ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gang Of Heaven - คณะเดินทางกู้พิภพ

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 22 : เดินทางสู่นรกภูมิ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 40
      3
      12 มิ.ย. 64

    กลุ่มของทองอินทร์เดินทางกันต่อเพื่อเข้าเมืองเชียงแสน ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรซ่อนอยู่ บรรยากาศโดยรอบตอนนี้ หิมะเริ่มจะละลาย รวมถึงอากาศก็เริ่มอบอุ่นยิ่งขึ้น พวกเขาเดินต่อไปโดยที่แทบจะไม่มีพวกปีศาจมาคอยขัดขวางเลย ทำให้การเดินทางค่อนข้างราบรื่น

    “โห หิมะเริ่มจะละลายแล้ว อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น ข้าปรับตัวแทบจะไม่ทันเลย” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่ากองทัพสวรรค์คงยกทัพลงมาแล้ว พวกปีศาจคงกำลังหลบหนีกันหล่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ขอให้มันจบเพียงเท่านี้เถิด มิเช่นนั้นมันคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ข้าเองก็เบื่อเต็มทน” นาราพูดขึ้น

    “คงอีกไม่นานหรอก บัดนี้กองทัพสวรรค์กำลังบดขยี้พวกมัน เราคงจะได้แยกย้ายกันจริงๆหล่ะคราวนี้” คาวีพูดขึ้น

    “ขอให้เป็นอย่างงั้นเถิด ข้าเองก็ไม่อยากลงไปลุยในนรกเช่นกัน ข้ากลัวความร้อนหน่ะ” วารีพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ อนาเลียก็ได้ยินเสียงของวีเกอร์ร่าอีกครั้ง ในคราวนี้เสียงของนางค่อนข้างจะดุดันกว่าแต่ก่อน

    “ซิลลินเรีย วีรกรรมของพวกเจ้า ทำให้นางไม่มีทางเลือก นางกำลังลงมาเล่นเกมนี้เองแล้ว!!” 

    “อนาเลีย เป็นอันใด นี่เจ้าได้ยินเสียงนั่นอีกแล้วใช่หรือไม่??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย

    “ใช่ ในครานี้มันดุดันมากขึ้น ดูเหมือนว่าคราวนี้ ไนอาลาโธเทปคงจะเอาจริงกับเรื่องนี้แล้วหล่ะ” อนาเลียพูดขึ้น

    “ไนอาลาโธเทป หมายถึงเจ้าแห่งเกรย์โอลด์วัน ที่ท่านฤๅษีเทพบอกงั้นหรือ??” วารีถามไป

    “แต่ว่า ท่านกุมารเทพ ท่านไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางไนอาลาอะไรนี่เลยหรือ??” เมรีถามอย่างสงสัย

    “ข้าเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก รู้เพียงแต่นางนำทัพเกรย์โอลด์วันทั้งปวงเข้ารุกรานโลกนี้หน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “แต่ว่านางก็มิเห็นมีตัวตนนี่ แล้วเราจะต้องกังวลอันใดเล่า??” เวียงพิงค์ถามไป

    “ข้าว่า นางอาจจะสะสมกำลังเพื่อเตรียมเข้ารุกรานโลกอีกคราเป็นแน่” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ถ้านางจะสะสมกำลัง คงต้องไปเจอกับพวกของอาชิซะ ใช่หรือไม่??” ธิดาถามไป

    “เป็นไปได้อย่างไร อาชิซะโดนไปขนาดนั้น ยังรบได้อีกหรือ??” แสนคำสมิงถามไป

    “โดนไปแค่นั้นมิเป็นไรมากดอก อย่างมากก็แค่รอเวลาฟื้นพลังหน่ะ” นรสิงห์พูดขึ้น

    “นี่เราต้องสู้กับปีศาจหมื่นปี รวมถึงเทพแห่งเกรย์โอลด์วันอีกเหรอเนี่ย??” เทเรซ่าถามไป

    “แต่เราก็มีเทพเจ้ามาช่วยรบกับเรานี่ ไม่เห็นต้องกังวลอันใดเลย” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “มันก็จริงอยู่ ที่เท่าที่เคยฟังสงครามของเกรย์โอลด์วัน กว่าจะปราบได้ เหล่าเทพก็ล้มตายไปมากนี่” วาทินพูดขึ้น

    “แต่ถึงอย่างไร เกรย์โอลด์วันที่ได้รับพลังปีศาจไป จะปราบได้ด้วยพลังเทพเจ้านะ” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ใช่ แต่ดูเหมือนไอ้ตัวที่เราเจอมัน มันแทบจะไม่ได้รับพลังปีศาจเลย” มาร์คัสพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วแต่ละตัวก็สุดยอดพลังเลย ฝีมือดีกว่าเทพเจ้าบางคนเสียอีก” อเล็กซพูดขึ้น

    “ถ้าเจอไอ้ตัวแห้งสองตัวนั้น ข้าจะเลาะฟันมันออกมาทั้งคู่เลย” มายะพูดขึ้น

    “เย็นไว้ อาจจะเป็นเจ้าที่จะโดนเลาะฟัน พวกมันร้ายกาจกว่าที่เราคิด” โชพูดขึ้น

    “อืม ข้าลองพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีพลังอันแก่กล้าอยู่ในเมืองเชียงแสนนั้น” สมบาติพูดขึ้น

    “โห มีพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอท่าน??” ไวโอเล็ตถามไป

    “เอาเถิด ถึงอย่างไพวกเราก็ไม่กลัวพวกมันหรอก ให้มันมาเถอะ” ฉางหลงพูดขึ้น

    “อืม จะว่าไป เมืองเชียงแสนในตอนนั้น กองทัพอโยธยาเลยยกกำลังมานี่ แต่ข้าจำชื่อแม่ทัพมิได้” อองโม่โยพูดขึ้น

    “งั้นหรือ แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเรื่องนี้หล่ะ??” ออเรเลียถามไป

    “มันอาจจักมีพลังของขุนพลปีศาจซึ่งอยู่ในเมืองก็ได้ รอเพลาโจมตีหน่ะ” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “แต่ข้าว่า มันคงมิมีโอกาสได้โจมตีอีกแล้วหล่ะ” ชอว์นพูดขึ้น

    “เฮ้อ ปล่อยให้พวกมันหนีไปเถิด เราจักไปฆ่ามัน” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “ข้าว่า ป่านนี้พวกเทพกำลังค้นนรกสวรรค์ตามล่าพวกมัน” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “ให้ตามล่าไปเถิด จะได้ไม่ต้องร้อนถึงพวกเราหน่ะ” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “แต่ถึงอย่างไร หากพวกเรามีงานเพิ่ม ก็ต้องทำตามที่ได้รับบัญชามานะ” หลี่เจาพูดขึ้น

    “นั่นสิ หากพวกมันยังไม่สิ้น งานของเราก็ยังไม่สมบูรณ์หน่ะ” อิริยะพูดขึ้น และไม่นานนัก จู่ๆ เฟยหลิงก็แวบมาหาทุกๆคนเพื่อทักทาย ทำเอาทุกคนตกใจเมื่อได้เห็นเธอ

    “เป็นยังไงบ้างหล่ะพวกเจ้า??” 

    “เฟยหลิง มาพอดีเลย สถานการณ์บนสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง??” หลี่เจาถามอย่างสงสัย

    “บัดนี้พวกมันกำลังถูกไล่ต้อนจนตกสวรรค์ อีกไม่นานพวกเราจะลงมายังพื้นพิภพเพื่อตามล่าพวกมันแล้ว!!” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “โห ถ้าเช่นนั้นก็นับเป็นข่าวดีหน่ะสิ” เมรีพูดขึ้น

    “ใช่เลย บัดนี้เรื่องของพวกเจ้ากำลังโด่งดังบนสวรรค์เลยหล่ะ” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “โห นี่เราเป็นคนดังแล้วเหรอนี่ คงได้ไปเยี่ยมเยือนสวรรค์เสียแล้ว” คาวีพูดขึ้น

    “นั่นสิ ถึงตายก็รับประกันได้ว่าขึ้นสวรรค์เป็นแน่” วารีพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ท่านไม่ไปร่วมสู้กับคนอื่นๆหรือ??” เวียงพิงค์ถามไป

    “พวกเขาจัดการได้อยู่แล้ว ที่ข้ามาก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องบอกพวกเจ้า” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “มีเรื่องอันใดอีกหรือ อย่าบอกนะว่าต้องไปลุยอีก??” อิริยะถามไป

    “คือว่า ตอนนี้กองทัพปีศาจตัวใหญ่หนีลงไปยึดนรกภูมิกันหมดแล้ว พวกเราพยายามจะบุกลงไปช่วยแต่พวกมันบางส่วนได้ปิดกำแพงนรกไว้ ทำให้ท่านท้าวยมราชขาดการติดต่อไป” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “กูว่าแล้ว เหตุไฉนสังหรณ์ข้าถึงไม่ผิดเลย” วาทินพูดขึ้น

    “นี่พวกเจ้าหมายใจจะให้เราไปจัดการพวกมันในนรกภูมิด้วยกระนั้นหรือ??” แสนคำสมิงถามไป

    “มันจำเป็นหน่ะท่าน หากพวกมันระดมกำลังในนรกได้มากพอ การศึกภายหน้าอาจจะยากเป็นทวีคูณ และพื้นพิภพจะไม่ปลอดภัย” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “เอาเถิด ว่าไงว่าตามกันเลยท่าน” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “แต่ได้ยินว่านรกมันร้อนนี่ เราจะทนได้นานเท่าใดกัน??” ธิดาถามไป

    “หายห่วง พวกเจ้าเป็นมนุษย์ ไม่ได้ลงไปในฐานะวิญญาณ ไม่เป็นกระไรดอก” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย” ชิงเสียนพูดพลางกอดอกไป

    “แต่ว่า ท่านพอจะรู้หรือไม่ ว่าในเมืองเชียงแสนมีอันใด??” มาร์คัสถามเฟยหลิงไป

    “อ่า ข้าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ข้าว่า พวกเจ้าคงต้องเจอศึกใหญ่เลยหล่ะ” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “ศึกใหญ่ มันคืออะไรหรือ อย่าพูดให้ข้ากลัวสิ” อเล็กซพูดขึ้น

    “พวกเจ้าจะกลัวอันใดเล่า ก็แค่ปีศาจไม่กี่ตัวน่า กระจอก” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “เอาเถิด แต่ข้าว่าอย่าประมาทเลย” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “ครานี้มันอาจจะหนักหนากว่าที่ผ่านมาเสียจริง” สมบาติพูดพลางถอนใจ

    “เอาเถิด ถึงอย่างไรพวกมันก็ทำอันใดเจ้ามิได้ดอก” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “แล้วเหตุไฉน ท่านถึงไม่พาเราลงไปในนรกภูมิเลยหล่ะ??” ไวโอเล็ตถามไป

    “ก็อย่างที่บอก บัดนี้เรายังหาทางเจาะผ่านกำแพงนรกไม่ได้เลย” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “แต่ถ้ามองในแง่ดี เราอาจจะไม่ต้องลุยเองก็เป็นได้” อนาเลียพูดขึ้น

    “แต่หากปล่อยให้พวกมันรวบรวมและใช้กำลังปีศาจจากนรก พวกมันอาจจะบุกโลกในซักวันเป็นแน่” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “มันต้องมีวิธีที่ที่จะลงไปยังนรกสิ หรือจะต้องฆ่าเราให้กลายเป็นวิญาณก่อน??” มาเรียน่าถามอย่างโง่ๆ

    “ไม่ได้หรอก ไม่มียมทูตมารับ ก็คงจักเป็นวิญญาณเร่ร่อนในโลกนี้แหละ รอจนกว่านรกภูมิจะกู้สถานการณ์คืนมาได้” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “โห ถ้าเช่นนั้น ใครที่ตายช่วงนี้ก็ไม่ได้ลงนรกหน่ะสิ” อองโม่โยพูดขึ้น

    “เฮ้อ แต่ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นเหล่ายมทูตอยู่ดี” ออเรเลียพูดขึ้น

    “อืม ข้าคิดว่า ปีศาจที่อยู่ในเมืองเชียงแสนกับนรกภูมิอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันก็ได้” มายะพูดขึ้น

    “ข้าก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร” ฉางหลงพูดเสริม

    “ถ้าเช่นนั้น ก็คงต้องไปดูในเมืองเชียงแสนแล้วหล่ะ” โชพูดขึ้น

    “ใช่ ไม่แน่ เราอาจจะได้เจอกับของดีในนั้นก็ได้” ชอว์นพูดขึ้น

    “ข้าพยายามจะเข้าไปในเมืองเพื่อสืบข่าวเพิ่มเติม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย เอาเถิด ขอให้พวกเจ้าโชคดีก็แล้วกัน” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็แวบหายไปในทันที

    “ข้าสังหรณ์ใจว่ามันจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นแน่ๆ” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “ข้าไม่กลัวหรอก ให้มันมาเลย” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “ใจเย็นท่านเชอร์รี่ ท่านได้สู้รบปรบมือกับพวกมันแน่ มิต้องห่วงไป” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “หากพวกมันกำลังรอเราอยู่ ก็ให้มันรู้เลยว่าเรามาแล้ว” นรสิงห์พูดขึ้น

    “เมืองเชียงแสนคงอยู่อีกมิไกล เราเร่งเดินทางกันเถิด” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ พวกเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่ายอมแพ้มันเด็ดขาด” ทองอินทร์พูดปลุกใจทุกคนไป

     

    ทางด้านของอาชิซะและพรรคพวก ในตอนนั้นกองกำลังของเขาพยายามจะไล่ตามพวกของทองอินทร์ไป แต่ก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะกลับตาลปัตร เพราะทองฟ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีทอง อาชิซะแปลกใจเป็นอย่างมาก และไม่นานนัก จู่ๆพกงเขาก็ได้เจอกับเทพสามองค์ที่เหาะลงมาจากฟ้า มาล้อมพวกเขาเอาไว้ ทำเอาอาชิซะถึงกับต้องชักอาวุธออกมา

    “เฮ้ย เอ้อหลางเสิน นาจา จงขุย พวกแกลงมาจากสวรรค์ได้เยี่ยงไรวะ??” อาชิซะถามไป

    “ก็บัดนี้กองทัพสวรรค์ขับไล่พวกปีศาจลงมาหมดแล้ว ข้าได้กลิ่นเจ้าแต่ไกล เลยตามลงมาดู ไม่อยากจะเชื่อเลย” เทพเอ้อหลางเสินพูดขึ้น

    “ใช่ พวกแกอย่าคิดว่าจะหนีพ้น พวกแกสละพลังเกรย์โอลด์วันแล้ว ข้าจะจับพวกเจ้าไปลงโทษประเดี๋ยวนี้!!” นาจาตะโกนขึ้น

    “ฝันไปเถิดพวกแก!!” ดีเอโก้พูดขึ้น จากนั้นก็ชักมีดออกมาพุ่งแทนาจา แต่นาจาก็ใช้ทวนกันเอาไว้ได้

    “เฮ้ย ตายซะ!!” โดมิงโก้พูดขึ้น จากนั้นก็จะเล่นงานด้านหลังเขา แต่นาจาใช้แพรแดงมัดโดมิงโก้ไว้และเหวี่ยงเขากระเด็นออกไป

    “ถอยไปนะ!!” โลครานพยายามใช้แขนยักษ์ตบไป แต่ในตอนนั้น จงขุยก็ใช้ดาบของเขากันแขนของโลคราน จากนั้นก็ผลักโลครานจนกระเด็นออกไป

    “คิดจะหยุดข้างั้นหรือ??” คาเลเรียชักดาบของเธอออกมา เอ้อหลางเสินใช้ทวนของเขาไปกันเอาไว้ จากนั้นก็ประมือกับเธอไปด้วย

    “วันนี้แหละ ข้าจะชำระความกับพวกเจ้า!!” อาชิซะพูดขึ้น จากนั้นก็ชักดาบคู่ออกมาสู้ แต่ในตอนนั้น จู่ๆก็มีชายใส่ชุดครูเสดสีขาวนวลถือดาบกางเขนกระโดดมาฟันอาชิซะ อาชิซะกันไว้ได้ พวกเขาประมือกันไม่นานก็ออกมาในทันที

    “ไง จำข้าได้หรือไม่??” 

    “แม็กซิม แกตายไปแล้วนี่??” อาชิซะถามอย่างสงสัย

    “ตายไปแล้ว ก็ไปเป็นทหารสวรรค์มาปราบพวกแกยังไงเล่า!!”

    “เฮ้อ วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายอีกรอบ” อาชิซะพูดขึ้น จากนั้นก็ฟาดฟันกับแม็กซิมไป อาชิซะจู่โจมด้วยกระบวนท่าต่อเนื่อง แต่แม็กซิมปัดป้องเอาไว้ได้ จากนั้นก็ถีบอาชิซะออกไป

    “ดูเหมือนว่าข่าวลือเกี่ยวกับแกจะเป็นจริงนะเนี่ย” แม็กซิมพูดขึ้น ในขณะที่อาชิซะได้แต่เอามือกุมหน้าอกไป

    “เฮ้อ อย่าคิดว่าข้าจะยอมแพ้นะเฟ้ย!!” อาชิซะพูดขึ้น และไม่ทันไรนั้นเอง จู่ๆปีศาจค้างคาวตัวหนึ่งก็บินมาก่อกวนเทพตัวอื่นๆเพื่อให้หลบออกไป จากนั้นมันก็ให้ยันต์อะไรบางอย่างกับพวกเกรย์โอลด์วันในทันที

    “เร่งท่องมนต์ตามยันต์นี่ไป เร็ว!!” ปีศาจค้างคาวตัวนั้นพูดขึ้น แต่มันก็โดนแม็กซิมแทงข้างหลังจนตาย จนกระทั่งทุกคนได้ยันต์มา จากนั้นทุกคนก็ท่องมนต์ตามยันต์ในทันที

    “แว่บ!!”

    จู่ๆ เหล่าเกรย์โอลด์วันก็หายวับไปกับตา ทำเอาเทพองค์อื่นถึงกับแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น 

    “มันหนีไปแล้ว มันจะหนีไปที่ใดเล่า??” แม็กซิมตะโกนถามไป

    “ข้าว่า มันต้องหนีไปนรกภูมิ เพื่อรวมกำลังกับพวกปีศาจเป็นแน่ ท่านแม็กซิม เราเร่งกลับสวรรค์กันเถิด มีการต้องทำอีกมาก” เทพเอ้อหลางเสินบอกกับเขาไป

     

    ทางด้านของเดอเวส พวกเขาพยายามควบม้าไล่ตามกลุ่มของทองอินทร์เพื่อตามล่าพวกนั้น พวกเขาขี่ม้ามาเรื่อยๆจนกระทั่งเดินทางมาถึงแท่นบูชาที่กลุ่มของทองอินทร์เคยมา พวกเขาจอดม้าไว้แถวนั้น จากนั้นก็ลงไปดูร่องรอยของกลุ่มทองอินทร์ในทันที

    “รอล้อเกวียน มันไปทางนี้เป็นแน่” มูพูดขึ้นและชี้ไปยังรอยล้อของเกวียนที่มุ่งตรงไปยังถนนเส้นหนึ่ง

    “ถ้าเช่นนั้น เราเร่งตามมันไปเถิด พวกมันอาจจะยังไปได้ไม่ไกล” เซคทอร์ซพูดขึ้น

    “ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ตามมันไปเลย” เดอเวสพูดขึ้น แต่จากนั้นไม่นาน จู่ๆก็มีค้างคาวตัวหนึ่งบินมาหาพวกเขาทั้งสามคน แล้วมาพูดอะไรบางอย่างกับเขาในทันที

    “พวกท่านต้องรีบหนีแล้ว!!”

    “หนี จะให้เราหนีไปที่ใดกัน??” เซคทอร์ซถามไป

    “นรกภูมิ ที่นั่นพวกเราจักปลอดภัย”

    “เดี๋ยวก่อน จะให้เราไปนรกภูมิ ด้วยเหตุอันใดหรือ??” มูถามไป

    “บัดนี้กองทัพสวรรค์ยกพลออกมาปราบพวกเราแล้ว อีกไม่นาน พวกเขาจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อเก็บกวาดพวกเราที่เหลือ!!”

    “หะ เป็นไปได้อย่างไรกัน รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ??” เดอเวสถามไป

    “พวกคณะเดินทางมันทำพิธีสักการะเทพเจ้าได้สำเร็จ บัดนี้เหล่าเทพเจ้าได้ระดมกำลังจนสิ้นแล้ว หากเราไม่หนี พวกเราตายกันหมดแน่” 

    “แล้วพวกของท่านอาชิซะเล่า??” เดอเวสถามไป

    “นี่มิใช่เพลาที่จะมาห่วงพวกพ้องนะท่าน เอายันต์นี่ไป ท่องมนต์ตามยันต์ มันจะพาพวกท่านไปยังนรกภูมิ” ปีศาจค้างคาวพูดขึ้น จากนั้นก็ให้ยันต์กับคนพวกนั้นในทันที

    “แล้วเหตุไฉนเราถึงต้องไปยังนรกภูมิเล่า??” มูยังคงถามต่อไป

    “ก็เพราะเรายึดที่...”

    “ฉึก!!” 

    ลูกธนูปริศนาบินปักเข้าใส่ร่างของปีศาจค้างคาวตายคาที่ แลปรากฏองค์เทพในร่างเขียวสุชุดเกราะ ถือธนูดูน่าเกรงขาม

    “เฮ้ย พระนารายณ์!!” เซคทอร์ซตะโกนออกมา

    “พวกเจ้าจะหนีไปที่ใดเล่า??” องค์พระนารายณ์ยิงเข้าไปอีกดอก ลูกธนูเฉี่ยวแขนเดอเวสไป ทำเอาเขาถึงกับบาดเจ็บ

    “เราสู้มันมิได้ดอก หนีเถอะ!!” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ท่องคาถาตามยันต์ จากนั้นร่างของทั้งสามคนก็หายไปในทันที

    “เฮ้อ เจ้าหนีไปได้ไม่ไกลพอดอก!!” พระนารายณ์พูดขึ้น

     

    กลับมายังพวกของทองอินทร์ ซึ่งในตอนนี้พวกเขาเดินทางเข้ามายังเมืองเชียงแสนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เดินผ่านเมืองเข้ามาเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพบเจอแต่เมืองที่ยังคงสงบสุข บ้านเรือนแลวัดวาอารามยังคงตั้งอยู่ราวกับว่ามันไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ทำให้พวกของทองอินทร์ค่อนข้างแปลกใจ

    “พวกเจ้าดูสิ เหตุไฉนเมืองเชียงแสนถึงยังมิเป็นอันใดเลยเล่า??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิท่านพี่ ดูราวกับว่ามันไม่ได้ถูกพวกปีศาจโจมตีเลย” กุมารเทพพูดเสริม

    “จะว่าไป ข้าเองก็ไม่ได้กลิ่นปีศาจบริเวณนี้เลย” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น มันเกิดอันใดขึ้นที่นี่กันแน่เล่า??” คาวีถามอย่างสงสัย

    “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามผู้ใดเล่า??” วารีถามกลับไป

    “หรือว่า มันจะมีปริศนาให้เราแก้ไข แต่ผู้ใดจะรู้เล่า??” เมรีถามไป

    “ถ้าเช่นนั้น คงต้องพึ่งท่านสมบาติแล้วหล่ะ” นรสิงห์พูดขึ้น

    “มันต้องไปเจอของจริงก่อน แล้วจะว่าอย่างไรค่อยว่ากันอีกที” สมบาติพูดขึ้น

    “จะว่าไป เมืองแห่งนี้ก็ดูสงบสุขดีนะ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “แน่นอน ตอนที่ข้ายังครองเชียงแสน บ้านเมืองสงบร่มเย็นมาก” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “อืม ว่าแต่ เราจักต้องไปที่ใดกันเล่า??” ธิดาถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า คงต้องไปดูที่ลานพิธีเสียหน่อยแล้ว” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “จริงด้วย หากอยากรู้อันใดให้ไปที่ลานพิธีแห่งนั้น เพื่อสืบหาต้นตอหน่ะ” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “จะว่าไป ข้าอยากจะไปเดินเล่นในเมืองเสียหน่อย เผื่อจะได้เจออะไรดีๆ” มาร์คัสพูดขึ้น

    “ข้าว่า เราคงมิมีเพลาจะเดินเที่ยวหรอก เรามีงานต้องทำ” อเล็กซพูดขึ้น

    “อากาศก็หายหนาวแล้วตอนนี้ ข้าปรับตัวแทบไม่ทันเลย” อองโม่โยพูดขึ้น

    “นั่นสิ หิมะก็ค่อยๆละลายแล้ว น้ำนี่นองเต็มพื้นเลย” ออเรเลียพูดขึ้นในขณะที่เท้าก็เหยียบน้ำที่เจิ่งนองไปด้วย

    “แต่ข้าสงสัย หากเราต้องลงไปในนรก เราต้องไปเยี่ยงไร??” เทเรซ่าถามไป

    “นั่นสิ เฟยหลิงบอกว่ากำแพงนรกปิดแล้ว วิญญาณที่ตายยังไปไม่ได้ แล้วเราจะไปเยี่ยงไร??” รีปเปอร์ถามไป

    “อย่าไปคิดมากให้เปลืองสมองเลย เราอาจจะไม่ต้องไปที่นั่นก็ได้” อนาเลียพูดขึ้น

    “นั่นสิ ข้าเองก็อยากจะนอนเงียบๆบนเตียงเช่นกัน” วาทินพูดขึ้น

    “ข้าว่าบัดนี้นรกคงกำลังวุ่นวาย วิญญาณเร่ร่อนคงจะมีเต็มไปหมด มีแค่เราที่จัดการเรื่องนี้ได้” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ใช่ แต่ก่อนอื่นต้องหาทางไปนรกภูมิให้ได้เสียก่อนสิท่าน” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “อืม จะว่าไป พวกเจ้าจำหลุมประหลาดที่บ้านของพระยาพลเทพได้หรือไม่??” อิริยะถามไป

    “หลุมประหลาดนั่น มันเกี่ยวอันใดกระนั้นหรือ??” มายะถามไป

    “อ้อ หลุมนั่นมันมีพลังอะไรบางอย่าง ที่เราลงไปไม่ได้ไง” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “อย่าบอกนะ ว่าไอ้หลุมที่ว่ามันจะพาไปสู่นรกหน่ะ” ฉางหลงถามไป

    “บ้านพระยาพลเทพ ข้าเคยได้ยินว่ามันอยู่อโยธยานี่ ใช่หรือไม่??” โชถามไป

    “จะให้เราเดินลงใต้ไปอโยธยางั้นหรือ ไม่มีทางดอก” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “ไม่รู้สิ หากมันจะแก้ไขทุกอย่างได้ มันก็น่าลองอยู่” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “เหตุไฉนเรื่องหลุมนั่น ไม่ให้พวกเทพเจ้าจัดการเล่า??” ซื่ออ้ายถามไป

    “ข้าว่าพวกเทพเจ้าก็คงทำอันใดหลุมนั่นมิได้ดอก” ชอว์นพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า เราจัดการเรื่องที่นี่ก่อนเถิด ที่เหลือค่อยว่ากัน” นาราพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจู่ๆ ลุงคงก็ชี้ไปที่อะไรบางอย่างที่ลานพิธี ซึ่งชายคนหนึ่งใส่เสื้อเกราะสีสันสวยงามกำลังยืนถือทวนดูน่าเกรงขาม ทำเอาพวกเขาเกิดสงสัย ทองอินทร์อาสาเดินหน้าเข้าไปดูก่อนในทันทีว่าชายผู้นั้นเป็นใคร

    “นี่ ท่านเป็นใคร มาที่นี่ด้วยเหตุใด??” 

    ชายคนนั้นไม่ตอบอะไร จากนั้นก็ค่อยๆหันมาด้วยสภาพใบหน้าซีดเซียวน่ากลัวคล้ายผีตายซาก จากนั้นก็ค่อยๆลอยตัวแล้วแล้วเหาะมาหาคนอื่นในทันที

    “เฮ้ย นั่นปีศาจหรืออย่างไร??” เมรีถามจากนั้นก็ยิงธนูใส่ แต่เขาก็ปัดลูกธนูของเมรีออกได้อย่างง่ายดาย

    “พวกเจ้างั้นหรือ ฮิๆๆๆ มาก็ดีแล้ว ข้าคือออกญาสีหราชเตชะ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรกบัดเดี๋ยวนี้!!” 

    ชายคนนั้นพูดออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้ามาโจมตีกลุ่มของทองอินทร์ในทันที มันฟันทวนลงมาใส่พวกเขา ทองอินทร์ยันเอาไว้ได้ แต่มันก็ดันออกแล้วถีบทองอินทร์ออกไป

    “บ้าเอ้ย คิดว่าพวกข้ากลัวงั้นหรือ??” คาวีตะโกนออกมา จากนั้นก็กระโดดฟันมัน แต่มันปัดดาบเขาออก วารีพยายามจะไปช่วย แต่มันก็ปล่อยพลังอะไรบางอย่างใส่วารีจนกระเด็น

    “บ้าเอ้ย นี่มันพลังอะไรกัน??” วารีถามไป

    “ออกญาสีหราช ที่ข้าได้ยินมา ท่านมิใช่ผู้คิดคด แต่เหตุไฉนท่านจึงไปร่วมมือกับไอ้พระยาพลเทพเล่า??” ทองอินทร์ตะโกนถามไป

    “เจ้าคิดว่าข้าอยากร่วมมือกับมันกระนั้นหรือ ข้าแค่หลอกเอาพลังที่ได้จากมัน มาจัดการกับพวกอังวะเสียให้สิ้นซาก!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้น มันก็เห็นอองโม่โยกำลังตั้งโล่ ออกญาสีหราชพุ่งเข้าไปหมายจะจัดการ แต่ออเรเลียฟาดทวนเข้าไปที่หน้าของเขา จากนั้นคนอื่นๆก็ลุยต่อในทันที

    “ข้าว่า มันคงต้องเล่นงานเจ้าเป็นปฐมแน่ๆ” ออเรเลียบอกอองโม่โยไป

    “เฮ้อ ข้าไม่กลัวไอ้ปีศาจนี้ดอก” อองโม่โยพูดขึ้น จากนั้นเขาก็กระโดดเอาโล่ไปตีหน้าออกญาสีหราช แต่ก็โดนมันเตะออกมาและกระเด็นไป

    “ระยำเอ้ย มาเลย!!” แสนคำสมิงพูดขึ้นพลางจู่โจมอย่างต่อเนื่อง นรสิงห์และคนอื่นๆเข้าไปจัดการด้วย แต่เพลงทวนของออกญาสีหราชนั้นค่อนข้างเหนือชั้น จนทำให้พวกเขาถึงกับเหนื่อยหอบ

    “บ้าเอ้ย เอามันไม่ลงเลยจริงๆ” นรสิงห์พูดขึ้น

    “รีปเปอร์ ล้อมมันเอาไว้!!” เทเรซ่าพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พยายามตีกรอบออกญาสีหราชเพื่อไม่ให้ไปไหน แต่ในตอนนั้น ออกญาก็ปล่อยมีดบินของเขาออกมารอบตัว ทำเอาคนอื่นๆถึงกับต้องหาที่หลบกันให้วุ่น

    “บ้าเอ้ย มันปล่อยพลังไม่หยุดเลย!!” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “หากเราไม่ทำอะไร มันคงฆ่าเราตายหมดแน่” ธิดาพูดขึ้น

    “แล้วเจ้าจะเอาเยี่ยงไร ดูมันสิ พลังมหาศาลเช่นนี้??” เวียงพิงค์ถามในขณะที่ยิงหน้าไม้ช่วย

    “ดูเหมือนว่ามันต้องมีเงื่อนงำอะไรเป็นแน่” เอื้องเหนือพูดในขณะที่หลบในเกวียนของเธอ

    “ถ้าเช่นนั้นก็ยิงมันเลย!!” มาร์คัสพูดขึ้น จากนั้นคนที่ใช้ปืนก็ระดมยิงใส่ออกญาสีหราชอย่างดุเดือด กระสุนถึงจะโดนไปบ้างแต่ก็ทำให้ออกญาสีหราชถอยกลับเล็กน้อย

    “บ้าเอ้ย กระสุนเราทำอันใดมันมิได้เลย!!” อเล็กซพูดขึ้น

    “หากเป็นเช่นนี้ พวกเราได้ลงนรกกันสิ้นเป็นแน่” ชิงเสียนตะโกนออกมาในขณะที่พยายามยิงไป

    “ถ้าเช่นนั้นก็เอานี่ไปกิน!!” มาเรียน่าเอาปืนใหญ่มือของเธอออกมา จากนั้นก็ยิงใส่หน้ามัน แต่มันก็จับลูกกระสุนของเธอได้อย่างง่ายดาย แล้วก็โยนมันลงพื้น

    “เฮ้อๆๆ คิดว่าปืนไฟของพวกเจ้าจะทำอันได้งั้นหรือ??” ออกญาสีหราชพูดอย่างน่ากลัว

    “อ่ะก๊ะ!!” ในตอนนั้นลุงคงไปด้านหลังมันแล้วกอดบีบรัดมันไว้ แต่ออกญาได้ปล่อยไฟออกมารอบๆตัวของเขา ทำเอาลุงคงถึงกับถอยออกไปเนื่องจากทนความร้อนไม่ไหว

    “งั้นมิต้องใช้ปืนก็ได้!!” มายะพูดขึ้น จากนั้นเธอกับคนอื่นๆก็พยายามไปล้อมเขาและหลอกล่อเข้าจู่โจม แต่ออกญาสีหราชใช้เพลงทวนเล่นงานทุกคนจนพวกเขาต้องถอยออกมา

    “เวรเอ้ย ฝีมือเช่นนี้ มันยอดขุนศึกชัดๆ” โชพูดขึ้น

    “นั่นสิ มันโคตรสุดยอดพลังเลย!!” ฉางหลงพูดเสริม

    “ท่านออกญา มีสติเสียทีเถิด ท่านจำข้าได้หรือไม่??” สมบาติตะโกนถามไป

    “สมบาติหรือ เจ้าอย่าคิดจะหยุดข้าเลย มันสายไปแล้ว!!” ออกญาสีหราชตอบกลับไป

    “ข้าว่า พูดเช่นนั้นคงมิได้ผลดอก” ไวโอเล็ตพูดขึ้น จากนั้นหลี่เจาก็กระโดดฟันทวนใส่ออกญาสีหราช แต่ออกญาก็ยันเอาไว้ได้และถีบหลี่เจาออกไปอย่างง่ายดาย

    “เทพเจ้างั้นหรือ แม้แต่เทพก็หยุดข้ามิได้ดอก!!” ออกญาสีหราชพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้นก็ลองดูสิ!!” หลี่เจาพูดขึ้นจากนั้นก็ฟาดฟันออกญาสีหราชต่อ อิริยะใช้บ่วงคอยรัดตัวออกญาเอาไว้ แต่ออกญาก็สะบัดบ่วงออกไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ซัดออกไปใส่หลี่เจาต่อ

    “ท่านหลี่เจา!!” อิริยะตะโกนออกมา

    “ระยำเอ้ย ขอลองหน่อยเถอะวะ!!” ฮิเดกิพูดขึ้นจากนั้นก็บุกเข้าไปลุยกับมัน ชอว์นเข้าไปช่วยแต่ทั้งคู่ก็โดนทวนซัดใส่จนกระเด็นออกมา

    “บ้าเอ้ย มันไม่แม้แต่จะหมดแรงเลย” ชอว์นพูดขึ้น

    “เอานี่ไปกินซะ!!” เชอร์รี่เอาหม้อใส่ดินระเบิดปาใส่หน้าของมัน มันสะเทือนนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นอะไร ซื่ออ้ายจะซัดเข็มพิษใส่ต่อแต่มันก็จับแขนของเธอบิดและถีบเธอออกไป

    “ซื่ออ้าย เป็นอันใดหรือไม่??” เชอร์รี่ถามไป

    “เข้าใกล้ตัวมันมิได้เลย ระยำเอ้ย!!” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “คิดว่าข้ากลัวงั้นหรือ??” นาราวิ่งเข้าไปแล้วต่อยเข้าที่หน้าของออกญา แต่ออกญาจับแขนเธอได้แล้วเหวี่ยงเธอออกไปในทันที และในตอนนั้นออกญาก็ได้ไปเห็นตัวของอนาเลีย แล้วเกิดสนใจขึ้นมา เขาเลยตะโกนขึ้น

    “ข้าต้องการพลังของเจ้า!!”

    “ฝันไปเถิดไอ้ระยำ!!” วาทินพูดขึ้นจากนั้นก็กระโดดเอาดาบแทงเข้าที่กลางอกของออกญา แต่เขาดึงดาบออกมาได้และถีบวาทินจนกระเด็น

    “เฮ้อ คิดจะเอาพลังข้างั้นหรือ??” อนาเลียถามไป จากนั้นก็ซัดมนต์ใส่ออกญา แต่ออกญาไม่เป็นอะไรมาก จากนั้นก็ผลักอนาเลียออกไป จนล้มลงกับพื้น

    “เอาพลังมาให้ข้า ย้าก!!”

    “ฉึก!!”

    อนาเลียเห็นภาพที่บาดตาอยู่ตรงหน้าเธอ รีปเปอร์เอาตัวมาขวางไว้จนเขาโดนหอกแทงเข้ากลางอก รีปเปอร์โดนเข้าไปจากนั้นก็พยายามใช้แรงของเขาจับทวนของมันเอาไว้

    “อย่ามาขวางทางกู!!” ออกญาพูดขึ้น จากนั้นก็ซัดมนต์ใส่รีปเปอร์ต่อ แต่รีปเปอร์ก็ยังคงจับทวนของออกญานั่นเอาไว้

    “ไอ้ระยำเอ้ย มึงอย่าอยู่เลย!!” เทเรซ่าใช้ดาบเพลิงของเธอฟันเข้าไปที่ลำตัวของออกญา ออกญาชะงักไปนิดหน่อย แต่เขาก็หันมาซัดมนต์ใส่เทเรซ่าจนกระเด็น และในตอนนั้น วาทินก็วิ่งมากระโดดถีบออกญาจนกระเด็นไป วาทินจะใช้ดาบแทงหน้าเขาแต่ออกญาจับดาบไว้ได้ และเตะวาทินกระเด็นออกไป 

    “ตุ๊บ!!”

    “ไอ้ระยำเอ้ย กูจะฆ่ามึง!!” วาทินพูดขึ้น และในตอนนั้นออกญาก็ใช้พลังดึงทวนออกจากร่างของรีปเปอร์แล้วจะแทงวาทินต่อ แต่อองโม่โยเอาโล่มากันไว้ แต่ตัวเขาก็กระเด็นออกไปไกล

    “พลังเยอะชิบหาย” อองโม่โยพูดขึ้น

    “เอานี่ไปกินซะ!!” ออเรเลียเหวี่ยงทวนเข้าที่หน้าของออกญาไป ออกญาชะงักไป จากนั้นลุงคงก็มาจับตัวออกญาทุ่มลงกับพื้นในทันที

    “ตุ๊บ!!”

    ในตอนนั้น เอื้องเหนือกับธิดารีบไปดูอาการของรีปเปอร์ในทันที แต่ในตอนนี้แผลของเขากลายเป็นสีดำทะมึนไปแล้ว ทั้งคู่พยายามใช้มือวิเศษรักษาแผล แต่ก็ดูเหมือนว่ารีปเปอร์จะไม่มีอาการตอบสนองอะไรเลย

    “รีปเปอร์ ขอร้องหล่ะ ลืมตาขึ้นมาสิ!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ไม่นะ แผลของเขาทำไมเป็นเช่นนี้??” ธิดาถามอย่างสงสัย แต่ในตอนนั้น แววตาของอนาเลียกลายเป็นสีดำทะมึน มือของเธอค่อยๆมีไอพลังสีดำออกมา 

    “นั่นแหละ ซิลลินเรีย หากเจ้าอยากชนะ ปลดปล่อยมันออกมา!!”

    “ท่านพี่ ดูเหมือนว่าออกญานี่จะได้รับพลังเกรย์โอลด์วันผสมมาด้วย!!” กุมารเทพบอกกับทองอินทร์ไป

    “แล้วอย่างไรเล่า มันก็ปราบได้นี่!!” ทองอินทร์พูดขึ้นจากนั้นก็ประดาบกับออกญาสีหราชไป ในคราวนี้ทองอินทร์ใช้วิชาและท่วงท่าต่อเนื่องเพื่อเข้าจู่โจม แต่ดูเหมือนว่าออกญาจะไม่เป็นอันใดมาก

    “เฮ้อ ฝีมืออย่างเจ้า จะทำอันใดได้??” ออกญาถามไป แต่ในตอนนั้นเอง

    “ฉึก!!”

    ในตอนนั้นจู่ๆอนาเลียก็เกิดมีพลังอะไรบางอย่าง เธอวิ่งกระโดดขึ้นหลังออกญาและใช้มือเปล่าแทงไปที่ร่างของมันอย่างต่อเนื่อง 

    “นั่นแหละ ซิลลินเรียกลับมาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ!!”

    “อีระยำเอ้ย!!” ออกญาสีหราชตะโกนออกมาแล้วจับอนาเลียเหวี่ยงทิ้งไป เขาจะใช้ทวนเล่นงานเธอแค่คนอื่นๆก็ยิงปืนกดมันเอาไว้ 

    “เอานี่ไปกินซะไอ้ระยำ!!” มาร์คัสพูดขึ้น

    “ทุกคน เล็งไปที่จุดตายของมัน เอาให้ทั่วเลย!!” อเล็กซพูดขึ้น

    “เอานี่ไปกินด้วยเว้ย!!” มาเรียน่ายิงปืนใหญ่มือเข้าใส่หน้าของออกญาจนเขาชะงักไป

    “ดูแผลมันสิ แผลมันเริ่มเน่ากระจายแล้ว” ชิงเสียนพูดขึ้นและชี้ให้เห็นแผลสีดำบนร่างายของออกญาสีหราช

    “หือ แผลของเขา มันเกิดอันใดขึ้น??” สมบาติถามไป

    “ข้าว่า มันใกล้จะล้มแล้วหล่ะ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “เร่งจัดการสิ อย่าให้มันได้พัก!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น ในตอนนั้นคนอื่นๆที่ใช้ดาบก็วิ่งเข้าไปจัดการในทันที ออกญาสีหราชพยายามปกป้องตัวเองแต่ก็บอบช้ำเพราะแผลที่ได้จากอนาเลีย

    “ตายซะไอ้ระยำ!!” คาวีพูดและฟันร่างของมัน

    “แกฆ่าเพื่อข้า อย่าอยู่เลย” วารีพูดและฟันขาของมัน

    “จุดอ่อนของมันอยู่ที่ใดเนี่ย??” นรสิงห์ถามอย่างสงสัยในขณะที่ฟันเกราะของมันไป

    “ข้าว่า อยู่ที่หัวใจมันกระมัง??” แสนคำสมิงพูดจากนั้นก็พยายามฟันไปที่หน้าอกของออกญา

    “ตาบอดไปซะ!!” เมรีตะโกนออกมาจากนั้นก็ยิงธนูใส่หน้าของออกญาจนเขาถึงกับผงะ

    “ตอนนี้แหละ อย่าให้มันได้หายใจ” หลี่เจาพูดขึ้นจากนั้นก็ใช้ทวนฟันที่ขาจนเขากระเด็นลงพื้น ออกญาพยายามลุกขึ้นลุยต่อแต่ก็โดนบ่วงของอิริยะจับมัดไว้

    “นี่ไง คิดจะขัดขืนหรือ??” อิริยะตะโกนออกมา และในตอนนั้นลุงคงก็จับร่างของออกญาปักหัวลงพื้น แต่ออกญายังฟื้นลุกมาได้ จากนั้นก็ปล่อยพลังไปรอบตัว ทำเอาทุกคนกระเด็นออกไปไกลเลย

    “ข้าไม่ยอมจบแค่นี้ดอก!!” ออกญาสีหราชพูดขึ้น 

    “งั้นหรือ แค่นี้หยุดพวกข้ามิได้ดอก!!” ฮิเดกิพูดขึ้นจากนั้นก็บุกเข้าไปจัดการกับออกญาต่อ

    “จัดการมันที่หัวใจเลย!!” ชอว์นพูดขึ้น จากนั้นก็พยายามจะฟันชุดเกราะของออกญาไป

    “เอานี่ไปซะ!!” ซื่ออ้ายซัดเข็มพิษใส่เข้าที่ขา ทำเอาออกญาถึงกับสะบัดทวนเพื่อไล่คนอื่นๆออกไป

    “เอาระเบิดไปกินซะ!!” เชอร์รี่พูดขึ้นและปาระเบิดใส่หน้าของมัน มันชะงักไปเล็กน้อย และในตอนนั้นอนาเลียก็วิ่งเข้าไปแทงที่ร่างของมันต่อ ในคราวนี้เธอใช้มือเปล่ากระชากเสื้อเกราะของเขาออกมา แต่ออกญาก็ใช้พลังซัดใส่อนาเลียให้กระเด็นออกมา

    “เอาพลังมาให้ข้าซะดีๆ” ออกญาพูดขึ้น ทำเอาในตอนนั้นนาราถึงกับกระโดดถีบเข้าไปที่ก้านคอของออกญานั่นไป จากนั้นก็เตะไปที่แก้มซ้ายของเขาอีกรอบ

    “ไอ้ระยำ แกบังอาจฆ่าเพื่อข้า!!” นาราตะโกนออกมา

    “เฮ้อ ขอซักแผลนึงเถอะไอ้ระยำ!!” มายะพูดขึ้นจากนั้นก็ฟันเข้าไปที่ร่างของออกญา แต่ออกญาซักพลังใส่เธอจนกระเด็น

    “ฉางหลง เอามันเลย!!” โชพูดขึ้น ในขณะที่มันลุกขึ้นมา ทั้งคู่รุมเล่นงานมันจนน่วม แต่มันก็เหวี่ยงทวนใส่พวกเขาทั้งคู่จนกระเด็นออกมา

    “บ้าเอ้ย แข็งแกร่งจริงๆ” ฉางหลงพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นมันก็ลากสังขารตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็จะพุ่งเข้าหาทุกคนต่อ

    “ทุกคน ระวัง!!” ทูตเบลล์ตะโกนออกมา จากนั้นก็ใช้มนต์ของเธอขวางทางมันไว้ แต่มันฝืนได้และแทงใส่ทูตเบลล์จนกระเด็นออกไป

    “ทุกคน รวมพลังมาที่ดาบข้า เร็ว!!” ทองอินทร์พูดขึ้น ทุกคนรีบรวมพลังใส่ดาบของทองอินทร์โดยไม่ลังเล จากนั้นทองอินทร์ก็ฟันเข้าไปที่ร่างของออกญาในทันที แต่ออกญาก็ใช้ทวนกันเอาไว้ ทองอินทร์พยายามใช้แรงเพื่อดันพลังนั้นเข้าไปอย่างดุเดือด

    “ช่วยปลดปล่อยข้าที ” เสียงออกมาจากร่างของออกญาคนนั้น

    “อโหสิให้ข้าด้วย!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ออกแรงและฟันทวนของออกญาสีหราชจนแตก และดาบเพลิงก็ผ่าร่างเขาออกมาเป็นครึ่งซีก สุดท้ายเพลิงนรกก็ค่อยๆเผาร่างของออกญาสีหราชเตชะจนมอดไหม้ แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ มียันต์แผ่นหนึ่งตกอยู่และไม่มอดไหม้ไปกับเพลิง ทองอินทร์รู้สึกแปลกใจเลยไปหยิบยันต์แผ่นนั้นมาดูในทันที ในขณะที่คนอื่นๆก็ไปดูร่างไร้วิญญาณของรีปเปอร์ ซึ่งเทเรซ่าในตอนนั้นก็ได้เป็นคนปิดตาเขา ส่วนอนาเลียก็สงบลง แล้วกเป็นลมล้มลงในอ้อมกอดของวาทิน ทำให้เขาถึงกับต้องประคองเธอไปขึ้นเกวียนไป

    “ข้าเสียใจด้วยท่านเทเรซ่า!!” กุมารเทพพูดขึ้น และไม่นานนัก ร่างของรีปเปอร์ก็ค่อยๆสลายหายไป ผงธุลีของเขาลอยขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆที่มองขึ้นไปบนฟ้าด้วย และไม่นานนัก จู่ๆ ฤๅษีเทพก็ปรากฏกายต่อหน้าทุกคน 

    “อืม ข้าเสียใจด้วย แต่เขาคงไปสวรรค์แล้วหล่ะ” ฤๅษีเทพพูดขึ้น

    “ท่านฤาษี ออกญาสีหราชเตชะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ขอรับ” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “อืม แต่จะว่าไป ออกญาสีหราชเตชะมิใช่คนแบบนั้น ข้ามิเข้าใจว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่” ฤๅษีเทพพูดอย่างสงสัย

    “เขาคงถูกไอ้พระยาพลเทพหลอกใช้หน่ะขอรับ” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ ออกญาสีหราชเตชะรักชาติบ้านเมือง แต่เขาคงแยกมันกับความดีไม่ออก เขาพยายามจะรับพลังทุกอย่าง แม้กระทั่งพลังมาร เพื่อแก้แค้นในศึกนี้ นับตั้งแต่ที่กองทัพของเขาแพ้ที่แดนล้านนา ตัวเขาก็หายสาบสูญไป เขาอยู่ที่นี่ คงจักรอเพลาที่จะฟื้นพลัง และฆ่าชาวอังวะทุกคน แต่ที่เขายังไม่รู้ก็คือ หากเขาได้พลังเต็มที่ เขาจะถูกปีศาจกัดกินวิญญาณไป น่าเศร้า” ฤๅษีเทพพูดขึ้น

    “จะว่าไป เรื่องของพวกมันก็มีอะไรซับซ้อนมากนะขอรับ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ใช่ ตั้งแต่เรื่องที่เมืองพิษณุโลกแล้ว ยังจะมาเรื่องของที่นี่อีก บัดนี้กองทัพปีศาจหนีไปกบดานในนรกภูมิจนสิ้นแล้ว แต่เรายังหาทางทำลายกำแพงนรกมิได้เลย” ฤๅษีเทพพูดขึ้น 

    “จะว่าไป ข้าเจอเจ้าสิ่งนี้ตกอยู่ข้างๆศพของท่านออกญาหน่ะขอรับ” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นก็เอายันต์แผ่นนั้นให้กับฤๅษีเทพได้ดู 

    “นี่มันยันต์เปิดนรกนี่!!”

    “ยันต์เปิดนรก เป็นัยนต์ที่ใช้สำหรับลงไปในนรกได้ใช่หรือเปล่าขอรับ??” กุมารเทพถามไป

    “ใช่แล้วหล่ะ ยันต์แผ่นนี้สามารถท่องลงไปยังนรกได้ แต่มันต้องใช้กับหลุมนรก ซึ่งมีผู้ผนึกมันเอาไว้ที่ปากหลุม มันถึงจะพาเข้าไปได้ ความหวังที่จะกอบกู้นรกภูมิของเราขึ้นอยู่กับยันต์ผืนนี้แล้ว” ฤๅษีเทพพูดขึ้น

    “บ้านพระยาพลเทพ จะว่าไป ที่นั่นมีหลุมประหลาด ที่เราแตะต้องมิได้อยู่นะขอรับ!!” กุมารเทพพูดอย่างตื่นเต้น

    “แต่ว่า มันอยู่ที่กรุงศรีอโยธยา เราจะกลับไปอย่างไรเล่า??” ทูตเบลล์ถามไป

    “เอาเม็ดนี่ไป เหยียบมันให้แตก แล้วคิดถึงสถานที่ที่เจ้าอยากจะไป!!” ฤๅษีเทพพูดขึ้น จากนั้นเขาก็แจกจ่ายเม็ดวิเสษให้กับทุกคน บางคนที่สลบอยู่ก็จับมือกับคนที่ยังตื่นอยู่เพื่อไปด้วย

    “เอาหล่ะ ไปกรุงศรีอโยธยา!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็เอาเม็ดวิเศษลงพื้น แล้วทุกคนก็เหยียบมันในทันที

    ทุกๆคนรวมถึงเกวียนของพวกเขาก็ค่อยๆกลายเป็นฝุ่นผง ลอยไปตามอากาศเรื่อยๆ และไม่นานนัก พวกเขาก็ลอยมาถึงบ้านของพระยาพลเทพ จากนั้นพวกเขากีบมาดูที่หลุมประหลาดที่พวกเขาเจอในตอนแรก แล้วก็พบว่าหลุมนั้นยังไม่ปิดตัวลง ฤๅษีเทพเห็นในตอนนั้นก็ร่ายคาถาของเขาตามยันต์ในทันที

    “ดูเหมือนว่าเราคงต้องลงไปนรกจริงๆเสียแล้ว” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ต่อให้ต้องไปสุดขอบโลก ข้าก็จะไป ท่านพี่” นาราพูดขึ้น

    “ข้าเองก็หวังว่าเขาจะได้ไปพบกับแม็กซิมนะ” คาวีพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงดอก ข้าว่าเขาคงจะไปพบกันแล้วหล่ะ” วารีพูดขึ้น

    “อนาเลีย เจ้าอย่าเป็นอันใดไปนะ!!” วาทินพูดขึ้นในขณะที่อุ้มอนาเลียที่นอนสลบไว้ในอ้อมกอด

    “เกิดอันใดขึ้นกับนางกระนั้นหรือ??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย

    “ดูราวกับว่านางถูกอะไรบางอย่างกระตุ้นหน่ะ” สมบาติพูดขึ้น

    “ข้าว่าอาจเป็นไปได้ พลังของนางถูกกระตุ้นมากขึ้น ข้าเห็นที่นางจัดการกับออกญานั่นได้ง่ายดายมาก” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “แต่ข้าสังเกตดูแล้ว ดูเหมือนว่าออกญานั่นจะมีพลังเกรย์โอลด์วันด้วยนะ” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “พลังเกรย์โอลด์วันกระนั้นหรือ เหตุไฉนถึงเป็นเช่นนั้นเล่า??” เมรีถามไป

    “เพราะดูเหมือนว่าพลังของออกญานั่น เพียงแค่พลังปีศาจ คงไม่ทำให้เข้มแข็งเพียงนั้นดอก แล้วอีกอย่าง พลังของอนาเลียสามารถจัดการเกรย์โอลด์วันได้ง่ายดาย” นรสิงห์พูดขึ้น

    “แล้วนี่ ถ้าหากนางเกิดคุ้มคลั่ง จะเป็นอันตรายต่อเราหรือไม่??” แสนคำสมิงถามไป

    “ข้าว่าไม่มีทางหรอกท่าน มิเช่นนั้น นางคงฆ่าพวกเราจนสิ้นแล้ว” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “เอาเถิด ข้าว่าเราอย่ามาสงสัยกันเองเลยดีกว่า เดี๋ยวจักมีปัญหาอีก” ธิดาพูดขึ้น

    “จริงด้วย เหมือนตอนที่เราแยกกลุ่มกัน หากแก้สถานการณ์กันไม่ทันท่วงที คงขึ้นสวรรค์กันสิ้น” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “แล้วเราจะทำอย่างไร นางถึงจะสงบลงได้เล่า??” มาร์คัสถามไป

    “ข้าดูแล้ว เหมือนว่านางยังพอควบคุมพลังตัวเองได้อยู่นะ” อเล็กซพูดขึ้น

    “แลหากนางควบคุมพลังตนเองมิได้ จะเกิดอันใดขึ้นเล่า??” อองโม่โยถามไป

    “ข้าว่า นางคงปล่อยพลังได้มหาศาลเลยหล่ะ” ออเรเลียพูดขึ้น

    “หากพลังของนางเป็นประโยชน์แก่เรา ข้าว่ามันก็ดีเลย” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “ความลับของเกรย์โอลด์วันนี่ซับซ้อนเสียจริง พวกเจ้าว่าหรือไม่??” มายะถามไป

    “นั่นสิ แลเกรย์โอลด์วันก็มิใช่พวกปีศาจอีก” โชพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกไอ้อาชิซะมันหายไปนานเลยแหะ” ฉางหลงพูดขึ้น

    “พวกนั้นคงจะลงไปกบดานในนรกภูมิแล้วหล่ะ มีแต่พวกเราที่สามารถไปจัดการที่นั่นได้” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าเราจะไปโผล่ที่ไหนก่อน ถ้าไปถึงที่นั่น” อิริยะถามไป

    “นั่นสิ หากไปโผล่กระทะทองแดงนี่ข้าไม่เอานะ” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “เอาน่า อย่างน้อยก็ดีกว่าไปโผล่ต่อหน้าหมาสามหัวนะ” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “ข้าเองก็นึกถึงยมทูตหัววัวกับยมทูตหน้าม้า ไม่รู้จะมีจริงหรือเปล่า??” ซื่ออ้ายถามไป

    “เอาเถิด ถึงอย่างไรข้าก็ไม่หวั่นดอก” ชอว์นพูดขึ้น 

    “ข้าเกลียดความร้อนเหลือเกิน” ทูตเบลล์พูดและกอดอกไปด้วย

    “เอาเถิด ถึงอย่างไรก็ไม่ร้อนเยี่ยงนั้นดอก เรามิใช่วิญญาณนี่” กุมารเทพพูดขึ้น และไม่นานหลังจากนั้น

    “ตู้ม!!”

    หลุมทางเชื่อมไปยังนรกก็ได้ระเบิดออก หลังจากที่ฤๅษีเทพได้จัดการเปิดทางให้พวกเขาโดยใช้ยันต์ที่ได้มาจากออกญาสีหราชเตชะ ทุกคนรีบมาดูในทันที

    “เอาหล่ะ นี่คงจะเป็นงานที่เหลือสำหรับพวกเจ้า ข้าขออวยพรให้พวกเจ้าทำงานสำเร็จก็แล้วกัน” ฤๅษีเทพพูดกับพวกเขา

    “เอาหล่ะทุกคน เตรียมพร้อม นี่อาจจักเป็นสถานที่สุดท้ายของพวกเราแล้ว” ทองอินทร์บอกกับทุกคนไป จากนั้นทุกคนก็รีบลงไปยังหลุมทางเชื่อมนรกในทันทีเพื่อเดินทางไปยังนรกภูมิ

    ======================================================================

    การเดินทางของทองอินทร์ในนรกภูมิจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    R.I.P รีปเปอร์

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×