คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อิสระภาพแท้จริง
เช้าวันต่อมา เหลียงเค่ออิงออกจากบ้านไปหาของป่าเช่นเคย ผู้เป็นมารดาก็ออกจากเรือนตามกันไปติด ๆ แต่เดินตามบุตรสาวไปได้ไม่ไกล เหลียงฉานก็เลี้ยวไปอีกทางมุ่งตรงไปยังคอกหมูของจินเหิง
กลิ่นมูลสัตว์โชยมาตามสายลมตีขึ้นจมูก ทำให้เหลียงฉานรู้สึกพะอึดพะอมจนน้ำตาเล็ด หากไม่คิดว่าการไปเยือนสกุลฉิน จะช่วยให้ความเป็นอยู่ของบุตรทั้งสองดีขึ้น นางจะหันหลังกลับเสียเดี๋ยวนี้เลย จะได้ไม่ต้องทนกับกลิ่นสาบสางรุนแรงจนแสบจมูกไปหมด
แต่พอนึกถึงแววตามุ่งหวังของบุตรชายคนโต รอยยิ้มยามได้สวมอาภรณ์งดงามของบุตรสาวคนเล็ก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขของบุตรในดวงใจทั้งสอง ทำให้นางทนกลิ่นเหม็นเน่าจนเดินมาถึงจุดหมาย
หญิงวัยห้าสิบนามจินสุ่ย มองเห็นคนมายืนชะเง้อมองอยู่หน้าเรือน จึงคิดเหมารวมว่าสตรีวัยไล่เลี่ยกัน น่าจะมาซื้อหมูเหมือนคนอื่น ๆ นางวางมือจากงานที่ทำ แล้วเดินมาชี้เส้นทางบอกลูกค้า
"ถ้ามาซื้อหมู ก็เดินไปตามทางนี้ อาเหิงกำลังให้อาหารพวกมันอยู่ เรื่องราคาก็ไปต่อรองกับเขาเอาเอง" ว่าจบก็เดินหลังให้ ตั้งใจจะไปผสมอาหารหมูต่อ
"ข้าไม่ได้มาซื้อหมู แต่มีเรื่องอื่นอยากคุยกับท่าน"
"มีธุระกับข้างั้นหรือ" จินสุ่ยถามเสียงสูง
"ถูกต้อง...ข้าขอเข้าไปคุยในเรือนได้หรือไม่"
"เช่นนั้นก็ตามมา"
กล่าวเชื้อเชิญแขกจบก็วางถังรำข้าวลงที่พื้น ก่อนจะเดินนำเข้าเรือน ทางด้านผู้มาเยือนเผลอลดสายตามองของในถัง เห็นเศษผักสับคลุกเคล้ากับรำข้าวก็ถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลง ได้แต่กัดฟันเม้มปากให้แน่นเดินตามหลังเจ้าของเรือนก้าวต่อก้าว สาบานในใจว่าจะไม่ยอมให้เหลียงหลานหลิง มาอยู่ในสภาพแวดล้อมชวนคลื่นไส้เช่นนี้เด็ดขาด
ทั้งสองหย่อนก้นลงนั่ง ยังไม่ทันได้ไถ่ถามถึงสาเหตุการมา ชายใบหน้าถมึงทึงก็เดินเข้าเรือนมาพอดี
เหลียงฉานเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ จึงรั้งตัวบุรุษท่าทีหยาบช้าราวกับโจรป่าให้อยู่ร่วมพูดคุย
เมื่อหัวข้อสนทนาเป็นที่น่าสนใจ คนทั้งสามเปิดปากเจรจากันจนมาถึงขั้นตอนการเรียกสินสอด เหลียงฉานได้สาธยายถึงความขยันของเหลียงเค่ออิง ให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าได้สะใภ้ที่เก่งทั้งงานในเรือนและนอกเรือน
"ค่าสินสอด ค่าขอยี่สิบตำลึงก็แล้วกัน รับประกันได้ว่าบุตรสาวข้าคนนี้ ถูกใจพวกท่านแน่"
"ข้ายอมจ่าย แต่หากนางข้ามธรณีประตูบ้านข้ามาวันใด คนสกุลเหลียงจะเข้ามาวุ่นวายมิได้อีกเด็ดขาด ข้าไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามในเรือนข้า" จินสุ่ยประกาศชัดเจน
เหลียงฉานอ้ำอึ้ง อีกฝ่ายคล้ายรู้ทันปิดกั้นหนทางกอบโกย แต่แล้วคนมากกลอุบายก็ค้นพบหนทางแก้ไขปัญหา
เข้ามาพบในเรือนมิได้ ก็ยังมีอีกมากมายหลายวิธีที่ใช้ติดต่อกัน ในเมื่อเหลียงเค่ออิงคือผู้ที่จะนำความสบายมาสู่พวกตน ช่วยให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ คงมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ยอมตัดเส้นทางที่ถากถางทิ้ง
"พูดอะไรแบบนั้น ข้าจะกล้าเข้ามาวุ่นวายได้อย่างไร มีบิดามารดาบ้านไหนที่จะไม่รู้บ้างว่า บุตรสาวออกเรือน ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว"
สตรีมีแผนการปั้นหน้ายิ้มกลบเกลื่อนความคิดแยบคาย ยอมรับปากอย่างง่ายดายทว่าในใจลิงโลด
"เช่นนั้นก็เป็นอันว่าตกลง ได้ฤกษ์ยามแล้วข้าจะส่งข่าวไปบอก"
ที่จินสุ่ยยอมจ่ายค่าสินสอดยี่สิบตำลึง นางรู้อยู่แล้วว่าเหลียงเค่ออิงเป็นสตรีมีความมุมานะ หาเลี้ยงคนสกุลเหลียงสืบต่อจากบิดาผู้ล่วงลับมาเนิ่นนาน พอรู้ว่าตนจะได้คนเข้าทีมาเป็นสะใภ้ ก็พอใจเป็นอย่างมาก
เหลียงเค่ออิงน่าจะรับผิดชอบงานในต่าง ๆ แทนนางได้ดี คงไม่ใจเสาะสิ้นใจตายภายในไม่กี่เดือน เช่นสามคนก่อนหน้า
"แต่การแต่งงานจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีการหมั้นหมายก่อน จริงหรือไม่"
เหลียงฉานไม่รีรอ เป็นฝ่ายเอ่ยถึงของหมั้นเอง จินสุ่ยจึงสั่งบุตรชายนำเงินมามอบเป็นของหมั้นห้าตำลึง
"เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน หากท่านได้วันดีอันเป็นฤกษ์มงคล ก็ให้รีบไปแจ้งข้า ข้าจะได้จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม"
กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้น กลั้นใจก้าวออกจากเรือนฝีเท้าสม่ำเสมอ พอลับตาสองแม่ลูก เหลียงฉานก็ยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกวิ่งพรวดออกมาทันที พอมาถึงเรือนตัวเอง ก็เร่งบอกเล่าให้บุตรทั้งสองรับฟังพร้อมกัน จากนั้นทุกคนต่างเฝ้ารอการกลับมาของคนสำคัญ
เย็นนี้เหลียงเค่ออิงกลับเรือนพร้อมกับเงินสิบห้าอีแป๊ะ แต่น่าแปลกที่มารดาเมินเงินในมือนาง
"เค่ออิง...มานั่งตรงนี้ก่อนมา"
สตรีที่พึ่งก้าวเท้าเข้ามา ถูกมารดาจับจูงมานั่งร่วมโต๊ะกับพี่น้อง หญิงสาวมองรอยยิ้มซ่อนมีดของคนทั้งสามอย่างครุ่นคิด ลางสังหรณ์บอกกับนางว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ คงมิใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับตน
"เจ้าคงรู้จักจินเหิง"
ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใด พอได้ยินนามชายกักขฬะที่มารดาเอ่ยถึง ขนท้ายทอยของเหลียงเค่ออิงก็ลุกซู่ขึ้นพร้อมกัน
"ข้ารู้จัก มีอะไรหรือเจ้าคะ"
เหลียงฉานหัวเราะเริงร่า ราวกับเรื่องที่ตนจะเอ่ยถึงเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ
"แม่จะให้เจ้าแต่งกับเขา"
คนฟังตัวชาวาบใจกระตุกแรงกระทันหัน สมองว่างเปล่าในบัดดล นิ่งอึ้งจ้องมองมารดาอยู่นานกว่าจะผ่อนลมหายใจออกมาได้ จนหลงคิดว่าตนสิ้นใจตายไปอีกหนแล้ว
พอสติสัมปชัญญะคืนกลับ นางพลันกระจ่างในใจ โดยที่ไม่ต้องมีใครอธิบายให้ฟัง ต่อให้ไม่มอบเงินที่ได้จากการขายสมุนไพรให้ ชะตากรรมของนางก็ยังไม่พ้นถูกคนเหล่านี้ควบคุม
"ข้าไม่ได้มีใจให้เขา ข้าไม่แต่ง"
แต่นางจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาอันเลวร้ายที่มารดาหยัดเหยียดให้อีกแล้ว
ผู้เป็นมารดาหุบยิ้มในฉับพลัน ครั้นได้ฟังคำยืนกรานจากบุตรสาวคนรอง
"แต่แม่รับเงินเขามาแล้วนะ หรือเจ้าอยากให้คนบ้านนั้น มองว่าแม่เป็นคนเชื่อถือมิได้ อย่าให้แม่ลำบากใจเลย แต่งกันจินเหิงเสียเถอะ"
"แต่งเถอะนะพี่เค่ออิง ท่านรู้ไหมว่าสกุลจินให้สินสอดท่านเป็นเงินยี่สิบตำลึงเชียวนะ เงินก้อนนั้นจะทำให้พวกเรากินดี อยู่ดี ไม่น้อยหน้าใครอีก ท่านแม่กับข้าจะได้มีชุดใหม่ใส่กับเขาบ้าง"
"นั้นสิ...คิดดูให้ดี ๆนะ เจ้าต้องเข้าป่าอีกกี่ปีกัน ถึงจะได้เห็นเงินยี่สิบตำลึง บ้านนั้นเขามีบุตรชายคนเดียว ต่อไปทรัพย์สมบัติของสามีก็จะต้องเป็นของเจ้า แต่งกับจินเหิงมีแต่ร่ำรวย หากปฏิเสธเขาก็นับว่าเจ้าโง่เขลาเกินคนแล้ว"
ทั้งสามพรั่งพรูถ้อยคำ หว่านล้อมให้เหลียงเค่ออิงทำตาม
"บ้านนั้น...ให้เงินสินสอดข้ายี่สิบตำลึงใช่ไหม" แม้จะโกรธจนตัวสั่น ทว่านางก็ยังย้ำถามเพื่อความแน่ใจ จู่ ๆ ก็เห็นหนทางหลุดพ้นจากหายนะลาง ๆ
เหลียงฉานยิ้มหวานล่อลวง เอื้อมมือไปกุมมือบุตรสาวคนรองเอาไว้ มั่นใจว่าอย่างไรต้องโน้มน้าวเหลียงเค่ออิงเป็นผลสำเร็จ
"ถูกต้องแล้วเค่ออิง ตั้งยี่สิบตำลึงเชียวนะ เยอะมากใช่หรือไม่ แม่ว่าเจ้าอย่าเสียเวลาคิดอีกเลย แม่ดูแล้ว คนผู้นี้เหมาะสมกับเจ้าที่สุด แต่งกับเขาเจ้ามีแต่จะสบาย..."
"ข้าต้องจ่ายให้ท่านเท่าไหร่ เพื่อแลกกับการแต่งงานครั้งนี้"
หญิงสาวไม่รอให้มารดากล่าวจบประโยค โพล่งสวนออกไปทดสอบจิตใจทุกคน
เหลียงฉานกลืนคำว่า "ตลอดชีวิต" ลงท้องไป จ้องมองคนถามอย่างประเมิน
"ถามเช่นนี้ แน่ใจหรือว่าจะมีเงินมาให้พวกเรา!" เหลียงหมิงชิงเอ่ยตัดหน้าบุพการี
"ท่านแม่...ข้ากำลังรอคำตอบจากท่านอยู่" เหลียงเค่ออิงหาได้สนใจคำถามจากปากชายจับจด นางเฝ้ารอคำตอบจากมารดาด้วยจิตใจจดจ่อ
ท่าทีแน่วแน่ของบุตรสาว ทำให้เหลียงฉานอดคิดไม่ได้ว่าเหลียงเค่ออิง อาจจะแอบซุกซ่อนเงินเอาไว้ใช้จ่ายคนเดียว หากเป็นเช่นนั้นจริง จะต้องหาวิธีกำราบบุตรสาวคนนี้เสียตั้งแต่เนิน ๆ ต่อไปจะได้มิกล้าแข็งข้อกระทำการใด ๆ ลับหลังอีก
"หากว่าเจ้ามีเงินมากขนาดนั้น แม่ก็จะยอมบากหน้านำเงินห้าตำลึงไปคืนเขา ยอมให้บ้านนั้นตราหน้าว่าเป็นคนเชื่อถือมิได้ ไหนเงินของเจ้า...เอาออกมาให้แม่สิ"
เหลียงฉานไม่หลงเหลือความนุ่มนวลใด ๆ แม้แต่น้ำเสียงที่เอ่ยยังขุ่นมัว
"ตอนนี้ข้ายังไม่มีเงิน แค่อยากรู้จำนวนเงินที่ท่านต้องการให้แน่ชัด แล้วข้าจะพยายามหามาให้"
แววตาผู้เป็นมารดาเคลือบแฝงไปด้วยกลอุบาย ก่อนที่กำหนดเงื่อนไขลวงบุตรสาวผู้โง่เขลาหนึ่งข้อ
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากเจ้าสามารถหาเงินสามสิบตำลึงมาได้ภายในสามวัน แม่จะยกเลิกการแต่งงานให้"
ถึงเวลาแล้ว ที่เงินทั้งหมดที่บุตรสาวมี จะย้ายมาอยู่ในมือนาง ส่วนเรื่องการแต่งงานจะยังคงดำเนินต่อไป เพราะไม่คิดจะยกเลิกให้สองแม่ลูกสกุลจินมาควักหัวใจนาง
สมองอันชาญฉลาดของแม่ม่ายวัยกลางคนดีดลูกคิดไม่หยุด หากได้ทั้งเงินที่เก็บซ่อนรวมถึงสินสอด ก็เป็นจำนวนเงินถึงห้าสิบตำลึงด้วยกัน
พอสิ้นประโยคมารดา สองพี่น้องก็เผยแววตาเหยียดหยัน อยากรู้ว่าเหลียงเค่ออิงจะหาเงินที่มารดาต้องการมาจากที่ไหนได้
"เงินสามสิบตำลึง เกินจำนวนเงินสินสอดที่ท่านเรียกจากจินเหิงมาสิบตำลึง หากข้าหามาได้ ท่านต้องรับปากว่าจะไม่บังคับข้าแต่งกับใครอีก"
"อยากเป็นอิสระจากการแต่งงานหรือ เช่นนั้นก็ต้องหามาให้มากหน่อย สักห้าสิบตำลึงกำลังดี หากได้ตามจำนวนนี้ แม่รับปากว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานอีก"
เหลียงเค่ออิงเบือนหน้าหนี ยามได้เห็นธาตุแท้ของผู้ให้กำเนิดเป็นหนที่สอง นางก็ยังไม่อาจทนมองสีหน้าไร้ความรู้สึกของท่านได้นาน
ทุกถ้อยคำสะท้อนตัวตน จิตใจคนเรือนนี้ยังคงมืดดำยากจะเปลี่ยนได้
"ข้าจะหาเงินห้าสิบตำลึงมาให้ แต่ขอแลกกับอิสระอย่างแท้จริง ท่านแม่ยินยอมหรือไม่"
เหลียงเค่ออิงกัดฟันกล่าว ยอมเป็นบุตรอกตัญญูเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
ความคิดเห็น