คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 (Thai Version)
(Chapter 2 เล่าจากมุมของฮายาโตะค่ะ)
Chapter 2
‘เดาไม่ได้เลยแฮะ’
นั่นเป็นคำจำกัดความที่ฮายาโตะใหกับอาคิระ เอาจริงๆ เลยนะ หมอนี่คิดอะไรอยู่หรือว่าไม่คิดอะไรเลยกันแน่ ฮายาโตะเป็นงงกับสิ่งที่อยู่ในหัวของอาคิระ แล้วยังเพื่อนของอาคิระอีก คิริทานิ ชูจิ หมอนั่นวินาทีนึงก็ทำเหมือนรำคาญอาคิระ แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนห่วงอาคิระซะมากมาย เป็นคู่เพื่อนสนิทที่ประหลาดจริงๆ แฮะ
ตอนที่ฮายาโตะรู้ว่างานชิ้นถัดไปของเขาจะต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับลูกชายของลูกค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัทมานาน เขาคิดว่ามันคงเป็นงานน่าเบื่ออีกงานที่เขาต้องทำ คอยเดินตามพวกลูกคนรวยนิสัยเสียทั้งวี่ทั้งวัน แต่มันกลับกลายเป็นว่า งานนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่เขาคิดตอนแรก ว่าง่ายๆ ว่า ตัวงานน่ะ น่าเบื่อ แต่คนที่เขาต้องคุ้มครองนี่ซิ ไม่
ครั้งแรกที่ฮายาโตะเจออาคิระ; หน้าเล็กๆ, ตากลมๆ โตๆ, แก้มกลมๆ, ปากอิ่ม เขาพนันได้เลยว่า หมอนี่ต้องหน้าเหมือนตุ๊กตาแน่นๆ ตอนเด็กๆ พออาคิระเห็นฮายาโตะเดินตามหลังพ่อของตัวเองเข้ามาในห้อง เขาก็ไปหลบอยู่ข้างหลังคนที่ยืนอยู่ข้างๆ(คิริทานิ เพื่อนสนิทของอาคิระ ฮายาโตะมารู้ทีหลัง)ทันที แล้วคนที่ยืนให้อาคิระหลบอยู่นั้นก็ดันหน้าเหมือนกับ ‘ริว’ เพื่อนของเขาเอง
ฮายาโตะแปลกใจมาก “ริว! นายมาทำอำรที่นี่?”
แต่หมอนั่นกลับมองเขาอย่างงงๆ
“ทำไมนายไม่บอกชั้นล่ะ ว่านายรู้จักกับพวกนี้ด้วย ริว? แล้วทำไมนายมองชั้นแบบนั้นอ่ะ?”
หมอนั่นยิ่งมองฮายาโตะงงหนักเข้าไปอีก แล้วจู่ๆ อาคิระก็พูดขึ้นจากข้างหลังคนที่หน้าเหมือนริว โดยที่พยายามมองหน้าเพื่อนตัวเองและก็พยายามไม่ให้ฮายาโตะเห็นเขาในเวลาเดียวกัน
“ชูจิคุง นายรู้จักเขาหรอ? ชั้นไม่เห็นรู้เลยว่านายรู้จักคนที่ทำงานแบบนี้ด้วย ทำไมนายไม่บอกชั้นอ่ะ ว่านายรู้จักเขา”
“ชั้นไม่รู้จักเขา อาคิระ” คนหน้าเหมือนริวพูด แล้วหันมาทางฮายาโตะ “ชั้นว่านายกำลังเข้าใจอะไรผิดแล้วนะ ชั้นชื่อ คิริทานิ ชูจิ ไม่ใช่ริว แล้วชั้นก็ไม่รู้จักนายด้วย”
“คิริทานิ!
เอ๊ะ?... เป็นไปไม่ได้ ก็นายหน้าเหมือนริวอย่างกับแกะ ถ้านายไม่ใช่ริว อย่างน้อยนายก็น่าจะเป็นญาติกับริวนะ”
“ชั้นไม่มีญาติที่ไหนชื่อริวแล้วก็หน้าเหมือนชั้นหรอกนะ แล้วอีกอย่าง...” แต่อาคิระก็ขัดเขาขึ้นมาก่อน
“บางที นายอาจจะมีฝาแฝด แล้วแฝดของนายโดยลักตัวไปตั้งแต่เกิด นายแน่ใจนะชูจิว่าพ่อแม่นายมีลูกแค่ 2 คน .......หรือว่า....... นายถูกรับมาเลี้ยง ชูจิ” อาคิระถามอย่างตื่นเต้น
“....เฮ้อ..... อาคิระ ชั้นแน่ใจว่าพ่อแม่ชั้นมีลูกแค่ 2 คน และชั้นก็เป็นลูกแท้ๆ ของพวกท่านด้วย หรือนายอยากให้ตรวจ DNA”
“แต่มันก็เป็นไปได้นี่....”
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ ที่นี้หุบปากซะ แล้วก็ลงจากหลังชั้นด้วย” คิริทานิพยายามสลัดอาคิระออกจากหลัง อาคิระทำปากยื่นๆ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือจากหลังของคิริทานิ แต่ยังไม่ยอมเดินออกมาจากข้างหลังคิริทานิอยู่ดี
“เอาหล่ะ พอก่อน อย่างเพิ่งเถียงกัน เดี๋ยวพ่อจะแนะนำให้รู้จักกันนะ...” คุซาโนะซังเริ่มพูดบ้าง “นั่น..ก็ตามที่เขาบอกนะ คือ คิริทานิ ชูจิ เพื่อนสนิทของลูกชายชั้น แล้วก็คนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ลุกชายชั้นเอง คุซาโนะ อาคิระ .................. อาคิระ ออกมายืนดีๆ ให้เห็นตัวหน่อยซิ” อาคิระไม่ค่อยจะเต็มใจเดินออกมาจากข้างหลังคิริทานิซักเท่าไร่นัก แต่ก็ต้องเดินออกมายืนข้างๆ คิริทานิอยู่ดี จากนั้นคุซาโนะซังก็พูดต่อ “นี่คือ ยาบุกิ ฮายาโตะ ... บอดี้การ์ดของลูกตั้งแต่นี้ไป..”
......และนั่นเป็นการพบกันครั้งแรก.....
ฮายาโตะต้องย้ายเข้าไปอยู่ใน Penthouse ที่อาคิระอาศัยอยู่กับคิริทานิ คุซาโนะซังบอกกับฮายาโตะว่า ลูกชายของเขานั้นเป็นเพื่อนกับคิริทานิมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายแล้ว ตอนที่คิริทานิต้องย้ายบ้านไปตอนม.ปลายปีสุดท้าย อาคิระก็ถึงขั้นตามไปด้วย
สำหรับฮายาโตะแล้ว เรื่องแบบนี้มันแปลกมากๆ ถ้าเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเขาต้องย้ายบ้านไป เขาคงไม่คิดที่จะย้ายตามไปเพื่อที่จะให้ได้อยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนหรอก แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะหลังจากที่อาคิระเรียนจบ เขาก้กลับมาโตเกียวพร้อมกับคิริทานิ แถมไม่ยอมอยู่บ้านเดิมกับพ่อตัวเอง แต่ออกไปหาอพาทเมทต์อยู่กับคิริทานิ แล้วยังไปเรียนที่มหาวิทยาลัย, คณะ, และเอกเดียวกับคิริทานิอีกด้วย
‘อะไรเนี่ย....มันจะตายเลยมั้ยถ้าต้องแยกกับคิริทานิ?’ ฮายาโตะคิด คุซาโนะซังเตือนเขาว่า อาคิระออกจะแปลกๆ อยู่เล็กน้อย แต่แบบนี้ฮายาโตะไม่คิดว่าน้อยนะ มันแปลกมากๆ เลยต่างหาก หรือมีอะไรบางอย่างระหว่าง 2 คนนั้น ฮายาโตะก็ไม่รู้
อาทิตย์แรกที่อยู่ด้วยกันก็เป็นไปตามที่ฮายาโตะคาด คือ อึดอัดใจ อาคิระยังไม่พูดอะไรกับเขาซักคำเลย จนกระทั่งวันนึง ผู้หญิงคนนี้ก็มา ‘โคทานิ โนบุโกะ’ หรือ โนบุตะ เธอออกจะขี้อายเอามากๆ พูดตะกุกตะกักอีกเล็กน้อยด้วย แต่เธอดูสบายๆ เวลาอยู่กับคิริทานิกับอาคิระ
ฮายาโตะกำลังเบื่อสุดๆ ต้องคอยนั่งดู 3 คนนั้นนั่งคุยกันเป็นชั่วโมงๆ จากมุมห้อง จนกระทั่งเขาเห็นโนบุตะหันไปพูดอะไรบางอย่างกับอาคิระ ดูซีเรียสซะด้วย อาคิระเอาแต่สั่นหัว แล้วก็พูดแต่ว่า “ม่าย........มะเอา.......ม่ายเอาอ่ะ”
“อะ..อาคิระ! ....ไปพูดกับเขา”
‘โกรธไรอยู่เปล่าเนี่ย’ ฮายาโตะคิด
อาคิระกำลังจะอ้าปากตอบ แต่สายตาที่โนบุตะมองมาทำให้เขาต้องหุบปาก แล้วก็พยักหน้าแทน จากนั้นอาคิระก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาทางที่ฮายาโตะนั่งอยู่
“.....เอ่อ...ยาบุกิคุง โนบุตะบอกว่า ชั้นควรจะมาพูดกับนาย แล้วก็ทำความรู้จักกับนาย งั้น..ชั้นเรียกนายว่าฮายาโตะได้มั้ย”
“ดะ...ได้ นายเรียกชั้นว่าฮายาโตะก็ได้” ฮายาโตะค่อนข้างแปลกใจ
‘ทำไมถึงได้เชื่อฟังผู้หญิงคนนี้จังนะ’ ฮายาโตะไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
อาคิระพยักหย้าให้ฮายาโตะเล็กน้อย แล้วก็พูดต่อ “โนบุตะอยากรู้เรื่องนาย นายจะ..จะไปคุยกับเธอ...กับพวกเราได้มั้ย"
ฮายาโตะพยักหน้า ยังงงๆ อยู่ว่าทำไมโนบูตะถึงมีอิทธิพลกับอาคิระมากขนาดนี้ โนบุตะถามเขาหลายเรื่องที่เดียว เขาคิดว่าเธอคงเป็นห่วงเพื่อนของเธอ ก็ใครจะไม่ห่วงล่ะ ตอนฮายาโตะรับงานนี้เขาได้ฟังประวัติสั้นๆ ของคนที่เขาต้องคุ้มครองมา อาคิระ อายุ 21 ปี เคยถูกลักพาด้วยมาแล้ว 2 ครั้ง และยังมีการพยายามลักพาตัวอาคิระอีกหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ มันดูเหมือนว่าจะหยุดตอนที่อาคิระเข้าม.ปลาย แต่มันกลับเริ่มขึ้นอีกเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ก่อนที่คุซาโนะซังจะแนะนำให้ฮายาโตะรู้จักกับอาคิระ เขาพูดกับฮายาโตะว่า “อาคิระเป็นลูกคนเดียวของชั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลกสำหรับชั้น ชั้นยอมทำได้ทกอย่างเพียงแค่ให้ลูกชายชั้นยิ้ม เพราะอย่างนั้น ยาบุกิคุง ตอนนี้ชั้นฝากอาคิระไว้ในมือเธอแล้ว ดูแลเขาให้ดีนะ”
ฮายาโตะต้องยอมรับว่า เขารู้สึกกดดันมากเหมือนกันเมื่อได้ยิน แต่นั่นมันยิ่งทำให้เขาเห็นถึงความสำคัญของงานของเขาต่อคนอื่น ตอนนี้เขามีหน้าที่ดูแลชีวิตของลูกที่พ่อแม่รักมาก เขาได้รับความไว้วางใจให้รับความรับผิดชอบขนาดนี้ ถ้าเขาพลาด ไม่ใช่แค่ว่าเขาอาจจะต้องเสียงานนี้ไป แต่มันหมายถึงว่า ใครบางคนอาจสูญเสียคนที่พวกเขารักไป
แต่งานนี้คงจะเป็นไปไม่ได้เลยใช่มั้ย ถ้าอาคิระไม่ให้ความร่วมมือกับเขา ฮายาโตะคิดว่า เขาคงต้องขอบคุณโนบุตะซะแล้วซิ หลังจากวันนั้น อาคิระก็ยอมเปิดใจกับเขามากขึ้น แต่ก็ยังเกาะติดคิริทานิอยู่ดี
มีอยู่วันนึง อาคิระบอกว่าไม่มีอะไรจะทำ และคิริทานิก็ไม่สนใจเขาอีกแล้ว ฮายาโตะก็เลยตัดสินใจพาเจ้าตัวไปเที่ยวทะเล ถึงแม้ว่าในเวลาแบบนี้ของปี คนจะไม่ค่อยไปกันก็เถอะ เพราะว่าลมแรงขึ้นและอากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ แต่วิวที่นั่นมันสวยนะ
การขับรถไปคานากาวะมีแต่ความเงียบ ก็อาคิระเอาแต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่างตลอดเวลา แต่พอพวกเขาไปถึงท่าเรือที่จะข้าม Tokyo Bay หน้าของอาคิระก็ดูสดใสขึ้น ดูเหมือว่าเจ้าตัวจะชอบทะเลแฮะ
เรือข้ามฟากใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็มาถึงฝั่งจิบะ ลมค่อนข้างแรงมากแต่มันก็รู้สึกสดชื่นดี พวกเขามองเห็นภูเขาไปฟูจิด้วย รู้สึกแปลกดีเหมือนกันที่มองจากทะเลแบบนี้ [เหมือนใน ctkt ตอนที่ 54-55 อ่ะค่ะ]
พวกเขาเดินเล่นกันในคานายะ แล้วจากนั้นนั่งรถเคเบิ้นขึ้นไปบนภูเขาโนโคกิริ ที่บนยอดเขานั่นวิวสวยมากๆ สามารถมองเห็นทั้งวิวของจิบะ, โตเกียว, ภูเขาฟูจิ และก็โยโกฮามาได้จากที่ๆ ยื่นอยู่
แล้วก็เป็นวันนั้นด้วยเช่นกันที่ฮายาโตะเห็นอาคิระยิ้มเป็นครั้งแรก มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นอาคิระยิ้มมาก่อนหรอกนะ อาคิระยิ้ม แต่ไม่เคยยิ้มให้เขา วันนั้นมันเป็นครั้งแรกต่างหากที่เขาเห็นอาคิระยิ้มให้เขา และตั้งแต่นั้นมา ฮายาโตะก็เริ่มสังเกตรอยยิ้มของอาคิระ วิธีที่อาคิระยิ้ม คนรอบตัวอาคิระส่วนใหญ่ (อย่างเพื่อนที่มหาวิทยาลัย, คนที่ทำงานของคุซาโนะซัง) จะได้รอยยิ้มแบบเดียวกันทุกคน ยกเว้นแค่คนเดียว คิริทานิ ชูจิ ยิ้มที่อาคิระให้คิริทานิมันต่างออกไป มันเป็นรอยยิ้มที่มีให้แค่คิริทานิคนเดียว ยังไงไม่รู้ แต่ฮายาโตะเริ่มสงสัยว่า มันจะรู้สึกยังไงนะ ถ้าอาคิระยิ้มแบบนั้นให้กัยเขาบ้าง
หลังจาก 3 เดือน ฮายาโตะสรุปได้ว่า อาคิระถูกตามใจจนเสียนิสัย(จากทั้งพ่อและเพื่อนสนิท)จริง และนิสัยออกจะประหลาดเอามากๆ แต่บางครั้ง แค่บางครั้งเท่านั้นที่อาคิระดูน่ารักและอินโนเซนส์
‘นี่เราเป็นอะไรของเราเนี่ย?’
ฮายาโตะรู้ว่าสัญญาของเขามีอายุอยู่ถึงแค่หลังจากอาคิระเรียนจบไม่นาน แต่เขารู้สึกว่า เขาอยากให้สัญญามีอายุนานกว่านี้อีกซักนิด เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับอาคิระนานขึ้นอีกหน่อย และจะได้รู้จักอาคิระมาขึ้นด้วย
.
.
.
TBC
ความคิดเห็น