ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดุจหทัย

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอน 4

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 55


    เสื้อผ้าสีฉูดฉาดสดใสราวลูกกวาดเรียงเป็นตับบนราวกระตุ้นให้ดุจหทัยที่วันนี้โดนหลานชายบังคับมาเดินห้างสรรพสินค้ากับคัตสึโมะโตะ ซึ่งโทรศัพท์มานัดแนะกับเด็กชายภควัฒน์ตั้งแต่สายของวัน ช่างน่าหมั่นไส้ที่หลานชายตัวดีทำมาเป็นออดอ้อนออเซาะขอนอนด้วย แถมยังสัญญาว่าจะกอดคนเป็นป้าเสียแน่น พร้อมทั้งตบอกดังๆ บอกจะเป็นองครักษ์ปกป้องให้พ้นจากอันตรายอีกต่างหาก
                    ทว่าที่ไหนได้ กลับนอนเล่นเกมส์แองกี้เบิร์ดในไอแพดเพลินจนหลับตาเครื่อง ปล่อยมันเท้งเต้งไว้บนหน้าอก ไม่สนใจจะทำอย่างที่เอ่ยปากบอก สุดท้ายร่างอ้วนก็ต้องขยับเจ้าคนที่นอนกรนเพราะร่างกายอวบอ้วนให้ชิดข้างฝา เธอถึงจะได้นอนสบายๆ บนเตียงเดี่ยวบ้าง
                    ป้านกยูง”
                    เสียงเล็กๆ พร้อมกับมือป้อมๆ กระตุกที่ชายเสื้อยืดคลุมสะโพก เรียกความสนใจคนที่กำลังตาวาวกับเสื้อผ้าให้ก้มมอง และก็ส่ายหน้าเมื่อปากน้อยๆ ช่างจำนรรจามาตลอดทางจากบ้านถึงห้างเลอะไปด้วยไอศกรีม จนต้องหยิบทิชชู่ในกระเป๋าส่งให้
                    แล้วนี่จะกินอะไรอีกพ่อหนุ่มน้อย”
                    “ป่าว”
                    ดุจหทัยเลิกคิ้ว ทำหน้าไม่เชื่อ เพราะนี่ก็ล่วงเข้าบ่ายสามโมงแล้ว ปรกติถ้าอยู่บ้านก็ต้องมีอาหารว่างให้กินอยู่เสมอๆ ไม่ขาดปาก
                    งั้นมีอะไรครับ”
                    เสื้อผ้าพวกนี้ป้านกยูงใส่ไม่ได้หรอก”
                    “หือ?”
                    คิ้วเข้มที่ไม่ได้รับการตกแต่งให้เข้ารูปขมวดเข้าหากัน และยิ่งแน่นเป็นปมพร้อมกับแววตาเคลือบความใจดีเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้น เพราะได้ยินคำจากปากสีเรื่อของคนที่พามาด้วยนั่นเอง
                    ทำไมฉันจะใส่ไม่ได้!”
                    “คุณอ้วน”
                    ความจริงส่งผลให้คนฟังฉุนกึก รู้ตัวดีตั้งแต่เข้าห้างมาแล้วว่ามีคนมองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าผู้หญิงอวบอ้วนกับเด็กผู้ชายผมหยิกหยอยน่ารักน่าหยิกสไตล์เดียวกันนั้น จะเดินเคียงคู่กับชายข้างตัวที่รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูบึกบึนแข็งแรงน่าซบอกในความรู้สึกของสาวๆ หลายคน
                    พูดจาน่าเกลียด”
                    “ผมพูดความจริง”
                    คัตสึโมะโตะเถียง พลางส่งชุดสีเทามาให้ ทว่าคนที่ชอบเสื้อผ้าสีสดใสได้แต่มอง ไม่ยอมรับ
                    คุณอ้วน”
                    “เอ๊ะ!!”
                    “เมื่อกี้ผมเดินมากับคุณ...มัน...”
                    “ถ้าอายก็ไม่ต้องมาเดินด้วย อ้อ! กลับไปก่อนก็ได้นะ...เดี๋ยวฉันจะกลับกับเจ้าหมูหยองเอง”
                    ร่างอ้วนทำเสียงแข็งใส่
                    ผมสัญญากับหมูหยองว่าจะพาไปดูเครื่องเขียนเบ็นเท็น”
                    “คุณไม่ต้องมาติดสินบนหลานฉัน”
                    คราวนี้คนที่โดนอ้างถึงเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนคอตั้งบ่า ฝ่ายคนเป็นป้าก็เท้าสะเอวมองตาแทบถลน ส่วนฝ่ายเพื่อนบ้านคนใหม่แสนใจดีก็เอาแต่กอดหน้าอกมองตอบกลับแบบไม่ลดราวาศอกเช่นกัน ดูท่าทางแล้วคงจะเกิดศึกเหมือนอย่างที่พ่อกับแม่เคยงอนกัน ดังนั้นเด็กแก่แดดคนนี้จึงถอยห่างแล้วไปหาที่นั่งเล่นคนเดียว แต่แค่ไม่กี่วินาทีเจ้าของร้านก็มาคุยเล่นด้วย โดยแอบลุ้นเช่นกันว่าวันนี้จะขายสินค้าให้คู่ที่กำลังตั้งท่าแง่งๆ ใส่กันได้สักชิ้นหรือไม่
                    ผมอยากให้เขาเอง”
                    “เชอะ!”
                    “ทำเสียงแบบนี้...อย่าบอกนะว่าคุณป้านกยูงอิจฉาหลานชาย”
                    ถ้อยคำกล่าวหาไม่เป็นความจริงสักนิด สร้างความเดือดดาลให้เป็นอย่างยิ่ง แต่มีหรือที่คนอย่างเธอจะยอมให้โดนอยู่ฝ่ายเดียว คิดแค้นเคืองว่าเขาอยากสปอยล์เด็กชายมากนักใช่มั้ย? เดี๋ยวจะเธอจัดให้ฟูลคอร์สจนกระอักเลยทีเดียว
                    แล้วถ้าใช่ล่ะ?”
                    “ก็แสดงว่าคุณโตแต่ตัว”
                    และนี่หรือคือสิ่งที่ได้ยินจากเรียวปากสีเรื่อนั่น
                    คุณพระนาย!”
                    “ครับคุณป้านกยูง”
                    คิ้วเข้มหนาแน่นเลิกขึ้นอย่างอารมณ์ดีที่เห็นหญิงสาวเต้นเป็นเจ้าเข้าได้
                    ถามหน่อยเถอะ! คุณกับฉันเป็นเพื่อนบ้านกันแค่ไม่กี่วัน คุณคิดว่าสนิทกันมากถึงขนาดแซวกันเจ็บๆ แบบนี้แล้วงั้นเหรอไง”
                    “ครับ”
                    “กล้าพูดนะยะ”
                    “พูดเล่นน่า...คุณไม่ได้เป็นอย่างที่ผมบอกซะหน่อย เอาล่ะๆ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ รีบๆ เลือกเสื้อผ้าเถอะ...ผมซื้อให้เอากี่ชุดก็ได้ แต่ต้องเป็นราวโน้นนะสำหรับผู้หญิงตัวใหญ่”
                    คัตสึโมะโตะรีบตัดบท แล้วผละไปหาเด็กชายภควัฒน์ที่เริ่มจะเบื่อ เมื่อทรุดนั่งเก้าอี้แล้วก็จับตามองท่วงท่าการเดินของร่างอ้วนที่ดูเหมือนจะคล่องแคล่วว่องไวสำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก หากให้เดาคงจะราวๆ 70 กิโลกรัม ส่วนเรื่องความสูงคงจะน้อยกว่าเขาที่สูงราว 185 เซนติเมตร สักประมาณครึ่งฟุตนั่นเอง
                    ดุจหทัยเองก็เหมือนนกรู้ เพราะแลจากหางตาก็เห็นว่าชายหนุ่มแอบจับตามองอยู่ตลอด จึงได้แต่บ่นพึมพำขณะเลือกเสื้อผ้าตัวโคร่ง สีออกทึมๆ ไม่เป็นที่ถูกใจสักนิด เท่านั้นไม่พอยังไม่มีพวกโบว์หรือเครื่องตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูคิกขุน่ารักหรือออกแนวหวานสักนิด
                    ทว่าด้วยรูปร่างที่เป็นอยู่กับการที่ไม่ต้องเสียเงิน ทำให้จำยอมเลือกอย่างเสียไม่ได้
                    คุณพระนาย”
                    “ครับ”
                    เสียงทุ้มตอบรับอย่างรวดเร็ว ขณะที่ชี้นิ้วไปยังเมนูอาหารซึ่งคิดว่าคนโทรมาน่าจะชอบ วันอาทิตย์เช่นนี้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้ามักจะแออัดไปด้วยผู้คนที่ออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน และร้านยอดนิยมนี้ก็เช่นกัน ต้องรอคิวแต่ระหว่างนั้นพนักงานให้ลูกค้าสั่งรอได้เลย เมื่อเวลากลับมาจะได้ไม่ต้องคอยให้เสียอารมณ์
                    ฉันได้เสื้อผ้าเครื่องประดับครบแล้ว...จ่ายไปเกือบห้าพัน เตรียมเงินคืนฉันด้วยนะ...ห้ามเบี้ยว!!”
                    ชายหนุ่มได้ยินประโยคนี้ก็แทบหัวเราะก๊ากกับความงกที่หลานชายได้โอ้อวดก่อนหน้านี้
                    ไม่มีปัญหา”
                    “แล้วนี่คุณหายไปไหน? อย่าบอกนะว่าคิดจะจับแกเรียกค่าไถ่อ่ะ...ไม่คุ้มหรอก กินยังกะยัดทะนาน...อยากกินไปหมดทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่มีทางอิ่มง่ายๆ หรอก เท่านั้นยังไม่พอทั้งดื้อทั้งซน แถมเวลานอนนะยังกรนเก่งดังกว่าหวูดรถไฟอีกต่างหาก รับรองว่าคุณเอาไปแล้วปวดหัวแน่ๆ”
                    “หือ?”
                    ปลายสายถึงกับเลิกคิ้ว
                    เพราะฉะนั้น! เอาหมูหยองมาคืนฉันเลย”
                    “คุณนี่นินทาหลานชายตัวเองได้ไฟแลบเชียว”
                    “ไฟแลบ! มันหมายถึงด่าย่ะ”
                    หญิงสาวทำเสียงขุ่นตอกกลับไป ตั้งแต่ผ่านชีวิตมานาน ไม่มีใครเลยที่จะยั่วโมโหได้มากเท่ากับผู้ชายคนนี้ สำหรับแฟนเก่าหรือแม้แต่ชีวินเพื่อนรัก ก็เย้าแหย่แต่ไม่ขวานผ่าซากหรือใช้ภาษาไทยได้กำกวมให้ปวดหัวเล่นอย่างคนที่กำลังคุยด้วย
                    ปรกติคนอ้วนๆ นี่จะอารมณ์ดีนะ หรือว่า...คุณทำเป็นร่าเริงเพื่อปกปิดปมด้อยตัวเอง”
                    “คุณพระนาย! ปากดีแบบนี้ ถ้าฉันอยู่ตรงหน้าคุณ จะซัดให้หน้าปูดเลย”
                    “อย่ามัวแต่คุยอยู่เลย...รีบมาที่ร้านเหอะ”
                    ร่างอ้วนทำตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน นี่แสดงว่าไอ้ที่หลานชายตัวดีพ่นๆ ออกจากปาก เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนแล้วผ่านร้านนั้น ทำให้คนที่พามาบ้าจี้ควักเงินเลี้ยงอีกแล้วรึไง? เมื่อเป็นแบบนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาเอาอกเอกใจเด็กจนเสียคนเป็นแน่ และพอก้าวฉับๆ ไปถึงร้านก็ต้องหน้าแดงแปร๊ด เพราะเสียงเรียกจากหลานชายตัวดี ยิ้มเห็นฟันหลอขี่คอร่างสูงโปร่งจนเป็นจุดโดดเด่นเรียกสายตาของคนได้ไม่ยากเลย
                    หมูหยอง!!”
                    “คร๊าบแม่”
                    “ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไปทำอะไรแบบนั้นได้ไง? เดี๋ยวจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย หรือว่าจะให้อดข้าวเย็นดี”
                    หญิงสาวรีบโผเข้าหา หมายดึงรั้งให้ร่างกลมลงมายืนพื้น แต่ชายหนุ่มกลับแกล้งขืนตัวหนี เท่านั้นไม่พอยังด้วยรูปร่างที่ไม่เทอะทะทำให้สามารถหลีบคนเจ้าเนื้อ แถมสองมือยังมีถุงกระดาษเนื้อดีเกะกะกีดขวางการทำงานจนเธอนึกโมโห และแล้วร่างสูงโปร่งก็แทบหัวเราะก๊ากเมื่อคนขี้โมโหทิ้งของในมือลง แล้วเท้าสะเอวอวบใส่
                    หมูหยอง!”
                    “แม่อย่าทำผมนะ...ผมไม่ได้ตั้งใจ พ่อคับ...แม่โกรธแล้วที่เราแอบไปเหล่หญิงกัน บอกแล้วไม่เชื่อว่าเอาไว้ค่อยแอบมากันสองคนอ่ะ”
                    ชายหนุ่มที่ได้ฟังคนบนบ่าเจื้อยแจ้วถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาจริงๆ ในคราวนี้ แต่ยังไม่ได้พูดอะไรก็ต้องชะงัก หันไปพยักหน้าให้กับพนักงานที่เรียกเพราะถึงคิว จึงได้คุกเข่าเพื่อให้เด็กชายลง ซึ่งก็รู้งานเพราะร่างกลมเข้าไปพัวพันคนเป็นป้า แถมยังทำเป็นช่วยเก็บข้าวของมากมายเข้าไปในร้านคนเดียวอีกต่างหาก
                    เมื่อไปถึงโต๊ะที่จองไว้ ก็ยกพวกมันไว้บนเก้าอี้นวมด้วยความเรียบร้อย จากนั้นถอนหายใจราวกับเหน็ดเหนื่อยหนักหนา สร้างความหมั่นไส้แกมขำขันให้กับคนมองที่แสร้งทำหน้าตึงใส่ ไม่พูดไม่จาด้วยสักคำ จนท้ายที่สุดผู้ชายเหมือนกันต้องเป็นฝ่ายชักชวนเด็กชายให้ไปเลือกอาหารด้วยกันตามลำพัง
                    เมื่อกลับมาอีกครั้งก็พบว่ามีจานซุปเห็ดร้อนๆ ครึ่งถ้วยวางไว้ตรงหน้าเจ้าตัวป่วนเรียบร้อยแล้ว
                    ป้านกยูงหายงอนแล้วแฮะ”
                    “ทั้งๆที่เราทำแสบแบบนี้”
                    คัตสึโมะโตะวางจานถั่วแระลงบนโต๊ะขณะทรุดนั่งบนเก้าอี้ซึ่งลุกออกง่าย ก็เอ่ยเย้าเด็กชายที่หยิบช้อนขึ้นมากำไว้แน่น แล้วค่อยๆ ช้อนซุปเหนียวข้นขึ้นมาเป่าให้เย็น และก็ขยับมือเรียวยาวหนีเมื่อจานสีขาวสามใบวางกระแทกลงมาจนอาหารในจานแทบจะหกออกมา
                    เบาๆ หน่อยก็ได้น่ะคุณ”
                    “ฉันหิวนี่”
                    ดุจหทัยซึ่งไม่ได้ทานมื้อเช้านอกจากนมสดเพียงแก้วเดียว เพราะมัวแต่ทำงานบ้าน รวมทั้งเสียพลังงานไปมากมายในการรีดผ้ากว่าสองชั่วโมง พอเจ้าตัวแสบได้ยินเสียงกริ่งก็เพิ่งบอกว่ามีนัดไปเที่ยงห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนบ้าน ทั้งที่พ่อแม่ยังหลับอยู่ แล้วเธอจะปล่อยให้หายไปกับคนที่เพิ่งรู้จักได้อย่างไรกัน
                    แล้วก็อย่ายั่วโมโหด้วย...ไม่งั้นมีเคือง”
                    “หือ?”
                    “ไม่ต้องมาทำเลิกคิ้วขำด้วย ทำไม? แล้วนี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงกินเก่งเหรอยะ...ถึงได้ทำตาโตเป็นไข่ห่านแบบนั้น”
                    สลัดพูนจาน ผัดหมี่ปริมาณไม่น้อยน่ากัน ส่วนจานสุดท้ายตรงหน้าเป็นพาสต้าหน้าทูน่าฉ่ำเยิ้ม มือซ้ายจับขนมปังเนยเค็มเข้าปากสลับกับมือขวาหมุนเส้นอย่างต่อเนื่อง
                    เปล่า”
                    “ก็ดี”
                    “ว่าแต่หมูหยองกินง่ายดีนะ...แป๊บเดียวซุปหมดชามแล้ว”
                    คำบอกกล่าวนี้ทำให้คนเป็นป้าเหลือบมอง
                    หมูหยอง”
                    “คับ”
                    “เอาข้าวเกรียบมั้ย? ป้าไปหยิบให้”
                    เด็กชายภควัฒน์ส่ายหน้า แล้วขออนุญาตไปตักด้วยตัวเอง ซึ่งไม่น่าห่วงเพราะเคยพามาจนจำได้ว่าพอไปถึงบริเวณซุ้มอาหารก็ให้มองหาพี่พนักงานหรือไม่ก็ขอให้แขกคนอื่นช่วยจัดการตักอาหารให้
                    คุณป้าครับ”
                    “ฉันว่าคุณเรียกชื่อฉันก็ได้นะ....ไม่จำเป็นก็อย่าเรียกป้า มันแก่!”
                    “แต่ผมว่าน่ารักดีออก”
                    หญิงสาวบอกไม่เห็นด้วย
                    โอเคๆ...เออนี่คุณป้า”
                    “ยังเรียกอีก”
                    “อาหารร้านนี้อร่อยดีนะ”
                    ชายหนุ่มกลับไม่อยากพูดธุระขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะเห็นว่าหญิงสาวที่จ้องเขาตาแป๋วคงจะวางทุกอย่างในมือลงหลังจากที่ได้ยินคำแสลงหูว่า ‘ลดความอ้วน’ จึงได้แต่เฉไฉไปพูดเรื่องที่เธอออกจากปลื้มไม่น้อยในเวลามีความสุขนั่นเอง เช่นนั้นนอกจากจะเงียบแล้วก็ยังปล่อยให้ป้าหลานอร่อยจนเต็มที่
                    กว่าจะได้นั่งนิ่งมองหน้ากัน ก็ผ่านไปกว่า 45 นาที
                    อิ่ม”
                    ร่างอ้วนบ่นอุบ แต่สีหน้ากลับระรื่น ยิ้มแต้
                    คุณแน่ใจเหรอ?”
                    “ค่า”
                    เธอแกล้งทำเสียงยานคางใส่ แถมยังยื่นมือไปขยี้ผมหลานชายที่ตักเยลลี่เข้าปากเป็นก้อนที่สามแล้ว
                    ป้านกยูงอร่อยเนอะ...หมูหยองอิ่มมากอ่ะ เย็นนี้คงกินหมูกระทะไม่ได้แน่”
                    “มื้อนี้ยังไม่อิ่มเลยนะ”
                    “ก็หมูหยองสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวคืออาพระนายคับ”
                    ร่างสูงโปร่งหัวเราะเบาๆ เพราะเด็กชายยังจำสัญญาไว้มั่น จึงบอกว่าขอเป็นอาทิตย์หน้าก็แล้วกัน
                    คุณป้า”
                    “พูดไม่ฟังเลยนะ”
                    “เอาไว้คุณสวยก่อนสิ...ผมจะเรียกคุณให้เพราะกว่านี้แน่นอน แต่วันนี้ไม่ไหว...ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนดีกว่า”
                    เขาตอบหน้าซื่อ หากคนฟังก็ขุ่นใจได้เหมือนกัน
                    ฮึ!”
                    “นี่คุณป้า...รู้มั้ยว่าคุณก็ดูดีมีเสน่ห์ แต่...”
                    “อ้วนไปใช่มั้ย?”
                    ร่างอ้วนตรงหน้าโพล่งถามด้วยไม่รู้สึกอายสักนิด แต่ก็สร้างความโล่งใจให้กับคนมีธุระคุยด้วย
                    มาก”
                    “เถรตรงจริงๆ! ว่าแต่คุณจะมาสนใจรูปร่างหน้าตาของฉันทำไมยะ? รึว่า...สนใจ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันหวงความโสดมากกก”
                    “รู้...ไม่งั้นคุณก็คงทำตัวผอม ทำตัวให้สวยๆ เตะตาผู้ชายแล้วล่ะ”
                    “คุณนี่!”
                    เธอค้อนใส่ พลางทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่
                    ว่าแต่ผมทำให้สวยได้เอามั้ย? อ้อ! เดี๋ยวอย่าเพิ่งเถียง...เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยละกัน คืออย่างนี้นะ...ผมมีโปรเจ็คส์หนึ่งที่ต้องการคนอ้วนอย่างคุณป้าไปร่วมงานด้วย ระยะเวลาแค่ 100 วันเท่านั้นแหละ พอจบงานนี้ก็ได้เงินก้อนหนึ่งแล้วก็...”
                    “เดี๋ยวนะ! ขอขัดแป๊บนึง”
                    “มีอะไรเหรอป้า”
                    คราวนี้คำเรียกหดสั้นเข้าไปอีกจนหญิงสาวทำตาปะหลับปะเหลือก
                    “อ้วน...100 วัน...เงินก้อนหนึ่ง อย่าบอกนะว่า...คุณจะให้ฉันไปลดความอ้วน อีโถ่เอ๊ย! ไม่เอาหรอก...ต้องทนหิว...ทนเหน็ดเหนื่อย...แถมยังต้องถ่อกลับบ้านมาออกกำลังกายอีก”
                    “ยังไม่ได้ทำก็บอกว่าเหนื่อยแล้ว…ไหนหมูหยองบอกผมว่าป้าอดทนเป็นที่หนึ่งไง”
                    “ใช่คับอาพระนาย”
                    เด็กชายภควัฒน์รีบเสนอหน้าตอบ แถมยิ้มเห็นฟันที่เขรอะไปด้วยช็อกโกแลตให้มองอีกต่างหาก
                    ป้านกยูงมีความอดทนสูงคับ”
                    “โดยเฉพาะเวลาที่เราดื้อใช่มั้ย...ฮึ?”
                    มือที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆ เลื้อยลงไปที่บั้นเอวอวบ แล้วก็เริ่มไชไปมาจนร่างกลมจั๊กกะจี๋ ดิ้นหนีไปทางชายหนุ่มจนกลิ้งทับเข้ากับถุงข้าวของจนแทบจะตกจากพื้น เท่านั้นไม่พอยังหัวเราะร่าเสียงใสอีกต่างหาก จนคนเป็นป้าเห็นว่าหลานชักจะหอบเหนื่อยจึงหยุดการยั่วแหย่ โดยไม่ได้เห็นสายตาเอ็นดูจากคนมองซึ่งปรับให้เป็นปรกติดังเดิม
                    อยู่เฉยๆ นะเรา...ไม่งั้นจะโดนอีก”
                    “ป้าอ่ะ”
                    “แล้วนี่คุณพระนายจะว่าไง”
                    ดุจหทัยแกล้งแลบลิ้นใส่หลาน ส่ายหน้ากลมไปมาอย่างน่ารัก แล้วจึงหันมาหาชายหนุ่ม
                    ผมต้องการคุณป้า”
                    “บ้า!”
                    “จริงๆ...ตกลงคุณจะทำงานให้ผมมั้ย? เงินค่าตัวของคุณคนเดียวแน่ๆ...แสนนึง ไม่นับอย่างอื่นที่อาจจะได้อีก เช่นออกพ๊อกเก็ตบุ๊ค...เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน แล้วก็อาจจะมีงานในวงการบันเทิงก็ได้ใครจะไปรู้”
                    ข้อเสนอที่เขาให้มานั้นก็นับว่าสนใจ แต่ไอ้ประการหลังนี่ไม่ใคร่สนใจอยู่แล้ว
                    ขอคิดดูก่อนได้รึเปล่าล่ะ...แล้วก็ถ้าฉันตกลง...คุณก็มัดจำมาก่อน 25% ก็ได้ อ้อ! ฉันต้องไม่อดอาหารนะยะ ส่วนเรื่องการออกกำลังกายต้องมีเทรนเนอร์ด้วย จะให้ฉันไปเหน็ดเหนื่อยด้วยตัวเองไม่เอาหรอก แล้วก็กรุณาอย่ามากดดันด้วย...เข้าใจมั้ยที่บอกไปเนี้ย”
                    “ป้า”
                    คัตสึโมะโตะขำไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยินเสียจริงๆ
                    อะไร?”
                    “มั่นใจมากนะว่าที่พูดมานี่จะไม่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ”
                    “แล้วคุณจะเอาไง”
                    คนใจนักเลง แต่ขี้ตืดย้อนถามราวกับถือไพ่เหนือกว่า ทั้งๆ ที่ใจก็อดลุ้นไม่ได้ว่ากลัวคนตรงหน้าคิดเปลี่ยนใจไปเลือกคนอื่นแทน งานนี้ได้สองเด้ง! ทั้งผอมเพรียว ทั้งได้เงินขวัญถุงเหนาะๆ ถึงหนึ่งแสนบาท ใครจะทนเล่นตัวได้นานกันเล่า?
                    ไม่เอาไงหรอก...ผมจะทำให้ป้าทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องเงิน”
                    “หา”
                    ร่างอ้วนถึงกับอุทานเสียงไม่มีเบา ก่อนจะกรอกตาไปมามองโต๊ะข้างตัว ซึ่งเหล่มองเธอเหมือนตำหนิ
                    แล้วที่ควักเงินค่าเสื้อผ้าไปล่ะ”
                    “ผมจ่ายแน่”
                    “เมื่อไหร่”
                    ร่างสูงโปร่งถึงกับถอยหลังไปพิงเก้าอี้ พลางทอดสายตามองคนตรงข้ามอย่างชั่งใจ ไม่รู้ว่างานนี้คิดผิดหรือคิดถูกที่ดันมาเห็นใบหน้าค่าตาของเพื่อนบ้าน แล้วก็ตัดสินใจเลยว่าจะเอาคนนี้ๆ ไปร่วมงานด้วย
                    เสร็จงาน”
                    “โห...3 เดือนเลยนี่ คุณไม่คิดว่ามันนานไปหน่อยรึไง? งานรับจ้างแบบนี้...เขาก็แบ่งจ่ายกันเป็นงวดๆ ทั้งนั้นแหละ อีกอย่างงานที่ต้องใช้ความทรหดอดทนทั้งร่างกายและจิตใจ...มันต้องมีกำลังใจกันบ้างสิ ถ้าคุณไม่เชื่อถามหมูหยองได้”
                    คนเป็นป้าหาพวก แต่เด็กชายกลับนอนฟุบโต๊ะเสียก่อน สงสัยคงจะอิ่มจัด และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ขำไม่ออก จนต้องพ่นลมจากปากแล้วหันมาหาคู่สนทนาอีกครั้ง
                    เฮ้อ...พ่อหลานชายของฉัน
                    ป้า”
                    “อะไรอีก...ฮึ!”
                    “ผมสรุปว่าไอ้ที่ป้าพูดมายืดยาวนี่...คือป้าตกลงแล้วใช่มั้ย ส่วนเรื่องที่ขอ...ผมจัดการให้ ไม่ต้องห่วง ถ้างั้นเราตกลงเริ่มงานกันตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”
                    คัตสึโมะโตะรวบรัดก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกให้ดุจหทัยอุ้มหลานชายขึ้นขี่หลังกว้าง โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถามจุกจิกอีก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมยังถามเซ้าซี้ ทว่าร่างสูงโปร่งก็ไม่ได้ใส่ใจตอบคำถามของร่างอ้วน นอกจากจะพาเดินไปที่ร้านหนังสือกับที่อื่นๆ ตามแต่เขาจะต้องการ จะทำได้แต่ทำหน้างอใส่ก็เท่านั้นเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×