยี่ยงไรจึงได้ขัดขวางท่านชาย”
เด็กคนนึงที่อยู่เยื้องไปทางซ้ายกล่าวอย่างประจบประแจง เด็กที่ซวนเซด้วยแรงปัดป้องของราฟาเอลโร่
“ชะ…ใช่เจ้ากล้าดียังไงถึงมาขว้างข้า”
แม้สีหน้าของเด็กคนนั้นจะยังคงกริ่งเกรงกับเรี่ยวแรงมหาศาลของเด็กที่อายุไม่ต่างกันเบื้องหน้าเขา ราฟาเอลโร่พยายามสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด ควบคุมโทสะที่ยังคงคลุกกรุ่นอยู่ภายใน
“ขอประทานโทษขอรับ แต่ข้าคิดว่าพวกท่าน คงจะสนุกสำราญมากพอแล้ว ปล่อยมันไปเถอะขอรับ”
ราฟาเอลโร่พยายามตัดสิ้นใจด้วยเหตุและผล ยินยอมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อยุติสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ก่อนที่เขาจะให้หลังให้กับกลุ่มเอลฟ์ 5 คน อย่างไม่แยแส เขาเดินตรงไปที่เรนโบว์ฮัสเพื่อที่จะดูอาการบาดเจ็บของมัน แต่เหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นตามสิ่งที่เขาพยายามสุดใจที่จะทำ
“ถ้าเจ้ากลัวไอ้มนุษย์สกปรกนี่ ก็อยู่เฉยๆ ข้าเอง/ ใช่ๆ เอาเลยไอโอลาส/ มันกล้าโอหัง อย่างนี้ต้องสั่งสอน”
สำเนียงเสียงที่เปร่งดังไล่หลังราฟาเอลโร่มา ราวเงากับเงาตามตัว เด็ก 3 ใน 5 คน ที่แลดูจะเริ่มการโจมตีอีกครา เด็กหนุ่มหลับตาลงด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับไปยังเหล่าเอลฟ์ แต่เบื้องหน้าของราฟาเอลโร่บัดนี้หาใช่เอลฟ์ทั้ง 5 ตน
แต่กลับเป็นวิหคเพลิงที่ขยายปีกที่แผ่ไอร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงใดๆ ออกมา ขนาดตัวที่เพิ่มขึ้นของมันเทียบได้ไม่ต่างจากเอลฟ์ที่โตเต็มวัย เสียงที่แผดร้องก้องกังวาน ทำให้พื้นดินโดยรอบ นั้นสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั้ง แรงสั่นไหว ทำให้ใบและผลของพฤกษชาติ นั้นร่วงหล่นจากต้นลงสู่พื้น
“อ่า!!!!!”
เอลฟ์ทั้ง 5 คน ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นพ้องกัน ด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวจับจิต ก่อนที่จะกระโจนซ่อนเร้นกายภายใต้เงามืดของพงไพรลึกอย่างรวดเร็ว
“ข้าต้องขอบคุณเจ้าแล้ววิหคเพลิง”
ราฟาเอลโร่กล่าวพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะที่จ้องมองวิหคเพลิงเบื้องหน้า หดตัวให้เล็กลง เขาหันกลับมาทำการรักษาบาดแผล ที่เกิดขึ้นโดยใช่เหตุให้แก่เรนโรว์ฮัส
แม้มันจะแวดระแวงอยู่บ้าง แต่เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บมันก็เอื้อมคว้ามือของราฟาเอลโร่ แล้วทาบลงบนแก้มของมัน ก่อนที่จะเลื่อนมือนั้นของราฟาเอลโร่ มาวางลงบนหัวของลูกตัวน้อย
ที่ค่อยทำเสียงฟุตฟิตดมกลิ่นจากมือของเขา เหมือนเป็นการกล่าวคำขอบคุณ ราฟาเอลโร่ก็ยิ้มรับอย่างปรื้มปริ้ม ก่อนจะกล่าวอำลา
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ไม่คาดคิดนั้นจบลง ทั้งคู่ยังคงเดินเตร็จเตร่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ สายลม และแสงแดด เมื่อเห็นว่าดวงตะวันยังมิเคลื่อนคล้อย หากแต่ยังคงส่องประกายอยู่บนฟากฟ้า
และราฟาเอลโร่ยังคงต้องค่อยจนกว่าวิหคเพลิงที่ได้มีออกมานั้น ได้มีเวลาหาอาหารตามใจปากจนอิ่มเสียก่อนที่จะกลับด้วย
เมื่อถึงที่พำพัก สิ่งแรกที่สะดุดสายตาเมื่อมาเยือนหน้าเคหะสถาน เบื้องหน้าของทั้งคู่คือคอพิอุสที่นั่งดื่มชาใต้ต้นแอปเปิ้ล และเกรนเดลที่ยืนอยู่ด้านหลัง หาใช่เรื่องที่คุ้นเคยเมื่อคอพิอุสรับชา เพราะนอกเสียจากว่าจะมีแขกมาเยือนถึงบ้าน แต่ก่อนที่ราฟาเอลโร่จะทันได้ถามสิ่งใด เสียงของคอพิอุสเบื้องหน้าก็ดังขึ้น
“ทั่งคู่ไปไหนกันมา”
เป็นน้ำเสียงที่แสนจะราบเรียบ และตบท้ายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ข้าพาวิหคเพลิงออกไปรับแสงมาขอรับ”
ราฟาเอลโร่ตอบ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกพิกล
“มีคนกล่าวหาว่าเจ้าไปรังแกเขา”
ราฟาเอลโร่อ้าปากนิ่งค้างกับคำถามนั้น
“พวกนั้นมีตั้ง 5 คนเลยนะขอรับ ไม่สิท่านอาจารย์ทราบได้ยังไงครับ”
คอพิอุสที่ทำแค่หัาเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะยกชาขึ้นดื่ม กลับเป็นเกรนเดลที่ตอบคำถามนั้นแทนเขา
“มีขุนนางในราชสำนักกล่าวหาท่านคอพิอุสว่ารับมนุษย์มาอุปการะในพื้นที่ของเอลฟ์ แต่คำกล่าวหานั้นก็ตกไปเมื่อท่านคอพิอุส มีพระบรมราชานุญาตจากองค์ราชาเป็นเอกสารหลักฐานขอรับ แต่ก็ยังมิวายพยายามหาเรื่อง โดยการกล่าวว่าท่านราฟาเอลโร่กลั่นแกล้งบุตรชายของตนขอรับ”
ราฟาเอลโร่ถึงกับค้างกลางอากาศ และสงสัย ว่าทำไมเรื่องถึงได้มาถึงหูแหลมๆ ของคอพิอุสได้เร็วนัก และอีกใจก็นึกขอบคุณ ในการกระทำของวิหคเพลิงที่เข้ามาขัดจังหวะได้เหมาะทันเวลา ไม่งั้นเขาคงแก้ตัวอะไรไม่ได้เลย
“ข้าอธิบายได้ขอรับ”
หลังจากนั้นราฟาเอลโร่ก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ให้คอพิอุส และเกรนเดลได้สดับรับฟัง คอพิอุสถึงกับกล่าวชมเชยในความอดทน แม้การกล่าวชมนั้นจะมาพร้อมกับการตำหนิเบาๆ ว่าจะต้องอดทนมากกว่านี้ เพราะหากไม่มีวิหคเพลิงเคียงข้าง หรือหากมันไม่ได้เข้าขวาง เรื่องคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าพวกคนใหญ่คนโตสอนลูกกันยังไง ถึงได้เที่ยวรังควานคนอื่นเขาไปทั่ว นี่จะเป็นข้อคิดให้กับเจ้า จำไว้นะราฟาเอลโร่เราเปลี่ยนใครไม่ได้ เจ้าจำต้องคำนวนให้ดีว่าได้หรือเสีย เมื่อเข้าไปเกี่ยวพันกับคนเหล่านั้น”
หลังจากการบุกรุกเพื่อลอบลักพาสัตว์วิเศษที่เกิดขึ้น คอพิอุสก็อยู่บ้านน้อยลงทุกที นอกจากนอน จัดการกับการงานเอกสาร และมีแขกมาเยือนที่บ้านเท่านั้น
เขาจึงจะโผล่มาที่บ้าน ส่วนเรื่องการสอน ก็เพียงแค่สั่งงานพ่อบ้าน แล้วให้เกรดเดนสรุปถึงความคืบหน้า แต่ดีที่วันนี้คอพิอุสยังคงอยู่บ้านก่อนที่ราฟาเอลโร่จะลืมเลือนเขาไปเสียก่อน
“อาการของสัตว์เวทย์ตัวนี้ หายเป็นที่เรียนร้อยแล้วนะขอรับ”
แพทย์หลวง ที่มาเยื้อนพร้อมกับผู้ช่วยแพทย์กล่าว ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งสุดท้ายในการตรวจดูอาการของวิหคเพลิงแล้ว
“ขอบคุณท่านมาก ที่ลำบากเป็นธุระให้”
“เป็นหน้าที่ของข้าขอรับ งั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อนนะขอรับ”
แพทย์หลวง และผู่ช่วยค้อมคำนับคอพิอุสก่อนที่จะจากไป คอพิอุสที่แค่พยักหน้ารับ ตอนนี้หันมาหาราฟาเอลโร่เพื่อที่จะกำชับเขา
“ราฟาเอล เมื่อมันหายดีแล้ว มันก็คงอยากที่จะกลับไปอยู่ที่ของมัน พรุ่งนี้เช้าข้าวานให้เจ้าช่วยไปส่งมันทีจะได้ไหม”
และแล้วช่วงเวลาที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุดก็บังเกิดขึ้นจนได้ ราฟาเอลโร่พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนที่จะตอบกลับ
“ขอรับ ท่านอาจารย์ ตอนนี้ให้มันขึ้นไปพักก่อนดีไหมขอรับ”
“ก็ดี แล้วรีบลงมากินข้าวเย็นนะ”
คอพิอุสที่ค่อยมองราฟาเอลโร่เดินขึ้นบันได ก่อนที่จะละสายตา แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร โดยมีเกรนเดลเคียงข้างเช่นเคย
“ข้าละแปลกใจนักเกรนเดล ด้วยความสนิทสนมเช่นนั้น ใยการผูกจิตจึงมิบังเกิด”
คอพิอุสขมวดคิ้ว พร้อมกับประโยคที่หลุดออกมา
“การผูกจิตต้องเกิดจากการยินยอมทั้งสองฝ่าย ท่านคอพิอุสก็เคยสอนข้าว่า บ้างสิ่งก็ใช่ว่าเราจะกำหนดมันได้”
ใบหน้าของคอพิอุสเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ให้กับคำตอบของเกรนเดล
“นั้นสินะ ข้าก็แค่หวังบ้างสิ่งที่ข้ารู้ว่ามีในตัวเด็กคนนั้น แต่ก็อย่างที่เจ้าพูด”
คอพิอุสที่นั่งลงยังโต๊ะอาหาร และก่อนที่ทั้งสองจะได้กล่าวอะไรต่อ
“จดหมายขอรับ นายท่าน”
โนมตนหนึ่งที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ยืนจดหมายเหตุนั้นให้กับเกรนเดล พร้อมกันกับการมาถึงโต๊ะอาหารขงองราฟาเอลโร่ ผนึกของจดหมายได้ถูกแกะ โดยเกรนเดล เพื่อตรวจสอบเวทย์โจมตีหากได้มีการลงอาคมไว้ หลังจากนั้นจึงจะยื่นให้คอพิอุส เมื่อเปิดอ่านเขาก็หันไปทางราฟาเอลโร่ ด้วยรอยยิ้ม
“พรุ้งนี้เราจะมีแขกมา และดูเหมือนใครบ้างคนจะได้เพื่อนเพิ่ม”
เอลฟ์ทั้ง 5 คนร้องพร้อมกัน
“อี๋ ไอ้มนุษย์โสโครก กล้าดีเยี่ยงไรจึงได้ขัดขวางท่านชาย”
เด็กคนนึงที่อยู่เยื้องไปทางซ้ายกล่าวอย่างประจบประแจง เด็กที่ซวนเซด้วยแรงปัดป้องของราฟาเอลโร่
“ชะ…ใช่เจ้ากล้าดียังไงถึงมาขว้างข้า”
แม้สีหน้าของเด็กคนนั้นจะยังคงกริ่งเกรงกับเรี่ยวแรงมหาศาลของเด็กที่อายุไม่ต่างกันเบื้องหน้าเขา ราฟาเอลโร่พยายามสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด ควบคุมโทสะที่ยังคงคลุกกรุ่นอยู่ภายใน
“ขอประทานโทษขอรับ แต่ข้าคิดว่าพวกท่าน คงจะสนุกสำราญมากพอแล้ว ปล่อยมันไปเถอะขอรับ”
ราฟาเอลโร่พยายามตัดสิ้นใจด้วยเหตุและผล ยินยอมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อยุติสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ก่อนที่เขาจะให้หลังให้กับกลุ่มเอลฟ์ 5 คน อย่างไม่แยแส เขาเดินตรงไปที่เรนโบว์ฮัสเพื่อที่จะดูอาการบาดเจ็บของมัน แต่เหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นตามสิ่งที่เขาพยายามสุดใจที่จะทำ
“ถ้าเจ้ากลัวไอ้มนุษย์สกปรกนี่ ก็อยู่เฉยๆ ข้าเอง/ ใช่ๆ เอาเลยไอโอลาส/ มันกล้าโอหัง อย่างนี้ต้องสั่งสอน”
สำเนียงเสียงที่เปร่งดังไล่หลังราฟาเอลโร่มา ราวเงากับเงาตามตัว เด็ก 3 ใน 5 คน ที่แลดูจะเริ่มการโจมตีอีกครา เด็กหนุ่มหลับตาลงด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับไปยังเหล่าเอลฟ์ แต่เบื้องหน้าของราฟาเอลโร่บัดนี้หาใช่เอลฟ์ทั้ง 5 ตน
แต่กลับเป็นวิหคเพลิงที่ขยายปีกที่แผ่ไอร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงใดๆ ออกมา ขนาดตัวที่เพิ่มขึ้นของมันเทียบได้ไม่ต่างจากเอลฟ์ที่โตเต็มวัย เสียงที่แผดร้องก้องกังวาน ทำให้พื้นดินโดยรอบ นั้นสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั้ง แรงสั่นไหว ทำให้ใบและผลของพฤกษชาติ นั้นร่วงหล่นจากต้นลงสู่พื้น
“อ่า!!!!!”
เอลฟ์ทั้ง 5 คน ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นพ้องกัน ด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวจับจิต ก่อนที่จะกระโจนซ่อนเร้นกายภายใต้เงามืดของพงไพรลึกอย่างรวดเร็ว
“ข้าต้องขอบคุณเจ้าแล้ววิหคเพลิง”
ราฟาเอลโร่กล่าวพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะที่จ้องมองวิหคเพลิงเบื้องหน้า หดตัวให้เล็กลง เขาหันกลับมาทำการรักษาบาดแผล ที่เกิดขึ้นโดยใช่เหตุให้แก่เรนโรว์ฮัส
แม้มันจะแวดระแวงอยู่บ้าง แต่เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บมันก็เอื้อมคว้ามือของราฟาเอลโร่ แล้วทาบลงบนแก้มของมัน ก่อนที่จะเลื่อนมือนั้นของราฟาเอลโร่ มาวางลงบนหัวของลูกตัวน้อย
ที่ค่อยทำเสียงฟุตฟิตดมกลิ่นจากมือของเขา เหมือนเป็นการกล่าวคำขอบคุณ ราฟาเอลโร่ก็ยิ้มรับอย่างปรื้มปริ้ม ก่อนจะกล่าวอำลา
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ไม่คาดคิดนั้นจบลง ทั้งคู่ยังคงเดินเตร็จเตร่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ สายลม และแสงแดด เมื่อเห็นว่าดวงตะวันยังมิเคลื่อนคล้อย หากแต่ยังคงส่องประกายอยู่บนฟากฟ้า
และราฟาเอลโร่ยังคงต้องค่อยจนกว่าวิหคเพลิงที่ได้มีออกมานั้น ได้มีเวลาหาอาหารตามใจปากจนอิ่มเสียก่อนที่จะกลับด้วย
เมื่อถึงที่พำพัก สิ่งแรกที่สะดุดสายตาเมื่อมาเยือนหน้าเคหะสถาน เบื้องหน้าของทั้งคู่คือคอพิอุสที่นั่งดื่มชาใต้ต้นแอปเปิ้ล และเกรนเดลที่ยืนอยู่ด้านหลัง หาใช่เรื่องที่คุ้นเคยเมื่อคอพิอุสรับชา เพราะนอกเสียจากว่าจะมีแขกมาเยือนถึงบ้าน แต่ก่อนที่ราฟาเอลโร่จะทันได้ถามสิ่งใด เสียงของคอพิอุสเบื้องหน้าก็ดังขึ้น
“ทั่งคู่ไปไหนกันมา”
เป็นน้ำเสียงที่แสนจะราบเรียบ และตบท้ายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ข้าพาวิหคเพลิงออกไปรับแสงมาขอรับ”
ราฟาเอลโร่ตอบ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกพิกล
“มีคนกล่าวหาว่าเจ้าไปรังแกเขา”
ราฟาเอลโร่อ้าปากนิ่งค้างกับคำถามนั้น
“พวกนั้นมีตั้ง 5 คนเลยนะขอรับ ไม่สิท่านอาจารย์ทราบได้ยังไงครับ”
คอพิอุสที่ทำแค่หัาเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะยกชาขึ้นดื่ม กลับเป็นเกรนเดลที่ตอบคำถามนั้นแทนเขา
“มีขุนนางในราชสำนักกล่าวหาท่านคอพิอุสว่ารับมนุษย์มาอุปการะในพื้นที่ของเอลฟ์ แต่คำกล่าวหานั้นก็ตกไปเมื่อท่านคอพิอุส มีพระบรมราชานุญาตจากองค์ราชาเป็นเอกสารหลักฐานขอรับ แต่ก็ยังมิวายพยายามหาเรื่อง โดยการกล่าวว่าท่านราฟาเอลโร่กลั่นแกล้งบุตรชายของตนขอรับ”
ราฟาเอลโร่ถึงกับค้างกลางอากาศ และสงสัย ว่าทำไมเรื่องถึงได้มาถึงหูแหลมๆ ของคอพิอุสได้เร็วนัก และอีกใจก็นึกขอบคุณ ในการกระทำของวิหคเพลิงที่เข้ามาขัดจังหวะได้เหมาะทันเวลา ไม่งั้นเขาคงแก้ตัวอะไรไม่ได้เลย
“ข้าอธิบายได้ขอรับ”
หลังจากนั้นราฟาเอลโร่ก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ให้คอพิอุส และเกรนเดลได้สดับรับฟัง คอพิอุสถึงกับกล่าวชมเชยในความอดทน แม้การกล่าวชมนั้นจะมาพร้อมกับการตำหนิเบาๆ ว่าจะต้องอดทนมากกว่านี้ เพราะหากไม่มีวิหคเพลิงเคียงข้าง หรือหากมันไม่ได้เข้าขวาง เรื่องคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าพวกคนใหญ่คนโตสอนลูกกันยังไง ถึงได้เที่ยวรังควานคนอื่นเขาไปทั่ว นี่จะเป็นข้อคิดให้กับเจ้า จำไว้นะราฟาเอลโร่เราเปลี่ยนใครไม่ได้ เจ้าจำต้องคำนวนให้ดีว่าได้หรือเสีย เมื่อเข้าไปเกี่ยวพันกับคนเหล่านั้น”
หลังจากการบุกรุกเพื่อลอบลักพาสัตว์วิเศษที่เกิดขึ้น คอพิอุสก็อยู่บ้านน้อยลงทุกที นอกจากนอน จัดการกับการงานเอกสาร และมีแขกมาเยือนที่บ้านเท่านั้น
เขาจึงจะโผล่มาที่บ้าน ส่วนเรื่องการสอน ก็เพียงแค่สั่งงานพ่อบ้าน แล้วให้เกรดเดนสรุปถึงความคืบหน้า แต่ดีที่วันนี้คอพิอุสยังคงอยู่บ้านก่อนที่ราฟาเอลโร่จะลืมเลือนเขาไปเสียก่อน
“อาการของสัตว์เวทย์ตัวนี้ หายเป็นที่เรียนร้อยแล้วนะขอรับ”
แพทย์หลวง ที่มาเยื้อนพร้อมกับผู้ช่วยแพทย์กล่าว ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งสุดท้ายในการตรวจดูอาการของวิหคเพลิงแล้ว
“ขอบคุณท่านมาก ที่ลำบากเป็นธุระให้”
“เป็นหน้าที่ของข้าขอรับ งั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อนนะขอรับ”
แพทย์หลวง และผู่ช่วยค้อมคำนับคอพิอุสก่อนที่จะจากไป คอพิอุสที่แค่พยักหน้ารับ ตอนนี้หันมาหาราฟาเอลโร่เพื่อที่จะกำชับเขา
“ราฟาเอล เมื่อมันหายดีแล้ว มันก็คงอยากที่จะกลับไปอยู่ที่ของมัน พรุ่งนี้เช้าข้าวานให้เจ้าช่วยไปส่งมันทีจะได้ไหม”
และแล้วช่วงเวลาที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุดก็บังเกิดขึ้นจนได้ ราฟาเอลโร่พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนที่จะตอบกลับ
“ขอรับ ท่านอาจารย์ ตอนนี้ให้มันขึ้นไปพักก่อนดีไหมขอรับ”
“ก็ดี แล้วรีบลงมากินข้าวเย็นนะ”
คอพิอุสที่ค่อยมองราฟาเอลโร่เดินขึ้นบันได ก่อนที่จะละสายตา แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร โดยมีเกรนเดลเคียงข้างเช่นเคย
“ข้าละแปลกใจนักเกรนเดล ด้วยความสนิทสนมเช่นนั้น ใยการผูกจิตจึงมิบังเกิด”
คอพิอุสขมวดคิ้ว พร้อมกับประโยคที่หลุดออกมา
“การผูกจิตต้องเกิดจากการยินยอมทั้งสองฝ่าย ท่านคอพิอุสก็เคยสอนข้าว่า บ้างสิ่งก็ใช่ว่าเราจะกำหนดมันได้”
ใบหน้าของคอพิอุสเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ให้กับคำตอบของเกรนเดล
“นั้นสินะ ข้าก็แค่หวังบ้างสิ่งที่ข้ารู้ว่ามีในตัวเด็กคนนั้น แต่ก็อย่างที่เจ้าพูด”
คอพิอุสที่นั่งลงยังโต๊ะอาหาร และก่อนที่ทั้งสองจะได้กล่าวอะไรต่อ
“จดหมายขอรับ นายท่าน”
โนมตนหนึ่งที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ยืนจดหมายเหตุนั้นให้กับเกรนเดล พร้อมกันกับการมาถึงโต๊ะอาหารขงองราฟาเอลโร่ ผนึกของจดหมายได้ถูกแกะ โดยเกรนเดล เพื่อตรวจสอบเวทย์โจมตีหากได้มีการลงอาคมไว้ หลังจากนั้นจึงจะยื่นให้คอพิอุส เมื่อเปิดอ่านเขาก็หันไปทางราฟาเอลโร่ ด้วยรอยยิ้ม
“พรุ้งนี้เราจะมีแขกมา และดูเหมือนใครบ้างคนจะได้เพื่อนเพิ่ม”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น