ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อบุตรสาวผู้โง่เขลาหวนคืน (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #4 : ค่าตอบแทนที่มิใช่เงิน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 67


    "ไม่คิดเงิน! " สมุนไพรในมือเขามิใช่ว่าจะพบเจอได้ง่าย ๆ ถึงราคาจะเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับชาวบ้านธรรมดากลับมีมุลค่ามหาศาล ไม่ต้องลำบากขึ้นเขาตลอดทั้งปีก็ยังอยู่ได้

    "ข้ายังเหลืออีกสองต้น ที่สมบูรณ์กว่าตันที่มอบให้ท่านมาก น่าจะขายได้ราคาดีกว่าด้วยซ้ำไป" นางได้ลั่นวาจาไปแล้วว่าจะไม่คิดเงิน จึงยืนยันเจตนาตัวเองอีกครั้ง

    เหวินหยุนซียกคิ้วขึ้น ปรายตามองช่อดอกสีแดงเบื้องหลังร่างเล็ก นางพูดไม่ผิด ที่เขาถืออยู่เป็นโสมขาวต้นเล็กที่สุดจริง ๆ แต่ขนาดมิได้ทำให้สรรพคุณทางการรักษาด้อยลง คนไม่เคยยกผลประโยชน์ให้ใครง่าย ๆ รู้สึกไม่ชอบใจในความเป็นคนดีของนาง จึงเตือนสตรีผู้มีจิตใจประเสริฐ ให้รู้จักกอบโกยในยามมีโอกาส

    "จะต้นเล็กต้นใหญ่ล้วนมีราคา ทำเงินได้ทั้งนั้น หรือที่เจ้าดั้นด้นเข้าป่าหาสมุนไพร ก็เพื่อจะเอามาแจกจ่ายคนโดยไม่รับค่าตอบแทนงั้นรึ"

    คำทักท้วงที่ฟังไม่ต่างจากคำสั่งสอน สะกิดใจคนมีจิตเมตตาให้ต้องทบทวนเสียใหม่ เหลียงเค่ออิงลดสายตามองโสมล้ำค่าในมือเขาอย่างครุ่นคิด

    คล้ายทุกเรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าเดิม จะอีกหนึ่งเค่อข้างหน้าหรือว่าวันรุ่งพรุ่งนี้ สำหรับคนที่ย้อนอดีตคืนกลับมาเช่นนาง ล้วนคาดการณ์สิ่งใดมิได้อีกแล้ว ทุกความทรงจำก่อนหน้าไม่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองได้เปรียบ

    ขนาดยังไม่ทันข้ามวัน ก็มีเรื่องแปลกใหม่ผ่านเข้ามาไม่หยุดหย่อน

    หากความกตัญญูที่นางยึดถือปฏิบัติอย่างตั้งมั่น ยังถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาเอาเปรียบ พี่น้องร่วมสายเลือดทรยศจนต้องตายอย่างน่าสังเวช แล้วชายผู้นี้จะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจนางอย่างนั้นหรือ

    ขึ้นชื่อว่าคนแปลกหน้า ย่อมไม่น่าไว้วางใจอยู่แล้ว

    เมื่อรู้ว่าชีวิตมีความเสี่ยง คนตกที่นั่งลำบากจึงสองจิตสองใจ ทั้งไม่กล้าเรียกร้องเงินรวมถึงหวั่นใจคน ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็นว่าหล่อเหลา การแต่งกายเรียบหรูดูสะอาดสะอ้าน ย่อมไม่อาจบ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้าดีชั่วประการใด อยู่ท่ามกลางป่าเขาเช่นนี้หากเขาคิดไม่ดีขึ้นมา ผู้ใดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนางได้

    "เช่นนั้นข้าขอค่าเหนื่อยสิบตำลึง แต่ท่านไม่ต้องรีบร้อนจ่ายวันนี้ หายดีเมื่อไรค่อยนำมาให้ข้า"

    เหลียงเค่ออิงไม่กล้าสบสายตา เกรงว่าคนตรงหน้าจะล่วงรู้ว่านางขนลุกไปทั้งตัว เมื่อนึกถึงอันตรายหลายรูปแบบ ที่บุรุษสามารถกระทำต่อสตรี

    ใจจริง...นางไม่ต้องการค่าตอบแทนใด ๆ แล้ว คิดอยากไปให้พ้นจากคนไม่คุ้นหน้าเสียเดี๋ยวนี้ จากนั้นจะรีบนำสมุนไพรสองต้นที่เหลือไปขาย แล้วนำเงินที่ได้มาฝากร้านแลกเงินไว้ทั้งหมด คงมีเพียงเก็บเป็นตั๋วเงินเท่านั้นจึงจะรอดพ้นสายตามารดา

    ได้แต่คิดเป็นขั้นเป็นตอน แต่แผนการยังไม่บรรลุผลแม้แต่ข้อเดียว

    ฝ่ายชายหนุ่มเริ่มเห็นถึงความหวาดระแวงในแววตาหญิงสาว แต่นับว่านางยังมีสติเก็บงำความรู้สึกได้ดีระดับหนึ่ง ที่ไม่หวาดกลัวเขาจนลนลาน

    เขาไม่มีเจตนาจะทำร้ายร่างกายนาง ดังนั้นจึงยอมถอยหนึ่งก้าวหวังลดความกดดันในใจหญิงสาวให้น้อยลง

    "เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่า" คนไม่ชอบติดค้างใคร ล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบกระปุกสีเขียวเป็นมันเงาขนาดเล็กออกมา

    "นี้เป็นยาสมานแผลอย่างดี เอาไว้ทาแผล" นางล้มตรงโขดหิน หากเดาไม่ผิดน่าจะมีแผลที่เข่าและฝ่ามือ

    พอมีคนทัก แผลที่ลืมไปแล้วว่ามีอยู่ก็รู้สึกปวดแสบขึ้นมา คนไม่คิดอะไรพลิกฝ่ามือขึ้นสำรวจต่อหน้าบุรุษ จนอีกฝ่ายมองเห็นความหยาบกราน ไม่ต่างจากฝ่ามือบุรุษเช่นเขา

    พอเห็นว่าบาดแผลมีเลือดซึมหลายจุด คนเจ็บก็อดที่จะเสียววาบไปทั้งตัวมิได้ หากใช้ฝ่ามือค้ำไว้ไม่ทัน รอยแผลเหล่านี้คงย้ายไปกระจายอยู่บนใบหน้านางแทน

    "รับไปสิ" ขยับมือเร่งเร้าให้อีกฝ่ายยอมรับน้ำใจ

    ความหวาดกลัวส่งผลให้เหลียงเค่ออิง ไม่กล้าสร้างความไม่พอให้ชายแปลกหน้า นางรีบยื่นมือออกไปรับขวดยาจากเขาโดยไม่อิดออด

    "ขอบคุณท่านมาก หมดเรื่องคุยแล้วข้าขอตัวก่อน" จบคำอำลา ร่างในชุดเก่าซีดก็หันหลังไปยกตะกร้าสานขึ้นบ่า ก้มหน้าก้มตาเดินจากไป

    บุรุษผูถูกทิ้งไว้เบื้องหลังมองตามร่างเล็ก พลางถูไถปลายนิ้วมือไปตามลำต้นโสมขาว อย่างใช้ความคิด

    จะมีซักกี่คน...ที่เอ่ยปากให้นำเงินมาจ่ายในภายหลัง แต่กลับไม่ยอมบอกนามให้ตามหาตัวได้ ช่างเข้าใจคิดเก็บซ่อนตัวตน ทว่านางใช้วิธีการอันตื้นเขินผิดคนแล้ว

    ยิ่งมีลับลมคมใน ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากรู้

    "ตามไป! "ชายหนุ่มเอ่ยไปกับสายลมที่พัดผ่าน

    เฉิงเจี้ยนก้าวออกมาหาผู้เป็นนาย ส่วนเงาอื่น ๆ ยังคงไม่เผยกายให้เห็น

    "คุณชาย...สมุนไพรก็ได้มาแล้ว เรารีบออกจากป่ากันเถอะ"

    สิ้นคำคนสนิท เหวินหยุนซีก็ดีดกายขึ้น เฉิงเจี้ยนเหลือบตามองไปยังเส้นทางที่หญิงสาวชาวบ้านเดินไปแวบหนึ่ง แล้วจึงเหินกายตามติดผู้เป็นนาย เมื่อเข้าใกล้ก็ลอบชำเลืองมองสีหน้าคนที่ตนติดตามเป็นระยะ

    ความจริงพวกเขาพบสมุนไพรพร้อมสตรีนางนั้น แต่คุณชายกลับปล่อยให้นางเป็นผู้ครอบครอง แล้วเลือกที่จะเข้าต่อรองราคาในภายหลัง

    กลายเป็นว่าพวกเขาได้พานพบหญิงสาวจิตใจประเสริฐ นางยอมยกสมุนไพรให้ทันทีที่เข้าใจว่าผู้เป็นนายล้มป่วย ซ้ำยังหวังดีตักเตือนเสียยกใหญ่

    แต่หลังจากได้ฟังคำทักท้วงจากนายเขา หญิงสาวคล้ายจะพึ่งรู้จักกับคำว่าเรียกร้องสิทธิ์ ในที่สุดก็ยอมเอ่ยถึงค่าตอบแทนเสียที แต่เขาประเมินนางผิดไปมาก คนปกติที่ไหนกัน จะเรียกเงินค่าสมุนไพรหายากแค่สิบตำลึง ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมากสำหรับคนที่มีทรัพย์สินจนล้นคลังเก็บ

    เดาเอาว่าวัน ๆ หนึ่ง นางคงมัวแต่ก้มหน้าหาของป่าไปเรื่อย จึงไม่รู้จักสกุลเหวินที่ผู้คนกล่าวขานในความร่ำรวย ไม่รู้ว่าคนที่ขอซื้อสมุนไพรจากนาง คือคุณชายเหวินหยุนซีผู้นำสกุลเหวินคนปัจจุบัน

    ทว่าคุณชายก็หาได้ยอมน้อยหน้า แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าคนไม่เคยใส่ใจในทุกข์สุขผู้ใด จะยอมมอบยาสมานแผลสรรพคุณดีเลิศตอบแทนกลับ ช่างน่าประหลาดใจชวนให้ครุ่นคิดเป็นที่สุด จนคนใกล้ชิดอย่างเขา ไม่อาจสลัดความสงสัยออกจากหัวได้

    ยาในกระปุกนั้น ส่วนผสมแต่ละอย่างล้วนเป็นของหายาก เรื่องราคาไม่ต้องเอ่ยถึง นอกจากยาจะวิเศษแล้ว กระปุกที่บรรจุก็มีราคาไม่ต่ำกว่ายี่ตำลึง เพราะทำมาจากหยกเนื้อดี ที่ครอบครองได้เฉพาะบางกลุ่มคนเท่านั้น

    เมื่อคิดดูอย่างถี่ถ้วน ก็คล้ายกับว่าคุณชายของเขา ได้จ่ายค่าโสมขาวแก่สตรีนางนั้นอย่างสมน้ำสมเนื้อแล้ว มากกว่าที่นางร้องขอเสียด้วยซ้ำไป

    พอปลายเท้าคุณชายเหวินแตะธรณีจวน เฉิงเจี้ยนก็หยุดความคิดตัวเองไว้เพียงเท่านั้นก่อน เขายื่นมือออกไปรับเอาสมุนไพรที่ส่งมา แล้วนำไปให้หมอผู้เชี่ยวชาญเคี่ยวตัวยารักษาอาการเจ้านายในทันใด

    หลังจากฝากเงินแล้วเสร็จ เหลียงเค่ออิงก็ก้าวออกจากจุดศูนย์กลางการค้าแห่งแคว้นจิ้ง พอก้าวพ้นกำแพงสูงใหญ่ ร่างเล็กก็เดินลากเท้ากลับเรือนไม่ต่างกับคนถูกบังคับขู่เข็ญ

    มาหยุดทำใจอยู่หน้าประตูชั่วครู่ ล้วงเอาเงินสิบสองอีแป๊ะออกมาจากอกเสื้อ เตรียมเอาไว้ให้มารดา

    แต่แล้วนางกลับเลือกที่จะเดินเข้าเรือนทางประตูหลังแทน เหลียงเค่ออิงงอยากเว้นระยะห่างจากคนทั้งสาม เท่าที่จะหาข้ออ้างได้ ทว่าทุกอย่างกลับตรงข้ามกับที่ใจปรารถนา

    เมื่อเปิดประตูหลังออก ก็พบหน้ามารดายืนอยู่ในครัวพอดี

    "อ้าว!เค่ออิง... มา ๆ แม่ช่วยยกลง"

    เหลียงฉานกุลีกุจอเข้าไปรับตะกร้าใบใหญ่ ลงจากไหล่บุตรีคนรอง พอนางมองเห็นว่าภายในตะกร้ามีเพียงเห็ดป่า พลันแสดงสีหน้าไม่พอใจให้บุตรสาวเห็นทันที

    "ไม่ได้ซื้อไก่มาด้วยรึ"

    น้ำเสียงกระด้างของมารดา มิได้ทำให้คนฟังรู้สึกผิด เพราะนางไม่คิดจะซื้อไก่กลับมาแต่แรกอยู่แล้ว

    "ขายของหมดตะกร้า ได้เงินมาเพียงสิบสองอีแป๊ะเอง ไม่พอซื้อไก่หรอก" เป็นครั้งแรกที่เหลียงเค่ออิงโกหกเรื่องเงิน คนไม่เคยหลอกลวงใครใจสั่นเล็กน้อย กลัวว่าตัวเองจะเผยพิรุธจนมารดาจับได้

    "ซื้อไก่ไม่ได้ เจ้าก็น่าจะมีมันสมองคิดเองบ้าง ว่าควรจะต้องซื้ออย่างอื่นติดมือมา ไม่รู้หรือไรว่าอาหมิงกับหลิงเอ๋อร์ ยอมอดข้าวกลางวัน หิ้วท้องรอเจ้าคนเดียวเลยนะ"

    คนถูกบีบให้กลายเป็นคนผิด ย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ข้าไม่ได้กินข้าวเช้า ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กินเช่นกัน ท่านแม่เคยคิดห่วงใยข้าบ้างหรือไม่"

    พอเหลียงฉานได้ฟัง ก็เข้าใจไปว่าบุตรสาวตัดพ้อด้วยความน้อยใจ เช่นนั้นมารดาผู้ได้ประโยชน์จากความกตัญญูมาช้านาน จึงลดท่าทางเกรียวกราดลง

    "เหตุใดจะไม่ห่วง เจ้าหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอดหลายปี แม่ย่อมต้องห่วงเจ้ามากกว่าใคร รู้เอาไว้ว่าเจ้าเป็นความภูมิใจของแม่ เป็นบุตรีที่สวรรค์ประทานมาเกื้อหนุนพวกเราทุกคน เพราะมีเจ้าคอยช่วยเหลือ ครอบครัวเราถึงอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้"

    วลีเยินยอน่าฟัง เหลียงฉานใช้หว่านล้อมเหลียงเค่ออิงให้คล้อยตามได้ทุกเมื่อ หนนี้นางก็เชื่อมั่นว่าผลลัพธ์คงไม่ต่างจากที่แล้ว ๆ มา

    ทว่าคนฟังทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย หลังฟังคำพร่ำเพ้อปราศจากความจริงใจ ที่มารดาใช้ล่อคนโง่เขลาอย่างนางมาตลอด

    เหลียงเค่ออิงกลัวว่าตัวเองจะสิ้นความอดทน เผลอใช้วาจารุนแรงให้บุพการีผิดสังเกตจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

    "ท่านแม่หุงข้าวหรือยัง"

    "กำลังจะหุงแต่เจ้ากลับมาพอดี

    "เช่นนั้นข้าทำเอง ท่านออกไปนั่งรอเถอะ"

    "เอาอย่างนั้นก็ได้" เหลียงฉานเดินนับเงินที่เหลียงเค่ออิงส่งให้ออกจากห้องครัว มาหาบุตรชายคนโตและบุตรสาวคนเล็ก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×