ตอนที่ 6 : Illusion poison 4 ♜ Little by little (100%)
(มีอิมเมจแถมของออสตินกับน้องเจมมี่อยู่ท้ายตอนนะคะ)
Illusion poison.4 little by little
ผมปิดประตูใส่มันดังปังงง หัวใจเต้นผิดปกติเพราะคำพูดของออสตินอีกแล้ว ผมเคยบอกมั้ยว่าแพ้ผู้ชายปากหวาน!!
“ไอ้บ้าออสตินนนนน” เอาหมอนมาปิดหน้าแหกปากตะโกนช่วยลดระดับความผิดปกติในใจได้นิดนึง ผิด!! ผมคิดผิดที่ให้มันค้างจริงๆ!! จะไล่มันกลับตอนนี้ก็กระไรอยู่เรียกไอ้ศาให้มานอนเป็นไม้กันหมา เอ๊ย มานอนเป็นเพื่อนผมดีมั้ยวะ ทันเท่าความคิดผมรีบโทรหาคุณชายองศาทันที รีบๆรับโทรศัพท์สิครับเพื่อนศา หัวใจเจเรมี่น้อยๆกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ ฮือออ
“ฮะ...ฮัลโหล”
“ไอ้ศามึงอยู่ไหนวะ ว่างป่ะ มานอนเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”
“โทษทีว่ะกูไม่ว่างพอดี เอ่อ กำลังทำธุระอยู่....ใครโทรมาวะไอ้ตัวเล็ก...” ปลายสายยังพูดไม่จบก็โดนอีกเสียงแทรกขึ้นมาซะก่อนทำเอาผมเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน องศารับตัดสายทิ้งกลัวผมจะได้ยินแต่ก็ช้าไปเพื่อนรัก กูได้ยินเต็มสองหู
มันแอบไปมีกิ๊กโดยไม่บอกผมเรอะ!
แผนให้องศามานอนเป็นเพื่อนพังยับแล้วทีนี้ผมจะทำไงดีล่ะเนี่ย? แอบแง้มๆประตูส่องท่าทีฝ่ายตรงข้ามก่อนมันมาไม้ไหนผมจะได้เตรียมตัวถูก
ฟุดฟิดๆ
กลิ่นอะไรวะหอมจัง
ผมเดินตามกลิ่นมาเห็นหลังออสตินก้มๆเงยๆอยู่ที่ครัว บนโต๊ะอาหารมีแก้วไวน์ตั้งไว้สองใบ จานสปาเกตตี้สองจานกับเทียนที่ผมจำได้ลางๆว่าเป็นเทียนหอมวางอยู่รอบๆโต๊ะ
“ดินเนอร์ใต้แสงเทียน?”
ออสตินหันมาเห็นผมพอดี เขาขยับรอยยิ้ม ชุดผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีสีน้ำตาลเข้มทำให้ผู้ชายตรงหน้าดูหล่อขึ้นเป็นกองทั้งที่ปกติก็ดูดีอยู่แล้ว พระเจ้าลำเอียงไมตอนผมใส่บ้างมันมุ้งมิ้งเหมือนเด็กน้อยวะแม่ง
“กูลองทำดูเป็นไง หอมใช้ได้ใช่ป่ะ”
อื้อหือ กลายร่างเป็นพ่อศรีเรือนทันทีนะครับมึง
ผมมอง 'ค่าห้อง' งวดแรกอดไม่ได้ต้องปรบมือให้มันในใจ น่ากินกว่าของไอ้กั้วหลายขุม ผมเปลี่ยนใจขอถอนคำพูด...มีออสตินอยู่บางทีมันก็ดีเหมือนกัน
“มองหน้ากูทำไม”
“เปล๊า กูหิวจังกินละนะ”
ผมโซ้ยสปาเกตตี้แบบไม่เกรงใจใคร หิวๆๆๆ ไอ้นี่ก็อร่อยซะจนไม่อยากเชื่อว่าออสตินเพิ่งเคยทำครั้งแรก มันแอบไปซื้อที่ไหนแล้วจัดใส่จานโม้ว่าทำเองแหง
“อ๊ะ ซอสเปื้อนครับ” มือหนาเอื้อมมาเช็ดคราบซอสข้างแก้มแบบเบามือ สัมผัสอบอุ่นจากอีกคนทำผมชะงักกึก มันทำแค่เพียงยิ้มแล้วกินฝีมือตัวเองต่อโดยไม่พูดอะไร
ตึกตัก...
แสงเทียนผสมกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้ร่องรอยของความอบอุ่นนั่นไม่หายไปซะที หัวใจผมเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว วันหลังจะแปะเบอร์รถพยาบาลไว้ข้างตู้เย็นเผื่อกรณีฉุกเฉิน
หัวใจก็เอาแต่เต้นตึกตักๆกับไอ้บ้านี่อยู่ได้ ฮึ่ย!
ออสตินเงียบ ผมเงียบ
เวลาผ่านไปจนเส้นสปาเกตตี้ในจานอยู่ในท้องผมหมดครบทุกเส้นรวมทั้งไวน์ด้วย ผมอาสาล้างจานเอง อยากหาอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่านครับแหะๆ
“หือ?” หัวผมมึนๆ สงสัยจะเป็นไวน์ที่ออสตินรินไว้ให้ เฮ้ย มันแอบใส่อะไรลงไปในน้ำผมรึเปล่า ยาถ่าย ยานอนหลับ ยาปลุกเซกส์หรือยาบ้า??
เคล้ง!
มือลื่นคิดอะไรเพลิน บ้าแล้วกู ผมอาจแค่แอลกฮอล์อีกอย่างคนแบบออสตินคงไม่ทำอะไรอ้อมๆหรอกครับถ้ามันอยาก...จริงๆก็คงบังคับขืนใจผมเหมือนวันนั้นที่พอยชั่นคลับนั่นแหละ
“เจเรมี่...”
“ว้ากกก!!” อยู่ๆเสียงก็ดังขึ้นข้างๆหูชนิดรับรู้ได้ถึงลมหายใจ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเล้ย
“ตกใจอะไรวะ กูไม่ใช่ผี”
ผียังน่าตกใจน้อยกว่ามึงอีก!
“มะ มีอะไร” ผมล้างจานต่อพยายามไม่หันไปสบสายตานิ่งๆของมันที่กำลังมองผมจากด้านหลัง ความรู้สึกวูบวาบนี่มันอะไร? ไวน์อ่ะดิโห่ กินไปแก้วเดียวเองนะเนี่ยคออ่อนชิบหายผม
“เจม...” มันเรียกอีก
“เอ๊อออ ได้ยินแล้วมีอะไรก็พูดมาดิ้”
“เจมมมมมมม”
"โว้ย เรียกอะไรนักหนาวะออสติน!” ผมหันขวับห้องก็ไม่ใหญ่อยู่กันสองคนแค่นี้มันตดผมยังได้ยินเลย จังหวะที่กำลังหันไปเป็นจังหวะเดียวกับที่คนเรียกเอื้อมมือเอาอะไรไม่รู้สีขาวๆมาแปะหน้าผมเปื้อนไปทั้งแถบแถมยังเข้าปากอีก
วิปครีม?
“กูกินไม่หมดเลยเอามาแบ่งให้เผื่อมึงอยากกิน หึๆ” ก่อนที่มึงจะทำน่ะถามกูซักนิดมั้ยยยยย
“ห่า เล่นเลอะเทอะเป็นเด็กไปได้ กูล้างจานอยู่เห็นป่ะ ถ้ามึงว่างก็ไปดูทีวีนู่นนนนนนนน...โอ้ยย แสบว่ะมันไหลเข้าตาอ้ะ...” ผมขยี้ตาแต่ยิ่งขยี้ยิ่งแสบ ฮือ ผมจะฟ้ององศา ใจดีให้ค้างแล้วมาแกล้งกันแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ทำคุณบูชาโทษชัดๆ
“ชิท! ขอโทษกูไม่คิดว่ามันจะเข้าตา อย่าขยี้ดิวะอยู่นิ่งๆ” ออสตินจับมือผมกันไว้เพราะไม่ยอมฟังคำสั่ง แสบเหมือนตาจะบอดแบบนี้ใครจะอยู่นิ่งได้้ง้ะ มันแสบ เข้าใจมั้ยว่ากูแสบบบ
“ก็มันแสบอ้ะ ฮือ”
“มาๆกูล้างตาให้” มันพาผมไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะพามานั่งบนโซฟาหาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้เพราะผมบอกมันไปว่ายังแสบอยู่ ออสตินยิ้มขำเมื่อเห็นผมงอแงเป็นเด็กๆ เออ ไม่โดนมั่งให้มันแล้วไป ไม่ดิ...แค้นนี้ต้องเอาคืน!
ผลัวะ
กำปั้นลุ่นๆ(ที่โครตะระแรงน้อยสังเกตจากสีหน้าคนโดนต่อย)พุ่งใส่แขนมัน เลิกหนาเลิกขึ้นสงสัยว่าผมพยายามจะทำอะไร เฮ้ย ไม่สะทกสะท้านเลยหรอวะ ฮือ
“มดกัดยังเจ็บกว่า” มันหัวเราะ
“ได้...ถ้ากูต่อยมึงไม่เจ็บก็อย่ามาเรียกกูว่าเจเรมี่!” เท่านั้นแหละสงครามย่อยๆระหว่างผมกับผู้ร่วมห้องชั่วคราวก็เกิดขึ้นทันที ผมปล่อยหมัดไปหลายครั้งแต่ออสตินก็หลบได้ทุกรอบ ไม่ยอมจะเล่นงานต่อมันเลยกำหมัดไว้แล้วจับผมไขว้หลัง ผมหอบแฮ่ก สู้กันไปสู้กันมาชักจะเหนื่อยผมเลยโบกธงขาวยอมแพ้โดยดี
“แฮ่กๆ พอแล้วกูเหนื่อย” ผมบอกมัน
“หึ อ่อนว่ะแล้วจะให้กูเรียกมึงว่าอะไรดีครับเพราะกูไม่เจ็บเลยสักนิด ฮ่าๆ” ออสตินพูดขำๆ จับร่างเล็กให้หมอบไปกับพื้นเมื่อคนแพ้เริ่มดิ้น
“เจมไง! เจม! กูไม่ให้เรียกว่าเจเรมี่แต่ว่าเจมเรียกได้ มันสะกดไม่เหมือนกัน ปล่อยกูได้แล้วว” เอาว่ะ เถียงข้างๆคูๆสีข้างถลอกปอกเปิก
“ไม่เอามันก็ชื่อมึงอยู่ดี...กูรู้ละเอาเป็น 'ที่รัก' ดีไหมครับหืม ”
“บ้านมึงสิ! ไม่เอาปล่อยกู”
“คนแพ้ไม่มีสิทธิเรียกร้อง”
“เออๆ จะเรียกอะไรก็เรียกจะปล่อยได้รึยังครับหื้ม?” ผมดิ้นสุดแรงเกิดแต่แรงออสตินมีเยอะกว่าเลยหันหน้าไปเถียงแทน
แต่แล้วก็ชะงัก...เมื่อหน้าของอีกคนก็กำลังก้มต่ำลงมาเถียงผมเหมือนกัน
กะ ใกล้ไปแล้ว
ตึกตัก...ตึกตัก
ใกล้เกินไปกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผม
ใบหน้าขาวเนียน ดวงตาตี่ๆคู่นั้นกำลังจะสื่อบอกอะไรสักอย่างกับผม ลมหายใจอุ่นรดใบหน้ากับปากหนาห่างไปไม่กี่คืบ "เจม..” เสียงที่เอ่ยชื่อผมเบาๆ ทั้งหมดตอนนี้มันกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า
ออสติินมองดวงตากลมโตของเจเรมี่แล้วก็ได้แต่ยิ้มในใจ ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่เด็กน้อยคนนั้นก็ยังสดใสเหมือนเดิม จมูกรั้นนิดๆ แก้มแดงๆ ริมฝีปากกระชับได้รูป "อะ ออสติน...” เสียงที่สั่นรวมถึงเสียงหัวใจของเจมมันกำลังทำให้เขาอดใจไม่อยู่
แผลบ...
ลิ้นอุ่นเผลอเลียปากเล็กๆนั่นราวกับอยากรู้ว่ามันจะหวานแค่ไหน กลิ่นหอมอ่อนๆของเทียนหอมในห้องครัวยิ่งทำให้สติกระเจิดกระเจิง ผมไม่ได้หลับตา ภาพตรงหน้าเหมือนมีมนตร์สะกดให้ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนตัวโต เขาก้มหน้าลงมาเรื่อยๆจนหน้าผากของเราแนบสนิท
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
ผมไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้เอาซะเลย แต่เขาก็ทำให้มันง่ายขึ้นด้วยการสอดมือนึงเข้ามาผยุงหัวผมเอาไว้อีกมือแตะลงที่แก้มผมอย่างแผ่วเบา
“ยังเจ็บตาอยู่ไหม...” แววความห่วงใยในน้ำเสียงเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้หัวใจของผมทำงานหนักขึ้น ส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ
แปลก...ทำไมถึงรู้สึกไม่อยากผลักเขาออก?
“ขอจูบ...ได้มั้ย?” ไม่รอคำตอบร่างสูงก็ใช้ริมฝีปากอุ่นปิดปากผมทันที ทุกสัมผัสของออสตินล้วนมีแต่ความอบอุ่น เขาไม่จู่โจมผมทันที ค่อยเป็นค่อยไป เนิบช้าแต่กลับรู้สึกหวาบหวาม หัวใจรัวจะทะลุออกจากอก ผมเผยอปากออกเป็นโอกาสให้ออสตินเข้ามาสำรวจในโพรงปากหวานเต็มที่
“อื้อ” ผมประท้วงเริ่มหายใจไม่ทัน ออสตินยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระแต่ก็ยังไม่ลุกไปไหน
~I just want to know you better know you better know you better now~
เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้นแต่ผมกลับไม่สนใจ อะไรก็ไม่เท่ากับความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของผมตอนนี้หรอก
แอบยอมรับว่าผม...รู้สึกดี
“โทรศัพท์ดัง”
“รู้แล้ว...” ออสตินบอกแต่เพิ่มแรงกดราวไม่อยากผมไปรับ ผมรู้แล้วว่ามันดังถ้าผมไม่รับเดี๋ยวมันก็ดับไปเอง เขาก้มจูบผมอีกที คราวนี้ผมเอื้อมมือไปกอดคอคนตรงหน้า บรรยากาศเงียบๆมืดๆมีเพียงแสงเทียนบนโต๊ะกับไฟในห้องครัว กลิ่นหอมลอยฟุ้งทั่วห้อง...บรรยากาศดีเกินไปจนกว่าจะสั่งให้หยุดแล้ว
ตึกตัก...ตึกตัก
เสียงโทรศัทพ์เริ่มเงียบไป ผมเลยได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดเจน
“หวาน” คนตัวสูงกระชับอ้อมกอด
“อื้อ” ผมครางอู้อี้ในลำคอ โต้ตอบอะไรไม่ได้เนื่องจากปากผมยังไม่ว่าง ออสตินเริ่มรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน หัวสมองตื้อไปหมดรับรู้แค่สัมผัสจากเขาที่เรียกชื่อของผมซ้ำไปซ้ำมา
“เจเรมี่...เจเรมี่...”
และผมก็เผลอเรียกชื่อของเขาออกไปเช่นกัน
---------------------------------------
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาแยงตาคนที่กำลังนอนหลับฝันดี หมอนนุ่มๆทำให้ผมอยากนอนต่อทั้งวัน ขี้เกียจตื่นชะมัด หือ...วันนี้วันเสาร์นี่หว่า ไม่มีเรียน เฮ!
จุ๊บ
อยู่ๆอะไรนุ่มๆก็แตะเบาๆลงที่เปลือกตา อย่ากวนได้ป่ะคนจะนอนหลับพักผ่อน ปวดตาชิบหายเมื่อคืนกว่าจะได้นอนเล่นเอาเหนื่อย ห๊ะ ผมเหนื่อยอะไรน่ะหรอ? ก็ที่โดนออสตินจับดัดหลังนั่นไง
เดี๋ยวนะ...ออสติน?
“ต้องให้จูบปลุกมั้ยถึงจะยอมตื่น"
“เย่ย!!!” ชัดเลย ชัดเลยยยยยยย ผมรู้แล้วหล่ะว่าไอ้นุ่มๆที่ว่าแม่งคืออะไรถ้าไม่ใช่ปากของไอ้คนชอบฉวยโอกาส!! ผมเด้งตัวขึ้นเต็มแรงจนแขนหนักๆซึ่งพาดอยู่บนตัวหล่นตุ้บพร้อมกับเจ้าของแขนโดนดึงให้ลุกตาม ผมมาอยู่ในห้องตอนไหนวะ? ตอนนั้นออสตินจูบผมแล้วก็...
แล้วก็??
Blank ครับ Blank!! ทำไมกูจำอะไรม่ายด้ายยยยยย
“มึง...มะ มึงทำอะไรกู” ตั้งสติได้แล้วกอดตัวเองแน่นเหมือนสาวน้อยโดนพรากพรหมจรรย์(?) เสียทีให้มันอีกแล้ว!! คราวหลังจะไม่ริอาจแตะของมึนเมาอีกผมสัญญา
“แค่จูบ อย่าเวอร์น่า กูยังไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วทำไมถึงมานอนบนเตียงได้วะ!!”
“ข้างนอกมันหนาว กูเลยอุ้มมึงมานอนในห้องไง จะได้อุ่นๆ ”
“ยังจะมายิ้มอีก!! กูเคยบอกให้มันมานอนห้องเดียวกับกูเร๊อะ” แห้วใส่ซะเลย ออสตินนึกขำกับการแสดงออกของคนตรงหน้าชอบระแวงระวังว่าเขาจะทำอะไรอยู่เรื่อย หึ ถ้าคิดจะทำจริงมึงไม่มีเวลามาระแวงหรอกครับที่รัก
“จ่ายค่าเช่าไงครับเมีย” ไม่พูดเปล่าดึงอีกคนมาจุ๊บอรุณสวัสดิ์ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมให้ช็อคค้างอยู่ตรงนั้น
เอ้อ อารมณ์ดีจังนะมึง เอามือลูบๆตรงที่มันจุ๊บแล้วรู้สึกแปลกๆ
“เฮ้ย มึงจะยิ้มหาพระแสงอะไรวะเจม!” สายตาดั๊นไปป๊ะกับตัวเองในกระจก ดูดิ ลูบไปยิ้มไปหน้าแดงเป็นมะเขือสุกขืนออสตินออกมาตอนนี้ได้ขายหน้ารวยเป็นล้านแน่ๆ! ผมก่นด่าตัวเองในใจ
ตามแผนแล้ววันนี้ผมต้องออกไปที่ไหนสักแห่งกับคนที่อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละครับ ไอ้ผมก็โครตจะสงสัย ไม่รู้ว่าพาไปเดทหรือฆ่าหมกป่ากันแน่ปิดเป็นความลับซะ กูไม่อยากรู้ก็ได้ เชอะ!
“สวนสนุก?” ผมถามอึ้งๆ หลับมาหลายตื่นกว่าจะถึง พอเขาขับผ่านป้ายสวนสนุกแห่งหนึ่งเขาก็สะกิดปลุกผมยิกๆ นี่กูดูเด็กขนาดต้องให้ผู้ใหญ่พามาเที่ยวสวนสนุกเลยหรอวะห๊ะ ทำหน้าบึ้งนิดหน่อยแต่พอเห็นตั๋วเล่นเครื่องเล่นแบบอัลลิมิเต็ด...นานๆมาสวนสนุกมั่งก็ดีนะครับผม ฮ่าๆๆๆ
เราเล่นเครื่องเล่นตั้งแต่เครื่องแรกที่เจอไล่มาเรื่อยๆจนเกือบครบแต่ก็ยังไม่เจอเครื่องเล่นโปรดผมซะที รถไฟเหาะไงครับรถไฟเหาะ! ไอ้กั้วบอกว่าถ้าไม่ได้เล่นก็เหมือนมาไม่ถึงสวนสนุกเลยนะเอ้า!!
“กูรอข้างล่างได้ป่ะ" อ๊ะๆ เสียงคนมาไม่ถึงสวนสนุกดังแว่วๆ
“ป๊อดว่ะ แค่นี้ทำเป็นกลัวไปได้ ฮึๆ” เส้นคิ้วออสตินกระตุกตอนผมพูดป๊อด ขนาดเด็กตัวโตแค่เอวผมยังต่อแถวขึ้นเลย
“ใครบอกกลัว” จากกลัวอยู่ๆก็ฮึดขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาเย้ยหยันจากเด็กชอบเล่นรถไฟเหาะ ต่อให้ตายก็ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขากลัวความสูง!!
“ไม่กลัวก็เชิญคร้าบคุณออสติน~ ” ผายมือให้เกียรติเข้าไปนั่งก่อนผมจะก้าวตามเข้าไป
แกร๊ก!
พนักงานเดินมาดันที่ล็อคลงให้ก่อนจะส่งสัญญาณประมาณว่าขอให้เล่นให้สนุกนะครับ หึ สนุกสุดเหวี่ยงแน่ครับงานนี้ ผมเหล่มองอีกคน แข็งเป็นหินไปแล้วว่ะครับเฮ้ย
กึกๆๆๆ
เสียงเครื่องเล่นเริ่มทำงาน สายลมพัดปะใบหน้าทำให้รู้สึกดี รถค่อยๆแล่นไปตามรางอย่างช้าๆก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเหยียบเต็มพิกัดเมื่อเลยจุดสูงสุดมาแล้ว
“เฮ่!!!!” ผมแหกปากยืดแขนออกไปจนสุด เสียวสุดยอด!
“...” ผ่านไปหลายรอบเข้าผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงออสตินกรี๊ดหรืออ้วก มันนั่งนิ่งเกาะราวจับเอาไว้ท่าเดิม จนในที่สุดก็หมดรอบของผม
“เล่นอีกรอบได้ป่ะกำลังสนุกเลย” ผมหันไปตามมันยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยอย่างคนที่เหนือกว่า(?) ออสตินทำเพียงพยักหน้าเลยได้เล่นต่ออีกรอบ หลังจากเล่นจนพอใจผมก็กะจะเดินไปหาอะไรกินเติมพลังและพาออสตินที่ตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าศพไปพักด้วย เริ่มรู้สึกผิดแล้วสิเรา
“ไหวป่ะออสติน” ผมส่งน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบให้ คนกลัวรถไฟเหาะระบายรอยยิ้มจางๆรับน้ำผมไปดื่มว่านอนสอนง่ายดีเหมือนกันแฮะ ออสตินต้องการพักผมเลยนั่งลงข้างๆรอจนกว่าเขาจะดีขึ้น น่าจะเอายาดมติดมาด้วยว่ะเสียเวลาเล่นของเล่น บู่ๆ
“พี่ออสติน?” เสียงเล็กคุ้นหูจากคนที่เคยเจอประจำแต่ตอนนี้ไม่อยากเจอทำให้คนโดนเรียกชื่อหันไปตามเสียงแรกแล้วก็ใช่จริงๆด้วย
“ภาม”
“พี่ออสตินจริงๆด้วย! ผมเห็นไกลๆก็ว่าน่าจะใช่แต่ไม่มั่นใจเลยเดินตามมา...เอ่อ สวัสดีฮะผมชื่อภาม นายเป็นใคร?”
ภาม...เด็กคนที่ผมเห็นออสตินเขี่ยทิ้งหน้าคลับพอยชั่น!!
จิ้มจึก
ภามมมม นายโผล่มาขัดจังหวะนะ!
ตอนนี้เขียนไปตบมดไป
เหมือนเดิมค่ะถ้าเจอคำผิดที่ไหนทักไรท์เตอร์ได้ตลอดเลยนะ
ขอบคุณสำหรับทุกเฟบ ทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ
มันทำให้ไรท์เตอร์ฮึดเขียนเรื่องนี้ได้ทุกวัน :)
ขอบคุณจริงๆนะรักรีดดอร์ทุกคนเลยจุ้บ <3
แฮ่ เกือบลืมอิมเมจที่สัญญาไว้ในตอนที่แล้วว่าจะเอามาให้ดูเป็นการฉลองที่มีคนแอดเฟบทะลุ 100!! >_<
แต๊น~ ออสตินเวอร์ชั่นที่ต่างจากตอนแรกที่เคยแปะให้ดู เจมไปขัดใจอะไรอีกล่ะทำหน้าบึ้งซะ555555555
ส่วนอันนี้น้องเจมมี่
ตัวเล็กน่ากด(?) =..=b
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

#แหม่
ภามมาทำไมเค้ากำลังสวีทกันเซงง
พี่เค้าทิ้งแบ้วยังกล้วเนอะ
ชิชะ
สงสารจังเลยน้าคุณพีะเอกของเรา XD
มีคนมาขัดอีกแล้ว หวังว่าเจมจะไม่คิดอะไรนะ