ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซิลมาริล ปฐมบทแห่ง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์

    ลำดับตอนที่ #1 : ตำนานแห่งซิลมาริล

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 55


    ตำนานแห่งซิลมาริล
     

         ตำนานแห่งซิลมาริล (อังกฤษ: The Silmarillion) เป็นนิยายแฟนตาซีระดับสูง แต่งโดย เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน (ผู้แต่งเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์) เริ่มประพันธ์โครงเรื่องตั้งแต่ปี ค.ศ.1917 และมีการเขียนเพิ่มเติมมาโดยตลอด จนเมื่อ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน สิ้นชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1973 วรรณกรรมเรื่องนี้ก็ยังเขียนไม่เสร็จ และยังไม่ได้รับการตีพิมพ์

         คริสโตเฟอร์ โทลคีน บุตรชายคนที่สามของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ได้สานต่องานประพันธ์ของพ่อ โดยรวบรวมงานเขียนที่ยังคั่งค้างอยู่ ทั้งส่วนที่เขียนรายละเอียดแล้ว และส่วนที่มีเพียงแนวคิด โครงเรื่อง มาประพันธ์ต่อจนสำเร็จสมบูรณ์ เดอะ ซิลมาริลลิออน จึงได้ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1977

         เนื้อหาในตำนานแห่งซิลมาริล เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก และเหตุการณ์ในยุคที่หนึ่งและยุคที่สองของโลกอาร์ดา ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลายพันปีก่อนถึงยุคสมัยในเรื่อง เดอะฮอบบิท และ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซึ่งอยู่ในยุคที่สาม

     
    ภาพรวมของเรื่อง
     
    ตำนานแห่งซิลมาริล ประกอบด้วยเนื้อเรื่องห้าส่วน ดังนี้ 
     1.ไอนูลินดาเล (Ainulindalë) มหาคีตาแห่งไอนัวร์ : เล่าถึงตำนานการสร้างโลก
     2. วาลาเควนตา (Valaquenta) ตำนานแห่งวาลาร์ : เล่าถึงเหล่าวาลาร์ และ ไมอาร์ ซึ่งเป็นบรรดาชนศักดิ์สิทธิ์ (คือ ไอนัวร์)
     3. เควนตา ซิลมาริลลิออน(Quenta Silmarillion) ตำนานแห่งซิลมาริล : ประวัติศาสตร์ตั้งแต่กำเนิดสิ่งมีชิวิตจนถึงสิ้นสุดยุคที่หนึ่ง เป็นเนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือเล่มนี้
     4. อคัลลาเบธ (Akallabêth) ชื่อนี้หมายถึง การล่มสลายของนูเมนอร์ : ว่าด้วยเรื่องราวการก่อตั้งเกาะนูเมนอร์ไปจนถึงกาลสิ้นสุดของเกาะ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงยุคที่สอง
     5. ว่าด้วยแหวนแห่งอำนาจ และยุคที่สาม (Of the Rings of Power and the Third Age) เรื่องของการสร้างแหวน และเหตุการณ์ของยุคที่สาม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์
     
         ที่จริงแล้วเรื่องทั้ง 5 ชุดนี้ โทลคีนได้แต่งแยกกันเป็นหลายชิ้นหลายเรื่องย่อย มิใช่เป็นเรื่องเดียวต่อเนื่องกัน และยังมีการปรับปรุงแก้ไขแต่ละเรื่องย่อยเป็นหลายๆ เวอร์ชัน แต่ลูกชายของเขา คริสโตเฟอร์ ได้นำมาเรียบเรียงใหม่ โดยคัดเลือกเอาเวอร์ชันที่สอดคล้องกันมากที่สุดมารวมไว้ (ไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุดที่โทลคีนแต่งไว้ก่อนเสียชีวิต) แล้วใช้ชื่อบทที่มีเนื้อหามากที่สุด คือ เควนตา ซิลมาริลลิออน (Quenta Silmarillion) หรือ ตำนานแห่งซิลมาริล มาเป็นชื่อของเรื่องที่เขาได้เรียบเรียงขึ้นมาใหม่
     
        เนื้อเรื่องย่อยแต่ละชิ้น และแต่ละเวอร์ชันที่โทลคีนผู้พ่อแต่งไว้ โดยเฉพาะเวอร์ชันล่าสุดก่อนเสียชีวิต คริสโตเฟอร์ โทลคีนผู้ลูก ได้รวบรวมไว้ในหนังสือ Unfinished Tales และหนังสือชุด ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ (The History of Middle Earth) ซึ่งประกอบด้วยหนังสือ 12 เล่ม
    โครงเรื่อง
     
    ไอนูลินดาเล และวาลาเควนตา
     
         ไอนูลินดาเล เป็นเนื้อหาส่วนแรกของหนังสือ ตำนานแห่งซิลมาริล เล่าถึงเหตุการณ์การสร้างโลกในลักษณะตำนาน กล่าวคือ อิลูวาทาร์ ("พระบิดาแห่งสรรพสิ่ง") ทรงสร้างไอนัวร์ขึ้นก่อนทุกสิ่ง เป็นดวงจิตที่ถือกำเนิดขึ้นจากดำริ หรือความคิดของพระองค์เอง จากนั้นอิลูวาทาร์ทรงแสดงดนตรีให้เหล่าไอนัวร์ชม แล้วโปรดให้พวกเขาบรรเลงดนตรีให้พระองค์ฟังบ้าง การบรรเลงดนตรีของเหล่าไอนัวร์นี้เรียกว่า "มหาคีตาแห่งไอนัวร์" (คำแปลของ ไอนูลินดาเล) ในระหว่างการบรรเลงนั้น เมลคอร์ ไอนัวร์องค์หนึ่งคิดอยากบรรเลงตามใจตัวเอง ทำให้เสียงดนตรีเพี้ยนผิดพลาดไปหมดจนล่มลง แต่องค์อิลูวาทาร์ทรงสำแดงฤทธิ์เป็นเสียงดนตรีไม่สิ้นสุด แล้วจากนั้นจึงแสดงภาพของโลกอาร์ดา ให้เหล่าไอนัวร์ได้เห็น โลกอาร์ดานั้นคือสิ่งที่บังเกิดขึ้นจากการบรรเลงดนตรีนั่นเอง
     
         จากนั้นอิลูวาทาร์จึงสร้าง เออา หรือโลกอาร์ดาขึ้นให้เป็นจริง แล้วโปรดให้เหล่าไอนัวร์ที่ทรงพลังอำนาจ ลงไปสถิตอยู่ในโลกนั้น เพื่อสร้างโลกให้เป็นไปตามที่พวกเขาได้บรรเลงบทเพลงเอาไว้ เหล่าไอนัวร์ที่ลงมาในโลก กลุ่มที่มีฤทธิ์มากเรียกว่า วาลาร์ กลุ่มที่มีฤทธิ์รองลงมา เรียกว่า ไมอาร์ พวกเขาทั้งหมดพากันสร้างโลกให้พร้อมรอรับการมาถึงของเหล่าบุตรแห่งอิลูวาทาร์ โดยที่มีเมลคอร์คอยขัดขวางการก่อสร้างอยู่ตลอด
    บท วาลาเควนตา เป็นเนื้อหาส่วนที่สองของหนังสือ กล่าวถึงรายละเอียดของวาลาร์ทั้ง 14 พระองค์ และรายละเอียดของไมอาร์องค์สำคัญบางองค์ สุดท้ายกล่าวถึงเทพอสูรเมลคอร์ คือไอนัวร์ที่จิตใจหันไปสู่ความชั่วร้าย กับบรรดาไมอาร์ที่ยอมเป็นสมุนของเขา เช่นเซารอน และบัลร็อก
     
    เควนตา ซิลมาริลลิออน
     
         คำว่า เควนตา (quenta) หมายถึง ตำนาน ส่วน ซิลมาริลลิออน (silmarillion) ประกอบจากคำว่า silmarilli และ -on โดยที่ silmarilli หมายถึง silmarils (คือรูปพหูพจน์ของ silmaril) ส่วน -on หมายถึง of the (ว่าด้วย) ดังนั้น Quenta Silmarillion จึงหมายถึง ตำนานว่าด้วยเรื่องของดวงมณีซิลมาริล
    ซิลมาริล (หรือซิลมาริลลิในรูปพหูพจน์) คือดวงมณีสามดวงที่เฟอานอร์ เจ้าชายเอลฟ์ ชาวโนลดอร์ ประดิษฐ์ขึ้น แต่ถูกมอร์กอธขโมยไปหลังจากสังหารกษัตริย์ฟินเว บิดาของเฟอานอร์ เฟอานอร์กับโอรสทั้งเจ็ดและชาวโนลดอร์จึงติดตามไล่ล่าเพื่อล้างแค้น เรื่องราวส่วนใหญ่ในตอนนี้จะเกี่ยวกับการทำสงครามของพวกเอลฟ์กับมอร์กอธในแผ่นดินเบเลริอันด์ เพื่อชิงซิลมาริลกลับคืน
    เควนตา ซิลมาริลลิออน ประกอบด้วยเนื้อเรื่อง 24 บท ในจำนวนนี้ เรื่องที่ถือว่าเป็นเอกในตำนานซิลมาริลลิออน ได้แก่
     - ว่าด้วยเบเรนและลูธิเอน
     - ว่าด้วยทูริน ทูรัมบาร์ (เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งใน นาร์น อิ ฮีน ฮูริน : ตำนานบุตรแห่งฮูริน คริสโตเฟอร์ โทลคีนได้รวบรวมตำนานนี้และประพันธ์ขึ้นเป็นเล่มต่างหากเมื่อปี พ.ศ. 2550 ใช้ชื่อหนังสือว่า ตำนานบุตรแห่งฮูริน (The Children of Hurin))
     - ว่าด้วยทูออร์ และการล่มสลายของกอนโดลิน
     - ว่าด้วยการเดินทางของเออาเรนดิล และสงครามแห่งความโกรธา
     
    อคัลลาเบธ
     
         เนื้อหาส่วนนี้กล่าวถึงการกำเนิดและการล่มสลายของอาณาจักรมนุษย์ชาวนูเมนอร์ ซึ่งเป็นเกาะแห่งหนึ่งกลางมหาสมุทรใหญ่ที่เหล่าวาลาร์สร้างประทานให้เป็นของรางวัลแก่ชาวมนุษย์สามตระกูลที่เป็นสหายเอลฟ์ และได้ช่วยเหลือการศึกต่อต้านเมลคอร์มาโดยตลอด อาณาจักรนูเมนอร์ต้องล่มสลายลงก็ด้วยความเจ้าเล่ห์ของไมอาผู้ชั่วร้ายชื่อ เซารอน ซึ่งเคยเป็นสมุนมือขวาของเมลคอร์มาก่อน เซารอนสร้างสมอำนาจของตนขึ้นใหม่ในยุคที่สอง หมายจะครองมิดเดิลเอิร์ธทั้งหมด แต่ชาวนูเมนอร์ยกทัพมาปราบปรามลงได้ เมื่อเซารอนไม่สามารถเอาชนะชาวนูเมนอร์ด้วยกำลัง เขาจึงแสร้งเป็นยอมจำนนและให้ชาวนูเมนอร์จับตัวไปเป็นเชลย เซารอนหาทางเข้าไปใกล้ชิดกษัตริย์ อาร์-ฟาราโซน แล้วทำให้พระองค์หลงเชื่อคำยุยงจนตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษา และเหิมเกริมถึงขนาดคิดยกทัพไปต่อสู้กับเหล่าวาลาร์เพื่อช่วงชิงความเป็นอมตะ ครั้นเมื่อทัพเรือของอาร์-ฟาราโซนยกไปถึงแผ่นดินอามัน อิลูวาทาร์ก็บันดาลให้มหาสมุทรใหญ่แยกเป็นเหวลึก ดูดเอาเกาะนูเมนอร์และกองเรือทั้งหมดจมหายไปในห้วงอเวจี ทว่าดวงจิตของเซารอนสามารถหนีรอดกลับมายังแผ่นดินมิดเดิลเอิร์ธได้ และชาวนูเมนอร์จำนวนหนึ่งที่ยังคงภักดีต่อวาลาร์และอิลูวาทาร์ ก็หนีรอดมายังมิดเดิลเอิร์ธได้เช่นกัน
     
    ว่าด้วยแหวนแห่งอำนาจและยุคที่สาม
     
           เนื้อหาส่วนสุดท้ายของหนังสือเป็นบทสรุปเหตุการณ์ในวงล้อประวัติศาสตร์โลกอาร์ดาของโทลคีน กล่าวถึงการปรากฏตัวของจอมมารเซารอน ที่เรืองอำนาจขึ้นมาแทนที่ เมลคอร์ นายเก่าของตน เซารอนสร้างแหวนแห่งอำนาจขึ้น และก่อสงครามกับศัตรูเก่า คือเหล่าเอลฟ์และมนุษย์ผู้เป็นสหายเอลฟ์ (ชาวนูเมนอร์) จนกระทั่งถึงสงครามแห่งพันธมิตรครั้งสุดท้ายซึ่งเป็นอันสิ้นสุดยุคที่สอง
     
            จากนั้นเล่าถึงเหตุการณ์ในยุคที่สามที่เกี่ยวข้องกับแหวนแห่งอำนาจของเซารอน การกำเนิดสภาขาว การรุ่งเรืองและเสื่อมสลายของอาณาจักรกอนดอร์ ไปจนถึงการสูญสิ้นอำนาจของเซารอนในปลายยุคที่สาม เนื้อหาในส่วนนี้เพียง 1 ย่อหน้า ขยายเป็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ปรากฏในเรื่อง "เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์" ว่าด้วยความพยายามทำลายแหวนเอกของเซารอน โดยชาวเพเรียนนัธ (ฮอบบิท) ตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่มีชื่อปรากฏในประวัติศาสตร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×