คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Darkness Queen : Episode 1 (100%)
1
แสงแดดอ่อนยอมเช้าสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณของ ‘เอ็นชานเทรส’ ไฮสคูลชื่อดังระดับโลกใจกลางยุโรป ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญของยุโรปในตอนนี้ จึงไม่แปลกที่นักเรียนชายหญิงทั้งหลายที่เดินขวักไขว่กันตามท้องถนนจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันในสังคมไฮโซ เพราะบรรดาเศรษฐีคนดังมีเงินทั้งหลายต่างส่งลูกหลานตัวเองมาเรียนที่นี่เพื่อเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลตัวเอง
แต่หารู้ไม่ว่าคุณเองอาจจะส่งลูกหลานตัวเองมาตกต่ำ!
ใบหน้านักเรียนแต่ละคนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างก็มีใบหน้าอมทุกข์ เพราะอะไรคุณรู้ไหม? เพราะพวกเขาไม่เคยลำบากยังไงล่ะ
ไม่ว่าใครก็ตามที่ย่างก้าวเข้ามาเรียนที่เอ็นชานเทรสโดยไม่เคยได้รับจดหมายเชิญจากที่นี่คนๆ จะไม่มีทางได้เชิดหน้าชูคอในไฮสคูลแห่งนี้! พวกเขาจะเป็นแค่ ‘ชนชั้นคอมมอนต์’
ผิดกับนักเรียนที่ได้รับจดหมายเชิญจากทางไฮสคูลพวกเขาจะถูกยกให้เป็น ‘ชนชั้นรอยัล’ ถือเป็นนักเรียนที่มีความสามารถมากกว่านักเรียนธรรมดาทั่วไป และจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย โดยจะมีลำดับตำแหน่งแสดงอำนาจของรอยัลแต่ละคน นักเรียนที่มีอำนาจสูงสุดจะเป็นผู้ปกครองดูแลเอ็นชานเทรสทั้งห้าเขต ได้แก่
เนเวอร์แลนด์
ไวน์เนอร์รี่
เอเวนเนีย
สวอนเลค
และคริสตัลแคปปิตอล
สงสัยแล้วล่ะสิว่าตำแหน่งสูงสุดของเอ็นชานเทรสคืออะไร? ตำแหน่งที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึงอย่าง ‘จักรพรรดิ’ หรือ ‘เอ็มเพอเรอร์’ ไงล่ะ
ถ้าเสิร์ชเรื่องราชวงศ์ของยุโรปในวิกิพีเดียแล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าตำแหน่งสูงสุดในยุโรปคือ ‘จักรพรรดิ’ และ ‘จักรพรรดินี’ และตำแหน่งอื่นๆ ก็ไล่ลงไปเรื่อยๆ แล้วแต่ใครจะได้จดหมายให้เข้ารับตำแหน่งอะไร แต่คุณมีสิทธิปฏิเสธตำแหน่งได้นะ!
ขอบอกคุณไว้คงมีแต่คนคิดว่าคุณ ‘โง่’ ถ้าคิดปฏิเสธคำเชิญจากเอ็นชานเทรส แต่ถ้าคุณไม่ปฏิเสธ! บอกได้เลยว่าคุณไม่เคยเลือกอะไรถูกเท่านี้ในชีวิตของคุณแล้ว!!!
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดประทุนสุดหรูสีขาวสะอาดผ่านประตูทางเข้า ‘เอ็นชานเทรส ไฮสคูล’ ไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนชายและหญิงที่เดินอยู่ตามท้องถนนในยามเช้าของวันนี้คงไม่มีใครไม่ชะเง้อมองเจ้าของรถที่นั่งอยู่ แต่คงไม่สามารถมองหน้าเขาชัดๆ ได้เพราะความเร็วที่เขาขับมันเหยียบร้อยเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มผู้เป็นเป้าสายตานักเรียนมากมายนับตั้งแต่หน้าประตูไฮสคูลไม่ได้สนใจป้ายกำหนดความเร็วในไฮสคูลที่ขับได้ไม่เกินแปดสิบเลยแม้แต่น้อย เขาตีหน้านิ่งเฉยเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีชาของเขาเหลือบไปมองตึกสีขาวสไตล์กรีกโบราณ ตึกอำนวยการใหญ่ของไฮสคูล ซึ่งเป็นจุดหมายที่แรกของเขาในวันนี้
รถหรูลดความเร็วลงจอดเทียบฟุตบาทหน้าตึกบัญชาการจนสนิท สายตาอาจารย์ที่เดินเข้าออกตึกอำนวยการรวมทั้งนักเรียนที่เดินเพ่นพ่านไปมาต่างหยุดมองร่างสูงในชุดนักเรียนสูทสีดำที่ก้าวลงจากรถเปิดประทุน นักเรียนหญิงหลายๆ คนแทบทรุดลงไปกับพื้นเมื่อเห็นใบหน้าของเขา แม้แว่นกันแดดสีชาจะปิดบังหน้าเสี้ยวหนึ่งของเขาแต่ก็ไม่สามารถกลบออร่าความหล่อแรงของเขาได้ อาจารย์สาวๆ หลายคนแอบใจเต้นกับนักเรียนผู้มาเยือนคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อร่างสูงถอดแว่นกันแดดสีชาออก ก่อนจะเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปรกหน้าตัวเองขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียนใสที่แม้แต่ผู้หญิงยังอาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีบางบางสวย และนัยน์ตาสีเฮเซลนัทที่ฆ่าผู้หญิงทั้งร้อยได้โดยแค่เพียงสบตา แค่เพียงเขาย่างก้าวลงจากรถหรูความแรงของเขาก็แทบจะฉุดไม่อยู่ ดาราดังคนไหนคิดมาเทียบรัศมีเขาในตอนนี้ก็คงต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เพราะผู้หญิงทุกคนในบริเวณนี้เทใจให้เขาหมดแล้ว!
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแสดงความพอใจกับผลตอบรับรอบตัว แต่เขาคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั่นทำให้ผู้หญิงนับสิบเหมือนถูกฆ่าตายซ้ำสอง!
ทุกคนยอมรับว่ารอยยิ้มเพียงเล็กน้อยของเขาสามารถฆ่าตนให้ตายทั้งเป็นได้
ตอนนี้เหมือนเขากำลังจะนึกได้ว่าจุดหมายของเขาตอนนี้คือตึกบัญชาการ ไม่ใช่เวลามาโปรยเสน่ห์อันร้ายกาจของเขาเล่น ร่างสูงจึงรีบเดินเข้าไปในตึกบัญชาการโดยผ่านหน้านักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง เพียงแค่ลมเบาๆ ตอนที่เขาเดินผ่านหน้าพวกเธอไป กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขาทำพวกเธอใจเต้นไม่เป็นส่ำเป็นส่าย พวกเธอแอบนึกดีใจที่เขาใส่ ‘สูทสีดำ’ อยู่
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็น ‘ชนชั้นคอมมอนต์’ เหมือนๆ กับพวกเธอ!
เมื่อร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถงของตึกบัญชาการ สายตาเขาก็กวาดมองไปรอบๆ จนเขาสังเกตเห็นป้ายที่ห้อยไว้หน้าห้องห้องหนึ่ง
ห้องผู้อำนวยการ
ร่างสูงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปที่ห้องนั้นทันทีที่เห็น โดยเขาไม่คิดจะฟังคำทักท้วงของเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องผู้อำนวยการ เมื่อบานประตูเปิดเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือชายร่างแก่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารอยู่ ชายชราเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเบิกตากว้างและมอง ‘ผู้มาเยือน’ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเริ่มเอ่ยทักทายเขาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“อรุณสวัสดิ์ครับ
คุณแวร์ซายส์ ^^” ชายชราที่มีใบหน้าอบอุ่นส่งยิ้มทักทายเขา การต้อนรับแบบอบอุ่นทำให้ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เขาเช่นกัน
“อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ
ท่านผู้อำนวยการอัลเบิร์ต ยินดีที่ได้พบท่าน” ชายหนุ่มร่างยื่นมือขึ้นเช็คแฮนด์กับผู้อำนวยการแห่งเอ็นชานเทรสตามมารยาท
“ยินดีที่ได้พบเช่นกันครับ
แต่ว่าคุณแวร์ซายส์ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้มาล่ะ” ชายชราถามพร้อมกับกรอกสายตาลงสำรวจเสื้อผ้าของเขาที่เป็นชุดนักเรียนสูทสีดำ เขาเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะตอบคำถามของชายชรา
“ผมแค่อยากจะลองสำรวจที่นี่ดูก่อน
และอยากจะดูนิสัยใจคอ ‘เธอ’ ดูก่อน เรื่องแบบนี้ผมทำใจยาก” เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ชายชราเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
“ถ้านั่นเป็นความต้องการของคุณ
ผมก็คงไม่อาจจะห้ามปรามอะไร แต่อย่าลืมว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณหวังจะให้คุณเรียนที่นี่นะครับ หวังว่าคุณคงเข้าใจที่ผมพูด ^^” ชายชรายกยิ้มมุมปาก
เขาเห็นชัดๆ ว่าเป็นการบังคับให้เรียนทางอ้อม!
“แล้วอีกอย่างหนึ่งคุณคงไม่ลืมนะครับว่า
”
“รู้แล้ว
ผมรู้แล้วไม่ต้องย้ำก็ได้ครับ -_-” เขารู้สึกหงุดหงิดที่ตาแก่จอมเจ้าเล่ห์ตรงหน้ากำลังจะเอ่ยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องออกมา
“คุณอาจจะอยากเจอหน้าเธอ ผมแนะนำให้คุณไปหาเธอได้ที่คฤหาสน์คริสตัล ^^” ตาแก่ยิ้ม
“กลัวว่าเห็นหน้าแล้วจะทำใจยากน่ะสิ
ใครๆ ก็พูดกกันว่า ‘เธอ’ ฉลาดเป็นกรดแต่นิสัยแย่เป็นที่หนึ่ง”
“คุณได้ยินแค่คำล่ำลือด้านลบ คำร่ำลือด้านดีของเธอ
คุณคงจะต้องค้นหาด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ :)” ชายแก่ยิ้มกว้างแต่มันกลับดูแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง
“ผมหวังว่าจะหามันพบนะครับ
ด้านดีของเธอน่ะ”
@Crystal castle
ร่างบางในชุดนักเรียนคอปกกะลาสีสีขาวขอบสีดำ ส่วนชุดกระโปรงยาวเท่าเข่าเป็นสีขาว ที่คอผูกเนกไทสีขาวปลายเนกไทมีขอบสีดำ ที่แขนเสื้อและขอบกระโปรงมีแถบสีดำอยู่ ผมบลอนด์สีทองเป็นประกายปลิวไปตมแรงลมเบาๆ ที่พัดเข้ามาจากทางประตูระเบียงที่เปิดไว้ แสงแดดอ่อนยิ่งทำให้ผมของเธอดูส่องสว่างอย่างน่าอัศจรรย์จนชายหลายๆ คนอาจเคลิ้มฝันไปว่าเธอเป็นเจ้าหญิงผมยาวราพันเซล แต่ เธอเป็นยิ่งกว่าเจ้าหญิง!
เพราะเธออยู่ในฐานะ
เอ็มเพรส
จักรพรรดินีแห่งเอ็นชานเทรส!
ตำแหน่งสูงสุดของเอ็นชานเทรสตอนนี้ก็คือ
เอ็มเพรส เธอถือเป็นนักเรียนที่มีความสามารถรอบด้านเพียบพร้อมไปหมดทุกด้าน ความรับผิดชอบสูงกว่าทุกๆ คน ทำให้เธอได้เข้าเรียนในตำแหน่งเอ็มเพรส
ในเอ็นชานเทรสจะไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ไปกว่าเธออีกแล้ว
ไม่มีจริงๆ
มือเรียวสวยยิ้มบางๆ หลังจากภาพสามสาวที่ปรากฏในไอแพดปิดลง เธอค่อยๆ เก็บมันลงในกระเป๋าสะพายยี่ห้อหลุยส์ วิตตองใบสวยของเธอ เธอรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ กับประโยคที่เพื่อนๆ เธอพูดออกมา
‘ทั้งฉัน โมนาร์ช และเรน่า คุยกันไว้แล้วว่าเรายกเขาให้เธอ
’
อยากให้พวกเธอบอกเร็วกว่านี้ ตอนที่ฉันยังมีโอกาส
ไม่สิ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้เขามาตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเราก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆ
เอ็มเพรส โมนาร์ช และเรน่า ฉันไม่กล้าบอกพวกเธอหรอกนะว่าฉัน
คงดูแลเขาไม่ได้
ร่างบางนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไอชาในถ้วยกระเบื้องตรงหน้าลอยขึ้นและส่งกลิ่นหอมของดอกกุหลาบสมกับที่เป็นชากุหลาบรสเยี่ยมที่เธอโปรดปราน
เธอชอบที่จะนั่งในที่สงบๆ แล้วใช้ความคิดในยามว่าง โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ เวลาโปรดเธอเลย
ถ้าไม่มีคนมาป่วนน่ะนะ
“เฮ้~ เดลฟีนเธอยังไม่ไปเข้าคลาสอีกเหรอ” เสียงทุ้มของ ‘แมธธิว’ ดังขั้นหลังจากที่เขาเห็นเธอที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือคนเดียวโดยที่ปิดประตูไม่สนิท
ฉันหันไปมองต้นเสียง
นึกว่าใครที่แท้ก็แมธธิวนี่เอง -_-^ เวลาว่างตอนเช้าอันมีค่าของฉันต้องเสียไปกับการที่แมธธิวเข้ามาชวนคุยอีกแล้ว ถ้าไม่เห็นว่ามีตำแหน่ง ‘แกรนด์ดยุค’ ผู้มีอำนาจอันดับสามของโรงเรียนห้อยคออยู่ฉันจะไม่เสียเวลาเสวนาด้วยเลยสักนิด เสียเวลา!
“ถ้าฉันยังไม่ไปแล้วมันหนักหัวนายหรือไงแมธธิว -_-” ฉันตอบแมธธิวไปเบาๆ แต่วาจากลับเชือดเฉือนสิ้นดี ก็มันเสียเวลาใช้ความคิดฉันนี่นา หงุดหงิดๆ -_-^
“มันก็ไม่ได้หนักหัวอะไรฉันหรอกแค่ไม่อยากให้เธอตกจากบัลลังก์เพราะไม่มีความรู้ที่จะดูแลเอ็นชานเทรส ฉันอุตส่าห์บอกด้วยความหวังดี อย่าพูดเชือดเฉือนกันดิ ไม่น่ารักเลย -_-;” แมธธิวพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“ฉันก็ไม่ได้อยากน่ารักนี่นา ถ้าน่ารักแต่ไร้สมองฉันก็ไม่ขอเป็นผู้หญิงแล้ว ถ้านายเป็นผู้หญิงนายลองเลือกดูว่าระหว่าง ‘น่ารักแต่โง่’ กับ ‘ไม่น่ารักแต่ฉลาด’ นายจะเลือกอะไร -_-” ใบหน้าเย็นชาของฉันทำแมธธิวต้องกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสราวกับน้ำทะเลหากแต่ติดเย็นชามากเกินไปลากมามองแมธธิวอย่างคาดคั้น ตอนนี้แมธธิวคงไม่มีทางเลือกที่จะต้องตอบ
“ฉันก็ต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว เพราะคนอย่างฉันคงไม่ยอมโง่หรอก -_-;” แมธธิวรู้ดีว่าถ้าเขาเลือกคำตอบไม่ตรงใจเดลฟีน เขาคงออกจากห้องหนังสือไม่ครบสามสิบสองแน่!
“ตอบได้ดีนี่นา นายยังพอมีสมองอยู่บ้าง -_-”
“โห~ แสดงว่าเธอไม่เคยเห็นฉันมีสมองเลยเหรอเดลฟีน T_T” ตามมารยาทแล้วฉันควรจะตอบว่า ‘ไม่หรอก นายออกจะอัจฉริยะ’ อะไรประมาณนี้พร้อมกับฉีกยิ้มหวานแสนใสซื่อสไตล์นางเอก เฮอะ! ขอร้องฉันไม่ใช่นางเอก -_- ที่จะทำตัวไร้สาระอย่างนั้น ฉันแค่พูดตามความจริง!
และไม่ถนอมน้ำใจ!!!
“ใช่ ฉันคิดว่านายโคตรทำตัวไร้สาระ และโคตรไร้สมองเลย ฉันแนะนำให้นายไปเกิดใหม่ดีกว่านะ ถึงหน้าตานายจะดี แต่นิสัยกวนๆ แบบนี้ ฉันว่านายคงอยู่ร่วมโลกกับฉันยากถ้านายไม่ไปเกิดใหม่ซะ -_-” ฉันพูดโดยที่ใบหน้ายังเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“แรงอ่ะ TOT” แมธธิวโวยวาย ฉันเห็นแมธธิวทำหน้ากวนประสาทตาแล้วหงุดหงิดจริงๆ ไปไกลๆ ได้ไหมเนี่ย รกหูรกตาจัง -O-^
“ถ้าหมดธุระเชิญออกไป ประตูอยู่โน่น หวังว่าคงไปถูกนะ -_-” ฉันชี้ไปทางประตู แมธธิวทำหน้ามุ่ยก่อนจะตอบว่า
“แค่นี้ฉันรู้น่า ใครว่าเธอฉลาดคนเดียว เธอแค่ยังไม่เคยเจอคนที่ฉลาดกว่าเธอเท่านั้น” แมธธิวทิ้งท้ายให้เดลฟีนครุ่นคิดกับคำพูดของเขา
คนที่ฉลาดกว่างั้นเหรอ
ฉันยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ ว่า
“คนที่ฉลาดกวาฉัน
จะไปมีได้ยังไงกัน ”
ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีแขกเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ฉันรออยู่ก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกับรอยยิ้มแสนอบอุ่นราวกับเจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์ในฝันของหญิงสาวหลายๆ คน ถ้ามองใบหน้านั้นรวมๆ กับชุดนักเรียนสูทสีขาวสะอาดที่เขาส่วมอยู่ ขอบอกว่าเขาไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายขี่ม้าขาวผู้งามสง่าสมกับเป็น ‘ทีไทม์’ ผู้เป็นเจ้าของตำแหน่ง ‘เคานท์’ ผู้มีอำนาจเป็นอันดับที่สิบเอ็ดแห่งเอ็นชานเทรส
“เดลฟีนเธอนัดฉันมาตอนเช้าวันจันทร์อย่างนี้มีอะไรหรอเปล่า” เสียงทุ้มที่น่าฟังของทีไทม์เอ่ยขึ้นโดยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มยังไม่จางหาย ใครๆ ก็บอกว่าเขาคือเทพบุตรเดินดินที่หาตัวจับได้ยาก
ทีไทม์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับฉัน ฉันจึงรินน้ำชากุหลาบลงในถ้วยชาอีกใบแล้วจึงยื่นไปวางตรงหน้าของเขา ร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยิ้มบางๆ พร้อมกับรับถ้วยชาไปดื่ม เวลาเช้าๆ แบบนี้การดื่มชาเป็นอะไรที่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะชวนนายโดดเรียนวันนี้” คำพูดของฉันทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสวยต้องสำลักชาแสนอร่อยจนได้
ทีไทม์เงยหน้าขึ้นสบตาฉันอย่างประหลาดใจ
“เธอชวนฉันโดดเรียนเนี่ยนะ O_o!” หน้าตื่นๆ ของทีไทม์ทำฉันแอบขำนิดๆ ที่เขาตกใจคงเพราะว่าฉันไม่เคยมีประวัติการโดดเรียนมาก่อนเลย กำลังจะมีวันนี้นี่แหละ!
“แปลกตรงไหน วันนี้ฉันมีธุระที่เอเวนเนีย นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“ธุระที่เอเวนเนียแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องลงทุนโดดเรียนไปกับเธอล่ะ -_-;” ทีไทม์ยกน้ำชาขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ฉันจะไปหาชาเปล” ชื่อบุคคลที่สามในบทสนทนาทำเอาทีไทม์ชะงัก ก่อนจะถามต่อ
“เธอเป็นแฟนมันหรือไงถึงต้องไปหามันเนี่ย -*-“ ทีไทม์ทำหน้าบึ้งๆ และขอทีไอ้คำว่า ‘แฟน’ เนี่ยอย่าเอามาใช้พูดเล่นๆ กับฉัน มันฟังไม่เป็นมงคล -_-^
ฉันไม่คิดจะมีใคร ยกเว้นเขาคนนั้นคนเดียว
“ไม่ใช่! ฉันแค่ไปคุยธุระมันแปลกมากนักหรือไง -_-^” ทีไทม์ฟังฉันพูดแล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด ถ้าจะมองกันด้วยสายตาแบบนี้ฉันไปคนเดียวจะดีกว่าจะดีกว่าไหม?
“ทำไมเธอไม่เรียกมันมาหาที่นี่ล่ะ ทีฉันเธอยังโทรไปตามมาจากไวน์เนอร์รี่เลย -O-”
“เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์น่ะสิ แล้วจะให้เขามาได้ยังไง -_-^”
“เสียเวลาเรียนฉันชะมัด -^-” คำพูดของเขาทำให้ฉันสำลักชากุหลาบไปแล้ว เขาทำหน้าตกใจและรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองยื่นให้ฉัน ฉันสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของเขาเหมือนคนกำลังกลั้นหัวเราะ!
“ตกลงนายจะไปเป็นเพื่อนฉันไหม” ฉันรีบหาทางกลบเกลื่อนเรื่องน่าอับอายทันที
“เมื่อพระจักรพรรดินีมีราชโองการมาทีไทม์คนนี้ก็คงขัดไม่ได้ เอาเป็นว่าฉันจะยอมไปเป็นเพื่อนเธอด้วยความเต็มใจแล้วกัน .V.”
ทีไทม์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะผายมือเป็นเชิงเชิญฉันออกไปก่อน แต่หน้าตาของเขามันเหลือรับจริงๆ บึ้งตึงอย่างกับเด็กโดนอดขนม ฉันไม่ได้ขอให้นายไปตายเป็นเพื่อนฉันซะหน่อย -_-^^^
ฉันและทีไทม์เดินลงมาจากชั้นสอง สายตาของฉันสะดุดที่ร่างสูงในชุดนักเรียนสูทสีขาวแบบเดียวกับทีไทม์ที่นั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่สีเลือดหมูตัวยาวกลางห้องโถง ฉันขมวดคิ้วออกมาทันทีที่เห็น เพราะเขาเพิ่งกวนประสาทฉันไปราวสิบห้านาทีที่แล้ว
“แมธธิว!” ฉันเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงดุๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันสลับกับทีไทม์ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เราทั้งสอง ฉันจึงถามต่อ “นายไม่ได้ไปเข้าคลาสแล้วเหรอ”
“เห็นทีไทม์มาหาเธอฉันเลยคิดว่าคงมีเรื่องน่าสนุกเลยจะโดดเรียนบ้าง ^O^” แมธธิวยิ้มกว้าง
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการโดดเรียน -_-;
“นายอยากโดนฉันด่านายอีกรอบใช่ไหม -_-^”
“พาฉันไปเอเวนเนียด้วยเถอะนะเดลฟีน T^T” เฮอะ! กราบฉันสิถึงจะพาไป เอ๊ะ? แมธธิวรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปเอเวนเนีย!!?
“เดี๋ยวนะ
นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปเอเวนเนีย นายแอบฟังฉันคุยกับทีไทม์ใช่ไหม -_-+” ฉันส่งสายตาพิฆาตไปทางแมธธิว คนถูกถามถึงกับเหงื่อซึม
“เอ่อ
ฉันเปล่านะ
แค่
ประตูมันปิดไม่สนิท
เท่านั้นเอง (‘ ‘; )”
“มันก็คือแอบฟังนั่นแหละ หรือนายจะเถียง -_-++”
“ขอโทษครับ TOT”
ทีไทม์หลุดขำออกมากับท่าทีของฉันกับแมธธิว ที่ไม่ต่างอะไรกับแมวที่กำลังข่มหนูให้กลัวอยู่ ฉันไม่ใช่แมวธรรมดานะฉันเป็นเสือโคร่งเลยแหละ!
“นายหุบปากได้แล้วทีไทม์ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!” ฉันหันไปสั่งทีไทม์ที่ยังหัวเราะอยู่ ทีไทม์พอโดนฉันตวาดก็เงียบลงทันที ฉันจึงหันไปสั่งแมธธิวบ้าง “ส่วนนายไปขับรถเลยไป วันนี้นายสองคนเป็นคนรับใช้ฉันแล้วกัน”
“TOT” >> แมธธิว
“^^;” >> ทีไทม์
“นิ่งอยู่ได้ไปกันได้แล้ว จะรออาจารย์มาลากคอกลับไปเข้าคลาสเรียนหรือไง -_-^” ฉันพูดจบก็เดินนำทีไทม์และแมธธิวออกไปทันที ทั้งสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามหลังฉันออกมาโดยไม่มีบ่นสักคำ
ก็ลองบ่นดูสิ และพวกนายจะหนาว -_-+
ทีไทม์ยื่นกุญแจรถของเขาให้แมธธิว เพราะเราตกลงกันว่าจะเอารถของทีไทม์ไป แมธธิวจึงรับกุญแจและเดินไปทางฝั่งคนขับของรถเบนซ์สีดำสุดหรู ทีไทม์เดินมาเปิดประตูรถให้ฉันอย่างสุภาพ
การมีคนรับใช้ไปเยอะๆ มันคงดีแบบนี้ล่ะมั้ง -^-
รถสุดหรูเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์คริสตัล
คฤหาสน์ของชนชั้นรอยัลประจำเขตคริสตัลแคปปิตอลซึ่งเป็นเขตที่เป็นศูนย์กลางของเอ็นชานเทรส ตึกบัญชาการของไฮสคูลก็อยู่ที่นี่การติดต่อกับทางโรงเรียนจึงต้องมาที่เขตนี้
ตำแหน่งของฉันคือ ‘เอ็มเพรส’ ก็คงไม่แปลกที่จะต้องอยู่ประจำการที่เขตกลางของไฮสคูลถ้าเป็นโรงเรียนทั่วๆ ไปฉันคงไม่ต่างจากประธานนักเรียนเท่าไหร่ แต่พอดีที่นี่มีคำเรียกที่สวยหรูเท่านั้นเอง :P
รถสีดำเงาขับเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่เข้าสู่เขตเอเวนเนียถิ่นปกครองของ ‘ชาเปล’ ท่าน ‘มาควิส’ ผู้มีอำนาจเป็นอันดับแปดของเอ็นชานเทรสเป็นผู้ดูแลเขตเอเวนเนียทั้งหมด แต่อย่าคิดว่ามันตำแหน่งใหญ่เท่าฉันนะ ฉันปกครองเขตทั้งห้าอีกที ก็คิดดูว่าใครใหญ่กว่าใคร -_-^
ตลอดทางตั้งแต่เข้าเขตเอเวนเนียก็มีแต่ต้นเมเปิ้ลร่วงโรยตลอดทาง ถึงจะอยู่ในไฮสคูลเดียวกันแต่เขตต่างๆ ก็มีสภาพภูมิอากาศที่ต่างกัน
ที่เอเวนเนียจะเหมือนมีแต่ฤดูใบไม้ร่วงตลอดทั้งปีผิดกับที่คริสตัลแคปปิตอลที่มีอากาศอบอุ่นเหมือนเป็นฤดูใบไม้ผลิตลอดปี ฉันว่าฉันชอบใบไม้สีแดงแบบนี้นะ
เวลามันร่วงลงมาให้ความรู้สึกสงบดี เหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือ >_<
“ถึงคฤหาสน์ฮันนี่เคลชแล้วครับเอ็มเพรส” แมธธิวลงจากรถเป็นคนแรก ก่อนจะเป็นทีไทม์ที่เดินลงมาเปิดประตูให้ฉัน สายตาของฉันมองไปรอบคฤหาสน์ ‘ฮันนี่เคลช’ คฤหาสน์ประจำเขตเอเวนเนีย ดูๆ ไปแล้วมันไม่ต่างอะไรจากคฤหาสน์ร้างเลยนะ -_-;; สังเกตได้จากใบเมเปิลที่เกลื่อนกลาดบนพื้นเหมือนไม่ได้กวาดมาเป็นปี สภาพภายนอกของคฤหาสน์มันดูมืดๆ (เก่าด้วย) รู้สึกเหมือนจะมีผีโผล่ออกมาหลอกเลย =_=;;
เอ่อ
ฉันคิดถูกหรือเปล่าที่มา =O=;;
“สภาพเหมือนร้างมาได้สิบปีเลยนะเนี่ย -O-;;” แมธธิวพูดพร้อมกับเอาเท้าเขี่ยๆ กองใบเมเปิลที่เกลื้อนพื้น ฉันเห็นด้วยกับแมธธิวนะ -_-;;
“เหมือนจะไม่มีใครอยู่ด้วยนะ เรากลับกันดีไหม ฉันว่าอยู่นานๆ แล้วสุขภาพจิตไม่ค่อยจะดี =O=;” ทีไทม์เสนอความคิดเห็นซึ่งแมธธิวรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“งั้นเรากลับกันเถอะ” ทีไทม์กำลังจะหันหลังกลับไปที่รถ แต่
“ไม่ ฉันต้องเข้าไปสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ก่อน ฉันถึงจะยอมกลับไป -_-” ฉันเดินเข้าไปที่ประตูไม้โอ๊กบานเก่าแก่โดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร ก่อนจะเคาะประตูแรงๆ เอาให้มันได้ยินกันไปถึงชั้นสามเลย
ก็อกๆๆ
เงียบ~
ก็อกๆๆๆ
ยังคงเงียบชี่~
ก็อกๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆ
ไอ้บ้าชาเปลออกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันแน่ใจว่านายอยู่ในนั้น >O<^
“เอ่อ
เดลฟีนเราลับกันเถอะไอ้ชาเปลมันคงไปเรียนแล้วมั้ง” ทีไทม์ออกความคิดเห็นเมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกมาจากในบ้านที่มืดมิด
“ใช่ๆ กลับเถอะ >_<” แมธธิวสนับสนุนทีไทม์ที่ชวนฉันกลับ
ฉันไม่ได้พูดอะไรเพราะตอนนี้ ฉันไม่ยอมกลับหรอก! คนอย่างชาเปลไม่เข้าคลาสตอนเช้าหรอกเพราะต้องมัววุ่นอยู่กับหนังสือพิมพ์ฉบับของวันใหม่ทุกๆ เช้า ฉันต้องลากชาเปลออกมาจากคฤหาสน์นี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่เดลฟีนแล้ว >O<! ฉันหันซ้ายหันขวามองหาอะไรบ้างอย่าง พอพบแล้วฉันจึงก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาและเหยียดยิ้มอย่างสะใจ ชาเปลนายต้องออกมาต้อนรับเราแน่!
“เดลฟีนเธอจะทำอะไร นั่นมัน
!!!” ทีไทม์เบิกตากว้างอย่างตกใจ ส่วนแมธธิวอ้าปากเหวอไปก่อนแล้ว
หึ! จำไว้นะชาเปลคนอย่างฉันมักทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้
เพล้ง!!!
ฉันเหวี่ยงก้อนหินที่อยู่ในมือขึ้นไปกระแทกกระจกชั้นสองจนแตกละเอียด เสียงกระจกดังไปทั่วบริเวณคฤหาสน์ ไม่ว่ามุดอยู่ในส่วนไหนก็ต้องได้ยินแน่ นี่แหละวิธีการลากคนอย่างชาเปลออกมา -_-^
“เดลฟีน!!!” เสียงร้องของทีไทม์และแมธธิวดังประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพียง
ฉันไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่แสยะยิ้มมองไปทางประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ตรงหน้าด้วยความมั่นใจว่าชาเปลต้องรีบร้อนออกมาเปิดด้วยหน้าตาบูดบึ้งแฝงด้วยความหงุดหงิด ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ
ไม่เคยมีอะไรที่ฉันคำนวณพลาด
หนึ่ง
สอง
สาม
!!!
ปัง!!!
ประตูไม้โอ๊คที่ปิดล็อกอย่างแน่นหนาถูกเปิดออกเผยให้เห็นหน้าตาบูดบึ้งของชาเปลที่กำลังเกาหัวด้วยความหงุดหงิด
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้จริงๆ
“เดลฟีนเธอทำกระจกคฤหาสน์ฉันแตก -_-^” ชาเปลออกมาพร้อมกับเริ่มทำการคาดโทษฉันตั้งแต่เห็นหน้า คำทักทายตอนเจอหน้ากันเนี่ยไม่มีสักคำ มารยาทโคตรดี (ประชด)
“เรื่องกระจกช่างมันก่อนเถอะฉันมีธุระจะคุยกับนาย -_-” เป้าหมายของฉันแค่คุยธุระกับชาเปลเรื่องอื่นไว้เคลียร์ทีหลัง
“-_-^” ชาเปลทำหน้าหงุดหงิดเพราะเขาสนใจเรื่องกระจกมากกว่า ไม่เห็นความสำคัญกับธุระที่ฉันจะคุยเนี่ยฉันหงุดหงิดนะ -_-^^^
“ไว้ฉันจะส่งคนมาทำกระจกให้ใหม่พอใจยัง -_-^” ฉันมองหน้าบอกบุญไม่รับของชาเปลที่ยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ เขายังคงหงุดหงิดไม่หายที่ฉันทำคฤหาสน์อันเป็นที่ซุกหัวนอนของเขาเสียหาย คฤหาสน์ร้างแบบนี้มันน่าหวงตรงไหน -_-
“มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันไม่ค่อยชอบต้อนรับแขกนักหรอกนะ -_-^” ชาเปลเดินเข้าไปเปิดไฟในห้องรับแขก ฉันและคนใช้ (หน้าหล่อ) ทั้งสองค่อยๆ เดินตามเขาเข้าไปที่ห้องรับแขก เห็นสภาพแล้วอยากจะอุทานออกมาดังๆ ว่า
นี่มันคฤหาสน์คนหรือผีกันแน่!!!
โคตรรกรุงรังยิ่งกว่ารังหนู สูทผาดอยู่ตามโซฟาเต็มไปหมด บ้านก็มืดจนจะมองไม่เห็นอะไร ถ้วยชากาแฟที่ไม่ได้ล้างวางเกลื้อนไปทุกมุมของห้องนั่งเล่น กระดาษที่ขีดๆ เขียนๆ ถูกทิ้งไว้เรี่ยราดตามพื้น หนังสือที่ไม่ได้จัดเข้าชั้นกองกันสูงเท่าภูเขา รู้สึกเมื่อกี้ฉันเหมือนเห็นหนูตัวเท่าแมววิ่งตัดหน้าไปด้วย หลอนสุดๆ =O=;
“ไอ้ชาเปลนายเคยทำให้คนมาทำความสะอาดบ้างไหมว่ะ ฝุ่นจะหนากว่าผ้าห่มอยู่แล้ว =O=;” แมธธิวถามชาเปลหลังจากที่เขาลองเอามือถูเฟอร์นิเจอร์ดูปรากฏว่ามือดำสนิท ศูนย์วิจัยเพาะพันธุ์เชื้อโรคของเอ็นชานเทรสหรือไงเนี่ย ไม่สินี่มันที่ทิ้งขยะชัดๆ เชื้อโรคเต็มเลย =_=;
“ไม่เคย มันรบกวนการทำงานของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับงานของฉัน” ชาเปลตอบพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยว หน้าของเขาไม่รับแขกเลยแม้แต่น้อย “มีอะไรก็รีบพูดมา”
ฉันนั่งลงที่โซฟาตัวยาวตรงข้ามกับชาเปล (สาบานได้เลยว่าฉันปัดฝุ่นมันก่อนนั่งแต่มันก็ยังหนาเท่าเดิม) ก่อนจะตามด้วยทีไทม์ที่ดูเหมือนจะสำลักฝุ่นเข้าไปเยอะเลยไอออกมารัวเลย ส่วนแมธธิวเดินสำรวจรอบๆ ห้อง (ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น)
รีบๆ คุยและรีบๆ กลับดีกว่าสุขภาพจะได้ไม่ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้ >_<
“ฉันคิดว่านายคงรู้เรื่องที่ว่าจะนักเรียนใหม่ที่เป็นชนชั้นรอยัลมาเข้าเรียนแล้วใช่ไหม” คำพูดของฉันเรียกความสนใจของชาเปลได้เป็นอย่างดี ชาเปลเลิกคิ้วก่อนจะตอบ
“ใช่ฉันรู้”
“ฉันอยากรู้รายละเอียดนายช่วยสืบมาให้หน่อย”
“ฉันไม่ใช่คนใช้เธอเหมือนไอ้สองคนนี้ -_-” ชาเปลพูดโดยเหลือบมองทีไทม์และแมธธิวด้วยสายตา ‘สมเพช’ แมธธิวทำท่าฮึดฮัดเหมือนกับไม่พอใจที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น ส่วนทีไทม์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่ในใจก็หงุดหงิดอยู่นิดๆ
“แล้วนายไม่อยากรู้เหรอว่ารอยัลคนใหม่จะเป็นใคร
แล้วจะมีอำนาจแค่ไหน”
“ถ้าฉันอยากจะรู้ฉันจะไปสืบเอง ฉันบอกเธอได้แค่ว่าคนๆ นี้
ไม่ธรรมดา” ชาเปลเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัย นั่นมันยิ่งทำให้ฉันสงสัยมากขึ้น เขาบอกต่อว่า “คนๆ นี้จะทำให้เธอแทบจะสำลักเลยล่ะ”
“นายรู้อะไรมาใช่ไหม” ฉันถามเสียงดุ ข้อสงสัยทุกอย่างฉันต้องรู้ให้ได้ฉันไม่เคยปล่อยให้อะไรค้างคาใจต้องหาคำตอบจนถึงที่สุด นั่นแหละคือเดลฟีน
“ไม่รู้สิ” ชาเปลฉีกยิ้มและตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้
แต่ฉันคิดว่าเขารู้!
“นายบอกมาดีกว่าว่านายรู้อะไรมา” ฉันกำมือแน่นไฟโทสะกำลังลุกโชน ฉันไม่ชอบให้ใครกวนประสาท! และข้อสงสัยทุกอย่างฉันต้องรู้!
“ฉันว่าเธออย่ารู้เลยดีกว่า มันจะเป็นการดีต่อตัวเธอเองนะ” ชาเปลเอนตัวลงพิงพนักอย่างสบายๆ พร้อมกับหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกมาเปิดดู
“นายก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ถ้าฉันอยากรู้อะไรฉันก็ต้องรู้ให้ได้!” ฉันลุกขึ้นตบโต๊ะรับแขก แมธธิวที่กำลังถือหนังสือเล่มหนาขึ้นมาดูถึงกับตกใจทำหนังสือหลุดมือลงพื้นทันที
“แต่ฉันขอแนะนำเธออย่ารู้เลยดีกว่า ฉันไม่อยากเห็นเธอสติแตก แค่ทุกวันนี้เธอก็อาละวาดมามากพอแล้ว ยังจะอาละอาดอะไรให้มากมายอีก” ชาเปลวางหนังสือลงที่เดิมและลุกขึ้นยืน “เสียใจฉันไม่มีอะไรจะบอกเธอ”
ชาเปลโค้งให้ฉันและเดินหายออกไปจากห้องรับแขกทันที ทิ้งให้ฉันต้องมีแต่ความสงสัยและความหงุดหงิดที่นับวินาทีจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาโลกแตกหรือไงเนี่ยที่ไม่มีใครยอมเฉลยสักที -O-^
รอยัลแต่ละคนทำไมมันเจ้าเล่ห์อย่างนี้ รู้อะไรมาอุบอิบเก็บไว้คนเดียวทั้งๆ คนที่ถามคือฉัน
ฉันคนนี้นะ! เอ็มเพรสผู้ยิ่งใหญ่ของเอ็นชานเทรส ฉันอุตส่าห์ถ่อมาถึงเอเวนเนียเพื่อให้แก้ข้อสงสัยกับชาเปลที่น่าจะรู้ดีที่สุด เพราะเขาเป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของไฮสคูล ทุกเรื่องไม่ว่าข่าวเท็จหรือจริงต้องผ่านหูและการพิจารณาของเขาหมด
มาเสียเวลาชะมัด รู้อย่างนี้สืบเองดีกว่า -_-^
‘ฉันว่าเธออย่ารู้เลยดีกว่า มันจะเป็นการดีต่อตัวเธอเองนะ’
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ!
ขอโทษนะชาเปลนายเตือนผิดคนแล้ว!
“พวกเรากลับ!” ฉันบอกทีไทม์และแมธธิวที่เงียบมานาน ทั้งสองคนไม่ได้ถามอะไรมาก และฉันก็ไม่อยากให้ซักไซ้อะไรด้วย เท่าที่พวกเขาได้ยินก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว ถ้าพวกเขาฉลาดพอน่ะนะ -_-;
----------------------------------------------------------------------------------------------------
(08/10/2554)
หนุ่มหล่อโผล่ออกมาตั้งสามคน นี่ยังแค่ออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย ^O^ ยังมีอีกหนุ่มๆ อีกหลายคนรออยู่ แต่ไม่ได้มีแต่หนุ่มๆ หรอกนะ สาวๆ ก็มี >_< รอดูต่อไปว่านางเอกของเราจะวางแผนทำอะไรต่อไป แต่ที่แน่ๆ อีกไม่นานทุกคนได้เจอ ‘ไดนาสตี้’ แบบครบทีมแน่ๆ วันนี้แอบเอาอีกหนึ่งหนุ่มหล่อในกลุ่ม 'ไดนาสตี้' มาให้เชยชม โปรดรับ 'ชาเปล' ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยคนนะคะ >_<// ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า รักนักอ่านทุกคน~
(26/09/2554)
กลับมาอีกครั้งแล้วเจ้าค่า >O< คิดถึงกันไหมค่ะ? อย่าบอกว่าไม่นะเดี๋ยวไม่อัพต่อซะเลย -^- ถ้าคิดถึงขอเสียงดังๆ ฮ่าๆๆ วันนี้ก็นำเอาตอนที่หนึ่งมาลงให้คลั่งเล่นๆ ไป 40% ก่อน รอมีคนเรียกร้องเยอะๆ ก่อนถึงจะลงครึ่งหลังให้
แบบว่าเรื่องนี้หวงพระเอกอ่ะ คิกๆๆ แต่พระเอกของเราจะออกมาราวๆ ตอนที่สองนะจ๊ะอยากเจอคนหล่อๆ รอตอนสอง เอาล่ะเม้นนนนน แสดงความคิดเห็นก็ได้ก็ได้ทีเถอะวิจารณ์คนแต่งก็ได้เราไม่ว่าหรอกเราเป็นคนอารมณ์โกรธง่ายหายเร็ว >_< ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆ ไปล่ะดีกว่า รักคนอ่านทุกๆ คนเลยค่า ^O^
ความคิดเห็น