ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 1
กลิ่นแกงกะหรี่ราดข้าวสวยควันฉุยช่างยั่วยวนให้ใครต่อใครที่เดินผ่านห้องแถวหนึ่ง ซึ่งจากกลิ่นยั่วจมูก อีกทั้งการตกแต่งก็รู้ได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น เด่นด้วยรถกระบะเปิดท้ายคันเล็กสีเขียวเพนท์ลายดอกซากุระสีชมพูกับขาวดูน่ารักคิกขุจอดอยู่หน้าร้าน บริเวณนี้เป็นห้องสุดท้ายของตึกสองชั้นสร้างใหม่เป็นเหมือนเมืองศูนย์การค้าสำหรับเหล่าวัยรุ่นนักศึกษาและลูกค้ากลุ่มทั่วไป
“พี่นกยูง”
“อะไร?”
ดุจหทัยที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนดอกซารุระชนิดสั่งสกรีนชื่อร้านว่า ‘โนเนะจัง’ หันมามองดวงชีวาที่เพิ่งจะไปรับลูกชายวัยบริบาลจากบ้านของแม่สามีซึ่งมักจะรับไปนอนเล่นด้วยทุกวันศุกร์เย็น แม้ว่าน้องสาวของเธอจะท้องในวัยเรียนกับโยธิน แต่กระนั้นก็ไม่ได้โดนต่อว่าจากทั้งสองครอบครัว นอกจากให้ดรอปเรียนเพื่อคลอดลูก แล้วกลับไปเรียนให้จบถึงออกมาเปิดร้านนี้ ด้วยเงินทุนหุ้นกันสามคน
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ...แล้วปุ้มมันไปไหนไม่ช่วยพี่ทำงาน หายหัวไปไหน”
ดวงชีวาที่จบการตลาด แต่งกยิ่งกว่าพนักงานบัญชีนั้น ถามหาเด็กในร้านซึ่งมีหน้าจะเป็นคนเตรียมวัตถุดิบต่างๆ แต่กลับหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนน้องสาวออกอาการหงุดหงิดขณะส่งลูกชายให้กับสามี จากนั้นมาวุ่นวายตรงบริเวณครัวซึ่งพี่สาวกำลังซาวข้าวเจ้ากับข้าวเหนียวในสัดส่วนสามต่อหนึ่ง เพื่อหุงข้าวสำหรับทำซูชิ
“พี่ใช้ให้ไปซื้อกับข้าวน่ะ กลางวันนี้มัวแต่ไปเช็คสต๊อกก็เลยไม่ได้กิน เนี่ย! หิวมากเลย”
“อ๋อ”
“แล้วสั่งอะไรไปบ้างอ่ะ เผื่อกระแต้วจะได้กินด้วย”
น้องสาวที่มีชื่อเล่นเป็นสัตว์มีปีกตระกูลนกเช่นเดียวกันรีบถาม ขณะเดินเข้าไปในร้านเพื่อตรวจเช็คว่าเตรียมวัตถุดิบพร้อมหรือไม่ ซึ่งปรกติแล้วที่ร้านนี้จะเริ่มขายตั้งแต่ตอนสิบเอ็ดโมงของวัน แต่มื้อเย็นเหล่านักศึกษาจะออกมารับประทานกันมาก เพราะตามหอพักและโรงอาหารส่วนกลางจะปิดตั้งแต่บ่ายแก่ๆ เหลือเพียงแค่ร้านสองร้าน อีกอย่างเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศอีกด้วยสำหรับพวกเขา
“หลายอย่าง”
“มีขนมจีนแกงเขียวหวาน...แล้วก็ทอดมันมั้ยพี่ เหมือนที่เรากินที่เพชรบุรีไง”
“อือ”
“แล้วอะไรอีก”
คนที่มีรูปร่างอวบอิ่มนิดๆ นั้น ถามต่อ แต่ขยับตัวหยิบของสดจำพวกทูน่า ปูอัด ปลาหมึกสด แล้วก็เครื่องทำหน้าซูชิอื่นๆ อีกหลายอย่างออกมาจากตู้เย็น
“พวกส้มตำอะไรนี่แหละ...ไก่ย่างอีกตัว เผื่อให้หมูหยองกินกับข้าวด้วย”
“ขืนกินทั้งตัวก็อ้วนเป็นหมูเหมือนพี่นกยูงแน่”
ดวงชีวาแค่พูดเปรย ทว่าอีกฝ่ายที่ฟังกลับรู้สึกแสลงหูจนออกอาการหน้างอใส่
“ปากเสีย!”
“จริงนี่”
มือขาวที่กำลังซาวข้าวอยู่ถึงกับชะงัก ไอ้เรื่องรูปร่างแสนตุ้ยนุ้ยด้วยน้ำหนักเกินพิกัดที่ควรจะเป็นเกือบสิบสองกิโลกรัมเป็นเสมือนปมด้อยที่เจ้าของมันพยายามจะไม่ใส่ใจ
“ยายนกแต๋วแว้ว...พี่รู้ว่าตัวเองอวบระยะสุดท้าย แกไม่จำเป็นต้องมาย้ำหรอกน่า”
“อ้วน!!”
“เออ!!”
กระแทกเสียงข่มกลับไป
“อ้วน!!”
น้องสาวย้ำกลับมาชัดเจนดังก่อนหน้า
“แกไม่อ้วนมั่งก็ให้รู้ไป”
คนเป็นพี่ละความสนใจ ไปเทข้าวสารในสัดส่วนพอเหมาะคนให้เข้ากัน ก่อนจะจัดการหุงด้วยหม้อไฟฟ้า จากนั้นสาละวนอยู่กับการทำหน้าซูชิซึ่งร้านนี้มีให้เลือกเกือบยี่สิบอย่าง พี่น้องคู่นี้ต่างก็เข้าเรียนคอร์สอาหารญี่ปุ่นที่โรงเรียนสอนทำอาหารแห่งหนึ่งเวลาประมาณสองอาทิตย์ ก็สามารถออกมาประกอบอาชีพได้
“เริ่มแล้วล่ะ...ตั้งแต่มีเจ้าหมูหยอง แถมพี่ก็ยังชวนกินตลอด ลดๆ ซะมั่งก็ได้นะ”
“ไม่จำเป็น”
“อย่าได้แคร์ว่างั้น! พี่นกยูง...ทำไมพี่ต้องทำตัวแบบนี้ด้วย กินประชดเฮียฮุยมากเท่าไหร่ พี่ก็จะกลายเป็นคนไร้เสน่ห์ไปเรื่อยๆ”
คนเป็นน้องตัดสินใจพูดถึงแฟนเก่าของดุจหทัย ซึ่งร่างอ้วนถึงกับชะงักมือคนไข่ในชาม หยุดนิ่งอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วกลับทำท่าร่าเริง สั่งสมองของตัวเองให้ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของน้องสาว
“ใครบอก”
“ก็หนูนี่แหละบอก”
“แกไม่ใช่พี่...จะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง เฮียฮุยน่ะ...เขาเป็นสามีของคนอื่นไปแล้ว พี่ไม่มีทางไปคิดถึงเขาอีกหรอก”
ร่างอ้วนทำเป็นสาละวนอยู่กับการทอดไข่หวานในกระทะ พยายามจะสนใจแต่หน้าเตา ไม่หันมามองน้องสาวสักนิด คงเป็นเพราะกลัวจะเห็นน้ำตาซึมเบ้า แถมยังจะหลั่งออกมาอีก แม้จะห้ามไม่ให้คิดถึงแฟนคนแรกและคนเดียวก็ตาม
“พี่นกยูง”
“...........”
“หนูขอโทษ”
น้องสาวรามือจากงาน ไปยืนกอดพี่สาวทางด้านหลัง แล้วซบหน้าถูไถกับแผ่นหลังออดอ้อน จนคนโดนง้อแกล้งขืนตัวหนีไปอย่างนั้นเอง
“พี่นกยูงจ๋า...อย่าโกรธนกกระแต้วนะ”
“ต่อไปก็อย่าพูดถึงเขาอีกสิ”
“มันลืมตัวนี่นา”
“ต่อไปก็ระวังแล้วกัน ถ้าไม่อยากให้พี่เสียใจ”
พี่สาวปลดแขนเรียวที่กอดเอวหนาๆ ของตนเองออก ก่อนจะทำงานของตัวเองไปเงียบๆ อากัปกิริยาเมินเฉยทำให้คนก่อเรื่องใช่จะสบายใจ แต่ไหนๆ ก็เกิดเหตุแล้ว ต่างคนต่างก็ยุ่งกับภารกิจของตัวเองไปดีกว่า กระทั่งเสียงดังแปดหลอดของปุ้ม เด็กในร้านที่หิ้วอาหารมาจนตัวเอียงนั่นแหละ สองพี่น้องต่างลืมตัวยิ้มให้กันจนได้
“พี่นกยูง...พี่กระแต้ว...หมูหยองไปไหนคะ”
“อยู่กับพ่อเขามีอะไรเหรอ”
ดวงชีวาตอบพลางเดินไปช่วยรับอาหารหลายอย่างจากปุ้มไปวางในครัวหลังร้าน แล้วลงมือแกะใส่จานอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จก็ไปตามลูกชายกับสามีที่ไปปั่นจักรยานตรงสวนหย่อมในรั้วมหาวิทยาลัย พอเด็กชายเห็นขนมบนโต๊ะก็ยิ้มตาพราว
“เพ่ปุ่ม...วันนี้มีโอริโอเย็นด้วยเหยอ”
เด็กชายถามตาเป็นประกาย
“คับ”
ปุ้มตอบสั้นๆ ก่อนจะปลีกตัวไปตักข้าวสวนใส่จานให้ทุกคน
“ป้านกยูงซื้อให้ป๋มใช่เป่า”
“ถูกต้อง...ให้เป็นของขวัญที่ยายชื่นบอกว่าหมูหยองเป็นเด็กดี วันนี้ท่อง...ก...ไก่ ถึง ฮ...นกฮูกให้ฟังนี่นา ป้าก็เลยเซอร์ไพรซ์หนูไง”
ร่างกลมป้อมของหลานชายตบมือด้วยความดีใจ
“ไปกินข้าวกันดีกว่า...ป้าหิวแล้ว”
“งั้นป๋มป้อนข้าวป้านกยูงนะ”
“นี่เจ้าหมูหยอง ไม่ต้องอ้อนป้าเขาให้มากหรอก แค่นี้ก็ตัวกลมเป็นศูนย์เล็กแล้ว ขืนกินมากเข้า...เดี๋ยวกลายเป็นศูนย์ใหญ่แบบบางคน แม่อุ้มไม่ไหวหรอก”
“จู๋นหย่าย”
โยธินถึงกับหัวเราะก๊าก
“ขอโทษครับพี่เมีย”
ชายหนุ่มยกมือไหว้ เมื่อโดนดุจหหัยชักสีหน้าใส่
“แกก็เลขศูนย์กลางเหมือนกันนะเจ้าท๊อป!”
“ผมชอบให้พี่เมียตัวกลมๆ น่ารักออก อย่าลดความอ้วนเลยนะพี่เมีย”
“พูดจาอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย เอ้า! กินข้าวกันเถอะ...กินให้อิ่มๆ ล่ะ เอ๊ะ! นั่นลูกค้ารึไง? ปุ้มไปบอกเขาหน่อยสิ
ว่าอาหารยังไม่เสร็จ”
ดุจหทัยเผลอมองไปหน้าร้าน ก็เห็นร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งแต่ดูแข็งแรงไม่น้อยจากมัดกล้ามของต้นแขนขาวจัดในชุดกีฬาเป็นเสื้อยืดสีขาวคอวีแบบเสื้อกล้ามกับกางเกงผ้าร่มถึงหัวเข่าสีเทา สวมรองเท้ายี่ห้อแบรนด์ดัง เดินเตร่ไปมาก่อนจะคอยืดยาวมองมายังในร้าน
“ยังตั้งร้านไม่เสร็จเลยนะพี่”
“แหม! ก็ลองถามเขาก่อนสิ...จะชวดเงินก้นถุงวันนี้รึไงยะ”
ดวงชีวาที่ว่างกแล้ว กลับยิ้มล้อเลียนพี่สาวที่ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนจนพูนจาน
“ดูสิ...คงจะไปออกกำลังมาแน่ๆ หิวไม่น้อยล่ะสิท่า งานนี้เขาต้องกินพุงกางแน่”
“ดูพูดเข้า”
“ทำไมยะ? ไปบอกเขาให้รอก่อนนะปุ้ม”
“ค่ะพี่นกยูง”
เมื่อรับคำเสร็จ เด็กสาวตัวผอมก็รีบออกไปยังด้านหน้าร้าน ซึ่งจัดโต๊ะเตรียมพร้อมแล้ว ยกเว้นอาหารบางอย่างเท่านั้นที่ยังไม่เสร็จ และก็ยิ้มแต้เพราะลูกค้ารายนี้บอกว่าจะกลับมาอีกครั้งในครึ่งชั่วโมง พร้อมกับสั่งอาหารหลายต่อหลายอย่างชนิดเต็มโต๊ะเลยทีเดียว
แถมยังจ่ายเงินล่วงหน้ามัดจำก่อน จำนวน 500 บาทอีกต่างหาก
“ไปแล้วเหรอ”
“เดี๋ยวมาใหม่ค่ะ แล้วนี่เงินเจิมที่พี่นกยูงต้องการ...เขาจ่ายให้ก่อนด้วยแหละ”
หุ้นส่วนใหญ่ของร้านได้แต่ตาโต
“งั้นรีบกินข้าวดีกว่า”
“งกไม่มีใครเกิน!”
น้องสาวต่อว่าขำๆ เมื่อธนบัตรสีม่วงถูกพับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วหยอดใส่กระปุกรูปหมู ซึ่งเงินก้อนแรกที่ขายได้ในแต่ละวันจะถูกเก็บเข้าบัญชีทุกๆ อาทิตย์เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กชายทรงฤทธิ์นั่นเอง
“งั้นเดือนนี้แกก็โดนตังค์ให้ลูกล่ะกัน”
“เรื่องอะไร?”
“เห็นมะ...พอทีนี้ล่ะก็ทำมาเป็นหน้ามึน”
พี่สาวเหน็บเข้าให้ มืออวบก็จ้วงแกงเขียวหวานราดบนขนมจีนจนชุ่มตามด้วยเนื้อไก่กับเลือด โดยไม่แลมะเขือเปราะแม้แต่นิดเดียวให้เสียเวลา
“หมูแดดเดียวร้านนี้อร่อยดีเนอะพี่นกยูง เค็มนิดๆ กินกับข้าวพอดีเลย”
“อือ...เดี๋ยววันพรุ่งนี้พี่ทำตากแดดไว้ดีกว่า ซื้อเขาบ่อยๆ มันได้น้อย แล้วก็แพงด้วย อีกอย่างเอาไว้ห่อข้าวไปกินที่ทำงานได้ด้วย ประหยัดดี”
“สังสองโลดีมั้ยพี่”
“มากไปย่ะ”
ร่างอ้วนถึงกับค้อนใส่น้องสาว ที่ป้อนข้าวหมูหยอง ซึ่งเด็กชายกินไม่หยุดปาก เคี้ยวตุ้ยๆ แล้วก็หาย ช่างน่าชื่นใจสำหรับทุกคนในบ้านเสียจริงๆ และไม่นานนักมื้อเย็นก็ทำให้ทุกคนอิ่มหนำแล้วแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง โดยออเดอร์แรกเสียบไว้อย่างเด่นชัด
“พี่กระแต้ว”
“อะไรเหรอปุ้ม”
ดวงชีวาที่โดนสะกิดจากเด็กในร้าน
“ลูกค้าคนนั้นมาแล้ว หล๊อ...หล่อค่ะ ขาวจั๊วะด้วย ดูสิๆ กล้ามเป็นมัดๆ เลยอ่ะ”
“จริงด้วย”
“ถ้าได้แบบนี้สักคืนน่ะ จะไม่ปล่อยให้นอนพักเลยแหละ...อุ๊ย!!”
แขนเล็กๆ ของปุ้มโดนบิด เมื่อนายจ้างได้ยินวาจาไม่งามเช่นนี้
“อะไรคะ”
“ราเมนน่ะ! ทำเสร็จรึยัง? โม้น้ำลายกระเซ็นใส่ชามล่ะก็ ฉันจะให้พี่นกยูงหักตังค์ค่าจ้างวันนี้เลย”
“โหดทั้งพี่ทั้งน้อง...จะเค็มไปถึงไหนกัน”
“เดี๋ยวเหอะ”
ปุ้มลวกเส้นราเมนอย่างตั้งใจจนสุกดี จากนั้นราดน้ำซุปสีดำแต่เนื้อใสลงไป โรยด้วยสาหร่ายกแล้วตามด้วยต้นหอมหั่นชิ้นเล็กๆ โรยหน้าวางบนถาด เคียงกับข้าวหมูตุ๋นและข้าวหน้าไข่ฝีมือของดวงชีวาอย่างรวดเร็ว ยกไปยังโต๊ะของแขกสุดหล่ออย่างเร็ว ไม่ยอมโดนดุอีกต่อไป
“นี่ค่ะ...อาหารที่คุณสั่ง ยังเหลือมิโสะซุป แล้วก็เกี้ยวซ่า เสต็กหมูกับไก่ แล้วก็สลัดญี่ปุ่น สลัดผักน้ำข้น สุดท้ายก็ซูชิรวมมิตรทุกหน้า”
“ขอบคุณครับ”
ภาษาไทยที่ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย กลายเป็นเสน่ห์ของลูกค้าที่ทำให้ปุ้มถึงกับอยากจะร้องกรี๊ดกร๊าดให้หนำใจ แต่ก็ต้องหน้ามุ่ย เพราะบังเอิญเห็นใบหน้าหงิกงอของดุจหทัย แถมนิ้วชี้อวบๆ ยกขึ้นชี้หน้าอีกต่างหาก จนต้องหันหลังกลับเข้าครัวไปทำงานต่อ แต่ก็ไม่วายแอบชำเลืองมองร่างสูงโปร่งตักอาหารอย่างละนิดเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ คล้ายจะต้องการรู้รสชาดอย่างแท้จริง
“พี่นกยูงคะ”
“อะไร?”
อากัปกิริยาของชายหนุ่มที่นั่งเอียงข้างให้ หาได้พ้นสายตาเจ้าของร้านที่กำลังทำซูชิมือเป็นระวิง แต่กระนั้นก็จับตามองไม่กระพริบ ยิ่งเห็นว่าเขาหยิบปากกาในมือมาจดอะไรสักอย่างในสมุดโน้ต เท่านั้นไม่พอโทรศัพท์ยังถูกนำมาใช้งานบันทึกภาพอาหารน่าทานเหล่านี้อีกด้วย
คนมองก็ได้แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาก็ดี แต่ทำไมถึงได้มาทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้? จะถ่ายรูปหรือทำอะไรก็แล้วแต่ น่าจะขออนุญาตเจ้าของร้านก่อน แต่ในเมื่อเกิดเหตุอย่างนี้แล้ว ร่างอ้วนจึงคิดว่าเดี๋ยวจะจัดการคิดค่าลิขสิทธิ์แฝงในอาหารในราคาอีกเท่าตัวอย่างแน่นอน
“เมนูที่เหลือได้ยังคะ”
“พี่ทำซูชิอย่างเดียวนะ...ไอ้อย่างอื่นไปถามกระแต้วสิ แล้วสเต็กมันหน้าที่ของท๊อปมัน”
“หนูรู้...แต่แค่จะมาขัดจังหวะพี่นกยูงแค่นั้นแหละ แหม! มองตาเป็นมันเลยนะ เป๊คล่ะสิพี่นกยูง”
ดุจหทัยเองก็ยอมรับว่าชายหนุ่มตรงหน้า ในระยะสายตาเห็นได้ชัดเจนนั้นก็ถือได้ว่าสะดุดตา แต่ไอ้การกระทำนี่สิบอกได้เลยว่า...ไม่ดีเหมือนหน้าตาสักนิดเดียว!
“เปล่า”
“จริงเร้อ”
ปุ้มหัวเราะร่า เมื่อโดนตาเขียวขุ่นเรืองรองใส่
“ย่ะ”
“พี่นกยูงไม่สนใจจริงอ่ะ? งั้นหนูขอนะ”
ถ้อยคำก๋ากั่นทำให้คนฟังถึงกับตาโต อยากจะหยิกให้เนื้อเขียวนัก
“ไปแฉลบดูหน่อยสิว่าเขาทำอะไร”
“ได้เลยค่า”
เด็กในร้านรีบรับคำ จากนั้นผลุบไปรับสเต็กจากโยธิน แล้วโฉบไปรับเกี้ยวซ่ากับมิโสะซุปเพื่อเสิร์ฟให้แก่ลูกค้าสุดหล่ออย่างเร็วรี่ โดยไม่ลืมคำสั่งให้แอบดูว่าอีกฝ่ายทำอะไรอย่างเด็ดขาดด้วยการอ้อยอิ่งเดินวนเวียนไปมาใกล้ๆ ทำทีเป็นจัดโต๊ะเก้าอี้ไปตามเรื่องตามราว กระทั่งมีลูกค้านักศึกษากลุ่มคุ้นเคยกันจึงเร่เข้าไปต้อนรับพร้อมทักทายด้วยความเป็นกันเอง ลืมพ่อหนุ่มหน้าขาวไปโดยปริยาย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น