คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Darkness Queen : Intro
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทนำ
Rafraysia Coffee
ร่างบางใบหน้าสวยงามราวกับตุ๊กตานั่งเหม่อมองออกไปนอกกระจกร้านกาแฟ เธอสั่งชาเขียวนมสดมาดื่มระหว่างรอเพื่อน
ไม่สิ ต้องเรียกว่า ‘คู่แข่งตลอกกาล’ ถึงจะถูก
กริ้ง~
นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยรีบหันไปมองที่ประตูร้าน เธอเหยียดยิ้มออกมาเมื่อพบคู่แข่งของเธอเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในร้าน แม้เธอจะทำหน้าแบบนั้น แต่ผมยุ่งๆ ที่เหมือนไม่ได้หวีของเธอก็ทำให้พนักงานและลูกค้าหนุ่มๆ ในร้านมองอย่างสนใจได้ อย่างนี้สิถึงจะเป็นคู่แข่งของเธอได้ :)
ผู้มาเยือนคนใหม่กวาดตามองหาคู่แข่งตลอดกาลของเธอทันทีที่เข้ามาในร้าน เมื่อเธอพบเจ้าของใบหน้าตุ๊กตาเธอก็ไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปหา เพราะไม่อยากจะเป็นประเด็ดให้คนในร้านพูดถึงว่าหัวเธอรุงรังแค่ไหน เธออดจะชื่นชมยัยหน้าตุ๊กตาอยู่ไม่มากก็น้อยที่แม้จะนั่งอยู่มุมเล็กๆ ของร้านแต่เธอก็โดดเด่นสะดุดตาทำให้หาตัวได้ไม่ยากเลย
“มาช้านะ
โมนาร์ช” สาวหน้าตุ๊กตาพูดขึ้น ขณะที่สาวผู้มาเยือนกำลังนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ
“โทษทีแล้วกัน พอดีว่ารถที่บ้านมันเกิดวิตกจริตอะไรไม่รู้มาเสียเอาวันนี้ ฉันเลยต้องขึ้นแท็กซี่มา” โมนาร์ชตอบส่งๆ และหันไปเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม
“ฉันนึกว่าเธอนั่งวินมอเตอรไซด์มาซะอีก เพราะผมเธอมันรุงรังยิ่งกว่ารังนกซะอีก” สาวหน้าตุ๊กตาเหลือบมองบนหัวของคู่สนทนาและยิ้มอย่าขำๆ
“เอ็มเพรส! ฉันเพิ่งตื่นนะรู้ไหม เมื่อวานฉันต้องช่วยงานครูถึงสี่ทุ่ม และก็กลับมาทำการบ้านจนถึงเที่ยงคืน ตื่นเช้ามาหาเธอได้ขนาดนี้ก็บุญแล้ว!” โมนาร์ชร่ายยาว เธอเหนื่อยมากกับงานประธานนักเรียน และยังต้องเรียนหนัก การบ้านกองเท่าภูเขา เธอต้องเจียดเวลาทำแต่ละอย่างให้ทันเวลา
“แล้วเธอคิดว่าฉันไม่หนักหรือไง เมื่อคืนฉันหลับตีหนึ่ง” เอ็มเพรสฉีกยิ้ม เพราะเธอคิดว่าเธอทำหน้าที่ประธานนักเรียนหนักกว่าโมนาร์ช ใบหน้าตุ๊กตาที่กรีดยิ้มร้ายกาจแบบนี้ทำให้เธอกลายเป็นตุ๊กตาปีศาจขึ้นมาทันที
แต่ว่าเธอมันก็เป็นตุ๊กตาปีศาจอยู่แล้วนี่นา
“แค่ตีหนึ่งฉันเคยทำงานถึงตีสองด้วยซ้ำ J” โมนาร์ชไม่ยอมแพ้ เธอจะแสดงให้เอ็มเพรสเห็นว่างานประธานนักเรียนเธอหนักกว่า
“นั่นเด็กๆ น่า ฉันเคยทำงานถึงตีสาม J” เอ็มเพรสก็ยังไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรเธอจะยอมแพ้แก่คู่แข่งตลอดกาลของเธอคนนี้ได้
“ฉันเคยหลับตีสามครึ่งด้วยนะ L” โมนาร์ชเริ่มเถียงไม่ออกเพราะเธอไม่เคยนอนหลังตีสามครึ่ง ไม่ว่างานจะเสร็จไม่เสร็จเธอก็จะไม่ยอมนอนหลังตีสามครึ่งเด็ดขาด หน้าเหี่ยวแย่เลย!
“ฉันเคยไม่นอนทั้งคืนเลย J” เอ็มเพรสกรีดยิ้มร้าย เธอเอื้อมมือไปหยิบแก้วชาเขียวนมสดขึ้นมาชูขึ้นเล็กน้อยก่อนจะดื่มจนหมดแก้ว เธอชนะแล้วตอนนี้!
“ยัยตุ๊กตาผี” เธอบ่นอุบอิบเบาๆ กับตัวเอง เธอเกลียดการแพ้แบบนี้จริงๆ มันไม่สมศักศรีดิ์เลย คนอย่างโมนาร์ชแพ้เหรอ โลกแตกในอีกสามวินาทีแน่ :(
“ช่วยไม่ได้นะเพราะว่าโรงเรียนเธอระเบียบมันเข้มซะจนไม่ต้องทำอะไรมากเท่าไหร่นี่นา แต่โรงเรียนฉันระเบียบมันไม่ค่อยแข็งแรงงานเลยต้องเยอะแบบนี้น่ะนะ ^_^”
“ยัยตุ๊กตาผี! -_-^^” โมนาร์ชกัดฟันกรอดๆ ด้วยความคับแค้นใจ เธอไม่ใช่คนที่ต้องเป็นฝ่ายโดนต้อนให้จนมุมมันผิดธรรมเนียมปฏิบัติ!
“เธอมันก็เป็นยัยผีดิบแวมไพร์ ^^+” เอ็มเพรสสวนกลับ เพราะโมนาร์ชมีผิวขาวจัดจนซีดราวกับแวมไพร์ที่ไม่เคยโดนแดดทำให้ฉายา ‘ยัยผีดิบแวมไพร์’ ตกเป็นของเธอ
“-_-+”
“^_^+”
นี่พวกเธอจะแข่งกันกับอีเรื่องงานประธานนักเรียนเนี่ยนะ!
ทั้งสองคนต่างจ้องกันเขม่งอย่างไม่มีใครยอมใคร คนหนึ่งก็ดีแต่ปั้นหน้าบึ้งไปเรื่อยเปื่อย อีกคนก็ดีแต่ปั้นยิ้มเสแสร้งไปวันๆ แต่สิ่งที่ทั้งสองคนมีเหมือนกันคือความ เย็นชาสุดขั้ว!
ผู้ชายร้อยทั้งร้อยที่รู้จักเธอจะไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้พวกเธอแน่ เพราะรู้ว่าเธอจะเมินทุกคนที่เข้าหา
ทำไงได้พวกเธอมันสวยเลือกเลือกได้!
อิจฉา -^-!
“ถ้างั้น
เรามาแข่งกันเถอะว่าโรงเรียนใครจะได้รับเลือกเป็นโรงเรียนยอดเยี่ยมของปีนี้!!!” โมนาร์ชลุกขึ้นตบโต๊ะด้วยความเหลือทน โดยไม่สนว่าคนในร้านจะมองเธอด้วยสายตาแบบไหน เธอแค่กราดตามองด้วยสายตาที่เหมือนจะบอกว่า ‘มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ’ หรือ ‘อยากตายหรือไง’ ทำเอาคนในร้านหลบตาและพากันหันกลับเข้าโต๊ะตัวเองชั่วพริบตา
“ท้าฉันแบบนี้แน่ใจแล้วเหรอยัยผีดิบ” เอ็มเพรสกรีดยิ้มหวานเชื่อมซะจนโมนาร์ชอยากจะสำลักออกมาอยู่รำไร เธอล่ะเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และเสแสร้งของยัยตุ๊กตาผีที่สุด!
“ไม่มีอะไรที่ฉันจะแน่ใจไปกว่านี้อีกแล้ว!” โมนาร์ชกล่าวด้วยความมั่นจเต็มร้อย ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้!
“ถือว่า
”
กริ้ง~
ขณะที่เอ็มเพรสกำลังจะประกาศการแข่งขันอย่างเป็นทางการกับโมนาร์ช เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้นแทรก ทั้งสองหันไปมองพร้อมกันขวับ เผยให้เห็นสาวสวยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนโดดเด่นกำลังเดินเข้ามาในร้าน
เดี๋ยวนะนั้นมัน
“เรน่า!” จู่ๆ สาวๆ ทั้งสองคนก็อุทานออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พวกเธอจึงหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะหันกลับหาผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยแววตาประหลาดใจ
“หือ?” เรน่าหันมาตามต้นเสียง เธอเพียงแค่มองสองสาวเงียบๆ ก่อนจะกล่าวทักทาย “ไงเอ็มเพรส โมนาร์ช ทำหน้าอย่างกับเห็นผี -_-” เธอพูดหน้าตาย
“ฉันเชื่อว่าวันนี้คงเป็นวันที่โลกต้องจารึกว่าเธอมาเจอเราโดยมิได้นัดหมาย ตั้งชื่อว่าวันอะไรดีล่ะเนี่ย” โมนาร์ชเป็นคนที่แปลกใจกับการปรากฏตัวของเรน่ามากที่สุด เพราะตั้งแต่เธอรู้จักกับเรน่า เธอไม่เคยเจอเรน่าโดยบังเอิญแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากเธอจะนัดเรน่ามาเจอโดยเฉพาะเท่านั้นถึงจะได้พบเจอกับสาวผมน้ำตาลอ่อนคนนี้!
“พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่ อย่าบอกนะว่านัดกันมาเถียงเรื่องไร้สาระอีกแล้ว -_-”
จึก!
คำว่า ‘ไร้สาระ’ แทงใจดำพวกเธอมาก พวกเธอพยายามจะหลอกตัวเองว่าเรื่องที่พวกเธอคุยกันเมื่อกี้นี้เป็นเลือกที่จริงจัง และไม่ได้ไร้สาระ(?)
“เรื่องนี้จริงจังต่างหาก ไร้สาระอะไรกันเธอเห็นพวกเขาเคยไร้สาระหรือไง =O=^” โมนาร์ชโวยวายกลบเกลื่อน ส่วนเรน่าหรี่ตามองอย่างจับผิด ทั้งสองกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใครๆ ก็รู้ว่าเรน่าเล่นเกมจับผิดภาพถูกเก่งแค่ไหน(มันเกี่ยวกันเหรอ?)
“ปกติก็ไร้สาระไม่ค่อยจะเต็มกันอยู่แล้ว จะทำอะไรปัญญาอ่อนอีกก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ -_-” เรน่าพูดหน้าตาย และไม่คิดจะแลมองเสี้ยวหน้าของทั้งสองคนที่กำลังช็อกกับคำว่า ‘ปัญญาอ่อน’ เธอหันไปสั่งนมสดปั่นอย่างสบายๆ ชิลสุดๆ
ยัยรูปปั้นแกะสลัก!!!
สองสาวอุทานในใจอย่างอดกลั้นเพราะเธอจะคิดผิดทันทีถ้าคิดจะโต้วาทีกับเรน่า เธอด่าเจ็บยิ่งกว่าใครถ้าไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก ชอบพูดนิ่มๆ แต่คำพูดนิ่มๆ พวกนั้นทะลวงถึงตับไต้ไส้พุงจนเถียงไม่ออกทันที
“นมสดปั่นได้แล้วครับ” พนักงานนำนมสดที่เรน่าสั่งมาเสิร์ฟให้เธอ เธอรับมาและดื่มทันที ไม่สะทกสะท้อนกับรังสีอันตรายที่แผ่ออกมาจากสองสาวเลยสักนิด
จะสบายใจไปไหน!
“เรน่าในเมื่อเธอบังเอิญมาเจอเรา เธอต้องมาร่วมแข่งกับเรา” เอ็มเพรสเอ่ยขึ้น และยิ้มเสแสร้ง(อีกตามเคย) แม้เธออจะมั่นใจแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อาจประมาทเรน่าได้ แต่ถ้าโมนาร์ชล่ะก็
ชิลๆ :)
“เสียเวลาทำงานทำการ ฉันไม่ใช่พวกไร้สาระไปวันๆ ชีวิตนี้มีความหมายขอทำอะไรที่เป็นประโยชน์ดีกว่า” เรน่าพูดขณะที่สายตายังมองนิตสารในมืออย่างจดจ่อ
ยัยรูปปั้นไปเอานิตยสารมานั่งอ่านตั้งแต่เมื่อไหร่! จะบ้าตายยัยนี่คนหรือผี!!!
“แสดงว่าเธอคิดว่าโรงเรียนเธอมัน ‘ห่วย’ สู้โรงเรียนพวกเราไม่ได้ใช่ไหม ^^+” เอ็มเพรสเริ่มวางกับดักเรน่า ยังไงซะเธอก็ต้องดึงยัยนี่มาเข้าร่วมให้ได้ แล้วเธอก็จะต้องชนะการแข่งนี่ เธอจะได้เหนือกว่าโมนาร์ชและเรน่า J
“อย่ามาหว่านล้อมให้ฉันยอมตกลงนะ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดวิธีนี้กับฉัน -_-”
นี่มันด่ากันชัดๆ ยัยรูปปั้นแกะสลัก!
ทั้งสองสาวอุทานในใจอย่างหงุดหงิด พวกเธอแทบอยากจะตะกุยหน้าสาวตรงหน้าอยู่รำไร เพียงแต่รู้ว่ามันไม่ดีต่อตัวเอง
“^_^++” เอ็มเพรสพยายามสุดๆ กับการสะกดอารมณ์โกรธ เธอไม่อยากระเบิดครั้งใหญ่ต่อหน้าคนนับสิบ ภาพพจน์จบเห่แน่!
“
แต่เห็นแก่คนโง่ๆ ฉันจะยอมสักครั้งก็ได้” เรน่าพูดขึ้นและหันมาสบตาพวกเราสองคน เหลือเชื่อเธอตอบตกลง! แต่เอ๊ะ
เมื่อกี้นี้เธอด่าพวกเราอีกแล้วใช่ไหม -_-;;
“ยังไงซะฉันก็ต้องชนะอยู่แล้ว โมนาร์ชคนนี้เคยแพ้ใครที่ไหน ฮ่าๆๆ” โมนาร์ชระเบิดหัวเราะ เธอมั่นใจสุดๆ
“ใครบอก ฉันต่างหากที่จะชนะ เธอไม่ค่อยจะใช่สมองคิดก่อนทำอะไรแบบนี้มีหวังแพ้คนแรกแหงๆ J” เอ็มเพรสต่างมั่นใจไม่แพ้กัน เธอรู้ว่าตัวเองมีความเจ้าเล่ห์แสนกลเป็นอาวุธ
“
ความประมาทเป็นหนทางสู่ความ ‘ตาย’ คนโง่ก็คือคน ‘ประมาท’ คิดว่าตัวเอง ‘เก่ง’ อยู่แล้ว เลยไม่ใช้ ‘สมอง’ คิดและทำให้ดีที่สุด สุดท้ายเขาก็จะไม่เหลืออะไรนอกจากความ ‘อัปยศ’ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด -_-”เราน่าพูดโดยตายังจ้องอยู่ที่คอลัมน์ ‘คติสอนใจวันนี้’
อย่าบอกนะว่ายัยนี่จงใจอ่านให้พวกเราได้ยิน -_-^
สำหรับคน อย่างเรน่านี่เป็นการบอกนัยๆ ว่าเธอก็ไม่ทางแพ้พวกเธอทั้งสอง อย่าประมาทเพราะผลที่ออกมาอาจเป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน
[
ฉันจำเป็นต้องร่วมแข่งด้วยไหม] จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงที่ไหนไม่รู้แทรกขึ้นมาอีกคราว เอ็มเพรสและโมนาร์ชหันไปมองรอบๆ โต๊ะก็พบว่าไม่มีใครยืนอยู่เลย แถมบริเวณที่พวกเธอนั่งก็เป็นมุมส่วนตัวที่ไม่มีใครมานั่งอยู่ใกล้ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตื่นๆ กำลังประมวลผลว่าเสียงที่ไม่มีตัวตนมันก็จะมีแต่
ผี!
[นี่
ฉันถามเธออยู่นะช่วยตอบได้ไหม อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดนักได้ไหม] น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนกำลังจะหงุดหงิดเอ่ยขึ้นเบาๆ พวกเธอฟังและมองไปทางต้นเสียงที่ดังออกมา สายตาทั้งสองคนมองไปที่ไอแพดสีขาวของเรน่าที่วางอยู่บนโต๊ะบนหน้าจอฉายใบหน้าของสาวหน้าหวานที่พวกเธอคุ้นตา
เธอคือ
เดลฟีน!
“เดี๋ยวๆๆ นะ เรน่าเธอคุยกับเดลฟีนตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?” โมนาร์ชหันไปถามเรน่าที่ทำหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ฉันคุยกับเดลฟีนผ่าน Skype มาตั้งแต่ก่อนเข้าร้านแล้ว” เรน่าตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ได้ยินเรื่องที่เราคุยกันทั้งหมดเลยใช่ไหมยัยเดลฟีน -_-^” โมนาร์ชหยิบไอแพดขึ้นมาพูด โดยอีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉย เพียงแต่เผยยิ้มบางๆ ออกมาเพราะเห็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน
“ยัยนี่! อย่าทำหน้าเศร้าอย่างกับแม่ลูกเพิ่งเจอกันหลังส่งลูกเข้าโรงเรียนประจำสิ!” โมนาร์ชโวยวายคนในไอแพดที่กำลังทำหน้าเศร้าๆ ถึงปากพวกเธอจะบอกว่าทุกคนเป็นคู่แข่งแต่ลึกๆ แล้วพวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่า
“
อืมๆ รู้แล้วน่า” ใบหน้าของเดลฟีนที่ปรากฏในไอแพดมีน้ำใสๆ ซึมออกมา โมนาร์ชหรี่ตามองอย่างจับผิด ทำให้เธอต้องรีบปาดน้ำตาทิ้งทันที
“ให้ตายสิ ยัยขี้แง
” โมนาร์ชถอนหายใจแรงๆ และยกนิ้วชี้ขึ้นมาวาดเส้นโค้งครึ่งวงกลมในอากาศ การกระทำของเธอทำเอาสองสาวที่นั่งร่วมโต๊ะเธอถึงกับหลุดขำออกมา เพราะโมนาร์ชดูเป็นคนใจร้อนหัวรุนแรง ไม่น่าจะทำอะไรน่ารักๆ แบบนี้ได้ เดลฟีนหลุดยิ้มออกมากับเพื่อนคนนี้ทันที
“เฮ้ยๆๆ ยัยเพื่อนพวกนี้หัวเราะอะไรกัน ฉันจะทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ให้เธอครั้งเดียวนะเดลฟีน -_-//” โมนาร์ชบอกอย่างอายๆ หลังจากที่เธอวาดรูปยิ้มในอากาศให้เดลฟีนดูเพื่อที่เธอจะได้ยิ้มแทนที่จะทำหน้าเศร้าๆ แบบที่เธอชอบทำ
[ขอบคุณมากโมนาร์ช] เดลฟีนคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา แวบเดียวไอแพดก็ถูกดึงไปจากมือของโมนาร์ช คนที่โดนแย่งเครื่องสื่อสารส่งสายตาประทุษร้ายใส่เอ็มเพรสที่แย่งมันไป แต่เอ็มเพรสกลับไม่ได้สนใจสายตานั้นเลยสักนิด
“ไง
เดลฟีนไม่ได้เห็นหน้ากันนานนะ” เอ็มเพรสเอ่ยกับภาพใบหน้าหวานที่อยู่ในไอแพด ส่วนคนที่ถูกทักทายก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ให้
[เหมือนกันเอ็มเพรส
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ] เดลฟีนรู้สึกว่าความผิดที่ตัวเองเคยทำมันเริ่มเข้ามากัดกินความรู้สึกอีกครั้งเพราะสายตาของเอ็มเพรส
“ฉันมีอะไรจะบอก
” เอ็มเพรสพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แววตาของเธอเปลี่ยนจากแข็งกร้าวกลายเป็นแววตาเศร้าๆ ทำให้คู่สนทนาและคนในโต๊ะต่างเงียบกริบ
รอคอยสิ่งที่เธอกำลังจะบอกกับเดลฟีน
[
] ปลายสายเงียบกริบ ใจหนึ่งเธอก็อยากจะให้มันเป็นเรื่องดี แต่ก็มีลางสังหรณ์ว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายๆ
“
” ทั้งโต๊ะเงียบ แม้สายตาของเรน่าจะมองที่นิตยสารในมือและเธอไม่ไดอ่านมันเลย เธอกำลังรอฟังสิ่งที่เอ็มเพรสจะพูด
เช่นเดียวกับโมนาร์ชที่กำลังมองดอกเดซี่ในเจกันที่วางอยู่กลางโต๊ะอย่างเงียบๆ เพราะเธอก็กำลังรอคอยสิ่งที่เอ็มเพรสกำลังจะพูดอยู่เหมือนกัน
“
เรื่องของเขาคนนั้น” แค่เอ่ยถึง ‘เขาคนนั้น’ ทุกคนที่ร่วมฟังการสนทนาก็มีแววตาที่เปลี่ยนไป ทุกคนหันมามองเอ็มเพรส “ทั้งฉัน โมนาร์ช และเรน่า คุยกันไว้แล้วว่าเรายกเขาให้เธอ
”
[
!!!] ปลายสายอึ้งในคำพูดของเอ็มเพรส แต่เอ็มเพรสกลับมีท่าทีที่นิ่งมาก โมนาร์ชยิ้มที่มุมปากราวกับเป็นเรื่องสนุกแต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าเสียใจ เรน่าคลี่ยิ้มบางๆ แต่แววตาของเธอกลับไม่มีความดีใจแสดงอยู่เลย
แต่พวกเธอคิดว่าพวกเธอทำถูกแล้วล่ะ
“ฝากเขาด้วยนะ
” นั่นเป็นคำพูดที่เ
อ็มเพรสพยายามจะกัดปากพูดให้ได้มากที่สุด เพราะมันฝืนกับความรู้สึกของเธอ
[
เขามันก็แค่ ‘ไดนาสตี้’ งี่เง่าที่ไม่เคยให้ความหวังกับใคร] เดลฟีนพึมพำเบาๆ แววตาของเธอดูเศร้าลงกว่าเดิมจากที่เคยเป็นอยู่
ทุกคนเงียบกริบฟังคำพึมพำของเธออย่างเงียบๆ ก่อนจะมีคนๆ หนึ่งเปลี่ยนเรื่อง
“เอาล่ะๆ เลิกเรื่องซีเรียสได้แล้ว! อย่าลืมเรื่องการแข่งที่เราตกลงกันไว้ ใครแพ้คนนั่นต้องไปทำงานเป็นเบ้พวกกรรมการนักเรียนนะ ฮ่าๆๆ” โมนาร์ชเป็นคนเปลี่ยนเรื่อง บรรยากาศเริ่มกลับมาสนุกสนานเหมือนเดิมอีกครั้ง
“ฉันชนะอยู่แล้ว J” เอ็มเพรสเผยร้ายยิ้มชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ออกมา
“หนทางแห่งความตายคือความประมาท ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีวันแพ้แน่ -_-” เรน่าพูดหน้าตายอันเป็นเอกลักษณ์
[ฉันรวยสุด เพราะงั้นฉันชนะแน่ J] เดลฟีนที่มีบทเศร้ามากที่สุด ตอนนี้เธอเปลี่ยนร่างกลายเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว
“ไอ้เรื่อง ‘รวย’ นั่นไม่เกี่ยวเลยนะยัยซึมเศร้า!” โมนาร์ชโวยวายใส่คนที่อวดฐานะตัวเองอย่างหมั่นไส้
[หึ
มันคือเรื่องจริงต่างหาก J] เดลฟีนแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจไม่แพ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเอ็มเพรส สาวๆ ในโต๊ะหัวเราะคิกคักกับการถกเถียงของโมนาร์ชกับเดลฟีน
ในที่สุดสงครามแห่งกฎระเบียบระหว่างประธานนักเรียนทั้งสี่โรงเรียนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(22/09/2554)
ในที่สุดก็ได้ลงบทนำแล้ว >_< ดีใจๆ เรื่องนี้สุ่มแต่งมาตั้งเดือนกว่าๆ หวังว่าทุกคนคงให้ให้การติดตามนะคะ ที่สำคัญที่สุดคือ
ช่วยกันเม้นจ้า~ ถือเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้มีกำลังใจจะแต่งต่อปายยย T^T ไว้มาต่อหลังจากมีเวลาว่างๆ แล้วกันน้า รักคนอ่านทุกคนเลย~
ความคิดเห็น