ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic; GokusenxNwP]It could be better, but it’s good enough.

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 (Thai Version)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 79
      0
      17 ต.ค. 53

    มันเป็นเช้าวันเสาร์ธรรมดาๆ วันหนึ่ง  แต่ออกจะเงียบสงบกว่าปกติไปซักนิดก็เพราะอาคิระยังไม่ตื่นนี่แหละ  ชูจิกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวสำหรับ 3 ที่ ใช่ 3 ที่ แต่คนที่ 3 เนี่ยไม่ใช่โนบุตะหรอก  แต่เป็นคนที่พ่อของอาคิระส่งมาให้อยู่กับพวกเขา ไม่ใช่พวกเขาสิ แต่เป็นอาคิระคนเดียวต่างหาก

     

    การเป็นลูกของหนึ่งในบันดาคนที่รวยที่สุดในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อาคิระกลับทำเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  การลักพาตัวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับตระกูลคุซาโนะเลย  แต่ว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้ มีคนพยายามลักพาตัวอาคิระถึง 3 ครั้ง  ชูจิคิดว่านั่นทำให้ความอดทนของคุซาโนะซังหมดลง เพราะว่าวันหลังจากวันที่อาคิระกลับมาพร้อมกับแผลเต็มตัว และเจ้าตัวบ่นกับชูจิว่า มีคนแปลกๆพยายามไล่จับเขา เช้าวันรุ่งขึ้น ชูจิก็เปิดประตูห้อง penthouse (ของขวัญวันเกิดอายุครบ 20 ของอาคิระจากคุซาโนะซัง) ของพวกเขาออกไป ชูจิก็เห็น ผู้ชายหัวโล้นตัวใหญ่ท่าทางน่ากลัว 2 คนยื่นอยู่ข้างหลังคุซาโนะซัง  2 คนนั้นเป็นบอดี้การ์ด

     

    คุซาโนะซังอยากให้อาคิระมีบอด้การ์ดอยู่ด้วยตลอดเวลา  แต่อาคิระปฏิเสธ บอกว่าไม่อยากให้มีคนหน้าตาน่ากลัวๆ แบบนี้มาอยู่ใกล้ๆ เขาดูแลตัวเองได้ และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอก  แต่คุซาโนะซังสวนกลับมาว่า คราวที่แล้วที่เกือบจะหนีแทบไม่รอด แถมยังแขนเกือบหัก ข้อเท้าแผลงอีก เนี่ยนะไม่นะไร  พ่อลูกเถียงกันอยู่นานเป็นชั่วโมงๆ แล้วสุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่า อาคิระจะยอมตามใจพ่อให้มีบอดี้การ์ดมาอยู่ด้วยก็ได้ แต่ต้องมีแค่คนเดียว และจะต้องไม่หน้าตาน่ากลัวเหมือนยากุซาอย่าง 2 คนที่พ่อเขาพามาด้วยในวันนี้

     

    ในความคิดของชูจิ ถึงอาคิระจะไม่ใช้เด็กแล้ว ดูแลตัวเองได้ แถมยังพังก้อนอิฐได้ด้วยมือเปล่า แต่ว่าพวกลักพาตัวไม่ใช่ก้อนอิฐนี่  อย่างน้อยอาคิระก็น่าจะมีใครอยู่คอช่วย  แต่ตัวชูจิเองก็อยู่กับอาคิระไม่ได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การมีบอดี้การ์ดก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

     

    เพราะงั้น ตอนนี้พวกเขาก็เลยมีบอดี้การ์ดของอาคิระมาอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน  พูดถึงก็มาพอดี ชูจิได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิดออก จึงหันไปมอง ก็เห็นคุณบอดี้การ์ดคนที่ว่าเดินออกมาจากของอาคิระ  เอ๊ะ..เดี๋ยวนะ! แล้วเขาเข้าไปทำอะไรในห้องนอนของอาคิระล่ะ?

     

    “อรุณสวัสดิ์ คนหน้าเหมือนเพื่อนชั้น เช้านี้เรามีอะไรกินกันหล่ะ”

     

    หมอนี่ บอดี้การ์ดของอาคิระ ชื่อ ยาบุกิ ฮายาโตะ อายุ 22 ตามประวัติ เขาเคยเป็นเด็กเกเรสมัยเรียนม.ปลาย เกือบจะเรียนไม่จบแล้วด้วยซ้ำ  หลังเรียนจบก็ลอยไปลอยมาอยู่ 6 เดือน ก่อนจะมาทำงานที่บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งนี้ คุซาโนะซังคิดว่าฮายาโตะน่าจะเหมาะกับข้อกำหนดที่อาคิระบอกมา เพราะฮายาโตะหน้าตาก็ไม่ได้ดูน่ากลัว แล้วยังอายุใกล้เคียงกับอาคิระอีก น่าจะเข้ากันได้

     

    ที่แรก อาคิระออกจะกลัวๆ ฮายาโตะอยู่เหมือนกัน  อาคิระจะคอยเกาะติด แล้วก็หลบอยู่ข้างหลังชูจิตลอดเวลาที่ฮายาโตะอยู่ด้วย ซึ่งมันก็คือตลอดเวลา (-_-“)  แต่นั่นมันเมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนนี้อาคิระตัดสินใจแล้วว่าเชื่อในฮายาโตะได้ ก็เลยเลิกใช้ชูจิเป็นโล่แล้ว

     

    แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชูจิจะชอบบอดี้การ์ดคนนี้ไปด้วย  ฮายาโตะน่ะ ทั้งเสียงดัง น่ารำคาญ แล้วก็ฉลาดน้อยอีกต่างหาก  ชูจิไม่ค่อนจะเข้าใจเท่าไหร่นักว่า ทำไมคุซาโนะซังถึงได้เลือกฮายาโตะมาทำหน้าที่คุ้มครองอาคิระ  ถ้าเปรียบว่าอาคิระเหมือนเด็ก 5 ขวบแล้วล่ะก็ ฮายาโตะก็คง 8 ขวบได้มั้ง

     

    แล้วก็มาอีกแล้ว ไอ้คนหน้าเหมือนเพื่อนชั้นเนี่ย เป็นอะไรที่ชูจิรำคาญมาก  เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนยาบุกิลากเขากับอาคิระไปเจอเพื่อนคนนี้ โอดางิริ ริว มันก็ใช่อ่ะนะที่เขาหน้าเหมือนกันเปี้ยบ (ทันทีที่ชูจิเห้หน้าโอดางิริ ชูจิแทบจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรถามพ่อเขาว่า เขามีพี่ชายที่หายไปบ้างไหม) แต่นั่นก็ไม่ได้ทพให้ยาบุกิมีสิทธิที่จะเรียกเขาแบบนั้น

     

    “เลิกเรียกชั้นแบบนั้นซะที  แล้วทำไมนายถึงได้ไปอยู่ในห้องอาคิระได้หล่ะ” ชูจิถาม

     

    “ก็ไปนอนในนั้นดิ ถามได้”

     

    “นายมีห้องของนายเองนิ  ทำไมไม่ไปนอนในนั้นล่ะ?”

     

    “ก็คืองี้ เมื่อวานหลังจากกลับจากออฟฟิศของคุซาโนะซัง อาคิระเกิดอยากดูหนังขึ้นมา เราก็เลยไปดูหนังกัน หนังสยองขวัญน่ะ แล้วอาคิระก็เลยกลัว แต่ว่าพอเรากลับถึงบ้าน นายก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว อาคิระไม่อยากกวนนายแต่ก็ไม่อยากนอนคนเดียว ก็เลยขอให้ชั้นไปนอนด้วย ไม่ดิ ลากชั้นไปนอนด้วย......แต่แหม เพื่อนนายเนี่ย ชอบกอดจังนะ กอดชั้นไม่ยอมปล่อยเลย.........อย่ามองชั้นด้วยสายตาอย่างงั้นดิ  ชั้น..ยัง..ไม่ได้ทำอะไรเพื่อนนายซะหน่อย” ยาบุกิตอยด้วยน้ำเสียงล้อๆ

     

    ชูจิถลึงตาใส่ก่อนจะถามว่า “แล้วอาคิระยังนอนอยู่หรอ”

     

    แต่ก่อนที่ยาบุกิจะได้ตอบ ชูจิก็ยกมือขึ้นห้าม “เดี๋ยว ไม่ต้องตอบ ชั้นจะไปปลุกอาคิระเอง” พูดจบก็เดินไปที่ห้องนอนของอาคิระ

     

    “นายไม่ต้องถึงกับไปเช็คอาคิระด้วยตัวเองหรอกน่า  ชั้นรับรองได้ว่ายังไม่มีอะไรบุบสลายแน่นอน คุณแม่” ยาบุกิตะโกนไล่หลังชูจิมา

     

    ชูจิหันไปเคี้ยงค้อนให้ยาบุกิหนึ่งที ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องอาคิระไป

     

    ภายในห้องนั้นยังมืดอยู่ และดูเหมือนจะมีก้อนกลมๆ อะไรบางอย่างอยู่บนเตียง  ชูจิเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างส่องเข้ามา แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ดึงผ้าห่มลง ทำให้เห็นอาคิระที่กำลังหลับอยู่

     

    “อาคิระ...อาคิระ...ตืนได้แล้ว”

     

    “.........อื้มมม....หือ.....ชูจิ?.....เช้าแล้วเหรอ....”

     

    “..อืม..ตืนได้แล้ว อาหารเช้าเสร็จแล้วด้วย  นายคงไม่อยากไปพบพ่อสายใช่ไหม”

     

    ช่วงนี้ คุซาโนะซังเรียกให้อาคิระไปหาที่บริษัทบ่อยๆ เพราะอยากให้อาคิระเรียนรู้งาน  และก็แน่นอนว่า อาคิระไม่ค่อยเต็มใจจะไปซักเท่าไหร่

     

    อาคิระพยักหน้า แล้วก็หาวอยู่หลายทีก่อนจะลุกจากเตียง เดินตามชูจิออกจากห้องนอนไป

     

    “อาคิระ......เอานี่ไปไว้บนโต๊ะให้หน่อย” เสียงชูจิร้องเรียกจากในครัว

     

    “....คร้าบ....” อาคิระร้องตอบทั้งทียังง่วงนอนไม่หาย

     

    “..ชูจิ.. ‘mamechichi’ ของชั้นไปไหนอ่ะ...”

     

    แต่ก่อนที่ชูจิจะได้ตอบอะไร ยาบุกิก็ขัดขึ้นก่อน

     

    “เลิกเรียกว่า ‘mamechichi’ ซะทีเหอะ  มันคือ ‘Tounyuu’ ” [A/N: น้ำเต้าหู้]

     

    “มันเรียกว่า ‘mamechichi’........ใช่ไหม ชูจิ”

     

    “Tounyuu”

     

    “Mamechichi”

     

    “TOUNYUU”

     

    “MAMECHICHI”

     

    ชูจิถอนหายใจ เอาอีกแล้ว  ไม่ใช่ว่ามัน 2 คนเพิ่งจะนอนเตียงเดียวกันมาเมื่อคืนรึไงเนี่ย เถียงกันอีกแล้ว

     

    “ปล่อยอาคิระเรียกตามใจไปเถอะ ยาบุกิ,  พยายามเปลี่ยนไปมันก็ไม่มีประโยชน์” ชูจิพยายามทำให้ 2 คนเลิกเถียงกัน “แล้วก็นี่ mamechichi ของนาย อาคิระ”

     

    “ขอบในนะ ชูจิคุง”  อาคิระยิ้มหวานให้ชูจิหนึ่งที แล้วหันไปแลบลิ้นให้ยาบุกิ  ก่อนจะดื่มน้ำเต้าหู้ของตัวเองต่อไป

     

    “นายตามใจอาคิระมากไปแล้วนะ คิรินานิคุง~”

     

    ชูจิไม่สนใจ แค่ถอนหายใจ แล้วก็กินข้าวเช้าต่อไป  จนอาคิระพูดขึ้นว่า

     

    “ชูจิ ชั้นลืมบอกนายไปแหละว่า วันนี้นายต้องไปหาพ่อที่บริษัทกับชั้นด้วย พ่อบอกว่าอยากเจอนาย”

     

    หลังจากฝึกงานที่บริษัทของพ่ออาคิระเมื่อช่วงปิดฤดูร้อนที่ผ่านมา คุซาโนะซังก็อย่างให้ชูจิมาทำงาที่บริษัทด้วยหลังจากเรียนจบ  และก็แน่นอนว่าจะให้ขูจิคอช่วยอาคิระทำงานด้วย  ถึงตอนนี้ชูจิรู้สึกตัวแล้วว่า คงต้องติดแง็กอยู่กับอาคิระไปจนชั่วชีวิตแล้วหล่ะ

     

    “ทำไมนายไม่บอกชั้นก่อนหน้านี้ล่ะ”

     

    “ก็ชั้นลืมนี่ ชูจิคุง  แล้วนายก้มั่วแต่งยุ่งๆ กับรายงานอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด  แถมยังไม่ค่อยสนใจจะฟังชั้นเลย” อาคิระพูด ทำปากยื่น หน้างออีกเล็กน้อยด้วย

     

    “นายเองก็ควรจะยุ่งเหมือนกันนะอาคิระ ก้นายน่ะเรียนเหมือนชั้นทุกวิชาเลย  แล้วก็นะ ยาบุกิ ฮายาโตะคุง กรุณาเลิกพาอาคิระไปที่ไหนก็ตามที่นายพาเขาไปนอกจากที่มหาลัยกับบริษัทพ่ออาคิระ  นี่มันเทอมสุดท้ายแล้วนะ อาคิระกำลังจะเรียนจบเดือนมีนานี้ อาคิระต้องเรียนจบเดือนมีนานี้”

     

    “นายไม่ใช่เจ้านายชั้นนะ ชูจิคุง  แล้วอีกอย่าง มันก็เป้นตัวอาคิระเองด้วยที่บอกว่าเบื่อ  ชั้นก็เลยต้องหาอะไรให้ทำ”

     

    “ใช่ ชั้นไม่ใช่เจ้านายนายก็จริง แต่พ่อของอาคิระใช่  แล้วชั้นก็ไม่คิดว่าเขาจะชอบใจนักหรอกนะที่นายพาลูกชายเขาไปตะลอนๆ ในที่แปลกๆ แทนที่จะตั้งใจเรียนน่ะ”

     

    “แต่ชูจิคุง ชั้นเป็นคนบอกให้เขาพาไปเองนะ ก็ชั้นเบื่อ แล้วนายก็ไม่สนใจชั้นด้วยนี่”

     

    “.....โอเคๆ...ชั้นขอโทษ  แต่นายต้องเรียนนะอาคิระ ไม่งั้นนายจะไม่จบ...”

     

    อาคิระพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มในนัก แล้วก็หันกลับไปกินข้าวต่อ

     

    “นายนี่มีแฟน(boyfriend)ที่ดีจริงๆ เลยนะ อาคิระคุง! แฟน(boyfriend)นายช่างใส่ใจในตัวนาย แล้วก็อนาคตของนายจริงๆ นะ” ยาบุกิแซว

     

    “เลิกพูดอะไรแบบนี้ซะทีเถอะ ชั้นไม่ใช่ทั้งแม่แล้วก็แฟน(boyfriend)ของอาคิระนะ” ตอนนี้ชูจิกำลังโมโหสุดๆ

     

    “โว่...ใจเย็น ชั้นแค่ล้อเล่น”

     

    “ชูจิ แต่นายเป็นเพื่อนผู้ชาย(boy friend)ของชั้นนะ ทำไมนายถึงบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”

     

    ชั้นเป้นเพื่อนนายนะ อาคิระ ไม่ใช่แฟน(boyfriend)นาย”

     

    “นายเป็นเพื่อนผู้ชาย(boy friend)ของชั้น แล้วโนบุตะก็เป็นเพื่อนผู้หญิง(girl friend)ของชั้น พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมนายต้องปฏิเสธด้วย!”

     

    ชูจิได้แต่ถอนหายใจ เถียงกับอาคิระตั้งแต่เข้าแบบนี้ เนี่ยเหนื่อยชมัดเลย

     

    “เอาเหอะ รีบๆ กินเข้า เดี๋ยวก็สายหรอก”

    .

    .

    .

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×