คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ดุจหหัย ตอน 3 100% (รีไรต์
ทว่ารถคันงามก็ยังถูกสตาร์ทแล้วค่อยๆ ขยับถอยจากช่องจอด ออกจากลานมุ่งหน้าไปสู่ถนนใหญ่ โดยที่คนโดนฉุดขึ้นรถทั้งอ้อนวอน ทั้งสารภาพอย่างสิ้นฤทธิ์ไม่ได้รับการสนองตอบ จึงเปลี่ยนเป็นไม่ยอมอยู่นิ่ง สองมือตะปบไปที่แขนขาวแล้วตะกุยเพื่อกวนสมาธิ แต่อีกฝ่ายก็ยกมือข้างที่ใส่เกียร์อัตโนมัติแล้วพยายามกั้นไว้ และให้ฟาดเข้าที่ท่อนแขนก็มากพอแล้ว
“หยุดเถอะคุณ...รับประกันว่าผมไม่ทำอะไรคุณจริงๆ ไม่พาไปไหนแน่ๆ”
“ไม่เชื่อ!”
“ถ้าผมพาคุณไปส่งถึงบ้านถูกจะเชื่อมั้ย”
หญิงสาวทำตาโต
“มั่ว”
“ผมพูดจริง แล้วก็...ทำจริง”
ชายหนุ่มหันมามองด้วยสายตาบ่งบอกความมั่นใจ ไม่แพ้น้ำเสียง หนึ่งาทีนี้ทำไมคนมองถึงได้รู้สึกว่าไอ้สำเนียงไม่ไทยจ๋า 100% แต่เวลาได้ยินบ่อยครั้งมันก็น่ารักแฮะ และเมื่อรู้สึกตัวว่าคิดอะไรก็ไม่รู้ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ ก็สะบัดศีรษะไล่ความคิดบ๊องๆ นี่ออกไปให้หมด
“บ้านคุณอยู่แถวเกษตร-นวมินทร์ เลยทางด่วนไปสักสองกิโล”
“..........”
“อยู่โครงการมณีรดา ซอย 5 อยู่ทางขวา...บ้านสีขาวสองชั้นหลังที่ 3 มีต้นผัก ที่ลูกมันกลมๆ ผิวปุ่มๆ ปลูกอยู่ตางหลังบ้าน ข้างหน้าตรงรั้วมีซุ้มดอกไม้สีขาวด้วย”
หญิงสาวตาโตกับรายละเอียดที่ผ่านหู
“ลูกกลมๆ มันเรียกว่าอะไรเหรอ”
“ขนุน”
คำตอบแม้จะห้วน แต่ก็พึงพอใจที่ได้รู้ว่าเธอยังสนใจคู่สนทนาอยู่
“ใช่...ผมเคยได้กินแล้ว หวานกรอบ...อร่อยมาก”
“คุณพูดจนฉันชักกลัวแล้วสิ รู้ดี...เสียจนฉันไม่แน่ใจว่าเป็นลูกบ้านของที่นี่ด้วยรึเปล่า แต่ให้ชัวร์...เอาโทรศัพท์มาให้ฉันโทรหาตำรวจที่รู้จักกัน แจ้งเหตุไว้ก่อนดีกว่า เพราะไหนๆ ก็ร่วมหัวจมท้ายนั่งรถมาด้วยกันแล้วนี่นา”
“มันแปลว่าอะไรที่พูดเมื่อกี้”
“ร่วมหัวจมท้ายนะเหรอ”
นิ้วอูมยังกระดิกหาโทรศัพท์ไม่ตอบ เพราะสนใจแต่จะโทรหาเพื่อนตำรวจหญิง แจ้งชื่อคนขับพร้อมกับหมายเลขทะเบียนป้ายแดงและยี่ห้อรุ่นสีของรถจนละเอียด ย้ำให้แน่ใจว่าจะมาช่วยเหลือทันท่วงที พอเสร็จกิจก็หันมาแว๊ดปนบ่นอุบใส่คนขับที่แกล้งขอร้องให้เธอช่วยบอกทาง ทั้งที่ๆ ตัวเขาเองก็เซ็ตค่าทีจีพีเอสแล้วก็ตาม
“โอเค...ฉันคุยกับเพื่อนแล้ว ขืนคุณนอกเส้นทางแล้วก็พาวกไปวนมาจนเกินเวลาที่กะไว้ล่ะก็...หน่วยคอมมานโดมาล่าหัวคุณถึงบ้านแน่นอน”
“รับรองว่าจะไม่ทำ”
ดุจหทัยยื่นโทรศัพท์คืนให้
“แล้วก็ขอบคุณนะที่ยินดีกรุณาช่วยผม”
“ฮึ!”
หญิงสาวทำเสียงเยาะขึ้นจมูก
“ที่จริงไม่อยากจะช่วย! แล้วก็กรุณาอย่าทำหน้าหล่อและเสียงออดอ้อนเจ้าชู้แบบนี้ให้...ฉันไม่เคลิ้มหรอก อ้อ! ลืมไปได้ไงเนี่ย นี่คุณ!”
คัตสึโมะโตะทำหน้าผากย่นกับอาวุธร้ายในมืออูมที่หันปากกระบอกสเปรย์มาให้ ถ้าเกิดพลาดพูดไม่เข้าหูนิดเดียว! คงได้โดนฉีดจนตาบอดชั่วคราวแน่
“รู้ได้ซะด้วยว่าไอ้นี่คือสเปรย์พริกไทย”
“ผมรู้”
“ก็ดี!...อ๊ะๆ อย่ามาคิดร้ายอะไรกับฉันนะ...ฉันรู้ว่าถึงฉันจะเป็นผู้หญิงสวย ดูอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วฉันเป็นนักคาราเต้สายดำด้วยนะ! แค่สะบัดมือ...คุณก็ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว”
จากประโยคนี้ส่งผลให้คิ้วเข้มเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้น แววตายังเจือด้วยความขบขันเมื่อร่างอ้วนดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน ดวงหน้าเชิดขึ้น ร่างกายตั้งตรง ทำท่าราวแม่แมวป่าปราดเปรียว หากแท้จริงเป็นแม่หมูตุ๊บป่องต่างหากเล่า!
“ผมคิดว่าคงจะไม่ทำอะไรคุณ”
“ว่าได้เหรอยะ!”
ชายหนุ่มที่เป็นนักเขียนในประจำในเวปบอร์ดขมวดคิ้ว หันมามองหญิงสาวด้วยความใคร่รู้ ก่อนจะทวนคำนี้อย่างช้าๆ
“ว่า-ได้-เหรอ-ยะ? แปลกดี มันหมายความว่ายังไงนะ”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
หญิงสาวไม่สนใจ เพราะตอนนี้ไล่มือไปกับคอนโซลหน้ารถ กวาดสายตามองด้วยความทึ่งเพราะมันตบแต่งให้ดูหรูหราด้วยเครื่องเสียงชั้นดี ก่อนจะหลับตาลงเคลิ้มไปกับเสียงดนตรีคลาสสิคนุ่มหู ทุกความรู้สึกต่างจากหนูมะนาวห้าวซ่าส์ของเธอ ใช่...หนูมะนาว! ลืมมันไปได้อย่างไรกัน
“ตายแล้ว”
“ใครตาย”
คนโดนถามลืมตาโพลง เหลียวมองขวับไปทางด้านขวาของตัวเอง
“คุณนี่! ทำไมจะต้องมาทวนคำพูดของฉันด้วยนะ ยุ่งจริงๆ แล้วกรุณากลับรถไปที่ร้านให้ด้วย...ฉันทิ้งหนูมะนาวไว้ที่ร้านอิ๊กคิว”
“ไม่ได้ครับ”
“อะไรกัน! แล้วฉันจะทำยังไง...นั่งรถไปถึงบ้าน แล้วก็โทรให้แท็กซี่มารับ...ไปส่งที่ร้าน แล้วก็ขับหนูมะนาวกลับบ้าน โหย...โคตรจะเห็นแก่ตัวเลยนะคุณ”
ดุจหทัยทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่
“วนกลับไปส่งเลย!”
“ไม่ได้ครับ”
เขาไม่ยอมใจอ่อนแม้แต่นิด
“เชอะ! แล้วนี่มันอะไรกันหนักหนาเนี่ย ปวดหัวไปหมดแล้ว!...ถามหน่อยเหอะคุณเป็นใครกันแน่ รู้จักฉันดีจริงๆ หรือว่าเป็นพวกโรคจิตชอบเที่ยวขโมยชุดชั้นในสาวๆ สวยๆ อย่างฉันไปดม อี๋...บอกได้คำเดียวว่า...ทุเรศ!!”
เพียงเท่านี้ ร่างสูงโปร่งก็หัวเราะดังลั่นรถ ตอนแรกที่ได้เจอเธออยู่ในร้านอาหารก็ไม่แน่ใจนักว่าใช่เพื่อนบ้านสาวที่เคยเห็นผ่านตาสองสามครั้งหรือไม่ ทว่าพอได้เห็นวีรกรรมทะเลาะกับเด็กหญิงในร้านหนังสือ ก็มั่นใจ เพราะทั้งสีหน้าบวกกับอากัปกิริยาทำให้นึกถึงครั้งหนึ่งซึ่งร่างอ้วนก็เคยต่อล้อต่อเถียงกับหลานชายอยู่แถวบริเวณหลังบ้าน ด้วยสาเหตุที่แอบอุ้มโคยูกิเข้าไปนอนด้วยกันตลอดทั้งคืน พอตื่นเช้ามาตัวก็ลายพร้อยเมื่อโดนแมวหนุ่มทั้งข่วนทั้งงับจนเลือดซิบหลายแผล
“นี่! ถามไม่ได้ยินรึไง”
“ได้ยิน”
“งั้นก็ตอบมาสิ”
หญิงสาวเอี้ยวตัวมอง กอดอกไว้มั่น ต้องการได้รับคำตอบจริงๆ
“ผมชื่อคัตสึโมะโตะ ชื่อไทยก็มี...ชื่อพระนาย อยากจะเรียกคัตสึหรือพระนายก็ได้ ตามแต่ใจต้องการ”
“อือ”
“เพื่อนบ้านของคุณ”
“หา? จริงเหรอ”
ร่างอ้วนคลายแขน แล้วยกมือข้างหนึ่งตบอกผาง พยายามเค้นความทรงจำก่อนหน้าว่าเคยเห็นหน้าเขาผู้นี้มาก่อนหรือไม่? แต่ก็ไม่คุ้นแม้แต่นิดเดียว
“งั้นคุณก็เป็นเจ้าของแมวตัวนั้น...ตัวที่มันงับเจ้าอิ๊กคิว สั่งสอนมันหน่อยสิ”
“ผมจะบอกให้”
คัตสึโมะโตะรับปาก ตาก็จับไปที่กระจกมองข้างแล้วนึกสนุก อยากจะแกล้งคนที่เอาแต่ทำหน้าเง้างอด เหมือนแม่หมูตุ๊บป่องแสนงอนอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเร่งความเร็วขึ้นวิ่งแข่งกับรถเก๋งสมรรถนะใกล้เคียงกันแล่นบนเลนซ้าย เบียดกันอย่างเร้าใจแต่ฝั่งคนนั่งสิ ยกมือประกบไหว้ขอพรพระ จากนั้นยกมือพรวดขึ้นจับราวเหนือศีรษะไว้มั่นทั้งสองมือ หลับตาปี๋เมื่อชายหนุ่มหักพวงมาลัยกะทันหันแล้วปาดหน้ารถคู่แข่ง เลี้ยวเข้าไปในประตูหมู่บ้านได้อย่างฉิวเฉียด
“อ๊าย! กรี๊ดดดด! จะบ้าเหรอ...ขับรถภาษาอะไรเนี่ย!”
คนที่ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มโวยวายน้ำตาคลอ ชี้หน้าด้วยมือที่สั่นระริก
“กลัวเหรอ?”
“ยังมีหน้ามาถามแบบนี้อีก! คุณลองมาเป็นคนนั่งมั้ยละ!”
ร่างสูงโปร่งแม้จะรู้สึกผิด แต่ไม่วายยอกย้อนถาม
“อกอีแป้นจะแตก! เมื่อกี้น้ำลายเหนียวคอหนึบหนับ...มือไม้อ่อนไปหมด โอ๊ย! เห็นหน้าคุณจืดๆ แบบนี้ ไม่คิดว่าจะบ้าบอคอแตกแบบนี้!!”
“ผม...”
“ถึงบ้านแล้ว...หยุดๆ เลย หยุดสิ...อ๊ะ...แหวะ”
“ตายห่ะ”
คราวนี้ชายหนุ่มสบถ แล้วรีบปลดล๊อกพร้อมกับจอดรถที่หน้าบ้านของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วอ้อมมาประคองร่างอ้วนที่รีบคว้าแขนเขาไว้เป็นหลังแล้วก้มหน้าขย้อนเศษอาหารออกจากกะเพราะจนเปรอะเปื้อนดอกบัวดินที่ชูสลอนจนหมดไส้หมดพุง โดยที่มือเรียวยาวลูบแผ่นหลังปลอบโยน ก่อนจะส่งขวดน้ำเปล่าให้เธอบ้วนปากจนสะอาดเอี่ยมอ่อง
“โอเคมั้ยคุณ”
“สภาพแบบนี้...คุณว่าโอเครึไง?”
แม้จะสิ้นสภาพ ทว่าดุจหทัยก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ พอหายวิงเวียนแล้วก็เดินไปที่ประตูบ้าน ล้วงเข้าไปยังซอกกำแพงอิฐเอากุญแจบ้านออกมา ทว่าก่อนจะไขประตูเข้าบ้าน ก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มซึ่งยืนมองด้วยความเป็นห่วง อีกทั้งยังออกปากชวนให้ไปพักให้หายตกใจที่บ้านของเขาดีกว่า ทว่าเรื่องอะไรต้องยอม? แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
“งั้นยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณหมูตุ๊บป่อง”
คัตสึโมะโตะยังไม่วายกวนประสาท
“ไม่ยินดีด้วย”
“แล้วนี่คุณซ่อนกุญแจไว้แบบนี้...ไม่กลัวขโมยรึไง?”
“ไม่กลัว!”
ดุจทหัยเปิดประตูรั้วเล็ก แล้วแทรกตัวเข้าไป ก่อนจะรีบปิดพลางล๊อกรั้วอย่างรวดเร็ว คราวนี้มีโอกาสได้ยืนจังก้ามองเพื่อนบ้านคนใหม่โดยไม่ต้องรู้สึกหวั่นกลัวด้วยมีกำแพงเหล็กขวางกั้น ทั้งรูปร่างหน้าตาผิวพรรณถือได้ผ่านตาได้สบายๆ แต่พอได้พูดคุยหรือสัมผัสตัวตนผ่านการกระทำเมื่อกี้นี้ บอกได้เลยว่า...ยอดแย่! และแล้วเธอก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากเหยียดปากใส่ เดินหนีเข้าบ้าน ปล่อยให้คัตสึโมะโตะได้แต่ยิ้มจางๆ ขณะจับจ้องผมหยิกสลวยกระเด้งกระดอนไปมา ก่อนจะขับรถเข้าบ้านของตัวเองบ้าง เพื่อรอพบเพื่อนที่เดินทางมาไกลจากประเทศอิตาลี
ความคิดเห็น