ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวงรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 53


    “คุณป้าอนุญาตจริงๆ เหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ...แล้วหนูจะรีบกลับบ้าน คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
    เดือนเสี้ยว หญิงสาวตัวอวบกลมในชุดเสื้อยืดสีฟ้าสดกับกางเกงยีนส์ขาม้าสีซีด อุทานออกมาอย่างดีใจ แล้วรับปากรัวเร็วกับปลายสาย ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรักซึ่งอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหารชื่อดัง มือนิ่มลูบไปตามขนนุ่มของลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดได้สามวัน ทั้งหมดมีสามตัวนอนก่ายกันเพื่อให้อบอุ่นบนพื้นดิน ตรงบริเวณด้านหลังของตึก โดยพวกมันเลือกทำเลดีเป็นพื้นที่ว่างๆ ระหว่างต้นไผ่กอเล็กที่ขึ้นเบียดกันสองต้น
    “ขอบใจแกมากนะ”
    “ไม่เป็นไรหรอก พวกมันน่าสงสารออก แม่ก็ไม่มี...แล้วจะเอาชีวิตรอดได้ยังไง”
    ดวงตาใสวาวดั่งนิลเนื้องามจับจ้องจมูกชื้นสีน้ำตาลเข้ม แล้วตัวที่ถูกทับอยู่ด้านล่างสุด ขยับตัวอย่างอึดอัด พอเจอเข้ากับนิ้วอุ่นก็แลบลิ้นสีชมพูเลียแล้วดูดรัดด้วยความหิว จนเดือนเสี้ยวซึ่งจะรับเอาพวกมันไปเลี้ยงดูที่จังหวัดจันทบุรีถึงกับหัวเราะเบาๆ
    “ดูสิ ช่างไร้เดียงสา พวกมันจะรู้มั้ยเนี่ย...ว่าไม่มีแม่แล้ว”
    “แตงโม”
    เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว หยาดฝนได้เจอกับเดือนเสี้ยวโดยบังเอิญพบกันในห้างสรรพสินค้า ขณะแวะรับเครื่องประดับให้กับคุณหญิงผกามาศ ภรรยาเจ้านายของบิดา เพื่อนสนิทสมัยเรียนการโรงแรมด้วยกัน หญิงสาวผู้นี้ถึงกับครางออกมาอย่างเห็นใจ เพราะรู้ว่าร่างอวบกลมนี้ ไม่มีมารดาเหมือนเจ้าตัวเล็กพวกนี้
    “ช่างเหอะ แล้วใครกันนะช่างใจร้าย ขับรถไม่ระวังเลย...ชนได้แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานที่ไม่มีทางสู้”
    “ลูกค้าที่ร้านนี่แหละ พวกคนรวยน่ะ รถคันโตแถมป้ายทะเบียนก็เลขสวยด้วย”
    “เออ...แล้วฝนทำงานที่นี่ เป็นยังไงบ้าง”
    เดือนเสี้ยวเปลี่ยนเรื่อง เพราะถึงอย่างไรก็คงจะไปหาความกับคนต้นเหตุไม่ได้แล้ว เธออุ้มลูกหมาน้อยแต่ละตัวอย่างนุ่มนวลเพื่อวางลงในกล่องกระดาษที่เพื่อนสาวเตรียมไว้ให้ โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวถึงกับนั่งมอเตอร์ไซด์ไปซื้อผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มารองลังด้วย
    “ก็เรื่อยๆ น่ะ ดีกว่าไม่มีงานทำ”
    “ไม่นานโรงแรมที่ไปสมัครงานไว้คงเรียกแล้วล่ะ ติดอันดับสองไม่ใช่เหรอ”
    “งั้นมั๊ง แล้วแกล่ะ...ตอนนี้ยังทำครัวให้กับสวนเจ้านายของพ่อแกอยู่หรือเปล่า”
    “จ้ะ”
    “ดีจังเนอะ ไม่ต้องดิ้นรนให้เหนื่อยเปล่า...ฉันละอิจฉาจริงๆ”
    “แหม! ที่จริงฉันก็ไม่อยากเป็นภาระให้พวกคุณท่านหรอก อยากจะออกมาหางานทำเองจะแย่ ส่งให้เรียนแล้วยังหางานให้ทำอีก”
    “อย่ามาถ่อมตัวเลย แกเรียนเก่งกว่าฉันตั้งเยอะ จะบอกให้ว่าถ้าไม่ดีจริง...เขาไม่ยื้อแกไว้อยู่ใกล้ๆ หรอก อ้อ...แล้วก็นี่ ขวดนม นมผงแล้วก็ชามข้าวของพวกตัวเล็ก นั่นรถแท็กซี่มาแล้ว”
    คนรับอุปการะยิ้มรับ พร้อมกับเดินเคียงหยาดฝนไปยังหน้าร้าน โชคดีว่ามีรถแท็กซี่ผ่านมาพอดี จึงไม่ต้องยืนคอยนาน เพราะตอนนี้พวกหมาน้อยเริ่มชูคอกันสลอน ครางหงิงๆ รับกันเป็นทอดๆ พลางส่ายตามองอย่างตื่นกลัวว่าพวกมันจะถูกพาไปจากถิ่นที่อยู่เดิม อันแสนคุ้นเคยมาสักระยะ
    เท้าหน้าทั้งสามคู่ ถูกพี่ฝนของพวกมันจับเขย่าแรงๆ ด้วยคิดถึง ที่จริงก็ไม่อยากให้ไป แต่ตัวเองก็อยู่หอพักไม่มีปัญญาพาไปเลี้ยงอยู่ด้วย เมื่อนึกถึงเดือนเสี้ยวที่เจอกันเมื่อครั้งก่อน จึงนึกได้ว่าถ้าขอร้องให้เอาไปเลี้ยงที่สวนผลไม้ที่จันทบุรีก็คงไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงเสี่ยงโทรศัพท์ไปบอก แล้วก็ไม่ผิดหวังกับความใจดีของเพื่อนตัวอวบคนนี้
    และกว่าที่ทั้ง 3 ตัวจะถูกจัดการอาบน้ำแปรงขน รวมถึงฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคก็กินเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็มากโขเอาการ เนื่องจากเป็นคลินิกสัตว์เลี้ยงเอกชนขนาดกลาง อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจ้านายที่ตัวเธอมาพักได้หนึ่งคืนแล้ว
    ทว่าเจ้าของไม่กล้าคิดเงินกับคนที่อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นแม่ใหม่ของเจ้าลูกหมาน้อยทั้งสามตัวสักแดงเดียว เพราะเขาคือลูกชายของอรรถ ซึ่งเป็นเจ้านายอีกคนของบิดาเดือนเสี้ยว และยังเอ็นดูคนตัวกลมนี่เสมือนเป็นน้องสาวคนเดียวอีกด้วย
    “พี่อั๋น...แล้วต้องพาเจ้าตัวเล็กมาฉีดยาอีกหรือเปล่าคะ”
    “มาสิ แต่ก็เดือนหน้าโน่นแหละ พี่ว่าพาไปหาหมอในเมืองจันท์ก็ได้นะ บอกเขาว่าฉีดวัคซีนรวมโรคไข้หัดกับลำไส้อักเสบติดต่อ ถ้ายังไงก็ดูในตารางในโบร์ชัวร์นี่แล้วกัน”
    เดือนเสี้ยวพยักหน้า พลางยกตะกร้าสีฟ้าสดบรรจุลูกหมาสามตัวแทนกล่องกระดาษเดิม ขณะที่ทวีฉัตรยกถุงหิ้วใบใหญ่บรรจุของใช้จำเป็นในการเลี้ยงลูกหมา ซึ่งเขาเองก็เต็มใจให้แบบไม่อั้น เพราะรู้ว่าบิดาเองก็ต้องการเอาพวกมันไปเลี้ยง เพื่อจะได้ช่วยดูแลสวนผลไม้ในวันข้างหน้าอีกด้วย
    “ขอบคุณพี่อั๋นมากค่ะ ดูสิ...ให้นมกับขนมพวกตัวเล็กมาถุงเบ้อเร่อเลย พวกเด็กๆ ขอบคุณพี่หมอหรือยังเอ่ย”
    “เฮ้ย! ทำยังพวกมันพูดได้”
    “แหม...มันต้องรู้จักบุญคุณคนสิคะ ว่าแต่เมื่อไหร่พี่อั๋นจะไปหาลุงอรรถล่ะ ท่านบ่นคิดถึงอยู่เรื่อย”
    “คงกลางเดือนโน่นแหละ ยังไงพี่ฝากดูแลพ่อด้วยแล้วกัน”
    “ค่ะ งั้นแตงโมไปนะ”
    เมื่อหนุ่มรุ่นพี่พยักหน้าให้หลังจากที่ยกมือไหว้ลา เธอก็ผลุบเข้าไปในตอนหลังของแท็กซี่ ยื่นหน้าออกมาโบกมือให้อีกครั้งก่อนจะวุ่นวายอยู่กับเจ้าหมาน้อยที่ทำหน้าตื่นและร้องครางเมื่อถูกพาขึ้นรถออกเดินทางอีกครั้ง กระทั่งพาหนะคันกะทัดรัดคาดเขียวเหลืองพามาถึงบ้านหลังงาม ก็ปล่อยพวกมันออกจากตะกร้าให้ปลดทุกข์หรือวิ่งเล่นยืดเส้นยืดสายกันตามสบาย
    ผกามาศ หญิงสูงวัยร่างท้วมเดินควงแขนกับอรรถสามีใหม่มายังเดือนเสี้ยวที่นั่งคุกเข่าบนพื้นหญ้าสีเขียวเข้ม บนตักมีลูกหมาตัวสีน้ำตาลเข้มนอนดูดนมจากขวดอย่างกระหายหิว ส่วนอีกสองตัวที่เป็นสีดำ ช่วงหน้าอกมีสีขาวแซมประปรายวิ่งเล่นกัดกันอยู่สองตัวอย่างสนุกสนาน
    “ว่าไง...แม่หมูเลี้ยงลูกหมารึไงเรา”
    อรรถถามเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งกับพื้นหญ้าแล้วคว้าลูกหมาหนึ่งในสองตัวที่วิ่งเข้ามาหา พลางไล่งับนิ้วหยาบของเขา ส่วนอีกตัวพยายามไต่ขึ้นตักบ้าง โดยชายผมสีดอกเลานี้เงยหน้ายิ้มให้ภรรยาที่อมยิ้มเอ็นดูพวกมันเหมือนกัน
    “คุณมาศ เนี่ยนะ...ที่บอกว่าเซอร์ไพรส์”
    “ไม่ดีเหรอ ฉันเห็นคุณบ่นว่าสวนเรามันเงียบเหงา ก็เลยหาเพื่อนให้”
    “แล้วคุณลุงชอบพวกมันหรือเปล่าคะ”
    “อืม...น่ารักดีนี่นา เอาไว้ที่สวนทั้งหมดเลยใช่มั๊ย”
    “ก็แล้วแต่คุณลุงค่ะ”
    เจ้าตัวเล็กสีครีมอมน้ำตาลอ่อนอิ่มนมแล้วนั้น ดิ้นลงจากตักอุ่น แต่หญิงสาวกลับช้อนเข้าใต้ท้องแขนช่วงสองขาหน้าแล้วยื่นจมูกตัวเองไปถูกับจมูกชื้นของมันอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะปล่อยลงพื้นสนามแล้วรับอีกตัวในมือของอรรถไปให้นมต่อ
    “เอาไปแค่สองตัวก็พอ สีดำทั้งคู่นี่แหละ ส่วนตัวสีครีม อ้วนปุกปุย...เอาไว้ที่นี่ให้ตาหมิงเลี้ยงดีกว่า จะได้อยู่ติดบ้านมั่ง”
    “จะดีเหรอคุณมาศ...รายนั้นเขาไม่ชอบหมาพันธุ์ทางแบบนี้หรอก ต้องแบบมีเพดดิกรีล่ะมั๊ง ถึงจะถูกใจ”
    หญิงสาวเงี่ยหูฟังผู้ใหญ่ทั้งสองสนทนากันถึงลูกชายคนโตของบ้านคณานุรักษ์ ซึ่งนิยมเลี้ยงสุนัขที่มีสายพันธ์มากกว่าจะเก็บเรี่ยราดตามรายทางเช่นเธอ นั่นอาจจะเป็นเพราะเขามีกำลังทรัพย์ที่จะหาซื้อได้ หรืออาจจะต้องการมีไว้เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะมากกว่าจะเป็นเพื่อนร่วมบ้านอย่างที่เธอให้พวกมันก็ได้
    “ก็ลองเปลี่ยนบ้างสิ บางทีของบ้านๆ อาจจะดูดีกว่าที่ขึ้นหิ้งตั้งเยอะแยะนะคะ”
    ผกามาศสบตากับสามีอย่างมีนัยยะ ซึ่งอีกฝ่ายก็มิได้เอ่ยขัดอะไรอีก เพราะรู้ว่าภรรยาต้องการจะทำอะไรกับลูกชายคนนี้ และรู้ดีว่ามหิศรนั้นเฮี้ยวแค่ไหน เพราะกว่าที่เขาจะเทียวไล้เทียวขื่อของมารดาม่ายคนนี้แต่งงานได้ก็แทบกระอัก
    “ตามใจ เออ...หนูแตงโม พวกนี้ตั้งชื่อว่าอะไรกันบ้างล่ะนี่”
    “ที่จริงถ้าตัวดำๆ อมน้ำตาลเข้มนั่นมันเป็นสีขาวล่ะก็ หนูจะตั้งเป็นเครื่องดื่มคาเฟอีนแบบที่คุณลุงชอบ แต่มันไม่ครบขาดน้ำตาลไป ก็เลยเหลือเจ้ากาแฟ เจ้าครีมแล้วก็เจ้าโอเลี้ยงค่ะ”
    “ฮ่าๆๆ รู้จักตั้งดีแฮะ ถ้างั้นเจ้ากาแฟกับเจ้าโอเลี้ยงนี่...จะต้องระเห็จจากกรุงเทพฯ ไปเป็นไอ้หนุ่มบ้านนอกล่ะสิ”
    “ใช่ค่ะ ส่วนสาวน้อยอวบอั๋นนี่ก็...หนูครีมสุดสวยจะเป็นไฮโซอยู่บางกอก”
    คุณผู้หญิงของบ้านหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินทั้งเดือนเสี้ยว ลูกของหัวหน้าคนงานประจำสวนกับสามีคุยกันถูกคอเช่นนี้ ที่จันทบุรีตอนนี้กำลังขยับรีสอร์ทที่เป็นโฮมเสตย์ให้รับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เธอจึงคิดจะส่งหญิงสาว มาเรียนรู้วิธีการทำเวบไซต์และโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ซึ่งลูกชายคนโตทำธุรกิจด้านดิจิทัลคอนเทนต์ร่วมกับเพื่อนรุ่นน้องที่จบจากต่างประเทศเมื่อสองปีก่อน
    “โตมา ก็อย่าลืมกำชับให้คนในบ้านพาไปทำหมันด้วยล่ะ...ถ้าเกิดมีลูกยั้วเยี้ยเต็มบ้าน เธอตายแน่...ยายแตงโม”
    “ค่ะ...คุณป้า”
    “เอาล่ะ ถ้าเสร็จธุระตรงนี้แล้ว ก็ไปอาบน้ำอาบท่า...และมาทานข้าวเย็นกันนะ วันนี้ป้าให้วรรณ เขาทำฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำให้ด้วย คุณอรรถไปดูกล้วยไม้ของตาหมิงตรงโน้นดีกว่าค่ะ...ไม่รู้ว่าต้นที่เอามาจากเมืองจันท์ คราวโน้น แห้งเหี่ยวหรือยัง”
    เมื่อลับร่างของคู่สามีภรรยานั้นแล้ว เดือนเลี้ยวรีบป้อนนมลูกหมาที่เหลืออีกตัวหนึ่งก่อนจะปล่อยให้มันวิ่งเล่น โดยอึ่ง เด็กรับใช้วัยขบเผาะรีบวิ่งมาดูแลให้ ขณะที่เธอรีบขึ้นไปปฏิบัติตามที่คุณผกามาศสั่ง เพื่อจะได้ลงมาช่วยวรรณ แม่ครัวใหญ่ ทำครัวด้วย
    จวบจนกระทั่งอิ่มหมีพีมัน และปลีกตัวจากคู่สามีภรรยาสูงวัยไปจัดการอาบน้ำอาบท่า พร้อมทั้งโทรศัพท์หาบิดาที่อยู่จันทบุรีเมื่อตอน 2 ทุ่ม แล้วเดือนเสี้ยวในชุดนอนกระโปรงลายโดเรม่อนสีชมพูเคาะประตูห้องนอน ส่วนหมาน้อยตัวเมียวิ่งตามไม่ห่าง กระดิกหางให้กับผกามาศที่นั่งบนเตียงกว้างของลูกชายคนโตซึ่งเดินทางไปต่างประเทศ
    “โอ้โห...เจ้าตัวนี้ ตามเราต้อยๆ สงสัยคืนนี้นอนบนเตียงเดียวกันล่ะสิ”
    “คงงั้นล่ะค่ะ อีกสองตัวนอนหลับอุตุไปแล้ว”
    ร่างอวบอุ้มเจ้าตัวสีครีมวางบนตักของผกามาศที่ลูบหัวเล็กๆ ของมันอย่างเอ็นดูก่อนจะเอื้อมไปหยิบกรอบรูปบนโต๊ะข้างหัวเตียงส่งให้ดู
    “จำพี่เขาได้หรือเปล่า”
    มารดาของมหิศรยิ้มเอ็นดูเมื่อคนที่นั่งพับเพียบกับพื้นพยักหน้ารับ หนุ่มสาวคู่นี้เจอกันแค่สองครั้ง...ครั้งแรกก็เกือบปี ตอนที่เธอกับอรรถสามีใหม่แต่งงานกันที่จันทบุรี ลูกชายคนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ขณะไปร่วมงาน ส่วนครั้งล่าสุดก็เมื่อสามเดือนตอนที่คนเป็นแม่ล้มป่วยเพราะไข้หวัดใหญ่ โดยมีสาวตัวกลมคนนี้คอยดูแลไม่ห่าง
    “คุณหมิง...จะว่ารึเปล่าคะที่คุณป้าให้หนูมาดูแล”
    “โอ้ย...จะกล้าขัดป้าเรอะ เชื่อสิ...เขาก็แค่บ่นๆ เท่านั้นแหละ สุดท้ายก็ยอมอยู่ดี”
    เดือนเสี้ยวทำสีหน้าไม่แน่ใจกับคำรับประกันจากผกามาศที่จับจ้อง พลางลูบปลายนิ้วไปที่รูปถ่ายของลูกชาย มหิศรเองมีเค้าหน้าถอดจากอดีตสามีไม่ผิดเพี้ยน
    “คุณป้ามั่นใจ หนูก็โอเค”
    “ต้องอย่างนั้นสิ เรามาดูดวิชา...ไม่ได้ตั้งใจมาอ่อยเขาซะหน่อย จริงมั้ย”
    “ค่ะ”
    “อีกอย่างลูกชายของป้าชอบผู้หญิงสวย หุ่นดี คงไม่มองเราหรอกมั๊ง”
    “คุณป้าอ่ะ”
    หญิงสาวทำหน้าเง้างอด แก้มป่องใส่เมื่อถูกล้อ
    “แต่ก็คงจริงนะคะ เพราะมีหลักฐานชัดเจนเสียอย่างนี้”
    กรอบรูปอีกอันที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงอีกด้านที่ชายหนุ่มซึ่งถูกพูดถึงกำลังตระกองกอดร่างเพรียวระหงของแฟนสาวเมื่อครั้งไปเที่ยวฝรั่งเศส ราวกับหวงแหนเสียหนักหนา หล่อนชื่อรุ่งอรุณ วัชรเมฆ เป็นข้าราชการสถานทูตของประเทศมหาอำนาจแห่งหนึ่ง หญิงสาวสวยสง่าราวกับนางพญาที่มหิศรตกหลุมรักและคบหาเป็นคู่รักมาได้เกือบปีแล้ว
    “เคยทำตัวเละเทะมาก่อนแบบนี้นะเร้อ ที่จริงป้าก็โกรธเหมือนกันนะที่หมิงมันตาต่ำที่ไปคว้ามาเป็นคู่ควง ถ้าพ่อเขายังไม่ตาย อย่าหวังเลยว่าจะคบกันได้”
    ผกามาศตวัดค้อนใส่คนในรูปด้วยความเกลียด
    “ค่ะ”
    “แตงโมมาอยู่นี่ชั่วคราว ก็ช่วยป้าสอดส่องดูหน่อยก็แล้วกัน”
    “จะดีเหรอคะ”
    “แน่นอน...เอ้า...เจ้าตัวกลมนี่หลับปุ๋ยซะแล้ว เราก็ไปนอนได้แล้วไป ป้าเรียกมาคุยแค่นี้แหละ”
    เมื่อคล้อยหลังหญิงสาว ผกามาศลุกขึ้นอ้อมไปยังอีกฝั่งของเตียงนอนกว้าง ฉวยกรอบรูปบานที่เห็นเมื่อก่อนหน้าขึ้นมาจ้องตาแทบไม่กระพริบ ใบหน้าของใครคนหนึ่งลอยซ้อนขึ้นมาขณะที่มืออวบอูมเกร็งจนแน่น ออกแรงบีบขอบไม้ คล้ายจะให้คนๆ นั้นรู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันออกมาด้วยความปวดใจว่า...
    “ตอนนี้หล่อนเป็นคุณหญิงสีวลี วัชรเมฆสมใจ!!...เหยียบหัวใครบางคนเพื่อจะขึ้นไปเชิดหน้าอยู่ในสังคมชั้นสูง ฮึ!! คนหน้าด้าน”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×