ตอนที่ 9 : Illusion poison 7 ♜ One and only (120%)
Illusion poison 7. One and only
หัวใจของผมไม่ปกติเหมือนมันจะหยุดเต้นเอาซะดื้อๆ เมื่อเห็นสภาพของพอยชั่นคลับที่เกือบเรียกได้ว่า 'เละเป็นโจ๊ะ'
หลังจากวางสายไอ้ศาผมก็รีบมาที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่แท็กซี่ตอนกลางคืนหายากยิ่งกว่าทำเข็มตกลงไปในมหาสมุทร การ์ดหน้าโหดสองคนหลีกทางให้ผมเข้าไปในคลับเหมือนจะจำหน้าผมได้ทั้งที่เคยมาแค่ครั้งเดียว โต๊ะล้มระเนระนาด ขวดแก้วหลายขนาดบ้างกลายเป็นเศษแก้วแตกกระจายบนพื้น บ้างวางคว่ำอยู่บนเคาน์เตอร์ สภาพโดยรวมเหมือนคลับทั้งคลับโดนพายุซัดมา
มันเกิดอะไรขึ้น?
“นาย...” บาร์เดนเทอร์คนหนึ่งร้องทักลากไม้กวาดเดินมาหาผม เขามีผ้าก๊อซอันใหญ่แปะกลางหน้าผาก ปากแตกเลือดออกซิบๆ ที่เบ้าตาช้ำจนเห็นเป็นรอยสีม่วงจางๆ
โห พี่แกไปฟัดกับหมีที่ไหนมาวะ
“ครับ?” ชี้ที่ตัวเองกระพริบตาปริบๆ เรียกกู?
“เออ นายนั่นแหละ เพื่อนขององศาใช่ป่ะ" พยักหน้าสองสามทีเป็นคำตอบ พอมาถึงคลับจะโทรหาไอ้ศามันก็ปิดเครื่องหนีไปซะแล้ว ผมเลยเดินเก้ๆกังๆไม่รู้จะไปหาออสตินที่ไหน
“ศาฝากให้กูดูแลมึง ห้องของออสตินอยู่ข้างบน ตามมา”
ผมตามเขาไปอย่างว่าง่าย หัวใจกระตุกเบาๆเมื่อได้ยินชื่อของออสติน ห้องของชายหนุ่มอยู่ชั้นบน บาร์เทนเดอร์เคาะประตูห้องได้ยินเสียงคนข้างในตอบกลับมาแว่วๆ แต่นั่นไม่ใช่เสียงของออสติน
แกร๊ก
สภาพห้องไม่ต่างอะไรจากคลับด้านล่าง ดีหน่อยที่ข้าวของบางส่วนถูกจัดเก็บทำความสะอาดเรียบร้อย ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพยักหน้าเป็นเชิงให้บาร์เทนเดอร์กลับไปทำงานของตัวเองได้ ผมเดินตามเขาเข้าไป เพื่อนของออสติน? ทำไมผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน
“นั่งลง” ประโยคที่ไม่ใช่คำเชิญชวนแต่เป็นคำสั่งกลายๆ ผมเลิกคิ้วยอมนั่งลงตามที่เขาบอกโดยดี
“ออนตินอยู่ไหน” ผมถาม
“ยังไม่ตาย...มึงมาที่นี่ได้ยังไง” ตอบแบบนี้ไม่ต้องตอบจะดีกว่ามั้ย ชายแปลกหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิททั้งห้าคนของออสตินนั่งไขว้ห้าง ประสานมือไว้ที่อก จ้องผมนิ่งๆอย่างวิเคราะห์
เหมือนมันจะเจอเด็กนี่จนได้นะ
คิดแล้วก็ตลกดี เฝ้ามองมาหลายปีจนทนไม่ไหวต้องออกมาดูแลซะเอง หึ
“ศาโทรหากู...เอ่อ ผม” ชื่อขององศาทำเขาเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่นึกแปลกใจถ้าคนที่ว่าจะทำอะไรให้พี่ชายต่างสายเลือดของตัวเองอาการดีขึ้น
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ” ดวงตาคมเรียวทอประกายวูบหนึ่ง เสยผมที่เริ่มยาวปรกหน้าออกไป
“คุณเป็นใคร?” รัศมีที่พี่แกแผ่ออกมาทำเอาผมขนลุกซู่ซ่าปาทังก้าปาทังกี้ เอ๊ย ไม่ใช่ละ เอาเป็นว่าเพื่อนของออสตินคนนี้ไม่น่าคุยหรือน่าทำความรู้จักอย่างแรง
หนึ่ง ผมไม่ชอบดวงตาที่เหมือนจะมองออกทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง
สอง ท่าทีถือดีติดจะหยิ่งๆนั่นบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ชอบทำให้คนอื่นตกเป็นรองอยู่เสมอ
และ สาม...ไอ้ออร่าวิ้งๆระยิบระยับรอบตัวแม่งคืออะไร!?
“อ่า กูชื่อวิกเตอร์ เป็นเพื่อนออสติน ยินดีที่ได้รู้จัก” วิกเตอร์ 'ลืม' แนะนำตัวไปซะสนิท
“ผมชื่อ...”
ปึ้ก
อะไรหนักๆกระทบเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง ผมทรุดฮวบโดยมีอ้อมแขนของวิกเตอร์รับร่างผมไว้เหมือนรู้ทัน ไม่สิเขาต่างหากล่ะที่เป็นคนฟาดผม
“ราตรีสวัสดิ์”
ร่างเล็กไม่ตอบสนอง วิกเตอร์เลยแบกร่างของเจเรมี่ขึ้นพาดบ่าก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างเร่งรีบ
----------------------------------
อูย...เจ็บชะมัด
ผมลืมตามองเพดานรถ แรงเหวี่ยงของเบาะทำให้รู้ว่าคนขับนั้นเหยียบคันเร่งมิดขนาดไหน ผมลูบคอตัวเองเบาๆ แค่แตะนิดเดียวก็เจ็บจนเผลอร้องซี๊ด
“ตื่นแล้วหรอวะ” วิกเตอร์มองผมผ่านกระจก "หลับนานชิบหาย กูฟาดเบาๆเอง”
เบาบ้านพี่แกดิครับเฮ้ย!
“ฟาดทำไม”
“พอใจ J” เริ่มอยากให้ออสตินเลิกคบแม่งตะหงิดๆ
เออใช่...ออสติน!
“เรากำลังจะไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับออสตินกันแน่!?” ผมรัวคำถาม ตอนนี้เริ่มเช้าแล้วผมคงสลบไปนานอย่างที่มันว่าจริงๆ ในหัวมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด วิกเตอร์ขยับยิ้มที่มุมปากเลี้ยวรถเข้าไปในซอยแห่งหนึ่งที่ดูไม่มีคนทั่วไปอยากเข้าเพราะถนนเป็นทางลูกรังแถมสองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นทึบไปหมด
“ถึงแล้วก็รู้เอง ส่วนออสตินเท่าที่รู้ตอนนี้...มันยังไม่ตาย”
อยากจะลงไปดิ้นกับพื้นจริงๆพับผ่าสิ!
ตอบสองแง่สามง่ามแบบนี้สู้ไม่ตอบเลยจะดีกว่า
“แล้วองศา...”
“ถูกจับตัวไปกับไอ้ตินมันนั่นแหละ” ร่างสูงตอบเบาๆราวเป็นเรื่องธรรมดาที่เจอได้ทั่วไป จับตัว??? เหมือนที่มันลักพาตัวผมมาตอนนี้ปะวะ
“ทำไม...” ผมลนลานเท่าที่ฟังจากน้ำเสียงของไอ้ศาตอนที่มันโทรมาดูสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“เพราะพวกกูเผลอทำตัวเกะกะขวางตาใครเข้าล่ะมั้ง หึ” วิกเตอร์เผลอกำพวงมาลัยแน่น จับตัวออสตินไปยังพอเข้าใจแต่กับองศา...เขาจะไม่มีวันให้อภัยหากน้องของเพื่อนคนนั้นเป็นอะไรไป
วิกเตอร์เล่าให้ผมฟังว่ามีคนมากมายหวังจะให้พอยชั่นคลับล้มละลายเลยส่งคนมาก่อความวุ่นวายในคลับบ่อยๆ แต่ยิ่งมีเรื่องพอยชั่นคลับกลับยิ่งโด่งดัง เขาบอกว่าพอยชั่นมีคู่อริมากมายทั้งที่ขัดแย้งกันเรื่องของผลประโยชน์หรือแม้กระทั่งอิจฉาในความสำเร็จของกลุ่มพอยชั่น
เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าพอยชั่นไม่ใช่แค่คลับธรรมดา
แต่เป็นคลับที่เปิดบังหน้าการค้าธุรกิจมืด!
ดังนั้นคลับจึงมีทั้งคนหนุนหลังและคนหวังทำลาย วิกเตอร์ ออสติน ฟาเรนไฮ ลมหนาวและเจย์ยังเป็นมือใหม่ในเรื่องนี้ พวกกลุ่มใหญ่ที่ชำนาญกว่าเลยหาทางปิดโอกาสของคนทั้งห้ามาตลอด และโอกาสนั้นก็มาถึงตอนที่วิกเตอร์ไปเมืองนอกเมื่อมันสมองใหญ่ของกลุ่มไม่อยู่คนพวกนั้นจึงคิดว่าพอยชั่นกำลังอ่อนแอ
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
เคยมีคนบอกมั้ยครับว่าอย่าหาเรื่องกับคนในกลุ่มพอยชั่นเป็นอันขาด
เพราะหากเสียท่าเมื่อไหร่สัตว์มีพิษทั้งห้าจะแว้งกัดเอาได้ง่ายๆ
“ออสตินบอกกูว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนมีคนติดต่อขอซื้อคลับพอปฏิเสธไปมันก็พาคนมาถล่มคลับทุกคืน”
แบบนี้เองสินะเขาถึงมาหาไม่ได้ ผมกัดฟันแน่นนึกเป็นห่วงองศาขึ้นมาอีกคน เพื่อนผมจะรู้ไหมนะว่าพี่ชายตัวเองทำธุรกิจอะไร ช่วงนี้องศาชอบหายตัวไปบ่อยๆอ้างว่าต้องไปช่วยงานที่คลับ หรือว่ามันจะโดนพี่วานให้ทำอะไรอันตราย?
บ้าชิบ!! ทำไมผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง
“เมื่อเห็นว่าออสตินไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆมันเลยขู่จะลักพาตัวองศาไป ไม่คิดว่ามันจะทำจริง แถมโชคไม่ดีที่ไอ้ตินตัดสินใจไปช่วยศาคนเดียว เพราะกูอยู่เมืองนอก ฟาเรนไฮติดงาน เจย์กับไอ้หนาวต้องดูแลคลับแทน...”
ทันทีที่รู้ข่าวเรื่องการขู่ลักพาตัวองศาชายหนุ่มก็รีบจองไฟลท์บินกลับทันที
แต่ก็ไม่ทัน
“เดี๋ยวนะครับ...ถ้าองศาถูกลักพาตัวไปแล้วทำไมเมื่อคืนเขาถึงได้โทรหาผมได้?”
“นั่นก็เพราะไอ้ตินมันกำลังจะตาย”
ตัวผมชาวูบ คนพวกนี้พูดคำว่าตายได้หน้าตายเฉย ไม่นึกเป็นห่วงกันบ้างเลยหรือไง!!
“ตาน่ากลัวใช้ได้ กูไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมองศาถึงโทรหามึง แต่กูพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยากองศาไม่ใช่คนโง่มันคงทิ้งเบาะแสหรือทางออกเอาไว้ให้พวกกูแล้ว”
“เบาะแส?”
บรื้น!
รถเก๋งสีดำเร่งเครื่องขึ้นมาตีคู่กับรถของวิกเตอร์หลังจากพ้นซอยออกมารวมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ Ducati 1199 Panigale สีแดง เจย์ฉีกยิ้มให้วิคเตอร์ส่วนลมหนาวลดกระจกลงยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางมาตรงหางคิ้วแล้วสะบัดเบาๆ เป็นเชิงว่าขอไปก่อน
“GPS ขององศาไงครับที่รัก”
ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งตามรถของลมหนาวกับมอไซค์ของเจย์ไปพลางยิ้มนิดๆ
ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ หึๆ
พวกพอยชั่นจอดรถทั้งหมดไว้ริมถนน วิกเตอร์บอกให้ผมเดินตามไปเงียบๆ ลมหนาวหยิบปืนกระบอกสั้นส่งให้เพื่อนทั้งสองคนก่อนจะแบกปืนยาวคล้ายปืนล่าสัตว์ไว้ที่มือหนึ่งส่วนอีกมือก็ถืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับแกะรอย
นี่กูหลุดมาอยู่ในหนังแอ็กชั่นหรอวะเนี่ย!
“เดินตามมาเงียบๆอย่าส่งเสียง” วิกเตอร์สั่ง และแล้วขบวนการนินจาเต่าทั้งสี่ก็ได้ฤกษ์ออกโรง ผมย่องตามหลังลมหนาวกับเจย์ไปโดยมีวิกเตอร์ระวังหลังให้ ผมนั้นไซร้ไร้อาวุธติดมือ ลมหนาวถามผมว่าเคยใช้ปืนมั้ย อย่าว่าแต่ใช้เลยครับแค่ปืนจริงเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาที่กลัวผมทำปืนลั่นหรือยิงใส่เท้าตัวเอง(โง่จังใครจะไปทำวะ)เลยให้ผมพกโทรศัพท์ฉุกเฉินเอาไว้เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจะได้โทรขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที เจย์เป็นผู้ชายหน้าหวานอายุไม่น่าจะแก่กว่าผมสักเท่าไร่ ส่วนลมหนาวเป็นผู้ชายร่างโปร่งเขาตัวสูงกว่าออสตินหรือวิกเตอร์ซะอีก
แถมสองคนนี่คุ้นชินกับวิธีใช้ปืนยิ่งกว่าอะไรดี
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าออสตินเติบโตมาในสังคมแบบไหน ผมรู้เรื่องของเขาน้อยมาก เขาจะมีด้านอื่นๆที่ยังไม่ได้แสดงให้ผมเห็นรึเปล่านะ
มือทั้งสองกำโทรศัพท์แน่น
ขอให้ออสตินกับองศาปลอดภัยด้วยเถอะ สาธุ!
ปิ๊บๆๆ
เครื่องจีพีเอสในมือของลมหนาวร้องเตือน ชายหนุ่มเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าก่อนกวักมือเรียกคนที่เหลือให้ตามไปสมทบ
“โกดังของพวกไวท์อายส์?” เบื้องหน้าคือโกดังเก็บของขนาดใหญ่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยลวดหนาม สังกะสีของตัวโกดังพุเป็นหย่อมๆ บานกระจกแตกออกเป็นช่องลมเล็กๆเหมาะแก่การแอบดูลาดเลา
“ไอ้เดย์...” วิกเตอร์พึมพำ
ไวท์อายส์...ไม้เบื่อไม้เมาตลอดกาลของพอยชั่น เป็นทั้งเพื่อน คู่ปรับหรือแม้แต่คู่แค้นกันมาทั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งสองรู้ดีว่าอย่าหาเรื่องอีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นเพราะเวลามีเรื่องทีไรสุดท้ายแล้วก็กินกันไม่ลงทุกที
ปัง!
อยู่ๆก็มีเสียงปืนดังมาจากข้างในโกดัง มือพลันเย็นเฉียบ เกิดคำถามขึ้นในใจของทั้งสี่คนทันที ใครยิงใคร? แต่ก่อนลมหนาวจะตัดสินใจเคลื่อนขบวนนินจาเต่า(ตั้งชื่อโดยเจเรมี่) ร่างเล็กของคนคุ้นตาก็วิ่งออกไปจากที่ซ่อนตรงดิ่งไปยังโกดังเพราะความตกใจผสมความกลัว
ถ้าคนที่เป็นห่วงโดนยิงใครจะยอมอยู่เฉยวะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผมคนนึง!!
“เจม! เจม!! ชิท!!!” วิกเตอร์หมายคว้าร่างของผมไว้แต่ก็ไม่ทันเมื่อผมใส่เกียร์หมาวิ่งทักๆลอดรั้วหนามเข้าไปหาอันตรายอย่างไม่คิดชีวิต
“บ้าเอ๊ย” เจย์สบถก่อนสาวเท้ายาวๆวิ่งตามผมมา
โอ๊ย...
แขนผมโดนหนามบาดตอนลอดรั้วเข้ามาเมื่อกี้ มันแสบแปลบๆไม่หวงแผลเล็กน้อยของตัวเองหากเทียบกับชีวิตของออสตินหรือเพื่อนอย่างองศา
“หมอบลง!!” เสียงทุ้มติดหวานสั่ง ปฏิกิริยาเป็นไปโดยอัตโนมัติเขาให้หมอบผมก็หมอบดิ เสียงปืนดังขึ้นเหนือหัวหลายนัดก่อนที่ใครสักคนจะกระชากแขนผมให้หลบไปข้างๆ ลมหนาวพุ่งตัวเข้ามายิงสกัดการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเปิดโอกาสให้เจย์กับวิกเตอร์หาที่กำบังกระสุน
“อยากตายรึไง!!” เป็นเจย์ที่ช่วยผมไว้ เขาตะคอกหัวเสีย ไอ้ผมก็ได้แต่ยิ้มแหย่กลับไปพลางขดตัวลีบเพราะเสียงปืนดังขึ้นอีกระลอก
“ถ้าไอ้ตินไม่ว่าอะไรกูอยากเขกหัวมึงสักทีสองที หัดฟังแผนที่คนอื่นจะพูดซะบ้าง” ลมหนาวว่าผมปาวๆหลังจากขบวนการนินจาหาทางกลับมารวมกลุ่มกันเหมือนเดิมได้ในทีี่สุด
“เลือดมึงไหล” วิกเตอร์มาถึงเป็นคนสุดท้ายกระชาก(ย้ำนะครับว่ากระชาก)แขนผมไปตรวงดูบาดแผล
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเท่าไร่”
“บาดทะยักจะกินแขนยังไม่รู้ตัวอีก” เจย์บ่น ผมหน้าซีดทันที
เปลี่ยนใจกลับไปรอที่รถตอนนี้ทันมั้ยอ่ะ ฮือออ
“เลิกคุยเรื่องไร้สาระได้แล้วครับคุณมึง แผนเป็นแบบนี้ ในเมื่อเจเรมี่มันอยากเอาตัวไปเสี่ยงกูก็จะไม่ขัดศรัทธา...” เฮ้ย เดี๋ยว ผมแค่เป็นห่วงออสตินกับไอ้ศามันนะไม่ได้อยากตายซะหน่อย!
“โกดังมีทางเข้าออกอยู่ทางเดียวซึ่งก็คือประตูที่พวกมึงเห็นเมื่อกี้” ลมหนาวเอากิ่งไม้แถวๆนั้นมาเขี่ยพื้นวาดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ชี้กิ่งไม้ไปด้านหนึ่งของสี่เหลี่ยมแล้วกากบาท "เห็นได้ชัดว่าพวกไวท์อายส์มันเฝ้าประตูอยู่ที่กูพอนับได้มีประมาณสองคน ส่วนอีกสองคงอยู่ด้านในคอยคุมออสตินกับองศาอยู่ มีคนนึงถือปืนส่วนอีกคนกูไม่แน่ใจ”
ลมหนาวคลุกคลีกอยู่กับอาวุธของเถื่อนมาแต่เด็ก เขาพอจะแยกออกว่าเสียงปืนนัดแรกที่ได้ยินกับเสียงที่เพิ่งปะทะกันนั้นเป็นปืนคนละแบบแสดงว่าต้องมีคนข้างในถือปืนอยู่อย่างน้อยอีกหนึ่งกระบอก
“เราจะแบ่งเป็นสองทีม ทีมหนึ่งคอยเรียกความสนใจอยู่ด้านหน้าประตูส่วนอีกทีมให้อ้อมไปที่ด้านหลังแล้วแอบเข้าไปในโกดังช่วยตัวประกันออกมา” นับว่าเป็นแผนเรียบง่ายผมเลยพอจะเข้าใจ ถ้ามีลูกมีหลานจะส่งมาให้เรียนยุทธวิธีกับท่านปรมาจารย์หนาวนี่แหละ ใครกล้าหาเรื่องนับว่าฆ่าตัวตายชัดๆ "ทีมแรกคือกู ไอ้เจย์และวิกเตอร์ส่วนอีกทีมคือมึง เจเรมี่”
อืมๆ ผมอยู่ทีมสองที่ต้องเข้าไปช่วยตัวประกันสินะ
หา...เวทอะมินิท
“ให้ผมไปคนเดียว?” บ้าแล้ววววว ทีมนึงอาวุธครบมือแต่ไหงคนที่เสี่ยงอันตรายเข้าไปในดงศัตรูถึงมีผมแค่คนเดียวแถมอาวุธสักแดงก็ไม่มี!!
“มึงนั่นแหละครับ ตัวเล็กที่สุดแล้วง่ายต่อการลอบเข้าไป”
“ดะ เดี๋ยวก่อนมันอันตรายไม่ใช่หรอ! อาวุธสักชิ้นก็ไม่มีจะส่งผมไปตายรึไง!!”
“มันคงไม่อันตรายมากไปกว่าการที่มึงวิ่งเข้ามาคนเดียวนั่นแหละ”
จนปัญญาครับพี่น้องครับ พวกนินจาเต่าคิดอะไรอยู่ถึงกล้าส่งผมไปคนเดียววะ สมมุติโดนพวกไวท์ เอ่อ ไวท์อะไรวะ...ช่างแม่ง!! โดนพวกศัตรูจับได้ แผนพวกเขาไม่ล่มแถมตัวประกันยังเพิ่มเป็นสามเรอะ!
“กูรู้ว่ามึงก็ห่วงออสตินกับองศาไปไม่น้อยกว่าพวกกู ดังนั้นอย่าพลาดล่ะเจเรมี่...กูไม่อยากใช้แผนสำรอง”
“แผนสำรองไรวะไอ้หนาว” วิกเตอร์ขมวดคิ้ว
“ที่มันจับตินกับศาไปเพราะอยากได้โฉนดของคลับ...ไอ้เดย์มันบอกว่าหากเรายอมเอาโฉนดไปให้ มันจะยอมปล่อยตัวประกันโดยไร้รอยขีดข่วน แต่ฟังเสียงปืนนั่นแล้วกูชักไม่แน่ใจว่ะ”
“แผนสำรองของมึงคือเอาโฉนดพอยชั่นคลับไปให้มันเนี่ยนะ?” เจย์ถาม
“เปล่า กูจะทำทีเอาโฉนดไปให้มันพวกมึงก็แอบหาโอกาสช่วยตัวประกันออกมา”
นินจาเต่าทั้งสี่ทำหน้าหนักใจ ไม่ว่าทางไหนมันก็เสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น
เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน!
ผมรับอาวุธเล็กๆมาจากเจย์พอแกะห่อผ้าดูก็พบว่ามันคือมีดสั้นทรงคล้ายมีดปอกผลไม้ เขาคงเป็นห่วงผมสินะเลยให้ไว้ป้องกันตัว
“เอาไว้แกะเชือกเผื่อพวกไวท์อายส์มันมัดออสตินกับองศาไว้”
แป่วววว
มีใครห่วงผมบ้างมั้ยวะเนี่ยย!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นเหมือนนัดแรก ไม่มีเวลามามัวโอ้เอ้หรือวางแผนอะไรทั้งนั้น ผมรู้ว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานออสตินกับองศาก็ยิ่งเป็นอันตราย
“สติเจเรมี่ สติ” ลมหนาวตบบ่าผมเบาๆก่อนเคลื่อนกายออกไปพร้อมกับเจย์และวิกเตอร์ ผมรอให้สามคนประจำตำแหน่ง เจย์เปิดฉากยิงดวงตาเล็กวาวระยับเหมือนเด็กๆ ตามคาดพวกไวท์...เอ่อ ไวท์อายส์ยิงสวนกลับมา ลมหนาวพยักหน้าให้ผมออกจากที่กำบังเริ่มทำตามแผน
ผมตะกุยเท้าออกแรงวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้ ความหวังช่วยออสตินกับองศากดลงบนบ่าพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเป็นจังหวะกลอง พวกไวท์อายส์มองไม่เห็นผม ด้านข้างโกดังไม่มีหน้าต่าง ผมเลยอ้อมไปทางด้านหลังได้สำเร็จ เหงื่อเม็ดโตผุดพราวขึ้นบนใบหน้า ที่หลังโกดังมีหน้าต่างผุๆอยู่บานหนึ่ง ผมใช้ศอกกระแทกกระจกให้แตกเลียนแบบพระเอกหนังแอ๊คชั่น
เพล้ง!
ซี๊ดดดดดดดด เจ็บโครตพ่อโครตแม่เลย ห่านเอ๊ยยยยยย
กระจกไม่สมประกอบแต่ก็ยังเป็นกระจก กระแทกแขนเข้าไปเต็มแรงแบบนั้นไม่เจ็บสิแปลก ฮือ ไอ้ผมก็โง่ดั๊นใช้แขนข้างเดียวกับที่โดนบาดแรงจากการกระแทกเมื่อกี้เลยทำให้แขนข้างนึงชาหนึบ เจ็บจี๊ดยิ่งกว่าเก่า ผมค่อยๆสอดตัวลอดบานหน้าต่างเข้ามา ระวังไม่เหยียบเศษแก้วให้เกิดเสียงขืนไวท์อายส์ได้ยินจะซวยเอา
ปฏิบัติการลอบเข้าโกดังสำเร็จ!
ปัง! ปัง! ปัง!
สมรภูมิรบด้านหน้าดุเดือดชนิดไม่มีใครยอมใครวิกเตอร์โดนยิงถากๆเข้าที่หัวไหล่ ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ลูกปืนของไอ้หนาวใกล้จะหมดเต็มที วิกเตอร์พอรู้ว่าไวท์อายส์มันอยากได้โฉนดคลับไปทำไม ยิ่งพวกเขาทำธุรกิจสำเร็จราคาของคลับก็ยิ่งแพง แก๊งมาเฟียคงจะสนใจไม่น้อยหากโฉนดถูกเอาไปปล่อยประมูลในตลาดมืด
“ไอ้หนาวกระสุนกูหมด!” เสียงของเพื่อนหน้าสวยดังขึ้นเรียกสติกลับคืน ลมหนาวโยนปืนสั้นอันใหม่ให้เจย์โดยไม่ละสายตาจากมือปืนซุ่มยิงของอีกฝ่าย
ปัง!
แกร๊ก! แกร๊ก!
กระสุนไอ้หนาวก็หมดแล้วเหมือนกัน มันหันหน้ามาทางผมแบบขอความคิด ผมเหยียดยิ้มให้มันโยนปืนในมือให้ไอ้หนาวส่วนตัวเองยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
เห็นทีคงต้องเรียกกำลังเสริมแล้ว
ถ้าไปเมืองนอกกลับมามือเปล่าก็เสียชื่อวิกเตอร์หมดน่ะสิ หึ!
ผมกวาดสายตาหาตัวประกันแต่ก็ไม่เจอสักที ในโกดังมันคล้ายกับทางเขาวงกตย่อมๆ มีลังไม้วางกระจัดกระจาย บางกองวางเรียงสูงกว่าหัวผมก็มี เดินมั่ววนไปมาไม่นานผมก็พบว่า...
แม่งเดินกลับมาอยู่ที่เดิม!
รู้ได้ไงว่าที่เดิม ก็ไอ้รูตรงหน้าต่างนั่นไงเล่าที่ผมลอดเข้ามาน่ะ!
“เฮ้อ” หมดกันเว้ยไอ้เจเรมี่ ไม่มีใครเตือนมึงรึไงว่าก่อนเข้ามาให้พกแผนที่มาด้วย(จริงๆก็ไม่มีใครเตือนผมหรอกครับ แหะๆ) ถอนหายใจออกมาซะยาวก่อนนึกได้ว่าไม่ควรส่งเสียงให้ใครได้ยิน
“มึงได้ยินเสียงอะไรมั้ยวะ?” นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ!
ผมรีบหาที่ซ่อน ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงบานหน้าต่าง เขาก้มลงมองเศษกระจกก่อนหันหน้าไปรอบๆหาผู้บุกรุกทว่าไม่พบ
“หูฝาดงั้นหรอ” สมาชิกไวท์อายส์พึมพำกับตัวเอง เดินกลับมาหาเพื่อนในกลุ่มโดยไม่รู้ตัวเลยว่าผมแอบย่องตามเขามาเงียบๆ ก็ว่าเดินหลายรอบทำไมไม่เจอที่แท้ก็มาซ่อนอยู่ในช่องแคบๆที่มองผ่านๆนึกว่าเป็นผนังนี่เอง
“เจออะไรมั้ยวะ การ์ด” ไวท์อายส์นัมเบอร์2มองเพื่อนที่กลับมามือเปล่าเขาก็บอกมันแล้วว่าไม่มีอะไรก็แค่เสียงลมมันก็ไม่ยอมเชื่อขอไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
“ไม่ว่ะ” การ์ดตอบ
“กูบอกแล้วไม่เชื่อ ไอ้พวกพอยชั่นมันน่ารำคาญจริงๆ”
“ก็มึงเล่นไปจับคนสำคัญของพวกมันมาตั้งสองคนนี่ เพทาย”
“ฮ่าๆๆ มันก็จริงของมึง"
ผมมองลอดผ่านช่องเล็กๆไป เห็นเพียงแผ่นหลังของคนชื่อการ์ดกับแขนของคนที่ชื่อเพทาย พยายามมองทะลุสองคนนั่นไปจึงพบกับร่างของไอ้ศาที่ถูกปิดปากเอามือไพล่หลังมัดไว้กับเก้าอี้
“คิดแล้วก็เสียดายนะครับองศา...ถ้ามึงไม่ดื้อไม่แอบติดต่อใครลับหลังกูล่ะก็ ไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้หรอก” เพทายจับคางมนให้เงยหน้าขึ้นมา โล่งใจไปเปราะหนึ่งที่องศาไม่มีแผลอะไรให้เป็นห่วง
“อื้ออ” ร่างบนเก้าอี้พยายามดิ้น แววตาทอประกายกร้าว อีกเดี๋ยวพวกของพี่ตินก็จะมาช่วย เขาแค่อดทนรออีกนิดเท่านั้น องศาไม่กลัวพวกไวท์อายส์เพราะรู้ว่ายังไงพวกมันก็ไม่กล้าทำเขาถึงตาย ไวท์อายส์อาจเป็นพวกชอบก่อเหตุวิวาท รักความรุนแรง แต่พวกมันขี้ขลาดเกินกว่าจะเอาชีวิตใคร ฟาเรนไฮมักบอกเสมอว่าคนพวกนี้หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้วมันจะยอมล่าถอยไปแต่โดยดี
องศาสะบัดหน้าหนีมือของเพทายอย่างขยาดแขยง
“หึ รอก่อนเถอะครับองศา สักวันกูจะทำให้มึงกลายเป็นของกู” พูดจบเพทายก็โน้มลงขโมยหอมแก้มองศาดังฟอด สาบานได้ว่าหากมือเขาเป็นอิสระเมื่อไหร่องศาได้ซัดหน้ามันจนหงายแน่
“เลิกเล่นได้แล้วไอ้ทาย ตัวประกันอีกคนจะตายแหลามิตายแหล่อยู่แล้ว” การ์ดคว้าไหล่เพื่อนเอาไว้ให้มันเลิกแกล้งองศาซะที
ผมเกือบหลุดเสียงออกมาหลังจากได้ยินคำว่า 'ตัวประกันอีกคน'
“ออสติน...”
ปัง!
“ไอ้การ์ด ไอ้ทาย น้องภามถูกยิงมาช่วยกูหน่อย!!” ไวท์อายส์นัมเบอร์ 3 ตะโกนเรียกเพื่อนอีกสองคนที่เฝ้าตัวประกันอยู่หลังจากภามสมาชิกคนสุดท้ายของไวท์อายส์ถูกยิงจนเลือดอาบ เมื่อเดือนก่อนพวกเขาจงใจส่งน้องภามเข้าไปสืบความลับของไอ้พวกพอยชั่น แต่แล้วน้องภามกลับไปตกหลุมรักออสตินหนึ่งในศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด ทำให้แผนที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า จนมาวันหนึ่งภามถูกออสตินหักอกแผนของพวกเขาจึงฟื้นขึ้นมาใหม่ เริ่มจากการลักพาตัวน้องของฟาเรนไฮ ล่อให้ออสตินติดกับ ขู่พวกพอยชั่นที่เหลือให้มันเอาโฉนดมาแลกกับชีวิตของเพื่อนพ้อง ความจริงแล้วจับมาแค่องศาก็เพียงพอแต่ภามยืนกรานให้พวกเขาล่อออสตินออกมาให้ได้
บาดแผลบนตัวออสตินภามเป็นคนทำยิ่งได้ยินมันเพ้อถึงชื่อใครอีกคนเพราะพิษบาดแผลยิ่งทำให้ภามโมโหจนเกือบจะฆ่าออสตินไปแล้วด้วยซ้ำ ยังดีที่เดย์หัวหน้ากลุ่มห้ามทันไม่งั้นไวท์อายส์คงโดนพวกพอยชั่นถล่มเละยิ่งกว่าตอนนี้แน่ๆ
“ภามไม่เป็นอะไร! พี่ทายกับพี่การ์ดไม่ต้องมายุ่ง!!” ภามขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่สองคนที่ทำท่าทีจะมาช่วย พวกพอยชั่นพิษมันเยอะ หากคลาดสายตานิดเดียว สัตว์ที่โดนทำร้ายมันจะแว้งกัดเอาตอนเผลอได้ง่ายๆ
“หุบปากซะภามถ้าทำตามแผนแต่แรกพวกกูก็ไม่ต้องลำบากขนาดนี้! ไอ้ทายมึงมายิงแทนภามส่วนไอ้การ์ดมึงดูแผลให้เด็กมันด้วย!!” เดย์สั่ง ยิงสวนกลับไปนอกโกดังสองนัด เคี้ยวไม่ลงจริงๆพอยชั่น!
“แต่ว่า!” ภามไม่ยอมจนการ์ดต้องลากร่างเล็กออกไปให้พ้นทางเดย์ไม่งั้นมีหวังภามได้เจ็บอีกแน่ พวกเขาเอ็นดูและใจดีกับภามมากไป โดยเฉพาะเดย์ที่ตามใจภามจนเด็กมันเคยตัว
“เงียบน่าน้องภาม ขืนไอ้เดย์โมโหขึ้นมาจะแย่เอา”
“งั้นพี่การ์ดก็กลับไปเฝ้าไอ้ออสตินมันสิ!” รักมากก็เกลียดมากได้เหมือนกัน การ์ดส่ายหัวระอากับความระแวงเกินเหตุของภามก่อนจะพาเด็กมันไปทำแผลที่โดนยิง
หารู้ไม่ว่าลางสังหรณ์ของภามนั้นถูกต้อง
ผมรีบออกจากที่ซ่อนใช้มีดปอกผลไม้แก้เชือกให้องศาทันที มันตกใจที่อยู่ๆก็เห็นผมเข้าช่วยตัวประกันได้หรือไม่ก็แปลกใจที่ผมยังรอดมาช่วยมัน ถ้าให้เดาน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?” กูดิต้องถามมึงครับไอ้ศา!
“มึงห่วงตัวเองก่อนเถอะ ออสตินอยู่ไหนเราต้องรีบไปก่อนกระสุนของพวกวิกเตอร์จะหมด” องศาชะงักตอนได้ยินชื่อวิกเตอร์ออกมาจากปากผม
“เขากลับมาแล้วงั้นหรอ...”
“เออดิวะ! บอกกูมาเร็วๆออสตินอยู่ที่ไหน” ผมแทบจะเขย่าตัวเพื่อนให้มันรีบบอกมาสักที ภามมีเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย ทำไมกันนะถึงคิดว่ายิ่งน่าเป็นห่วงออสตินมากกว่าเก่า
“พี่ตินอยู่ที่...”
“จะรีบไปไหนครับองศา แหม่ พาเพื่อนมาให้กูด้วยก็ไม่บอก” เสียงเย็นยะเยือกของเพทายดังขึ้นข้างหลัง ผมหน้าซีด หันไปเผชิญกับอีกคนด้วยมีดปลอกผลไม้ ผมยกมือขู่
“ออสตินอยู่ที่ไหน!”
“โอ้ะโอ๋ เล่นของมีคมแบบนี้ไม่ดีนะครับคุณหนู...ทางที่ดีส่งมาให้กูดีกว่านะ” เพทายย่างขุมสามเข้ามา ผมก้าวถอยหลังจนติดผนัง บังคับตัวเองไม่ให้สั่น
ใครบอกผมสั่นกลัว สั่นสู้ต่างหากครับ!
“อย่ามาเล่นลิ้น ออสตินอยู่ไหน!”
“อยากเจอขนาดนั้นก็มองข้างหลังสิครับ”
ผมหันไป ใจเต้นแรงควบคุมไม่อยู่ ภาพที่เห็นทำเอาน้ำตารื้นขึ้นมาดื้อๆ ออสตินนอนราบอยู่กับพื้นไม่ได้สติ เนื้อตัวของร่างสูงเละยิ่งกว่าสภาพของคลับพอยชั่น เสื้อเชิตที่ขาดรุ่งริ่งจนกลายเป็นเศษผ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล หัวถูกตีจนแตก
ถ้าบาร์เทนเดอร์ที่คลับไปฟัดกับหมีมาออสตินก็คงไปงัดกับฝูงหมีแตกรัง!
เดี๋ยวๆ หมีห่าไรมันทำรังอยู่เป็นฝูง
แล้วนี่กูมัวคิดไรฟะ!!
“ออสติน!!” ผมทิ้งมีดวิ่งเข้าไปหาเขา ยกตัวเขาขึ้นมากอดไว้แนบอก เสียงลมหายใจฟืดฟาดบ่งบอกว่าเจ้าของร่างยังมีชีวิตอยู่
แค่สลบไปเพราะพิษบาดแผลเท่านั้น
ออสตินจะต้องไม่เป็นอะไร
องศายืนคุมเชิงกับเพทายอยู่ไม่ห่าง มันหยิบมีดของผมมาถือไว้เผื่อเพทายคิดจะทำอะไรแผลงๆ
“เจ...เรมี่” เสียงแหบพร่าเบาแทบไม่ได้ยินของออสตินเอ่ยเรียกชื่อของผมเบาๆ เขายกมือขึ้นมาลูบแก้มใสที่มีหยดน้ำไหลเป็นสาย
ผมร้องไห้โดยไม่รู้ตัวหลังจากที่รู้ว่าเขาปลอดภัย
“อยู่นี่...กูอยู่นี่แล้วออสติน”
เขา...เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมร้องไห้ได้เสมอในทุกเรื่องไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ
แค่คนเดียวที่ผมสัญญากับตัวเองนับแต่นี้ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้อง
แค่คนเดียวเท่านั้น...
-------------------------------------------------
เอาไปยาวๆเลยสำหรับบทนี้ตั้ง 120% แน่ะ อยู่ดีๆนิยายวายธรรมดาทำไมกลายเป็นหนังบู๊ไปได้ล่ะหื้ม 555555
แต่มีคนชอบไรท์เตอร์ก็ดีใจค่ะ สำหรับน้องภามนี่ไม่ธรรมดา เอ้...จะเรียกว่าหึงโหดได้รึเปล่านะ นางจะประมาณว่าตัวเองไม่ได้คนอื่นก็ไม่มีสิทธิได้ ตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วนับจากบทก่อนเป็นอีกแก๊งในคณะของเจมมี่ ส่วนบทนี้คืออริของพอยชั่นแอบสปอยเบาๆว่าไวท์อายส์จะแอบมาสร้างความป่วนให้กับพอยชั่นเรื่อยๆค่ะ XD
เจอคำผิดทักได้เหมือนเดิมนะคะ ชอบไม่ชอบนิยายของชีสยังไงฝากติชมได้เต็มที่เลยนะ
ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกการกดเฟป ทุกคอมเม้น หรือแม้แต่วีวทุกวีวที่กดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ :D
แล้วพบกันใหม่ค่ะ เทคแคร์นะ จุ้บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

วิกเตอร์กับองศาต้องมีซัมติงกันแน่ๆๆ
ทิ้งมีดทำมายยยยยยยย!!!
แต่มาทีเดียว2ตอนเลยก้ดี อิอิ