ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Darkness queen ปฏิบัติการโค่นล้มหัวใจจักรพรรดิสุดฮอต

    ลำดับตอนที่ #3 : Darkness Queen : Episode 1 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 54




    1

     
     

     

    แสงแดดอ่อนยอมเช้าสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณของ เอ็นชานเทรสไฮสคูลชื่อดังระดับโลกใจกลางยุโรป ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญของยุโรปในตอนนี้ จึงไม่แปลกที่นักเรียนชายหญิงทั้งหลายที่เดินขวักไขว่กันตามท้องถนนจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันในสังคมไฮโซ เพราะบรรดาเศรษฐีคนดังมีเงินทั้งหลายต่างส่งลูกหลานตัวเองมาเรียนที่นี่เพื่อเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าคุณเองอาจจะส่งลูกหลานตัวเองมาตกต่ำ!

    ใบหน้านักเรียนแต่ละคนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างก็มีใบหน้าอมทุกข์ เพราะอะไรคุณรู้ไหม? เพราะพวกเขาไม่เคยลำบากยังไงล่ะ ไม่ว่าใครก็ตามที่ย่างก้าวเข้ามาเรียนที่เอ็นชานเทรสโดยไม่เคยได้รับจดหมายเชิญจากที่นี่คนๆ จะไม่มีทางได้เชิดหน้าชูคอในไฮสคูลแห่งนี้! พวกเขาจะเป็นแค่ ชนชั้นคอมมอนต์

    ผิดกับนักเรียนที่ได้รับจดหมายเชิญจากทางไฮสคูลพวกเขาจะถูกยกให้เป็น ชนชั้นรอยัลถือเป็นนักเรียนที่มีความสามารถมากกว่านักเรียนธรรมดาทั่วไป และจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย โดยจะมีลำดับตำแหน่งแสดงอำนาจของรอยัลแต่ละคน นักเรียนที่มีอำนาจสูงสุดจะเป็นผู้ปกครองดูแลเอ็นชานเทรสทั้งห้าเขต ได้แก่เนเวอร์แลนด์ไวน์เนอร์รี่เอเวนเนียสวอนเลคและคริสตัลแคปปิตอล

    สงสัยแล้วล่ะสิว่าตำแหน่งสูงสุดของเอ็นชานเทรสคืออะไร? ตำแหน่งที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึงอย่าง จักรพรรดิหรือ เอ็มเพอเรอร์ไงล่ะ ถ้าเสิร์ชเรื่องราชวงศ์ของยุโรปในวิกิพีเดียแล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าตำแหน่งสูงสุดในยุโรปคือ จักรพรรดิและ จักรพรรดินีและตำแหน่งอื่นๆ ก็ไล่ลงไปเรื่อยๆ แล้วแต่ใครจะได้จดหมายให้เข้ารับตำแหน่งอะไร แต่คุณมีสิทธิปฏิเสธตำแหน่งได้นะ! …ขอบอกคุณไว้คงมีแต่คนคิดว่าคุณ โง่ถ้าคิดปฏิเสธคำเชิญจากเอ็นชานเทรส แต่ถ้าคุณไม่ปฏิเสธ! บอกได้เลยว่าคุณไม่เคยเลือกอะไรถูกเท่านี้ในชีวิตของคุณแล้ว!!!

     

    รถเมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดประทุนสุดหรูสีขาวสะอาดผ่านประตูทางเข้า เอ็นชานเทรส ไฮสคูล ไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนชายและหญิงที่เดินอยู่ตามท้องถนนในยามเช้าของวันนี้คงไม่มีใครไม่ชะเง้อมองเจ้าของรถที่นั่งอยู่ แต่คงไม่สามารถมองหน้าเขาชัดๆ ได้เพราะความเร็วที่เขาขับมันเหยียบร้อยเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มผู้เป็นเป้าสายตานักเรียนมากมายนับตั้งแต่หน้าประตูไฮสคูลไม่ได้สนใจป้ายกำหนดความเร็วในไฮสคูลที่ขับได้ไม่เกินแปดสิบเลยแม้แต่น้อย เขาตีหน้านิ่งเฉยเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีชาของเขาเหลือบไปมองตึกสีขาวสไตล์กรีกโบราณตึกอำนวยการใหญ่ของไฮสคูล ซึ่งเป็นจุดหมายที่แรกของเขาในวันนี้

                รถหรูลดความเร็วลงจอดเทียบฟุตบาทหน้าตึกบัญชาการจนสนิท สายตาอาจารย์ที่เดินเข้าออกตึกอำนวยการรวมทั้งนักเรียนที่เดินเพ่นพ่านไปมาต่างหยุดมองร่างสูงในชุดนักเรียนสูทสีดำที่ก้าวลงจากรถเปิดประทุน นักเรียนหญิงหลายๆ คนแทบทรุดลงไปกับพื้นเมื่อเห็นใบหน้าของเขา แม้แว่นกันแดดสีชาจะปิดบังหน้าเสี้ยวหนึ่งของเขาแต่ก็ไม่สามารถกลบออร่าความหล่อแรงของเขาได้ อาจารย์สาวๆ หลายคนแอบใจเต้นกับนักเรียนผู้มาเยือนคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อร่างสูงถอดแว่นกันแดดสีชาออก ก่อนจะเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปรกหน้าตัวเองขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียนใสที่แม้แต่ผู้หญิงยังอาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีบางบางสวย และนัยน์ตาสีเฮเซลนัทที่ฆ่าผู้หญิงทั้งร้อยได้โดยแค่เพียงสบตา แค่เพียงเขาย่างก้าวลงจากรถหรูความแรงของเขาก็แทบจะฉุดไม่อยู่ ดาราดังคนไหนคิดมาเทียบรัศมีเขาในตอนนี้ก็คงต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เพราะผู้หญิงทุกคนในบริเวณนี้เทใจให้เขาหมดแล้ว!

                เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแสดงความพอใจกับผลตอบรับรอบตัว แต่เขาคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั่นทำให้ผู้หญิงนับสิบเหมือนถูกฆ่าตายซ้ำสอง!

                ทุกคนยอมรับว่ารอยยิ้มเพียงเล็กน้อยของเขาสามารถฆ่าตนให้ตายทั้งเป็นได้

                ตอนนี้เหมือนเขากำลังจะนึกได้ว่าจุดหมายของเขาตอนนี้คือตึกบัญชาการ ไม่ใช่เวลามาโปรยเสน่ห์อันร้ายกาจของเขาเล่น ร่างสูงจึงรีบเดินเข้าไปในตึกบัญชาการโดยผ่านหน้านักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง เพียงแค่ลมเบาๆ ตอนที่เขาเดินผ่านหน้าพวกเธอไป กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขาทำพวกเธอใจเต้นไม่เป็นส่ำเป็นส่าย พวกเธอแอบนึกดีใจที่เขาใส่ สูทสีดำอยู่เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็น ชนชั้นคอมมอนต์เหมือนๆ กับพวกเธอ!

                เมื่อร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถงของตึกบัญชาการ สายตาเขาก็กวาดมองไปรอบๆ จนเขาสังเกตเห็นป้ายที่ห้อยไว้หน้าห้องห้องหนึ่ง

                ห้องผู้อำนวยการ

                ร่างสูงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปที่ห้องนั้นทันทีที่เห็น โดยเขาไม่คิดจะฟังคำทักท้วงของเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องผู้อำนวยการ เมื่อบานประตูเปิดเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือชายร่างแก่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารอยู่ ชายชราเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเบิกตากว้างและมอง ผู้มาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเริ่มเอ่ยทักทายเขาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

                “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแวร์ซายส์ ^^” ชายชราที่มีใบหน้าอบอุ่นส่งยิ้มทักทายเขา การต้อนรับแบบอบอุ่นทำให้ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เขาเช่นกัน

                “อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับท่านผู้อำนวยการอัลเบิร์ต ยินดีที่ได้พบท่าน” ชายหนุ่มร่างยื่นมือขึ้นเช็คแฮนด์กับผู้อำนวยการแห่งเอ็นชานเทรสตามมารยาท

                “ยินดีที่ได้พบเช่นกันครับแต่ว่าคุณแวร์ซายส์ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้มาล่ะ” ชายชราถามพร้อมกับกรอกสายตาลงสำรวจเสื้อผ้าของเขาที่เป็นชุดนักเรียนสูทสีดำ เขาเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะตอบคำถามของชายชรา

                “ผมแค่อยากจะลองสำรวจที่นี่ดูก่อนและอยากจะดูนิสัยใจคอ เธอดูก่อน เรื่องแบบนี้ผมทำใจยาก” เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

                ชายชราเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

                “ถ้านั่นเป็นความต้องการของคุณ ผมก็คงไม่อาจจะห้ามปรามอะไร แต่อย่าลืมว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณหวังจะให้คุณเรียนที่นี่นะครับ หวังว่าคุณคงเข้าใจที่ผมพูด ^^” ชายชรายกยิ้มมุมปาก

    เขาเห็นชัดๆ ว่าเป็นการบังคับให้เรียนทางอ้อม!

    “แล้วอีกอย่างหนึ่งคุณคงไม่ลืมนะครับว่า

    “รู้แล้วผมรู้แล้วไม่ต้องย้ำก็ได้ครับ -_-” เขารู้สึกหงุดหงิดที่ตาแก่จอมเจ้าเล่ห์ตรงหน้ากำลังจะเอ่ยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องออกมา

    “คุณอาจจะอยากเจอหน้าเธอ ผมแนะนำให้คุณไปหาเธอได้ที่คฤหาสน์คริสตัล ^^” ตาแก่ยิ้ม

    “กลัวว่าเห็นหน้าแล้วจะทำใจยากน่ะสิใครๆ ก็พูดกกันว่า เธอฉลาดเป็นกรดแต่นิสัยแย่เป็นที่หนึ่ง”

    “คุณได้ยินแค่คำล่ำลือด้านลบ คำร่ำลือด้านดีของเธอคุณคงจะต้องค้นหาด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ :)” ชายแก่ยิ้มกว้างแต่มันกลับดูแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง

    “ผมหวังว่าจะหามันพบนะครับด้านดีของเธอน่ะ”

     

                @Crystal castle

                ร่างบางในชุดนักเรียนคอปกกะลาสีสีขาวขอบสีดำ ส่วนชุดกระโปรงยาวเท่าเข่าเป็นสีขาว ที่คอผูกเนกไทสีขาวปลายเนกไทมีขอบสีดำ ที่แขนเสื้อและขอบกระโปรงมีแถบสีดำอยู่ ผมบลอนด์สีทองเป็นประกายปลิวไปตมแรงลมเบาๆ ที่พัดเข้ามาจากทางประตูระเบียงที่เปิดไว้ แสงแดดอ่อนยิ่งทำให้ผมของเธอดูส่องสว่างอย่างน่าอัศจรรย์จนชายหลายๆ คนอาจเคลิ้มฝันไปว่าเธอเป็นเจ้าหญิงผมยาวราพันเซล แต่เธอเป็นยิ่งกว่าเจ้าหญิง!

                เพราะเธออยู่ในฐานะเอ็มเพรสจักรพรรดินีแห่งเอ็นชานเทรส!

                ตำแหน่งสูงสุดของเอ็นชานเทรสตอนนี้ก็คือ เอ็มเพรส เธอถือเป็นนักเรียนที่มีความสามารถรอบด้านเพียบพร้อมไปหมดทุกด้าน ความรับผิดชอบสูงกว่าทุกๆ คน ทำให้เธอได้เข้าเรียนในตำแหน่งเอ็มเพรส

                ในเอ็นชานเทรสจะไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ไปกว่าเธออีกแล้วไม่มีจริงๆ

                มือเรียวสวยยิ้มบางๆ หลังจากภาพสามสาวที่ปรากฏในไอแพดปิดลง เธอค่อยๆ เก็บมันลงในกระเป๋าสะพายยี่ห้อหลุยส์ วิตตองใบสวยของเธอ เธอรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ กับประโยคที่เพื่อนๆ เธอพูดออกมา

    ทั้งฉัน โมนาร์ช และเรน่า คุยกันไว้แล้วว่าเรายกเขาให้เธอ…’

    อยากให้พวกเธอบอกเร็วกว่านี้ ตอนที่ฉันยังมีโอกาสไม่สิ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้เขามาตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเราก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆ

    เอ็มเพรส โมนาร์ช และเรน่า ฉันไม่กล้าบอกพวกเธอหรอกนะว่าฉัน

    คงดูแลเขาไม่ได้

                ร่างบางนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไอชาในถ้วยกระเบื้องตรงหน้าลอยขึ้นและส่งกลิ่นหอมของดอกกุหลาบสมกับที่เป็นชากุหลาบรสเยี่ยมที่เธอโปรดปรานเธอชอบที่จะนั่งในที่สงบๆ แล้วใช้ความคิดในยามว่าง โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ เวลาโปรดเธอเลยถ้าไม่มีคนมาป่วนน่ะนะ

                “เฮ้~ เดลฟีนเธอยังไม่ไปเข้าคลาสอีกเหรอ” เสียงทุ้มของ แมธธิวดังขั้นหลังจากที่เขาเห็นเธอที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือคนเดียวโดยที่ปิดประตูไม่สนิท

                ฉันหันไปมองต้นเสียง นึกว่าใครที่แท้ก็แมธธิวนี่เอง -_-^ เวลาว่างตอนเช้าอันมีค่าของฉันต้องเสียไปกับการที่แมธธิวเข้ามาชวนคุยอีกแล้ว ถ้าไม่เห็นว่ามีตำแหน่ง แกรนด์ดยุคผู้มีอำนาจอันดับสามของโรงเรียนห้อยคออยู่ฉันจะไม่เสียเวลาเสวนาด้วยเลยสักนิด เสียเวลา!

                “ถ้าฉันยังไม่ไปแล้วมันหนักหัวนายหรือไงแมธธิว -_-” ฉันตอบแมธธิวไปเบาๆ แต่วาจากลับเชือดเฉือนสิ้นดี ก็มันเสียเวลาใช้ความคิดฉันนี่นา หงุดหงิดๆ -_-^ 

    “มันก็ไม่ได้หนักหัวอะไรฉันหรอกแค่ไม่อยากให้เธอตกจากบัลลังก์เพราะไม่มีความรู้ที่จะดูแลเอ็นชานเทรส ฉันอุตส่าห์บอกด้วยความหวังดี อย่าพูดเชือดเฉือนกันดิ ไม่น่ารักเลย -_-;” แมธธิวพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมๆ

                “ฉันก็ไม่ได้อยากน่ารักนี่นา ถ้าน่ารักแต่ไร้สมองฉันก็ไม่ขอเป็นผู้หญิงแล้ว ถ้านายเป็นผู้หญิงนายลองเลือกดูว่าระหว่าง น่ารักแต่โง่กับ ไม่น่ารักแต่ฉลาดนายจะเลือกอะไร -_-” ใบหน้าเย็นชาของฉันทำแมธธิวต้องกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ

    นัยน์ตาสีฟ้าสดใสราวกับน้ำทะเลหากแต่ติดเย็นชามากเกินไปลากมามองแมธธิวอย่างคาดคั้น ตอนนี้แมธธิวคงไม่มีทางเลือกที่จะต้องตอบ

                “ฉันก็ต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว เพราะคนอย่างฉันคงไม่ยอมโง่หรอก -_-;” แมธธิวรู้ดีว่าถ้าเขาเลือกคำตอบไม่ตรงใจเดลฟีน เขาคงออกจากห้องหนังสือไม่ครบสามสิบสองแน่!

                “ตอบได้ดีนี่นา นายยังพอมีสมองอยู่บ้าง -_-

                “โห~ แสดงว่าเธอไม่เคยเห็นฉันมีสมองเลยเหรอเดลฟีน T_T” ตามมารยาทแล้วฉันควรจะตอบว่า ไม่หรอก นายออกจะอัจฉริยะอะไรประมาณนี้พร้อมกับฉีกยิ้มหวานแสนใสซื่อสไตล์นางเอก เฮอะ! ขอร้องฉันไม่ใช่นางเอก -_- ที่จะทำตัวไร้สาระอย่างนั้น ฉันแค่พูดตามความจริง!

                และไม่ถนอมน้ำใจ!!!

                “ใช่ ฉันคิดว่านายโคตรทำตัวไร้สาระ และโคตรไร้สมองเลย ฉันแนะนำให้นายไปเกิดใหม่ดีกว่านะ ถึงหน้าตานายจะดี แต่นิสัยกวนๆ แบบนี้ ฉันว่านายคงอยู่ร่วมโลกกับฉันยากถ้านายไม่ไปเกิดใหม่ซะ -_-” ฉันพูดโดยที่ใบหน้ายังเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

                “แรงอ่ะ TOT” แมธธิวโวยวาย  ฉันเห็นแมธธิวทำหน้ากวนประสาทตาแล้วหงุดหงิดจริงๆ ไปไกลๆ ได้ไหมเนี่ย รกหูรกตาจัง -O-^

                “ถ้าหมดธุระเชิญออกไป ประตูอยู่โน่น หวังว่าคงไปถูกนะ -_-” ฉันชี้ไปทางประตู แมธธิวทำหน้ามุ่ยก่อนจะตอบว่า

                “แค่นี้ฉันรู้น่า ใครว่าเธอฉลาดคนเดียว เธอแค่ยังไม่เคยเจอคนที่ฉลาดกว่าเธอเท่านั้น” แมธธิวทิ้งท้ายให้เดลฟีนครุ่นคิดกับคำพูดของเขา

                คนที่ฉลาดกว่างั้นเหรอ

              ฉันยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ ว่า

                “คนที่ฉลาดกวาฉันจะไปมีได้ยังไงกัน ”


    ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีแขกเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ฉันรออยู่ก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกับรอยยิ้มแสนอบอุ่นราวกับเจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์ในฝันของหญิงสาวหลายๆ คน ถ้ามองใบหน้านั้นรวมๆ กับชุดนักเรียนสูทสีขาวสะอาดที่เขาส่วมอยู่ ขอบอกว่าเขาไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายขี่ม้าขาวผู้งามสง่าสมกับเป็น ‘ทีไทม์ผู้เป็นเจ้าของตำแหน่ง เคานท์ผู้มีอำนาจเป็นอันดับที่สิบเอ็ดแห่งเอ็นชานเทรส

                    “เดลฟีนเธอนัดฉันมาตอนเช้าวันจันทร์อย่างนี้มีอะไรหรอเปล่า” เสียงทุ้มที่น่าฟังของทีไทม์เอ่ยขึ้นโดยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มยังไม่จางหาย ใครๆ ก็บอกว่าเขาคือเทพบุตรเดินดินที่หาตัวจับได้ยาก…

                    ทีไทม์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับฉัน ฉันจึงรินน้ำชากุหลาบลงในถ้วยชาอีกใบแล้วจึงยื่นไปวางตรงหน้าของเขา ร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยิ้มบางๆ พร้อมกับรับถ้วยชาไปดื่ม เวลาเช้าๆ แบบนี้การดื่มชาเป็นอะไรที่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

                    “ฉันจะชวนนายโดดเรียนวันนี้” คำพูดของฉันทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสวยต้องสำลักชาแสนอร่อยจนได้

    ทีไทม์เงยหน้าขึ้นสบตาฉันอย่างประหลาดใจ

                    “เธอชวนฉันโดดเรียนเนี่ยนะ O_o!” หน้าตื่นๆ ของทีไทม์ทำฉันแอบขำนิดๆ ที่เขาตกใจคงเพราะว่าฉันไม่เคยมีประวัติการโดดเรียนมาก่อนเลย กำลังจะมีวันนี้นี่แหละ!

                    “แปลกตรงไหน วันนี้ฉันมีธุระที่เอเวนเนีย นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ

                    “ธุระที่เอเวนเนียแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องลงทุนโดดเรียนไปกับเธอล่ะ -_-;” ทีไทม์ยกน้ำชาขึ้นดื่มอีกครั้ง

                    “ฉันจะไปหาชาเปล” ชื่อบุคคลที่สามในบทสนทนาทำเอาทีไทม์ชะงัก ก่อนจะถามต่อ…

                    “เธอเป็นแฟนมันหรือไงถึงต้องไปหามันเนี่ย -*-“ ทีไทม์ทำหน้าบึ้งๆ และขอทีไอ้คำว่า แฟนเนี่ยอย่าเอามาใช้พูดเล่นๆ กับฉัน มันฟังไม่เป็นมงคล -_-^

                    ฉันไม่คิดจะมีใคร ยกเว้นเขาคนนั้นคนเดียว

                    “ไม่ใช่! ฉันแค่ไปคุยธุระมันแปลกมากนักหรือไง -_-^” ทีไทม์ฟังฉันพูดแล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด ถ้าจะมองกันด้วยสายตาแบบนี้ฉันไปคนเดียวจะดีกว่าจะดีกว่าไหม?

                    “ทำไมเธอไม่เรียกมันมาหาที่นี่ล่ะ ทีฉันเธอยังโทรไปตามมาจากไวน์เนอร์รี่เลย -O-”

                    “เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์น่ะสิ แล้วจะให้เขามาได้ยังไง -_-^

                    “เสียเวลาเรียนฉันชะมัด -^-” คำพูดของเขาทำให้ฉันสำลักชากุหลาบไปแล้ว เขาทำหน้าตกใจและรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองยื่นให้ฉัน ฉันสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของเขาเหมือนคนกำลังกลั้นหัวเราะ!

                    “ตกลงนายจะไปเป็นเพื่อนฉันไหม” ฉันรีบหาทางกลบเกลื่อนเรื่องน่าอับอายทันที

                    “เมื่อพระจักรพรรดินีมีราชโองการมาทีไทม์คนนี้ก็คงขัดไม่ได้ เอาเป็นว่าฉันจะยอมไปเป็นเพื่อนเธอด้วยความเต็มใจแล้วกัน  .V.

                    ทีไทม์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะผายมือเป็นเชิงเชิญฉันออกไปก่อน แต่หน้าตาของเขามันเหลือรับจริงๆ บึ้งตึงอย่างกับเด็กโดนอดขนม ฉันไม่ได้ขอให้นายไปตายเป็นเพื่อนฉันซะหน่อย -_-^^^

                    ฉันและทีไทม์เดินลงมาจากชั้นสอง สายตาของฉันสะดุดที่ร่างสูงในชุดนักเรียนสูทสีขาวแบบเดียวกับทีไทม์ที่นั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่สีเลือดหมูตัวยาวกลางห้องโถง ฉันขมวดคิ้วออกมาทันทีที่เห็น เพราะเขาเพิ่งกวนประสาทฉันไปราวสิบห้านาทีที่แล้ว

                    “แมธธิว!” ฉันเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงดุๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันสลับกับทีไทม์ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เราทั้งสอง ฉันจึงถามต่อ “นายไม่ได้ไปเข้าคลาสแล้วเหรอ”

                    “เห็นทีไทม์มาหาเธอฉันเลยคิดว่าคงมีเรื่องน่าสนุกเลยจะโดดเรียนบ้าง ^O^” แมธธิวยิ้มกว้างสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการโดดเรียน -_-;

                    “นายอยากโดนฉันด่านายอีกรอบใช่ไหม -_-^

                    “พาฉันไปเอเวนเนียด้วยเถอะนะเดลฟีน  T^T” เฮอะ! กราบฉันสิถึงจะพาไป เอ๊ะ? แมธธิวรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปเอเวนเนีย!!?

                    “เดี๋ยวนะนายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปเอเวนเนีย นายแอบฟังฉันคุยกับทีไทม์ใช่ไหม -_-+” ฉันส่งสายตาพิฆาตไปทางแมธธิว คนถูกถามถึงกับเหงื่อซึม

                    “เอ่อ…ฉันเปล่านะแค่ประตูมันปิดไม่สนิทเท่านั้นเอง (‘ ‘; )

                    “มันก็คือแอบฟังนั่นแหละ หรือนายจะเถียง -_-++

                    “ขอโทษครับ TOT

                    ทีไทม์หลุดขำออกมากับท่าทีของฉันกับแมธธิว ที่ไม่ต่างอะไรกับแมวที่กำลังข่มหนูให้กลัวอยู่ ฉันไม่ใช่แมวธรรมดานะฉันเป็นเสือโคร่งเลยแหละ!

                    “นายหุบปากได้แล้วทีไทม์ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!” ฉันหันไปสั่งทีไทม์ที่ยังหัวเราะอยู่ ทีไทม์พอโดนฉันตวาดก็เงียบลงทันที ฉันจึงหันไปสั่งแมธธิวบ้าง “ส่วนนายไปขับรถเลยไป วันนี้นายสองคนเป็นคนรับใช้ฉันแล้วกัน”

                    “TOT>> แมธธิว

                    “^^;>> ทีไทม์

                    “นิ่งอยู่ได้ไปกันได้แล้ว จะรออาจารย์มาลากคอกลับไปเข้าคลาสเรียนหรือไง -_-^” ฉันพูดจบก็เดินนำทีไทม์และแมธธิวออกไปทันที ทั้งสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามหลังฉันออกมาโดยไม่มีบ่นสักคำ

                    ก็ลองบ่นดูสิ และพวกนายจะหนาว -_-+

                    ทีไทม์ยื่นกุญแจรถของเขาให้แมธธิว เพราะเราตกลงกันว่าจะเอารถของทีไทม์ไป แมธธิวจึงรับกุญแจและเดินไปทางฝั่งคนขับของรถเบนซ์สีดำสุดหรู ทีไทม์เดินมาเปิดประตูรถให้ฉันอย่างสุภาพ

                    การมีคนรับใช้ไปเยอะๆ มันคงดีแบบนี้ล่ะมั้ง -^-

                    รถสุดหรูเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์คริสตัลคฤหาสน์ของชนชั้นรอยัลประจำเขตคริสตัลแคปปิตอลซึ่งเป็นเขตที่เป็นศูนย์กลางของเอ็นชานเทรส ตึกบัญชาการของไฮสคูลก็อยู่ที่นี่การติดต่อกับทางโรงเรียนจึงต้องมาที่เขตนี้

                    ตำแหน่งของฉันคือ ‘เอ็มเพรสก็คงไม่แปลกที่จะต้องอยู่ประจำการที่เขตกลางของไฮสคูลถ้าเป็นโรงเรียนทั่วๆ ไปฉันคงไม่ต่างจากประธานนักเรียนเท่าไหร่ แต่พอดีที่นี่มีคำเรียกที่สวยหรูเท่านั้นเอง :P

                    รถสีดำเงาขับเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่เข้าสู่เขตเอเวนเนียถิ่นปกครองของ ‘ชาเปลท่าน มาควิสผู้มีอำนาจเป็นอันดับแปดของเอ็นชานเทรสเป็นผู้ดูแลเขตเอเวนเนียทั้งหมด แต่อย่าคิดว่ามันตำแหน่งใหญ่เท่าฉันนะ ฉันปกครองเขตทั้งห้าอีกที ก็คิดดูว่าใครใหญ่กว่าใคร -_-^

                    ตลอดทางตั้งแต่เข้าเขตเอเวนเนียก็มีแต่ต้นเมเปิ้ลร่วงโรยตลอดทาง ถึงจะอยู่ในไฮสคูลเดียวกันแต่เขตต่างๆ ก็มีสภาพภูมิอากาศที่ต่างกันที่เอเวนเนียจะเหมือนมีแต่ฤดูใบไม้ร่วงตลอดทั้งปีผิดกับที่คริสตัลแคปปิตอลที่มีอากาศอบอุ่นเหมือนเป็นฤดูใบไม้ผลิตลอดปี ฉันว่าฉันชอบใบไม้สีแดงแบบนี้นะเวลามันร่วงลงมาให้ความรู้สึกสงบดี เหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือ >_<

                   

                    “ถึงคฤหาสน์ฮันนี่เคลชแล้วครับเอ็มเพรส” แมธธิวลงจากรถเป็นคนแรก ก่อนจะเป็นทีไทม์ที่เดินลงมาเปิดประตูให้ฉัน สายตาของฉันมองไปรอบคฤหาสน์ ฮันนี่เคลชคฤหาสน์ประจำเขตเอเวนเนีย ดูๆ ไปแล้วมันไม่ต่างอะไรจากคฤหาสน์ร้างเลยนะ -_-;; สังเกตได้จากใบเมเปิลที่เกลื่อนกลาดบนพื้นเหมือนไม่ได้กวาดมาเป็นปี สภาพภายนอกของคฤหาสน์มันดูมืดๆ (เก่าด้วย) รู้สึกเหมือนจะมีผีโผล่ออกมาหลอกเลย =_=;;

                    เอ่อฉันคิดถูกหรือเปล่าที่มา =O=;;

                    “สภาพเหมือนร้างมาได้สิบปีเลยนะเนี่ย -O-;;” แมธธิวพูดพร้อมกับเอาเท้าเขี่ยๆ กองใบเมเปิลที่เกลื้อนพื้น ฉันเห็นด้วยกับแมธธิวนะ -_-;;

                    “เหมือนจะไม่มีใครอยู่ด้วยนะ เรากลับกันดีไหม ฉันว่าอยู่นานๆ แล้วสุขภาพจิตไม่ค่อยจะดี =O=;” ทีไทม์เสนอความคิดเห็นซึ่งแมธธิวรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

                    “งั้นเรากลับกันเถอะ” ทีไทม์กำลังจะหันหลังกลับไปที่รถ แต่…

                    “ไม่ ฉันต้องเข้าไปสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ก่อน ฉันถึงจะยอมกลับไป -_-” ฉันเดินเข้าไปที่ประตูไม้โอ๊กบานเก่าแก่โดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร ก่อนจะเคาะประตูแรงๆ เอาให้มันได้ยินกันไปถึงชั้นสามเลย

                    ก็อกๆๆ

                    เงียบ~

                    ก็อกๆๆๆ

                    ยังคงเงียบชี่~

                    ก็อกๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆ

                    ไอ้บ้าชาเปลออกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันแน่ใจว่านายอยู่ในนั้น >O<^

                    “เอ่อ…เดลฟีนเราลับกันเถอะไอ้ชาเปลมันคงไปเรียนแล้วมั้ง” ทีไทม์ออกความคิดเห็นเมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกมาจากในบ้านที่มืดมิด

                    “ใช่ๆ กลับเถอะ >_<” แมธธิวสนับสนุนทีไทม์ที่ชวนฉันกลับ

    ฉันไม่ได้พูดอะไรเพราะตอนนี้ ฉันไม่ยอมกลับหรอก! คนอย่างชาเปลไม่เข้าคลาสตอนเช้าหรอกเพราะต้องมัววุ่นอยู่กับหนังสือพิมพ์ฉบับของวันใหม่ทุกๆ เช้า ฉันต้องลากชาเปลออกมาจากคฤหาสน์นี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่เดลฟีนแล้ว >O<! ฉันหันซ้ายหันขวามองหาอะไรบ้างอย่าง พอพบแล้วฉันจึงก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาและเหยียดยิ้มอย่างสะใจ ชาเปลนายต้องออกมาต้อนรับเราแน่!

    “เดลฟีนเธอจะทำอะไร นั่นมัน…!!!” ทีไทม์เบิกตากว้างอย่างตกใจ ส่วนแมธธิวอ้าปากเหวอไปก่อนแล้ว

    หึ! จำไว้นะชาเปลคนอย่างฉันมักทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้

    เพล้ง!!!

    ฉันเหวี่ยงก้อนหินที่อยู่ในมือขึ้นไปกระแทกกระจกชั้นสองจนแตกละเอียด เสียงกระจกดังไปทั่วบริเวณคฤหาสน์ ไม่ว่ามุดอยู่ในส่วนไหนก็ต้องได้ยินแน่ นี่แหละวิธีการลากคนอย่างชาเปลออกมา -_-^

    “เดลฟีน!!!” เสียงร้องของทีไทม์และแมธธิวดังประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพียง

    ฉันไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่แสยะยิ้มมองไปทางประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ตรงหน้าด้วยความมั่นใจว่าชาเปลต้องรีบร้อนออกมาเปิดด้วยหน้าตาบูดบึ้งแฝงด้วยความหงุดหงิด ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ …

    ไม่เคยมีอะไรที่ฉันคำนวณพลาด

    หนึ่ง

    สอง

    สาม…!!!

    ปัง!!!

    ประตูไม้โอ๊คที่ปิดล็อกอย่างแน่นหนาถูกเปิดออกเผยให้เห็นหน้าตาบูดบึ้งของชาเปลที่กำลังเกาหัวด้วยความหงุดหงิด …เป็นไปตามที่คาดเอาไว้จริงๆ

    “เดลฟีนเธอทำกระจกคฤหาสน์ฉันแตก -_-^” ชาเปลออกมาพร้อมกับเริ่มทำการคาดโทษฉันตั้งแต่เห็นหน้า คำทักทายตอนเจอหน้ากันเนี่ยไม่มีสักคำ มารยาทโคตรดี (ประชด)

    “เรื่องกระจกช่างมันก่อนเถอะฉันมีธุระจะคุยกับนาย -_-” เป้าหมายของฉันแค่คุยธุระกับชาเปลเรื่องอื่นไว้เคลียร์ทีหลัง

    “-_-^” ชาเปลทำหน้าหงุดหงิดเพราะเขาสนใจเรื่องกระจกมากกว่า ไม่เห็นความสำคัญกับธุระที่ฉันจะคุยเนี่ยฉันหงุดหงิดนะ -_-^^^

    “ไว้ฉันจะส่งคนมาทำกระจกให้ใหม่พอใจยัง -_-^” ฉันมองหน้าบอกบุญไม่รับของชาเปลที่ยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ เขายังคงหงุดหงิดไม่หายที่ฉันทำคฤหาสน์อันเป็นที่ซุกหัวนอนของเขาเสียหาย คฤหาสน์ร้างแบบนี้มันน่าหวงตรงไหน -_-

    “มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันไม่ค่อยชอบต้อนรับแขกนักหรอกนะ -_-^” ชาเปลเดินเข้าไปเปิดไฟในห้องรับแขก ฉันและคนใช้ (หน้าหล่อ) ทั้งสองค่อยๆ เดินตามเขาเข้าไปที่ห้องรับแขก เห็นสภาพแล้วอยากจะอุทานออกมาดังๆ ว่า

    นี่มันคฤหาสน์คนหรือผีกันแน่!!!

    โคตรรกรุงรังยิ่งกว่ารังหนู สูทผาดอยู่ตามโซฟาเต็มไปหมด บ้านก็มืดจนจะมองไม่เห็นอะไร ถ้วยชากาแฟที่ไม่ได้ล้างวางเกลื้อนไปทุกมุมของห้องนั่งเล่น กระดาษที่ขีดๆ เขียนๆ ถูกทิ้งไว้เรี่ยราดตามพื้น หนังสือที่ไม่ได้จัดเข้าชั้นกองกันสูงเท่าภูเขา รู้สึกเมื่อกี้ฉันเหมือนเห็นหนูตัวเท่าแมววิ่งตัดหน้าไปด้วย หลอนสุดๆ =O=;

    “ไอ้ชาเปลนายเคยทำให้คนมาทำความสะอาดบ้างไหมว่ะ ฝุ่นจะหนากว่าผ้าห่มอยู่แล้ว =O=;” แมธธิวถามชาเปลหลังจากที่เขาลองเอามือถูเฟอร์นิเจอร์ดูปรากฏว่ามือดำสนิท ศูนย์วิจัยเพาะพันธุ์เชื้อโรคของเอ็นชานเทรสหรือไงเนี่ย ไม่สินี่มันที่ทิ้งขยะชัดๆ เชื้อโรคเต็มเลย =_=;

    “ไม่เคย มันรบกวนการทำงานของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับงานของฉัน” ชาเปลตอบพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยว หน้าของเขาไม่รับแขกเลยแม้แต่น้อย “มีอะไรก็รีบพูดมา”

    ฉันนั่งลงที่โซฟาตัวยาวตรงข้ามกับชาเปล (สาบานได้เลยว่าฉันปัดฝุ่นมันก่อนนั่งแต่มันก็ยังหนาเท่าเดิม) ก่อนจะตามด้วยทีไทม์ที่ดูเหมือนจะสำลักฝุ่นเข้าไปเยอะเลยไอออกมารัวเลย ส่วนแมธธิวเดินสำรวจรอบๆ ห้อง (ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น)

    รีบๆ คุยและรีบๆ กลับดีกว่าสุขภาพจะได้ไม่ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้ >_<

    “ฉันคิดว่านายคงรู้เรื่องที่ว่าจะนักเรียนใหม่ที่เป็นชนชั้นรอยัลมาเข้าเรียนแล้วใช่ไหม” คำพูดของฉันเรียกความสนใจของชาเปลได้เป็นอย่างดี ชาเปลเลิกคิ้วก่อนจะตอบ…

    “ใช่ฉันรู้”

    “ฉันอยากรู้รายละเอียดนายช่วยสืบมาให้หน่อย”

    “ฉันไม่ใช่คนใช้เธอเหมือนไอ้สองคนนี้ -_-” ชาเปลพูดโดยเหลือบมองทีไทม์และแมธธิวด้วยสายตา สมเพช แมธธิวทำท่าฮึดฮัดเหมือนกับไม่พอใจที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น ส่วนทีไทม์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่ในใจก็หงุดหงิดอยู่นิดๆ

    “แล้วนายไม่อยากรู้เหรอว่ารอยัลคนใหม่จะเป็นใคร …แล้วจะมีอำนาจแค่ไหน”

    “ถ้าฉันอยากจะรู้ฉันจะไปสืบเอง ฉันบอกเธอได้แค่ว่าคนๆ นี้…ไม่ธรรมดา” ชาเปลเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัย นั่นมันยิ่งทำให้ฉันสงสัยมากขึ้น เขาบอกต่อว่า คนๆ นี้จะทำให้เธอแทบจะสำลักเลยล่ะ”

    “นายรู้อะไรมาใช่ไหม” ฉันถามเสียงดุ ข้อสงสัยทุกอย่างฉันต้องรู้ให้ได้ฉันไม่เคยปล่อยให้อะไรค้างคาใจต้องหาคำตอบจนถึงที่สุด นั่นแหละคือเดลฟีน…

    “ไม่รู้สิ” ชาเปลฉีกยิ้มและตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้

    แต่ฉันคิดว่าเขารู้!

    “นายบอกมาดีกว่าว่านายรู้อะไรมา” ฉันกำมือแน่นไฟโทสะกำลังลุกโชน ฉันไม่ชอบให้ใครกวนประสาท! และข้อสงสัยทุกอย่างฉันต้องรู้!

    “ฉันว่าเธออย่ารู้เลยดีกว่า มันจะเป็นการดีต่อตัวเธอเองนะ” ชาเปลเอนตัวลงพิงพนักอย่างสบายๆ พร้อมกับหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกมาเปิดดู

    “นายก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ถ้าฉันอยากรู้อะไรฉันก็ต้องรู้ให้ได้!” ฉันลุกขึ้นตบโต๊ะรับแขก แมธธิวที่กำลังถือหนังสือเล่มหนาขึ้นมาดูถึงกับตกใจทำหนังสือหลุดมือลงพื้นทันที

    “แต่ฉันขอแนะนำเธออย่ารู้เลยดีกว่า ฉันไม่อยากเห็นเธอสติแตก แค่ทุกวันนี้เธอก็อาละวาดมามากพอแล้ว ยังจะอาละอาดอะไรให้มากมายอีก” ชาเปลวางหนังสือลงที่เดิมและลุกขึ้นยืน “เสียใจฉันไม่มีอะไรจะบอกเธอ”

    ชาเปลโค้งให้ฉันและเดินหายออกไปจากห้องรับแขกทันที ทิ้งให้ฉันต้องมีแต่ความสงสัยและความหงุดหงิดที่นับวินาทีจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาโลกแตกหรือไงเนี่ยที่ไม่มีใครยอมเฉลยสักที -O-^

    รอยัลแต่ละคนทำไมมันเจ้าเล่ห์อย่างนี้ รู้อะไรมาอุบอิบเก็บไว้คนเดียวทั้งๆ คนที่ถามคือฉัน …ฉันคนนี้นะ! เอ็มเพรสผู้ยิ่งใหญ่ของเอ็นชานเทรส ฉันอุตส่าห์ถ่อมาถึงเอเวนเนียเพื่อให้แก้ข้อสงสัยกับชาเปลที่น่าจะรู้ดีที่สุด เพราะเขาเป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของไฮสคูล ทุกเรื่องไม่ว่าข่าวเท็จหรือจริงต้องผ่านหูและการพิจารณาของเขาหมด

    มาเสียเวลาชะมัด รู้อย่างนี้สืบเองดีกว่า -_-^

    ฉันว่าเธออย่ารู้เลยดีกว่า มันจะเป็นการดีต่อตัวเธอเองนะ

    ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ!

    ขอโทษนะชาเปลนายเตือนผิดคนแล้ว!

    “พวกเรากลับ!” ฉันบอกทีไทม์และแมธธิวที่เงียบมานาน ทั้งสองคนไม่ได้ถามอะไรมาก และฉันก็ไม่อยากให้ซักไซ้อะไรด้วย เท่าที่พวกเขาได้ยินก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว ถ้าพวกเขาฉลาดพอน่ะนะ -_-;

     ----------------------------------------------------------------------------------------------------


     


    (08/10/2554)

    หนุ่มหล่อโผล่ออกมาตั้งสามคน นี่ยังแค่ออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย ^O^ ยังมีอีกหนุ่มๆ อีกหลายคนรออยู่ แต่ไม่ได้มีแต่หนุ่มๆ หรอกนะ สาวๆ ก็มี >_< รอดูต่อไปว่านางเอกของเราจะวางแผนทำอะไรต่อไป แต่ที่แน่ๆ อีกไม่นานทุกคนได้เจอ ไดนาสตี้แบบครบทีมแน่ๆ วันนี้แอบเอาอีกหนึ่งหนุ่มหล่อในกลุ่ม 'ไดนาสตี้' มาให้เชยชม โปรดรับ 'ชาเปล' ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยคนนะคะ >_<// ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า รักนักอ่านทุกคน~



    (26/09/2554)

    กลับมาอีกครั้งแล้วเจ้าค่า >O< คิดถึงกันไหมค่ะ? อย่าบอกว่าไม่นะเดี๋ยวไม่อัพต่อซะเลย -^- ถ้าคิดถึงขอเสียงดังๆ ฮ่าๆๆ วันนี้ก็นำเอาตอนที่หนึ่งมาลงให้คลั่งเล่นๆ ไป 40% ก่อน รอมีคนเรียกร้องเยอะๆ ก่อนถึงจะลงครึ่งหลังให้แบบว่าเรื่องนี้หวงพระเอกอ่ะ คิกๆๆ แต่พระเอกของเราจะออกมาราวๆ ตอนที่สองนะจ๊ะอยากเจอคนหล่อๆ รอตอนสอง เอาล่ะเม้นนนนน แสดงความคิดเห็นก็ได้ก็ได้ทีเถอะวิจารณ์คนแต่งก็ได้เราไม่ว่าหรอกเราเป็นคนอารมณ์โกรธง่ายหายเร็ว >_< ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆ ไปล่ะดีกว่า รักคนอ่านทุกๆ คนเลยค่า ^O^  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×