ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอน 5
ตัวหนังสือที่ยาวเป็นพรืดเต็มหน้าคือรายละเอียดที่ดุจหทัยจะต้องปฏิบัติตามกำหนดสร้างความหนักใจให้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยาขมที่สุดคือ’การออกกำลังกาย’ ซึ่งเจ้าตัวพยายามไม่นึกถึงมัน จากนั้นจึงไล่สายตาลงไปยังข้ออื่นๆ จนกระทั่งครบจึงเงยหน้ามองชายหนุ่มสองคน ที่พอนั่งเคียงกันแล้วเหมือนตัวการ์ตูนหมูดำหมูขาวยอดฮิตสำหรับใครต่อใครหลายคน
“ป้า”
คัตสึโมโตะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ตกลงมั้ย”
“ยัง”
ดุจหทัยรีบออกปาก พลางคีบหมูย่างในจานจุ่มน้ำจิ้มเข้าปาก
“วินว่าไง”
“ก็ดีนะ”
ชีวินเองเพิ่งได้รู้จักกับเจ้าของโปรเจ็คส์ในวันนี้ หลังจากที่ลางานช่วงกะเย็น แล้วเดินทางกลับมาพร้อมกับหญิงสาว เพื่อนัดหารือเกี่ยวกับโปรเจ็คส์ของเพื่อนสาวให้กระจ่างแจ้ง จากนั้นจะได้ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่
“นกยูงบ่นกับวินตลอดว่าอยากลดความอ้วนๆๆๆ...นี่ก็เป็นโอกาสดีแล้ว ได้สวยแถมได้เงินติดกระเป๋าด้วย”
“แต่มันเหนื่อยอ่ะ”
หญิงสาวบ่นอุบ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกว่าจะไปตักอาหารมาเพิ่ม ซึ่งก็คงไม่พ้นพวกอาหารทอดหรือไม่ก็จำพวกแป้ง มันมีกลิ่นหอมยั่วจมูกและรสชาติอร่อยลิ้นมากกว่าผักที่จืดชืดนั่นเอง
“เพื่อนผม”
ร่างกำยำไหวไหล่ยามพูดตามแผ่นหลังอวบ
“เป็นแบบนี้แหละ”
“คุณชีวิน”
ร่างสูงโปร่งวางตะเกียบในมือลง แล้วกวาดสายตามองลูกค้าจำนวนมากมาย แม้จะเป็นวันธรรมดากลางสัปดาห์ก็ตามที โต๊ะติดๆ กัน มีผู้หญิงรูปร่างอ้วนอยู่สองคน กำลังเอร็ดอร่อยจากหมูกระทะ ทว่าไม่น่ามองดังเช่นคนที่เขาเลือก เพราะรายนี้แม้ดูจากสายตาว่าร่างกายนี้มีไขมันกระจายไปทั่วทั้งตัว แต่เธอกลับมีสัดส่วนเช่น...อก เอว สะโพกอย่างชัดเจน หากลดน้ำหนักจนเข้าที่ คงจะเรียกได้ว่าหุ่นสวยทรงนาฬิกาทรายเช่นที่ผู้หญิงใฝ่ฝันหา
“มีอะไรครับ”
“ป้าเขาคุยอะไรกับคุณบ้าง”
สรรพนามที่ได้ยิน ส่งผลให้คนฟังถึงกับนิ่งอึ้ง
“ป้า?”
“ผมเรียกตามหมูหยอง”
“อ๋อ”
ชีวินพยักหน้ารับ วางตะเกียบรวบช้อน ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม บ่งบอกว่าอิ่มแล้ว ชายหนุ่มจะทานไม่มากด้วยต้องรักษาหุ่นให้คงที่ เพื่องานแสดงที่เพิ่งจะได้เซ็นต์สัญญาไป
“เรื่องโปรเจ็คส์ของคุณพระนายคุยกับนกยูง...เธอเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว ขอบคุณนะครับที่เลือกนกยูง เพราะขืนปล่อยให้เพื่อนผมกินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่นานคงจะกลายเป็นหมูถาวรแน่”
“ป้า...สวยน่ามอง อย่างที่ว่าถ้าปล่อยไปก็เสียดายของ”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
คัตสึโมะโตะยิ้มจางๆ
“คุณว่ามีแนวโน้มจะสำเร็จรึเปล่างานนี้ เพราะผมเหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์ก็จะต้องพาป้าไปพบกับเอเย่นส์จากนิตยสารแล้ว”
“ผมเข้าใจ แต่ตอนคุยกันเมื่อวานก็แบ่งรับแบ่งสู้เหมือนเมื่อกี้นั่นแหละ อิดออดไปเรื่อย แต่ถ้าคุณวางเงินมัดจำสักก้อนอย่างที่บ่นคงจะไม่ยากแน่นอน”
เมื่อพูดประโยคนี้จบชายหนุ่มทั้งสองต่างก็หัวเราะให้แก่กัน โดยไม่เห็นว่าบัดนี้ร่างอ้วนยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านหลังร่างกำยำล่ำสันนั่นเอง กระทั่งต้องกระแอมดังๆ ถึงได้เงียบกันทั้งคู่
“สนุกมากรึไงที่ได้นินทานกยูง”
“เปล่า”
“อย่ามาเถียงนะวิน...เค้าได้ยินตัวเองเมาท์มอยกับหู”
ดุจหทัยทำหน้าตึง ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้พลาสติก จากนั้นมืออูมก็จัดการปิ้งย่างเนื้อสัตว์ในจานที่เอามาใหม่ ก่อนจะโซ้ยข้าวผัดกับน่องไก่ทอดหนุบหนับอร่อยเหลือเกินจนคัตสึโมะโตะเห็นแล้วอยากส่ายหน้าเสียจริง ทว่ากลับต้องทำเฉยเพราะไม่อยากขัดอารมณ์ เดี๋ยวแม่คุณจะวีนแตก
“ขอโทษที่พาดพุง”
“พาดพิงย่ะ!”
“นี่ป้า”
หญิงสาวตวัดสายตามองคนเรียก หลังจากทำปากยื่นใส่เพื่อนชายซึ่งเอ่ยแซว
“อะไร”
“นกยูง”
“เค้าจะไม่คุยด้วยถ้าวินทำเสียงเหมือนเค้าเป็นเด็กๆ แบบนี้”
เพื่อนชายถึงกับหุบปากเมื่อโดนปราม จึงยกมือยอมแพ้จนได้
“ผมว่าป้ากินเก่งนะ...นี่ก็เกือบชั่วโมงแล้วป้ายังไม่หยุด แถมยังไปตักเพิ่มอีก ถ้าลูกค้าเป็นแบบนี้ทุกคน...ร้านอาหารคงได้กำไรไม่มาก”
“ปากไม่ดีนะคุณเนี่ย”
“หือ?”
ร่างสูงโปร่งเลิกคิ้วกับคำต่อว่า แต่ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกว่าเขาไม่พอใจกับการถูกหักหน้าเช่นนี้
“เอาล่ะป้าว่าไงเรื่องงานของเรา”
“เงินนะจะจ่ายมั้ย? ถ้าเงินมา...งานก็เดิน โอเคเปล่าล่ะ”
ร่างอ้วนรีบตีขลุมเมื่อได้โอกาสดี และแล้วก็ยิ้มร่าฉีกยิงฟันเพราะคนที่นั่งตรงข้ามพยักหน้า จึงรีบบอกให้จัดการโดยด่วนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งคนว่าจ้างก็ตกลงเป็นแม่นมั่นว่าจะเรียบร้อยหลังจากที่เธอไปพบเอเย่นส์นิตยสารด้วยกันในสภาพที่น้ำหนักต้องลงกว่านี้อย่างน้อย 2 กิโลกรัม
“ไม่มีปัญหา...แต่ฉันขอเวลาสองวันเอ็นจอยกับอาหารที่ชอบหน่อยได้มั้ย แล้วคุณก็ต้องเป็นฝ่ายออกตังค์ด้วย วินว่ามั้ยนกยูงอยู่เฉยๆ ไม่เดือดร้อนกับสภาพของตัวเองสักหน่อยเนอะ”
“อือ”
“แล้ววินจะมาช่วยนกยูงปะ?”
หญิงสาวถามเพื่อน แต่ตีตะเกียบเข้าที่หลังมือของคัตสึโมะ เมื่อเขาจะแย่งปลาหมึกบนเตาไฟ
“แบ่งกันมั้งก็ได้นะป้า”
“เสียใจ...อยากกินก็ไปตักเองสิ”
“จะกินหมดคนเดียวงั้นสิ!”
คนว่าจ้างงานได้รับคำตอบเป็นตาดุๆ จึงถอยห่าง
“โอเคๆ งั้นผมจะคุยงานบนโต๊ะอาหารนี่แหละ...คุณสองคนคงเคยได้ยินว่ามันจะทำให้เราตกลงกันง่ายขึ้น”
“ได้”
“คุณวินว่ายังไงในฐานะที่จะมาเป็นผู้ดูแลป้า”
คราวนี้ร่างสูงโปร่งหันไปขอความเห็นจากชีวิน
“ผมคิดว่าสบายมากสำหรับผู้หญิงอย่างนกยูงนี่...แค่ควบคุมอาหาร ออกกำลัย ทำทรีตเมนต์เข้มข้นสักสองเดือนคาดว่าน้ำหนักก็คงจะลดได้สัก 15 กิโลกรัม รูปร่างเฟิร์มสวยอย่างแน่นอน”
“หา? 15 กิโลกรัม...ตายแน่ๆ”
“ไม่ตายหรอกนกยูง”
เพื่อนชายค้าน แต่ร่างอ้วนกลับส่ายหน้าไม่เชื่อ เพราะที่ผ่านมาก็เคยลดน้ำหนัก อาทิตย์เดียวได้เกือบ 3 กิโลกรัม ด้วยวิธีการลดอาหารจำพวกแป้ง แล้วก็งดมื้อเย็น แต่พอตบะแตกกลับกินมากกว่าเดิมจนเหมือนมีอาการโยโย่ดีดเด้งกลับมาด้วยน้ำหนักเพิ่มอีกเท่าตัว
“เชื่อวินสิ”
“นกยูงหนักตั้ง 70 โล ถึงจะสูง 165 เซ็นต์ก็เหอะ...วินจะให้ลดเหลือ 55 โล ภายในสองเดือนเนี่ยนะ! ไม่...ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด ให้มากสุด 5 โลอ่ะ”
“ป้า”
“’ไรยะ?”
คัตสึโมะโตะมองร่างอ้วนนิ่งเฉย สายตาของเขามองพลาดไปรึอย่างไรว่าหญิงสาวตรงหน้านี้อดทน มีมานะ บากบั่นในการงาน แต่ไฉนถึงได้ออกปากคัดค้านเสียงแข็งแบบนี้ หรือว่า? เธอจะเคยอยากสวยมาก่อนหน้า แต่ล้มเหลว
“ป้าเคยน้ำหนักน้อยที่สุดเท่าไหร่...ตอนสาวกว่านี้”
“50 ย่ะ”
“ดัชนีมวลกายของป้าตอนนั้นเท่ากับ 19.47 ระดับปรกติ แต่ตอนนี้เป็น 25.71 ก็แค่อ้วนปานกลางเท่านั้น”
ทว่าหญิงสาวกลับทำหน้ามุ่ย
“แต่มันก็คืออ้วนเหมือนกัน...จะมาก จะน้อย ก็ถือว่าอ้วน”
“แล้วนกยูงอยากอ้วนแบบนี้ไปตลอดรึไง?”
“ที่จริงก็ไม่นะ”
ดุจหทัยเสียงอ่อยตอบชีวิน พลางวางตะเกียบในมือลง แต่ตายังมองเนื้อสัตว์ย่างบนเตาอีกมาก ส่วนของทานเล่นจัดการจนเกลี้ยงไปหมดแล้ว
“คิดได้แบบนี้ก็ยังดี...สรุปว่านกยูงลองดูหน่อยเถอะ อย่างวันนี้วินเห็นนกยูงกินอาหารพวกทอดๆ กับพวกที่ทำจากแป้งตั้งเยอะ แถมตอนกลางวันก็กินทั้งข้าวทั้งขนมเค็กแล้วก็กาแฟเย็นด้วย ไม่รู้ว่าแคลอรี่ที่รวมกันวันนี้จะเกินห้าพันรึยัง? กินมากแบบนี้เดี๋ยวท้องแตกแบบชูชกหรอก”
หญิงสาวรีบค้าน หากความจริงได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนั้นมาแล้วต่างหาก
“เว่อร์”
คัตสึโมะโตะถึงกับอึ้ง แต่ชั่วครู่ก็เห็นว่าเป็นจริงเพราะดูจากพฤติกรรมการกินของเธอ
“นั่นสินะว่าจะถามเหมือนกันว่าป้า...กินหรือสวาปาม”
“แหม! ได้ยินคำนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะมีเชื้อไทยอยู่ในตัวนิดเดียว จะใช้คำได้กระแทกใจแบบนี้...ถ้าได้ยินคำอื่น สงสัยจะมีวางมวยกันสักหมัด”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกรีดอายไลเนอร์ให้ดูโตนั้น มีประกายไฟขัดเคือง
“ความจริงยังไม่กล้ารับ”
“เอ๊ะ!!”
“เวลาไม่พอใจ...ป้าก็ทำเสียงดังข่มคนที่คุยด้วย ไม่น่ารักสักนิด”
และเพราะประโยคเจ้ากรรมนี่ทำให้หญิงสาวถึงกับปรี๊ด
“แล้วจะทำไม? ไม่พอใจก็ไปหาคนอื่นเลย...คนที่พูดง่าย ไม่มีปัญหา ไม่อารมณ์ขึ้นง่ายลงง่ายแบบฉันมีตั้งเยอะแยะ ไม่เห็นจะต้องมาทนฉันกัดคุณแบบนี้”
“นกยูงอย่าหาเรื่องคุณพระนายเลยน่า”
ชีวินซึ่งชักจะรำคาญเพื่อนที่ไม่มีเหตุผล รีบห้ามทัพ
“ตกลงว่านกยูงรับงานนี้เลยแล้วกัน...สำหรับผมมีหน้าที่คอยดูแลเรื่องออกกำลังกาย ส่วนคุณพระนายก็จะรับในเรื่องของเมนูอาหาร”
“เริ่มงานวันศุกร์แล้วกัน”
หญิงสาวมองชายหนุ่มสองคนที่ไม่สนใจเธอสักนิด
“วิน”
“ขอวินคุยกับคุณพระนายก่อน”
เทรนเนอร์หนุ่มยกมือห้ามร่างอ้วน
“เริ่มวันศุกร์นะครับคุณพระนาย...สองวันก่อนจะถึงกำหนดก็ให้นกยูงกินอาหารที่ชอบกินอย่างเต็มที่ ไม่อั้นเพื่อเป็นรางวัลก้อนแรกก่อนเริ่มงานแล้วกัน พอถึงวันที่จะเริ่มผมจะพาไปสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนส หลังจากสองอาทิตย์ผ่านไป ค่อยมาชั่งน้ำหนักกันดูว่าลดลงไปได้เท่าไหร่”
ข้อเสนอของเขาผู้นี้จะช่วยให้คนเข้าโปรแกรมไม่เครียดจนเกินไป เพราะอย่างน้อยมีผู้ร่วมทางไปด้วยกันถึงสามคนในความคิดของเจ้าของโปรเจ็คส์
“ได้...ส่วนเรื่องอาหารผมจัดการให้ป้าเอง”
“ถ้างั้นก็มีขนมจีนแกงเขียวหวาน...ขาหมูพะโล้...คอหมูย่างกับส้มตำ...ข้าวขาหมู...ข้าวมันไก่...หนังไก่ทอด...เฟรนซ์ฟราย...ไส้กรอกทุกชนิด...ปลาหมึกทอดกระเทียม...ไข่เจียวหอยนางรม...เค็กทุกหน้า...คุ๊กกี้...ไอศกรีม พอมั้ย? หรือนกยูงว่าอยากได้อย่างอื่นอีก”
เพื่อนชายหันมาถามเธอ ซึ่งทำหน้าปุเลี่ยนๆ
“เกินไปนะวิน! ใครจะไปกินไหวในสองวันอ่ะ”
“วินพูดเล่นน่ะ”
“ถ้างั้นป้าอยากกินอะไร...ผมจะสั่งให้”
คัตสึโมะโตะเอาใจเต็มที่ แต่คนที่จะต้องเข้าโปรแกรมกลับส่ายหน้า
“ไม่เอาอ่ะ! ได้ยินแล้วก็เซ็ง...เอาเป็นว่าฉันหากินเองก็ได้สองวันเนี้ย จะได้ไม่ลำบากคุณ ส่วนไอ้ที่เคยคุยกันวันก่อนว่าจะพาฉันไปถ่ายรูปนู้ดอะไรนั่นน่ะ จะไปวันไหน? ฉันพร้อมเต็มที่...มันคงไม่น่าดูอยู่แล้วถึงจะอ้วนขึ้นหรือผอมลงในวันสองวันนี้”
“ใครว่านกยูงสวยจะตายไป”
“วินก็ดูถูกนะ...หึหึ...ไม่ดูผิดสักนิดเลย แต่ไม่ต้องมาทำปากหวานหรอก ยังไงๆ นกยูงก็คงจะบ่ายเบี่ยงอะไรไม่ได้ เพราะทั้งวินแล้วก็คุณพระนายเห็นพ้องด้วยกันหมดแล้วนี่”
ดุจหทัยค้อนคว่ำใส่พวกเขา
“ก็ดีแล้ว โอ๊ะ!...ขอตัวรับโทรศัพท์สักครู่”
คัตสึโมะโตะคว้าเจ้าสิ่งนั้นซึ่งวางไว้ข้างตัวแล้วปลีกตัวออกไปตรงนอกร้าน ปล่อยให้คนร่วมโต๊ะนั่งมองหน้ากันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างอ้วนจะคีบอาหารบนเตาวางในถ้วยของเพื่อน พลางขอให้ช่วยกันกินให้หมด เพราะไม่อยากถูกปรับเงินที่กินไม่หมด เหลือทิ้งขว้างโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง
“นกยูง”
“อะไรจ๊ะ”
“ถามหน่อยถ้าได้เงินแล้วจะเอาไปทำอะไร? วินไม่เคยเห็นนกยูงอยากได้มันขนาดนี้”
หญิงสาวเองถอนหายใจในคำถามนี้
“เทอมหน้านี้หมูหยองจะเข้า ป.1 แล้ว...นกยูงจะเก็บเงินก้อนไว้ให้หลาน ดูๆ ไว้คงเป็นโรงเรียนสาธิตในมหา’ลัยนี้แหละ เดินเท้าไปกลับได้สบายๆ ไม่ต้องเป็นภาระ”
“ค่าธรรมเนียมก็เยอะอยู่นะ”
เธอพยักหน้ารับ
“แต่ก็ดีแล้วล่ะที่มีคนมาเห็นความสวยที่ถูกกลบไว้ตั้งนาน...วินว่าดีมั้ยละ? ได้สุขภาพดีกลับคืนมา แถมได้สวยอีกครั้งอ่ะ”
“อือ”
“ที่จริงนกยูงไปตรวจสุขภาพมา เจอะว่ามีไขมันในเส้นเลือดตั้ง 250 แหนะ แถมยังมีไขมันมันตัวร้ายเจ้าแอลดีแอลเยอะกว่าอีกตัวมากโขอยู่...หมอเลยแนะนำให้อดอาหารกับออกกำลังกาย แต่...”
“ขี้เกียจ”
ร่างกำยำต่อให้จบประโยค ก่อนที่จะหัวเราะร่วน
“รู้ดีจริงนะ!”
“งั้นเรามาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ดีกว่า...เพื่อตัวของนกยูงเอง”
“ว่าแต่วินเชื่ออีตาคุณพระนายนี่ได้เหรอว่าที่เขาบอกไม่ใช่เรื่องโม้น่ะ”
ดุจหทัยชะเง้อมองร่างสูงโปร่งของคนที่กำลังพูดถึง จึงได้เห็นว่าเขาคนนั้นชักสีหน้าหงุดหงิดขณะคุยโทรศัพท์ และแล้วก็ตัดสายทิ้งสอดมันไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วยืนกอดอกจากนั้นหันหน้าไปยังถนนซึ่งรถราวิ่งขวักไขว่
“นามบัตรนี่ไง”
กระดาษสีขาวและเนื้อแข็ง ถูกส่งมาให้
“โห...เป็นถึงผู้จัดการฝ่ายศิลป์ของสำนักพิมพ์ดังที่มีร้านหนังสือในห้างฯ เนี่ยนะ! ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็นะอยู่ฝ่ายศิลป์ไงถึงได้แต่งเนื้อแต่งตัวสิเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ถ้าคีบแตะได้ก็คงทำไปแล้ว แต่ที่ขัดตานกยูงก็คงเป็นทรงผมยาวรกรุงรังนั่นอ่ะ”
“ดูดีออก วินชอบนะ...เซอร์ๆ ดี”
“ไม่ชอบ”
ร่างอ้วนทำเสียงจริงจัง
“แล้วชอบแบบไหน”
“ถามได้! ก็แบบวินไง”
คำตอบกระแทกใจอย่างจัง จนชีวินถึงกับหัวใจพองโตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“นกยูง”
“จริงๆ...วินน่ะ ดูดีในลุ๊คส์แบบนี้ ห้าม! เปลี่ยนไปเป็นอย่างคนนั้นเด็ดขาด”
หญิงสาวบุ้ยใบ้ไปที่คนกำลังเดินกลับมา
“ถ้านกยูงชอบ...วินก็จะไม่เปลี่ยน”
“จ้ะ”
“แล้วเมื่อไหร่นกยูงจะได้ดูละครของวินล่ะ”
“อีก...”
ทว่าเพื่อนชายยังตอบไม่จบ ชายหนุ่มอีกคนก็กลับมาถึงโต๊ะพร้อมกับบอกว่าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจะต้องกลับบ้านด่วนเพราะมีคนมาคอยที่บ้าน จึงเร่งให้หญิงสาวล่ำลาอย่างด่วน จากนั้นจึงเดินนำไปยังรถคันสวยป้ายแดง โดยที่คนโดยสารมองด้วยความสงสัยว่าเหตุใดถึงยังใช้งานอยู่ แต่ก็ไปได้เอ่ยถาม นอกจากนั่งมองวิวด้านนอกไปเรื่อย ปล่อยให้บรรยากาศภายในรถมีแต่ความเงียบกระทั่งถึงอีกฝ่ายส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น