ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอน 4
เสื้อผ้าสีฉูดฉาดสดใสราวลูกกวาดเรียงเป็นตับบนราวกระตุ้นให้ดุจหทัยที่วันนี้โดนหลานชายบังคับมาเดินห้างสรรพสินค้ากับคัตสึโมะโตะ ซึ่งโทรศัพท์มานัดแนะกับเด็กชายภควัฒน์ตั้งแต่สายของวัน ช่างน่าหมั่นไส้ที่หลานชายตัวดีทำมาเป็นออดอ้อนออเซาะขอนอนด้วย แถมยังสัญญาว่าจะกอดคนเป็นป้าเสียแน่น พร้อมทั้งตบอกดังๆ บอกจะเป็นองครักษ์ปกป้องให้พ้นจากอันตรายอีกต่างหาก
ทว่าที่ไหนได้ กลับนอนเล่นเกมส์แองกี้เบิร์ดในไอแพดเพลินจนหลับตาเครื่อง ปล่อยมันเท้งเต้งไว้บนหน้าอก ไม่สนใจจะทำอย่างที่เอ่ยปากบอก สุดท้ายร่างอ้วนก็ต้องขยับเจ้าคนที่นอนกรนเพราะร่างกายอวบอ้วนให้ชิดข้างฝา เธอถึงจะได้นอนสบายๆ บนเตียงเดี่ยวบ้าง
“ป้านกยูง”
เสียงเล็กๆ พร้อมกับมือป้อมๆ กระตุกที่ชายเสื้อยืดคลุมสะโพก เรียกความสนใจคนที่กำลังตาวาวกับเสื้อผ้าให้ก้มมอง และก็ส่ายหน้าเมื่อปากน้อยๆ ช่างจำนรรจามาตลอดทางจากบ้านถึงห้างเลอะไปด้วยไอศกรีม จนต้องหยิบทิชชู่ในกระเป๋าส่งให้
“แล้วนี่จะกินอะไรอีกพ่อหนุ่มน้อย”
“ป่าว”
ดุจหทัยเลิกคิ้ว ทำหน้าไม่เชื่อ เพราะนี่ก็ล่วงเข้าบ่ายสามโมงแล้ว ปรกติถ้าอยู่บ้านก็ต้องมีอาหารว่างให้กินอยู่เสมอๆ ไม่ขาดปาก
“งั้นมีอะไรครับ”
“เสื้อผ้าพวกนี้ป้านกยูงใส่ไม่ได้หรอก”
“หือ?”
คิ้วเข้มที่ไม่ได้รับการตกแต่งให้เข้ารูปขมวดเข้าหากัน และยิ่งแน่นเป็นปมพร้อมกับแววตาเคลือบความใจดีเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้น เพราะได้ยินคำจากปากสีเรื่อของคนที่พามาด้วยนั่นเอง
“ทำไมฉันจะใส่ไม่ได้!”
“คุณอ้วน”
ความจริงส่งผลให้คนฟังฉุนกึก รู้ตัวดีตั้งแต่เข้าห้างมาแล้วว่ามีคนมองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าผู้หญิงอวบอ้วนกับเด็กผู้ชายผมหยิกหยอยน่ารักน่าหยิกสไตล์เดียวกันนั้น จะเดินเคียงคู่กับชายข้างตัวที่รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูบึกบึนแข็งแรงน่าซบอกในความรู้สึกของสาวๆ หลายคน
“พูดจาน่าเกลียด”
“ผมพูดความจริง”
คัตสึโมะโตะเถียง พลางส่งชุดสีเทามาให้ ทว่าคนที่ชอบเสื้อผ้าสีสดใสได้แต่มอง ไม่ยอมรับ
“คุณอ้วน”
“เอ๊ะ!!”
“เมื่อกี้ผมเดินมากับคุณ...มัน...”
“ถ้าอายก็ไม่ต้องมาเดินด้วย อ้อ! กลับไปก่อนก็ได้นะ...เดี๋ยวฉันจะกลับกับเจ้าหมูหยองเอง”
ร่างอ้วนทำเสียงแข็งใส่
“ผมสัญญากับหมูหยองว่าจะพาไปดูเครื่องเขียนเบ็นเท็น”
“คุณไม่ต้องมาติดสินบนหลานฉัน”
คราวนี้คนที่โดนอ้างถึงเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนคอตั้งบ่า ฝ่ายคนเป็นป้าก็เท้าสะเอวมองตาแทบถลน ส่วนฝ่ายเพื่อนบ้านคนใหม่แสนใจดีก็เอาแต่กอดหน้าอกมองตอบกลับแบบไม่ลดราวาศอกเช่นกัน ดูท่าทางแล้วคงจะเกิดศึกเหมือนอย่างที่พ่อกับแม่เคยงอนกัน ดังนั้นเด็กแก่แดดคนนี้จึงถอยห่างแล้วไปหาที่นั่งเล่นคนเดียว แต่แค่ไม่กี่วินาทีเจ้าของร้านก็มาคุยเล่นด้วย โดยแอบลุ้นเช่นกันว่าวันนี้จะขายสินค้าให้คู่ที่กำลังตั้งท่าแง่งๆ ใส่กันได้สักชิ้นหรือไม่
“ผมอยากให้เขาเอง”
“เชอะ!”
“ทำเสียงแบบนี้...อย่าบอกนะว่าคุณป้านกยูงอิจฉาหลานชาย”
ถ้อยคำกล่าวหาไม่เป็นความจริงสักนิด สร้างความเดือดดาลให้เป็นอย่างยิ่ง แต่มีหรือที่คนอย่างเธอจะยอมให้โดนอยู่ฝ่ายเดียว คิดแค้นเคืองว่าเขาอยากสปอยล์เด็กชายมากนักใช่มั้ย? เดี๋ยวจะเธอจัดให้ฟูลคอร์สจนกระอักเลยทีเดียว
“แล้วถ้าใช่ล่ะ?”
“ก็แสดงว่าคุณโตแต่ตัว”
และนี่หรือคือสิ่งที่ได้ยินจากเรียวปากสีเรื่อนั่น
“คุณพระนาย!”
“ครับคุณป้านกยูง”
คิ้วเข้มหนาแน่นเลิกขึ้นอย่างอารมณ์ดีที่เห็นหญิงสาวเต้นเป็นเจ้าเข้าได้
“ถามหน่อยเถอะ! คุณกับฉันเป็นเพื่อนบ้านกันแค่ไม่กี่วัน คุณคิดว่าสนิทกันมากถึงขนาดแซวกันเจ็บๆ แบบนี้แล้วงั้นเหรอไง”
“ครับ”
“กล้าพูดนะยะ”
“พูดเล่นน่า...คุณไม่ได้เป็นอย่างที่ผมบอกซะหน่อย เอาล่ะๆ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ รีบๆ เลือกเสื้อผ้าเถอะ...ผมซื้อให้เอากี่ชุดก็ได้ แต่ต้องเป็นราวโน้นนะสำหรับผู้หญิงตัวใหญ่”
คัตสึโมะโตะรีบตัดบท แล้วผละไปหาเด็กชายภควัฒน์ที่เริ่มจะเบื่อ เมื่อทรุดนั่งเก้าอี้แล้วก็จับตามองท่วงท่าการเดินของร่างอ้วนที่ดูเหมือนจะคล่องแคล่วว่องไวสำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก หากให้เดาคงจะราวๆ 70 กิโลกรัม ส่วนเรื่องความสูงคงจะน้อยกว่าเขาที่สูงราว 185 เซนติเมตร สักประมาณครึ่งฟุตนั่นเอง
ดุจหทัยเองก็เหมือนนกรู้ เพราะแลจากหางตาก็เห็นว่าชายหนุ่มแอบจับตามองอยู่ตลอด จึงได้แต่บ่นพึมพำขณะเลือกเสื้อผ้าตัวโคร่ง สีออกทึมๆ ไม่เป็นที่ถูกใจสักนิด เท่านั้นไม่พอยังไม่มีพวกโบว์หรือเครื่องตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูคิกขุน่ารักหรือออกแนวหวานสักนิด
ทว่าด้วยรูปร่างที่เป็นอยู่กับการที่ไม่ต้องเสียเงิน ทำให้จำยอมเลือกอย่างเสียไม่ได้
“คุณพระนาย”
“ครับ”
เสียงทุ้มตอบรับอย่างรวดเร็ว ขณะที่ชี้นิ้วไปยังเมนูอาหารซึ่งคิดว่าคนโทรมาน่าจะชอบ วันอาทิตย์เช่นนี้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้ามักจะแออัดไปด้วยผู้คนที่ออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน และร้านยอดนิยมนี้ก็เช่นกัน ต้องรอคิวแต่ระหว่างนั้นพนักงานให้ลูกค้าสั่งรอได้เลย เมื่อเวลากลับมาจะได้ไม่ต้องคอยให้เสียอารมณ์
“ฉันได้เสื้อผ้าเครื่องประดับครบแล้ว...จ่ายไปเกือบห้าพัน เตรียมเงินคืนฉันด้วยนะ...ห้ามเบี้ยว!!”
ชายหนุ่มได้ยินประโยคนี้ก็แทบหัวเราะก๊ากกับความงกที่หลานชายได้โอ้อวดก่อนหน้านี้
“ไม่มีปัญหา”
“แล้วนี่คุณหายไปไหน? อย่าบอกนะว่าคิดจะจับแกเรียกค่าไถ่อ่ะ...ไม่คุ้มหรอก กินยังกะยัดทะนาน...อยากกินไปหมดทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่มีทางอิ่มง่ายๆ หรอก เท่านั้นยังไม่พอทั้งดื้อทั้งซน แถมเวลานอนนะยังกรนเก่งดังกว่าหวูดรถไฟอีกต่างหาก รับรองว่าคุณเอาไปแล้วปวดหัวแน่ๆ”
“หือ?”
ปลายสายถึงกับเลิกคิ้ว
“เพราะฉะนั้น! เอาหมูหยองมาคืนฉันเลย”
“คุณนี่นินทาหลานชายตัวเองได้ไฟแลบเชียว”
“ไฟแลบ! มันหมายถึงด่าย่ะ”
หญิงสาวทำเสียงขุ่นตอกกลับไป ตั้งแต่ผ่านชีวิตมานาน ไม่มีใครเลยที่จะยั่วโมโหได้มากเท่ากับผู้ชายคนนี้ สำหรับแฟนเก่าหรือแม้แต่ชีวินเพื่อนรัก ก็เย้าแหย่แต่ไม่ขวานผ่าซากหรือใช้ภาษาไทยได้กำกวมให้ปวดหัวเล่นอย่างคนที่กำลังคุยด้วย
“ปรกติคนอ้วนๆ นี่จะอารมณ์ดีนะ หรือว่า...คุณทำเป็นร่าเริงเพื่อปกปิดปมด้อยตัวเอง”
“คุณพระนาย! ปากดีแบบนี้ ถ้าฉันอยู่ตรงหน้าคุณ จะซัดให้หน้าปูดเลย”
“อย่ามัวแต่คุยอยู่เลย...รีบมาที่ร้านเหอะ”
ร่างอ้วนทำตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน นี่แสดงว่าไอ้ที่หลานชายตัวดีพ่นๆ ออกจากปาก เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนแล้วผ่านร้านนั้น ทำให้คนที่พามาบ้าจี้ควักเงินเลี้ยงอีกแล้วรึไง? เมื่อเป็นแบบนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาเอาอกเอกใจเด็กจนเสียคนเป็นแน่ และพอก้าวฉับๆ ไปถึงร้านก็ต้องหน้าแดงแปร๊ด เพราะเสียงเรียกจากหลานชายตัวดี ยิ้มเห็นฟันหลอขี่คอร่างสูงโปร่งจนเป็นจุดโดดเด่นเรียกสายตาของคนได้ไม่ยากเลย
“หมูหยอง!!”
“คร๊าบแม่”
“ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไปทำอะไรแบบนั้นได้ไง? เดี๋ยวจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย หรือว่าจะให้อดข้าวเย็นดี”
หญิงสาวรีบโผเข้าหา หมายดึงรั้งให้ร่างกลมลงมายืนพื้น แต่ชายหนุ่มกลับแกล้งขืนตัวหนี เท่านั้นไม่พอยังด้วยรูปร่างที่ไม่เทอะทะทำให้สามารถหลีบคนเจ้าเนื้อ แถมสองมือยังมีถุงกระดาษเนื้อดีเกะกะกีดขวางการทำงานจนเธอนึกโมโห และแล้วร่างสูงโปร่งก็แทบหัวเราะก๊ากเมื่อคนขี้โมโหทิ้งของในมือลง แล้วเท้าสะเอวอวบใส่
“หมูหยอง!”
“แม่อย่าทำผมนะ...ผมไม่ได้ตั้งใจ พ่อคับ...แม่โกรธแล้วที่เราแอบไปเหล่หญิงกัน บอกแล้วไม่เชื่อว่าเอาไว้ค่อยแอบมากันสองคนอ่ะ”
ชายหนุ่มที่ได้ฟังคนบนบ่าเจื้อยแจ้วถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาจริงๆ ในคราวนี้ แต่ยังไม่ได้พูดอะไรก็ต้องชะงัก หันไปพยักหน้าให้กับพนักงานที่เรียกเพราะถึงคิว จึงได้คุกเข่าเพื่อให้เด็กชายลง ซึ่งก็รู้งานเพราะร่างกลมเข้าไปพัวพันคนเป็นป้า แถมยังทำเป็นช่วยเก็บข้าวของมากมายเข้าไปในร้านคนเดียวอีกต่างหาก
เมื่อไปถึงโต๊ะที่จองไว้ ก็ยกพวกมันไว้บนเก้าอี้นวมด้วยความเรียบร้อย จากนั้นถอนหายใจราวกับเหน็ดเหนื่อยหนักหนา สร้างความหมั่นไส้แกมขำขันให้กับคนมองที่แสร้งทำหน้าตึงใส่ ไม่พูดไม่จาด้วยสักคำ จนท้ายที่สุดผู้ชายเหมือนกันต้องเป็นฝ่ายชักชวนเด็กชายให้ไปเลือกอาหารด้วยกันตามลำพัง
เมื่อกลับมาอีกครั้งก็พบว่ามีจานซุปเห็ดร้อนๆ ครึ่งถ้วยวางไว้ตรงหน้าเจ้าตัวป่วนเรียบร้อยแล้ว
“ป้านกยูงหายงอนแล้วแฮะ”
“ทั้งๆที่เราทำแสบแบบนี้”
คัตสึโมะโตะวางจานถั่วแระลงบนโต๊ะขณะทรุดนั่งบนเก้าอี้ซึ่งลุกออกง่าย ก็เอ่ยเย้าเด็กชายที่หยิบช้อนขึ้นมากำไว้แน่น แล้วค่อยๆ ช้อนซุปเหนียวข้นขึ้นมาเป่าให้เย็น และก็ขยับมือเรียวยาวหนีเมื่อจานสีขาวสามใบวางกระแทกลงมาจนอาหารในจานแทบจะหกออกมา
“เบาๆ หน่อยก็ได้น่ะคุณ”
“ฉันหิวนี่”
ดุจหทัยซึ่งไม่ได้ทานมื้อเช้านอกจากนมสดเพียงแก้วเดียว เพราะมัวแต่ทำงานบ้าน รวมทั้งเสียพลังงานไปมากมายในการรีดผ้ากว่าสองชั่วโมง พอเจ้าตัวแสบได้ยินเสียงกริ่งก็เพิ่งบอกว่ามีนัดไปเที่ยงห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนบ้าน ทั้งที่พ่อแม่ยังหลับอยู่ แล้วเธอจะปล่อยให้หายไปกับคนที่เพิ่งรู้จักได้อย่างไรกัน
“แล้วก็อย่ายั่วโมโหด้วย...ไม่งั้นมีเคือง”
“หือ?”
“ไม่ต้องมาทำเลิกคิ้วขำด้วย ทำไม? แล้วนี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงกินเก่งเหรอยะ...ถึงได้ทำตาโตเป็นไข่ห่านแบบนั้น”
สลัดพูนจาน ผัดหมี่ปริมาณไม่น้อยน่ากัน ส่วนจานสุดท้ายตรงหน้าเป็นพาสต้าหน้าทูน่าฉ่ำเยิ้ม มือซ้ายจับขนมปังเนยเค็มเข้าปากสลับกับมือขวาหมุนเส้นอย่างต่อเนื่อง
“เปล่า”
“ก็ดี”
“ว่าแต่หมูหยองกินง่ายดีนะ...แป๊บเดียวซุปหมดชามแล้ว”
คำบอกกล่าวนี้ทำให้คนเป็นป้าเหลือบมอง
“หมูหยอง”
“คับ”
“เอาข้าวเกรียบมั้ย? ป้าไปหยิบให้”
เด็กชายภควัฒน์ส่ายหน้า แล้วขออนุญาตไปตักด้วยตัวเอง ซึ่งไม่น่าห่วงเพราะเคยพามาจนจำได้ว่าพอไปถึงบริเวณซุ้มอาหารก็ให้มองหาพี่พนักงานหรือไม่ก็ขอให้แขกคนอื่นช่วยจัดการตักอาหารให้
“คุณป้าครับ”
“ฉันว่าคุณเรียกชื่อฉันก็ได้นะ....ไม่จำเป็นก็อย่าเรียกป้า มันแก่!”
“แต่ผมว่าน่ารักดีออก”
หญิงสาวบอกไม่เห็นด้วย
“โอเคๆ...เออนี่คุณป้า”
“ยังเรียกอีก”
“อาหารร้านนี้อร่อยดีนะ”
ชายหนุ่มกลับไม่อยากพูดธุระขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะเห็นว่าหญิงสาวที่จ้องเขาตาแป๋วคงจะวางทุกอย่างในมือลงหลังจากที่ได้ยินคำแสลงหูว่า ‘ลดความอ้วน’ จึงได้แต่เฉไฉไปพูดเรื่องที่เธอออกจากปลื้มไม่น้อยในเวลามีความสุขนั่นเอง เช่นนั้นนอกจากจะเงียบแล้วก็ยังปล่อยให้ป้าหลานอร่อยจนเต็มที่
กว่าจะได้นั่งนิ่งมองหน้ากัน ก็ผ่านไปกว่า 45 นาที
“อิ่ม”
ร่างอ้วนบ่นอุบ แต่สีหน้ากลับระรื่น ยิ้มแต้
“คุณแน่ใจเหรอ?”
“ค่า”
เธอแกล้งทำเสียงยานคางใส่ แถมยังยื่นมือไปขยี้ผมหลานชายที่ตักเยลลี่เข้าปากเป็นก้อนที่สามแล้ว
“ป้านกยูงอร่อยเนอะ...หมูหยองอิ่มมากอ่ะ เย็นนี้คงกินหมูกระทะไม่ได้แน่”
“มื้อนี้ยังไม่อิ่มเลยนะ”
“ก็หมูหยองสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวคืออาพระนายคับ”
ร่างสูงโปร่งหัวเราะเบาๆ เพราะเด็กชายยังจำสัญญาไว้มั่น จึงบอกว่าขอเป็นอาทิตย์หน้าก็แล้วกัน
“คุณป้า”
“พูดไม่ฟังเลยนะ”
“เอาไว้คุณสวยก่อนสิ...ผมจะเรียกคุณให้เพราะกว่านี้แน่นอน แต่วันนี้ไม่ไหว...ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนดีกว่า”
เขาตอบหน้าซื่อ หากคนฟังก็ขุ่นใจได้เหมือนกัน
“ฮึ!”
“นี่คุณป้า...รู้มั้ยว่าคุณก็ดูดีมีเสน่ห์ แต่...”
“อ้วนไปใช่มั้ย?”
ร่างอ้วนตรงหน้าโพล่งถามด้วยไม่รู้สึกอายสักนิด แต่ก็สร้างความโล่งใจให้กับคนมีธุระคุยด้วย
“มาก”
“เถรตรงจริงๆ! ว่าแต่คุณจะมาสนใจรูปร่างหน้าตาของฉันทำไมยะ? รึว่า...สนใจ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันหวงความโสดมากกก”
“รู้...ไม่งั้นคุณก็คงทำตัวผอม ทำตัวให้สวยๆ เตะตาผู้ชายแล้วล่ะ”
“คุณนี่!”
เธอค้อนใส่ พลางทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่
“ว่าแต่ผมทำให้สวยได้เอามั้ย? อ้อ! เดี๋ยวอย่าเพิ่งเถียง...เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยละกัน คืออย่างนี้นะ...ผมมีโปรเจ็คส์หนึ่งที่ต้องการคนอ้วนอย่างคุณป้าไปร่วมงานด้วย ระยะเวลาแค่ 100 วันเท่านั้นแหละ พอจบงานนี้ก็ได้เงินก้อนหนึ่งแล้วก็...”
“เดี๋ยวนะ! ขอขัดแป๊บนึง”
“มีอะไรเหรอป้า”
คราวนี้คำเรียกหดสั้นเข้าไปอีกจนหญิงสาวทำตาปะหลับปะเหลือก
“อ้วน...100 วัน...เงินก้อนหนึ่ง อย่าบอกนะว่า...คุณจะให้ฉันไปลดความอ้วน อีโถ่เอ๊ย! ไม่เอาหรอก...ต้องทนหิว...ทนเหน็ดเหนื่อย...แถมยังต้องถ่อกลับบ้านมาออกกำลังกายอีก”
“ยังไม่ได้ทำก็บอกว่าเหนื่อยแล้ว
ไหนหมูหยองบอกผมว่าป้าอดทนเป็นที่หนึ่งไง”
“ใช่คับอาพระนาย”
เด็กชายภควัฒน์รีบเสนอหน้าตอบ แถมยิ้มเห็นฟันที่เขรอะไปด้วยช็อกโกแลตให้มองอีกต่างหาก
“ป้านกยูงมีความอดทนสูงคับ”
“โดยเฉพาะเวลาที่เราดื้อใช่มั้ย...ฮึ?”
มือที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆ เลื้อยลงไปที่บั้นเอวอวบ แล้วก็เริ่มไชไปมาจนร่างกลมจั๊กกะจี๋ ดิ้นหนีไปทางชายหนุ่มจนกลิ้งทับเข้ากับถุงข้าวของจนแทบจะตกจากพื้น เท่านั้นไม่พอยังหัวเราะร่าเสียงใสอีกต่างหาก จนคนเป็นป้าเห็นว่าหลานชักจะหอบเหนื่อยจึงหยุดการยั่วแหย่ โดยไม่ได้เห็นสายตาเอ็นดูจากคนมองซึ่งปรับให้เป็นปรกติดังเดิม
“อยู่เฉยๆ นะเรา...ไม่งั้นจะโดนอีก”
“ป้าอ่ะ”
“แล้วนี่คุณพระนายจะว่าไง”
ดุจหทัยแกล้งแลบลิ้นใส่หลาน ส่ายหน้ากลมไปมาอย่างน่ารัก แล้วจึงหันมาหาชายหนุ่ม
“ผมต้องการคุณป้า”
“บ้า!”
“จริงๆ...ตกลงคุณจะทำงานให้ผมมั้ย? เงินค่าตัวของคุณคนเดียวแน่ๆ...แสนนึง ไม่นับอย่างอื่นที่อาจจะได้อีก เช่นออกพ๊อกเก็ตบุ๊ค...เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน แล้วก็อาจจะมีงานในวงการบันเทิงก็ได้ใครจะไปรู้”
ข้อเสนอที่เขาให้มานั้นก็นับว่าสนใจ แต่ไอ้ประการหลังนี่ไม่ใคร่สนใจอยู่แล้ว
“ขอคิดดูก่อนได้รึเปล่าล่ะ...แล้วก็ถ้าฉันตกลง...คุณก็มัดจำมาก่อน 25% ก็ได้ อ้อ! ฉันต้องไม่อดอาหารนะยะ ส่วนเรื่องการออกกำลังกายต้องมีเทรนเนอร์ด้วย จะให้ฉันไปเหน็ดเหนื่อยด้วยตัวเองไม่เอาหรอก แล้วก็กรุณาอย่ามากดดันด้วย...เข้าใจมั้ยที่บอกไปเนี้ย”
“ป้า”
คัตสึโมะโตะขำไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยินเสียจริงๆ
“อะไร?”
“มั่นใจมากนะว่าที่พูดมานี่จะไม่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ”
“แล้วคุณจะเอาไง”
คนใจนักเลง แต่ขี้ตืดย้อนถามราวกับถือไพ่เหนือกว่า ทั้งๆ ที่ใจก็อดลุ้นไม่ได้ว่ากลัวคนตรงหน้าคิดเปลี่ยนใจไปเลือกคนอื่นแทน งานนี้ได้สองเด้ง! ทั้งผอมเพรียว ทั้งได้เงินขวัญถุงเหนาะๆ ถึงหนึ่งแสนบาท ใครจะทนเล่นตัวได้นานกันเล่า?
“ไม่เอาไงหรอก...ผมจะทำให้ป้าทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องเงิน”
“หา”
ร่างอ้วนถึงกับอุทานเสียงไม่มีเบา ก่อนจะกรอกตาไปมามองโต๊ะข้างตัว ซึ่งเหล่มองเธอเหมือนตำหนิ
“แล้วที่ควักเงินค่าเสื้อผ้าไปล่ะ”
“ผมจ่ายแน่”
“เมื่อไหร่”
ร่างสูงโปร่งถึงกับถอยหลังไปพิงเก้าอี้ พลางทอดสายตามองคนตรงข้ามอย่างชั่งใจ ไม่รู้ว่างานนี้คิดผิดหรือคิดถูกที่ดันมาเห็นใบหน้าค่าตาของเพื่อนบ้าน แล้วก็ตัดสินใจเลยว่าจะเอาคนนี้ๆ ไปร่วมงานด้วย
“เสร็จงาน”
“โห...3 เดือนเลยนี่ คุณไม่คิดว่ามันนานไปหน่อยรึไง? งานรับจ้างแบบนี้...เขาก็แบ่งจ่ายกันเป็นงวดๆ ทั้งนั้นแหละ อีกอย่างงานที่ต้องใช้ความทรหดอดทนทั้งร่างกายและจิตใจ...มันต้องมีกำลังใจกันบ้างสิ ถ้าคุณไม่เชื่อถามหมูหยองได้”
คนเป็นป้าหาพวก แต่เด็กชายกลับนอนฟุบโต๊ะเสียก่อน สงสัยคงจะอิ่มจัด และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ขำไม่ออก จนต้องพ่นลมจากปากแล้วหันมาหาคู่สนทนาอีกครั้ง
“เฮ้อ...พ่อหลานชายของฉัน”
“ป้า”
“อะไรอีก...ฮึ!”
“ผมสรุปว่าไอ้ที่ป้าพูดมายืดยาวนี่...คือป้าตกลงแล้วใช่มั้ย ส่วนเรื่องที่ขอ...ผมจัดการให้ ไม่ต้องห่วง ถ้างั้นเราตกลงเริ่มงานกันตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”
คัตสึโมะโตะรวบรัดก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกให้ดุจหทัยอุ้มหลานชายขึ้นขี่หลังกว้าง โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถามจุกจิกอีก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมยังถามเซ้าซี้ ทว่าร่างสูงโปร่งก็ไม่ได้ใส่ใจตอบคำถามของร่างอ้วน นอกจากจะพาเดินไปที่ร้านหนังสือกับที่อื่นๆ ตามแต่เขาจะต้องการ จะทำได้แต่ทำหน้างอใส่ก็เท่านั้นเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น