ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gang Of Heaven - คณะเดินทางกู้พิภพ

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 12 : สู่แดนล้านนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 55
      4
      3 เม.ย. 64

    คณะเดินทางของทองอินทร์เดินทางกันต่อเพื่อเข้าเหยียบเมืองพิษณุโลกต่อ ในคราวนี้ ภารกิจที่พวกเขาได้รับจากนักพรตก็คือ พวกเขาต้องเอาของเซ่นไปวางไว้ที่แท่นบูชาแห่งหนึ่งในพิษณุโลก เพื่อเปิดทางเดินทัพเข้าสู่แดนล้านนา ซึ่งเป็นดินแดนที่นักพรตบอกไว้ว่า แดนล้านนาเป็นดินแดนซึ่งกองกำลังปีศาจจะรวบรวมกำลังเพื่อบุกสวรรค์ พวกเขาเดินหน้าเข้าสู่เมืองพิษณุโลกอย่างรวดเร็ว 

    “ไม่รู้ว่าที่พิษณุโลกเราจะต้องเจอกับอะไร??” วารีถามในขณะที่ลูบดาบของเขาไป

    “ข้าว่า ก็แค่พวกปีศาจกลุ่มหนึ่ง ไม่น่าเป็นอันใดหรอก” คาวีพูดขึ้น

    “ข้าว่า มันอาจจะไม่ใช่พวกปีศาจธรรมดาๆก็เป็นได้” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “ด้วยเหตุอันใดเล่า ช่วยชี้แจงกับข้าที??” เมรีถามอย่างสงสัย

    “ข้าเห็นด้วยกับนาง ท่านนักพรตบอกว่าเมืองพิษณุโลกเป็นหน้าด่านก่อนเข้าถึงล้านนา พวกมันต้องวางกำลังไว้แน่นหนาเป็นแน่” ธิดาพูดขึ้น

    “ข้าว่าเป็นไปได้ หากที่ล้านนาถูกเข้าตี กองกำลังที่จะเข้ารุกรานสวรรค์คงจะต้องแบ่งกำลังมาต้านเราเป็นแน่” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ให้มามาเถิด ข้าจักสังหารพวกมันให้สิ้น!!” นรสิงห์พูดขึ้น

    “เย็นไว้ท่านสิงห์ ท่านเองก็ยังมิหายดีเลย” แสนคำสมิงพูดปรามไป

    “ข้าคิดว่า เราคงต้องคิดให้จงหนัก ก่อนที่จะทำอันใด” มาร์คัสพูดขึ้น

    “แต่ว่า หากสวรรค์ปลอดภัย พวกเทพคงต้องส่งกำลังมาช่วยเป็นแน่” อเล็กซพูดขึ้น

    “ไม่รู้สิ ข้าว่าเราควรจะเพิ่งตัวเองก่อนดีกว่า” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “ยังไงเหล่าเทพก็ต้องมาช่วยเราเป็นแน่ เชื่อใจกันหน่อยสิ!!” เทเรซ่าพูดไป

    “เชื่อเจ้าเหมือนกับตอนที่เข้าใจผิดเรื่องอนาเลียงั้นหรือ??” วาทินแอบพูดไป

    “เอาเถิดๆ ข้าว่าอย่ามาต่อความยาวสาวความยืดเสียดีกว่า” แม็กซิมพูดขึ้น

    “อนาเลีย เจ้าไม่เป็นกระไรมากแล้วนะ??” รีปเปอร์ถามไป อนาเลียกำลังจะตอบ แต่ในตอนนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงของวีเกอร์ร่าเข้ามาในหัวของเธอ

    “พวกมันถูกปลดปล่อยแล้ว พวกสหายเก่าของเจ้า...”

    “อ่า ข้าไม่เป็นไร แต่ข้ารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง” อนาเลียพูดขึ้น

    “ข้าลองทำนายดูแล้ว เราจักมีชัยเหนือพวกมัน หากไปถึงก่อนค่ำ” สมบาติพูดขึ้น

    “ข้าว่าไม่ต้องห่วงดอก พิษณุโลกก็อยู่ข้างหน้านี่เอง” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “ข้าอยากจะรู้ว่าพวกมันจะเอาอันใดมาตั้งรับพวกเรา” มายะพูดขึ้น

    “ข้าว่า พวกมันต้องเอาระดับจอมปีศาจมารับมือพวกเราเป็นแน่ ทุกท่าน!!” กุมารเทพพูดขึ้น

    “เฮ้อ แล้วเราจะเอาเยี่ยงไรต่อเล่า??” ไวโอเล็ตถามไป

    “เราได้รับพลังเทพมา เราจะต้องกลัวอันใดเล่า??” ฉางหลงถามไป

    “นั่นสิ ถ้าเป็นข้า ข้าจะสังหารพวกมันให้สิ้นทั้งหมด” โชพูดไป

    “ถ้ามันถอดกล่องดวงใจได้แบบไอ้ปิ่นทองนั่นเล่า??” อองโม่โยถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่าไม่ดอก พิธีถอดกล่องดวงใจต้องใช้เพลานาน แถมยังต้องมีฤๅษีคอยทำพิธีให้ พวกมันไม่มีเพลาขนาดนั้นดอก” หลี่เจาพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า นี่เราจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย??” ออเรเลียถามอย่างสงสัย

    “เอาเป็นว่า พวกเจ้าตั้งสมาธิไปที่เมืองพิษณุโลกดีกว่า” อิริยะพูดขึ้น

    “อ่ะก๊ะๆๆ โดนต๊ะโดนเต!!” ลุงคงในตอนนั้นก็ยังเมาและร้องรำทำเพลงไปด้วย

    “ตั้งสติแบบนั้นหรือ เอาเป็นว่าข้าจะพยายามก็แล้วกัน” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “นี่ ท่านก็ไปแซวลุงแกนะ ลุงแกก็มีดีเช่นกัน” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “เฮ้อ เมื่อไหร่เราจะเดินทางไปถึงซะทีหล่ะเนี่ย??” เชอร์รี่ถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่าอีกมินานดอก เราคงประมือกับพวกมันเป็นแน่” นาราพูดขึ้น

    “พวกท่านทุกคน ทุกคนมิมีผู้ใดบาดเจ็บนะ??” ทูตเบลล์ถามไป

    “มิมีดอก เพลานี้พวกเราพร้อมจะสู้กับพวกมันแล้วหล่ะ” ทองอินทร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็เห็นฤๅษีตนหนึ่ง กำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในตอนนั้นทองอินทร์ก็หยุดขบวนไว้ก่อน แล้วเดินไปไหว้ฤๅษีตนนั้นในทันที

    “มาถึงแล้วสินะ คณะเดินทางศักดิ์สิทธิ์ ข้าคือเทวฤๅษี ท่านนักพรตคนนั้นคงจักมอบเครื่องเซ่นให้พวกเจ้าแล้ว ที่สิ่งที่พวกเจ้าต้องรู้ ด้านหลังเมืองพิษณุโลก จักมีกำแพงหินขนาดใหญ่ ซึ่งไม่สามารถทำลายมันให้ย่อยยับลงได้!!”

    “ท่านฤๅษี หากเป็นเช่นนั้น แล้วเราจักทำเยี่ยงไรเล่า??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “เจ้าก็แค่ใช้เครื่องเซ่นนั้นทำลายมนต์ของกำแพงหน่ะสิ”

    “ท่านฤๅษี ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน??” กุมารเทพถามอย่างสงสัย

    “ข้าเคยบำเพ็ญตบะอยู่ที่นี่ นับแต่พวกปีศาจออกอาละวาด ข้าก็พยายามช่วยพวกชาวบ้านแถวนี้ พอได้ข่าวเรื่องคณะเดินทาง ข้าก็รอพวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่างไรหล่ะ” เทวฤๅษีพูดขึ้น

    “ท่านพอจะรู้หรือไม่ ว่าข้างหน้า พวกมันมีมากเท่าใดกัน??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “พวกเจ้าจะต้องเจอกับพวกมันนับร้อย แลบางส่วน ข้าก็ได้สัมผัสถึงไอพลังดึกดำบรรพ์ที่มีมานาน พวกเจ้าคงต้องระวังตนให้จงหนัก พวกเจ้าไปกันก่อน แล้วข้าจะถามเจ้าไปทีหลัง ข้าขออวยชัยให้พวกเจ้าทุกคน!!” ฤๅษีตนนั้นพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็หายตัวไปในทันที

    “เอาหล่ะ พวกเรา เดินทางกันต่อเถิด!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อในทันที

     

    ณ เมืองพิษณุโลก ซึ่งกองกำลังปีศาจกำลังตั้งรับกลุ่มคณะเดินทางที่กำลังจะมาถึง ปีศาจี่เข้าร่วมรบในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นปีศาจวานรซึ่งถือกระบอง ใส่เสื้อเกราะดูน่าเกรงขาม พวกมันติดปืนใหญ่ไว้ที่กำแพงด้วย แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับเพิ่มเติมก็คือ มีปีศาจยักษ์ตัวหนึ่ง ใบหน้าเป็นหมี แต่ร่างกายเป็นช้าง ใส่เกราะ ถือง้าวดูน่าเกรงขาม เดินมาทางเหล่าปีศาจที่กำลังตั้งแถวรอรับมือเหล่าคณะเดินทางอยู่

    “พวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าต้องยันพวกมันเอาไว้ที่นี่ อย่าให้พวกมันผ่านพิษณุโลกได้เป็นอันขาด แสดงให้พวกมันรู้ ว่าพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด!!”

    “แต่ท่านขอรับ เราควรจะรอกำลังของท่านอาชิซะมาเสริมนะขอรับ!!” ปีศาจสุนัขในตัวหนึ่งพูดขึ้น

    “แล้วมันไปไหนเสียเล่า หากมันขี้กลัวก็ไม่เป็นไร ข้าคนเดียวก็สามารถจัดการพวกมันได้หมด” ปีศาจยักษ์ตัวนั้นพูดขึ้น

    “แต่ท่านมิควรจะประมาทพวกมันนะขอรับ”

    “ข้ารู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร พวกเจ้าไปเตรียมตัวเถิด!!” ปีศาจยักษ์ตัวนั้นพูดทิ้งท้ายไว้

     

    ณ ดินแดนลำพูนในตอนเหนือ อาชิซะนำกำลังเกรย์โอลด์วันที่เขาปลดปล่อยออกมาได้เดินทางไปสมทบที่เมืองพิษณุโลก พวกเขาพร้อมที่จะสู้กับเหล่าคณะเดินทางแล้ว แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทัพมานั้น จู่ๆ ในตอนนั้นเฟยหลิงก็วาร์ปมาพบกับพวกเขาในทันที

    “เฟยหลิง นี่เจ้าอีกแล้วหรือ??” อาชิซะถามอย่างสงสัย

    “นังนั่น เจ้าเคยทำร้ายข้านี่!!” คาเลเรียชี้ไปยังเฟยหลิงอย่างโกรธแค้น

    “อ้าว เจ้าพวกเกรย์โอลด์วันชั้นต่ำนี่เอง เจ้าโดนสาปให้ร่างกาบเป็นกระดูก เจ้ายังไม่หน่ำใจอีกหรือ??” เฟยหลิงชี้หน้าด่าเธอไป

    “เจอพวกเทพซะด้วย เราจะเอายังไงดี ดีเอโก้??” 

    “ข้าว่าฆ่ามันเลย โดมิงโก้!!”

    “เฮ้อ พวกเจ้าสองคนนี่พูดให้มันจบประโยคได้หรือไม่ หรือว่าอย่างไรห่ะ??” เฟยหลิงพูดพลางกอดอกและทำท่าเวทนาทั้งสองคนไป

    “เฮ้อ ข้าว่าลุยนางเลยดีกว่า!!” โลครานพูดขึ้น จากนั้นมันก็ต่อยเข้าไปที่ร่างของเฟยหลิง แต่เฟยหลิงหลบได้และเตะหน้าของมันจนกระเด็น

    “เฮ้อ ตาบอดแล้วยังไม่เจียมอีก เจ้านี่!!”

    ดีเอโก้และโดมิงโก้ในตอนนั้นรีบปรี่เข้าไปรุมเฟยหลิง พวกมันทั้งคู่ชักดาบออกมาจู่โจมเฟยหลิง และในตอนนั้นมันก็ปล่อยร่างจำแลงของมันออกมาด้วย แต่เฟยหลิงชักดาบของเธอออกมาแล้วเหวี่ยงดาบใส่ทั้งคู่ถูกตัว จนทั้งคู่กระเด็นออกไปในทันที

    “เฮ้อ ภาพลวงตาของเจ้าทำอันใดข้ามิได้หรอก!!” เฟยหลิงพูดขึ้น คาเลเรียเห็นในตอนนั้นก็เลยจู่โจมเธอในทันที คาเลเรียจ้วงหมัดเข้าที่เฟยหลิงอย่างต่อเนื่อง แต่เฟยหลิงก็หลบได้ คาเลเรียพยายามใช้นิ้วของเธอแตะไปที่เฟยหลิง เฟยหลิงหลบนิ้วของคาเลเรีย จากนั้นก็ถีบเข้าไปที่หน้าของเธอจนกระเด็น

    “โอ๊ย บ้าเอ้ย!!” คาเลเรียพูดขึ้น

    “เฮ้อ นิ้ววิเศษงั้นหรือ ไม่เลว ความจริงข้าน่าจะตัดนิ้วของเจ้า ซึ่งเจ้าฆ่าทหารเทพไปมากมาย!!” เฟยหลิงพูดขึ้น และในตอนนั้น อาชิซะถึงกับต้องลงมือเอง เขาชักดาบของเขาออกมาแล้วจู่โจมเฟยหลิงอย่างต่อเนื่อง เฟยหลิงพยายามใช้ดาบกันไว้ แต่อาชิซะได้ฟันเฉียดแขนของเฟยหลิง แต่เฟยหลิงก็ถีบร่างของอาชิซะออกไป

    “นี่มันดาบพิษนี่!!” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “เฮ้อ ที่นี้เจ้าจะหายกำเริบเสิบสานได้หรือยัง??” อาชิซะถามไป

    “เจ้าไม่รู้เหรอ พิษของพวกเกรย์โอลด์วัน พวกเราชาวสวรรค์ถอนมันได้หมดแล้ว” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นก็หยิบยาลูกกลอนของเธอออกมาแล้วกินมันในทันที

    “นี่เจ้าต้องการอันใดกันแน่ เฟยหลิง??” อาชิซะถามอย่างสงสัย

    “ข้ามาถ่วงเวลาพวกเจ้า ตอนนี้คณะเดินทางถึงเมืองพระพิษณุโลกแล้ว พวกเจ้าไปไม่ทันหรอก ฮ่าๆๆๆ” เฟยหลิงพูดอย่างสะใจ จากนั้นตัวเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย อาชิซะพยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

    “ระยำเอ้ย เราเสียรู้มันแล้ว!!” อาชิซะพูดขึ้น

    “แล้วแบบนี้เราจะเอาเยี่ยงไรต่อเล่า??” โลครานถามไป

    “เราคงต้องเร่งเดินทางกันแล้วหล่ะ ระยำเอ้ย!!” อาชิซะพูดอย่างเจ็บใจ และไม่มีใครกล้าพูดอะไรกับอาชิซะเลย เพราะพวกเขารู้ว่าอาชิซะเก่งกาจแค่ไหน

     

    ณ ชายป่าที่ไหนซักแห่งในพิษณุโลก เดอเวสขี่ม้าของเขาหนีมาหลังจากที่ปีศาจนางราคีได้สิ้นแล้ว เขาพยายามอ้อมเส้นทางหลักเพื่อไม่ให้ต้องเจอกับพวกคณะเดินทาง แต่ในระหว่างที่เขากำลังขี่ม้าอยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็มีปีศาจค้างคาวตัวหนึ่งบินมาขวางทางเขา เดอเวสรีบชักดาบออกมาในทันที

    “เจ้าเป็นใครมาขวางทางข้า??” เดอเวสถามไป

    “แล้วเหตุไฉนท่านถึงไม่กลับไปพิษณุโลกเล่า??” 

    “ข้าจะอ้อมไป ไม่เช่นนั้น ก็เท่ากับว่าไปเจอพวกมันด้านหน้าหน่ะสิ!!” เดอเวสพูดขึ้น

    “งั้นท่านต้องรีบหน่อย!!”

    “เจ้าหมายความว่าอย่างไร??” เดอเวสถามไป

    “ตอนนี้ท่านอาชิซะไม่อยู่ ได้ยินว่าจะไปช่วยพวกเกรย์โอลด์วันที่ถูกกักขัง ทำให้กำลังของพิษณุโลกอ่อนกำลังลง” ปีศาจค้างคาวพูดขึ้น

    “แล้วเหตุไฉน พวกเจ้าถึงไม่นำกำลังมาเสริมเล่า??” เดอเวสถามไป

    “เราต้องเสริมกำลังเพื่อบุกเข้าตีสวรรค์ ท่านรีบไปเถิด ข้าจักไปรายงานท่านปีศาจหมื่นปี หวังว่าท่านคงจักรีบไป!!” ปีศาจค้างคาวตัวนั้นพูดขึ้น จากนั้นมันก็รีบบินหนีไป

    “เฮ้อ มัวแต่จ้องไปด้านหน้า ไม่มองด้านหลังเช่นนี้ จักไปชนะพวกมันได้อย่างไรเล่า หากโดนพวกมันโต้กลับ ข้าจะหัวเราะให้!!” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็รีบควบม้าเดินทางต่อในทันที

     

    กลับมายังกลุ่มคณะเดินทาง พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองพระพิษณุโลกสองแควจนได้ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเจอ พวกเขาต้องเจอกับกองทัพปีศาจหลายร้อย รวมถึงพวกมันได้ตั้งปืนใหญ่ไว้บนกำแพงมากมาย และดูเหมือนว่าพวกมันก็ได้ตั้งแนวรบเพื่อรอรับพวกเขาอยู่แล้ว

    “โห พวกมันมีปืนใหญ่กันด้วย จะทำเยี่ยงไรเล่า??”ทูตเบลล์ถามอย่างสงสัย

    “ก็กระสุนคดอย่างไรเล่า จัดการเลยสิ!!” กุมารเทพพูดขึ้น และในตอนนั้นพวกเขาก็เอาปืนใหญ่มือของมาเรียน่าออกมา จากนั้นก็ร่ายมนต์แล้วเล็งไปที่ปืนใหญ่ จากนั้นก็ยิงออกไปในทันที

    “ตู้ม!!”

     ลูกปืนใหญ่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งไปโดนปืนใหญ่ที่พวกมันตั้งไว้จนหมด ทำเอาพวกมันถึงกับตกใจ แล้วรีบไปเป่าแตรเพื่อเป็นสัญญาณเตือนกับพวกมันตัวอื่นๆในทันที

    “พวกมันมาแล้ว!!”

    เมื่อสิ้นเสียง กองกำลังของพวกมันบุกเข้ามาจัดการกลุ่มของทองอินทร์ที่อยู่ห่างออกไปในทันที ทำเอาพวกของทองอินทร์ที่เห็นดังนั้นจึงชักดาบออกมาในทันที

    “พวกเรา ฆ่ามัน!!”

    ทองอินทร์และคนอื่นๆรีบบุกเข้าไปในทันที พวกมันวิ่งดาหน้าเข้ามาหมายจะจัดการ กลุ่มคนที่ใช้ปืนก็ยิงเปิดทางออกไปก่อน

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    กระสุนคดที่ออกมาได้พุ่งเข้าร่างปีศาจวานรพวกนั้น จนพวกมันล้มตายกันไปมากมาย และไม่นานนัก กองกำลังของพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกันในทันที เสียงการประดาบดังไปทั่วพื้นที่

    “พวกเรา ฝ่าพวกมันเข้าเมืองพิษณุโลกให้ได้!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นก็ไล่ฟาดฟันปีศาจพวกนั้น

    “ได้ พวกเรา ต้องมีพวกมันอยู่ด้านในอีกเป็นแน่!!” นาราพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้หมัดไฟต่อยมันจนเกราะแตก

    “พวกมันมีกันเป็นร้อยเลย!!” วารีพูดขึ้น จากนั้นก็ฟันมันตัวหัวขาด

    “ไม่ต้องห่วง พวกมันมิมีฝีมือนักดอก!!” คาวีพูดขึ้น จากนั้นก็ร่ายมนต์ใส่ดาบและแทงมันจนเกราะแตก

    “เข้ามาเลย ไอ้พวกระยำ!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น จากนั้นก็ยิงหน้าไม้ใส่พวกมัน

    “อเล็กซ ยิงคุ้มกันพี่ด้วย” มาร์คัสพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงปืนใส่พวกมันไป

    “ได้เลยพี่ ท่านเองก็ระวังด้วย” อเล็กซตอบกลับไป จากนั้นก็ชักปืนสั้นของเธอออกมาแล้วกระหน่ำยิงใส่

    “ท่านแสนคำ คุ้มกันเกวียนทางด้านนั้นที” นรสิงห์พูดขึ้น จากนั้นก็ฟันร่างมันของมันจนขาด

    “ได้เลย เอื้องเหนือ เจ้าระวังด้วย!!” แสนคำสมิงพูดขึ้น จากนั้นก็ตะโกนเตือนเธอ แล้วตัวเขาก็ฟันแขนปีศาจจนขาดและถีบมันกระเด็นออกไป

    “พวกมันมีเยอะเหลือเกิน คงจักขนมากันทั้งกองทัพกระมัง??” เอื้องเหนือถามไป

    “นั่นสิ พวกท่านระวังไว้ด้วย!!” ธิดาตะโกนบอกทุกคนไป

    “ไม่ต้องกลัวหรอก แม็กซิม รีปเปอร์ เอาเลย!!” เทเรซ่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ปักดาบลงพื้น จากนั้นทั้งสามก็ไล่ฟาดฟันพวกมันอย่างรวดเร็ว

    “ไปพบพระเจ้าซะ ไอ้พวกระยำ!! แม็กซิมตะโกนออกมา 

    “พวกมันมีดีแค่นี้เองเหรอ??” รีปเปอร์ตะโกนออกมา จากนั้นก็ไล่ฟันพวกมันไปด้วย

    “มาเลย ไอ้พวกระยำ!!” ชิงเสียนพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงพวกมันจนสนุกมือ

    “เอาปืนใหญ่ไปกิน ไอ้พวกนี้!!” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นก็เอาปืนใหญ่มือของเธอไล่ยิงพวกมันจนกระเด็นไปคนละทาง

    “ฟาดมาเลย ทำอันใดโล่กูมิได้หรอก!!” อองโม่โยพูดขึ้น และพวกมันก็ฟาดกระบอกใส่โล่เขาต่อ อองโม่โยแทงสวนมันกลับไปในทันที

    “พวกมันกำลังเบาบางลงแล้ว!!” ออเรเลียพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ทวนไล่ฟันพวกมัน

    “พวกมันต้องมีขุนพลอยู่แถวนี้ ข้าสัมผัสพลังของมันได้” หลี่เจาพูดขึ้น จากนั้นก็เหวี่ยงทวนของเขาจนพวกมันกระเด็นออกไป

    “พวกมันคงจะรอให้พวกเราอ่อนกำลังหล่ะมั้ง??” อิริยะพูดขึ้นและซัดห่วงเหล็กใส่พวกมัน

    “อ่ะก๊ะๆๆๆ!!” ลุงคงจับร่างของมันมาทุ่มลงพื้น และต่อยพวกมันจนกระเด็น

    “เฮ้อ ไอ้พวกลิงกังเอ้ย!!” มายะตะโกนออกมา แล้วฟันดาบใส่พวกมัน

    “เข้ามาเลย ย้าก!!” ฉางหลงตะโกนออกมา จากนั้นก็กระโดดเตะมันจนกระบองหัก 

    “พวกมันจะตายกันหมดแล้ว!!” สมบาติตะโกนออกมา

    “พวกท่าน ระวัง!!” จู่ๆ ไวโอเล็ตตะโกนออกมา ซึ่งกลุ่มวานรกำลังจะโจมตีมายะด้านหลัง แต่อนาเลียก็ร่ายมนต์ใส่พวกมันจนกระเด็นไป

    “ไอ้พวกชั้นต่ำพวกนี้ จัดการมิยากหรอก” อนาเลียพูดขึ้น

    “แน่นอน จัดการมันเลย!!” ฮิเดกิพูดขึ้น จากนั้นก็ฟาดฟันพวกมันด้วยดาบคู่ของเขา

    “ไอ้พวกนี้ ไม่รู้จักเข็ด!!” เชอร์รี่พูดขึ้นและฟันร่างของมัน และยิงพวกมันด้วย

    “เฮ้อ พวกมันจะถอยหมดแล้ว!!” ซื่ออ้ายพูดขึ้น จากนั้นมันตัวหนึ่งก็ใช้กระบองฟาดเธอ แต่เธอใช้พัดกันไว้ได้ และซัดเข็มพิษใส่มันไป

    “มาเลย!!” วาทินใช้วิชาบาทาของเขาหลบหลีกพวกมัน จากนั้นก็เล่นงานพวกมันกลับไป

    “เอาลูกดอกไปกินซะ!!” เมรียิงธนูใส่พวกมันอย่างต่อเนื่อง และในตอนนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังกว่าปีศาจตัวใดที่พวกเขาได้ยิน ทำเอาพวกเขาถึงกับตระหนักเล็กน้อย

    “ข้าว่า ขุนพลของพวกมันกำลังจะมาแล้ว!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ให้พวกมันมาเถิด ข้าจะฆ่ามัน!!” โชพูดขึ้น จากนั้นก็แทงหลังมันตัวหนึ่ง แต่ในตอนนั้น พวกมันบางส่วนก็รีบถอยออกมาในทันที

    “พวกมันจักถอยไปไหนกัน??” กุมารเทพถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง จู่ๆปีศาจยักษ์ใบหน้าเป็นหมีและร่างกายเป็นช้าง ก็วิ่งถือง้าวยักษ์เข้ามาเพื่อเล่นงานพวกคณะเดินทางในทันที

    “ระวัง!!”

    ทองอินทร์ชักดาบของออกยันกับง้าวของมันไว้ แต่มันก็กระทืบพื้นจนพื้นสั่นสะเทือนราวแผ่นดินไหว ทำให้ทองอินทร์ถึงกับกระเด็นออกมา มันจะฟันทองอินทร์ต่อ แต่กุมารเทพก็พุ่งเข้าไปต่อยที่หน้าของมันจนมันถอยออกมา แต่ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้มาก

    “เฮ้อ พวกเจ้าหน่ะหรือ พวกคณะเดินทางโง่เง่า??”

    “แกคงจะเป็นขุนพลของไอ้ปีศาจเฒ่าสินะ??” ทองอินทร์ถามไป

    “มันเป็นปีศาจดึกดำบรรพ์ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงพลังการรบของมัน มันต้องเป็นขุนพลคนสำคัญเป็นแน่!!” กุมารเทพพูดขึ้น

    “พวกมึงสินะ เฮ้อ อย่างพวกเจ้า แค่ข้าคนเดียวก็จัดการพวกเจ้าได้ ห่วงแต่พวกเจ้าที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ พวกเจ้าตายซะเถอะ!!”

    ปีศาจตัวนั้นพูดขึ้น จากนั้นมันก็ฟาดง้าวเป็นพลังแสงใส่กลุ่มของทองอินทร์ แต่พวกของทองอินทร์ก็หลบหลีกการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว

    “มันจะแน่ซักแค่ไหนเชียววะ??”

    ทองอินทร์ตะโกนออกมา จากนั้นก็วิ่งเข้าไปฟันที่ขาของมัน แต่มันก็แทบไม่ระคายอันใดเลย และมันก็เตะทองอินทร์ออกมาด้วย

    “พวกเรา ลุยมันเลยดีกว่า!!” คาวีพูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหลอกล่อมัน แล้วพยายามจะปีนขึ้นไปบนตัวมัน แต่มันก็ต่อยคาวีจนกระเด็น วารีกระโดดแทงไปที่เข่าของมัน แต่มันก็จับตัววารีออกและเหวี่ยงออกไปอย่างง่ายดาย

    “บ้าเอ้ย พละกำลังมหาศาลจริงๆ” วารีพูดขึ้น

    “คิดว่าจะกลัวงั้นเหรอ??” เมรีถามไป และในตอนนั้นเธอก็กระหน่ำยิงธนูใส่หัวของมัน มันปัดป้องธนูแล้ววิ่งชนไปที่เมรีในทันที แต่เมรีก็หลบได้ทัน นรสิงห์เห็นดังนั้นจึงใช้พลังดาบของเขาฟันที่ขาของมัน แต่มันก็เตะเขาออกไปได้

    “แม่งเอ้ย หนังมันหนาเกินไป!!” นรสิงห์พูดขึ้น

    “ข้าว่า เราต้องลองกระหน่ำให้มันล้มก่อน แล้วเรารู้จุดอ่อนของมันหรือไม่??” แสนคำสมิงถามไป

    “ข้ากำลังดูอยู่ ไว้ข้าได้เรื่องแล้วจะบอกแล้วกัน!!” กุมารเทพพูดขึ้น แสนคำสมิงในตอนนั้นก็วิ่งเข้าไปฟันมันตอนมันเผลอ แต่มันก็ฟาดง้าวใส่แสนคำสมิง แสนคำสมิงต้านง้าวของมันไว้ จนกระทั่งคนอื่นๆก็มายิงช่วยเขาไว้

    “แม่งเอ้ย ใช้กระสุนคดงั้นหรือ??” ปีศาจตัวนั้นตะโกนออกมา

    “ถ้าเราไม่รู้จุดอ่อนมัน เราลำบากเป็นแน่!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ท่านกุมาร ท่านรีบหาจุดอ่อนของมันเข้าเถิด เราจะต้านมันไม่ไหว” ธิดาพูดขึ้น

    “ข้ารู้แล้ว จุดอ่อนอยู่ที่กลางอกของมันเลย แต่มันใส่เกราะไว้!!” กุมารเทพมองไปยังจุดกึ่งกลางลำตัวของมันแล้วบอกกับทุกคนไป

    “ถ้าเช่นนั้นก็รีบจัดการเถิด!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น จากนั้นก็ยิงหน้าไม้ที่กลางอกของมันในทันที

    “ทุกคน ยิงไปที่สายรัดเสื้อเกราะของมัน!!” มาร์คัสพูดขึ้น จากนั้นคนที่มีปืนก็ระดมยิงใส่ในทันที

    “เป็นไงบ้างเล่า ยิงเข้าไปอีก!!” อเล็กซพูดขึ้นแล้วยิงต่อ แต่มันก็กระทืบพื้นจนพื้นสั่นไหว ทำเอาทุกคนถึงกับเซไปเลย

    “คิดว่าแค่นี้จะหยุดได้เหรอ??” มาเรียน่าถามไป จากนั้นเธอก็ยิงปืนใหญ่อัดหน้าปีศาจตัวนั้น

    “ตู้ม!!”

    “มันเริ่มเซแล้ว ตอนนี้แหละ!!” หลี่เจาตะโกนออกมา จากนั้นก็วิ่งไปฟันที่ขาของมัน รวมถึงอิริยะก็ซัดมีดของเธอใส่หน้ามันด้วย

    “เราต้องจัดการมัน อย่าให้มันพัก!!” อิริยะพูดขึ้น 

    “ได้เลย สบายอยู่แล้ว!!” มายะพูดขึ้น จากนั้นก็ชักดาบออกมาแล้วฟันย้ำไปที่ขาของมัน ฮิเดกิก็ฟันด้วย

    “เอาให้มันล้มไปเลย!!” ฮิเดกิตะโกนออกมา

    “อย่าให้มันฟื้นตัว เราต้องย้ำที่แผลของมัน!!” โชตะโกนออกมา จากนั้นก็แทงเข้าไปที่ขามันในทันที มันเหวี่ยงง้าวใส่พวกของทองอินทร์เพื่อจะดันพวกเขาออกไป แต่อองโม่โยใช้โล่ของเขายันง้าวไว้ได้

    “เฮ้อ ของใหญ่ข้าก็กันได้เว้ย!!” อองโม่โยพูดขึ้น

    “ล้มไปซะเถอะไอ้ระยำ!!” ออเรเลียกระโดดขึ้นไปที่เข่าของมันแล้วแทงเข้าที่กลางหัวมัน แต่มันก็ดึงทวนของเธอออกแล้วเหวี่ยงเธอออกไป

    “แผลมันเริ่มเปิดแล้ว!!” สมบาติตะโกนออกมา แล้วในตอนนั้น อนาเลียก็ใช้มนต์ของเธอซัดใส่แผลของมันในทันทีเพื่อไม่ให้ฟื้นตัวได้

    “ขามันล้มข้างนึงแล้ว!!” อนาเลียตะโกนออกมา แต่มันก็ยกขาอีกข้างเหยียบลงดิน ทำเอาพวกเขาถึงกับสั่นไหวในทันที

    “จัดการขาอีกข้างของมันด้วยสิ!!” ไวโอเล็ตตะโกนออกมา

    “ข้าจะลองดู!!” วาทินตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็กระโดดและวิ่งขึ้นไปบนตัวมันแล้วฟันที่หูของมัน แต่มันจับวาทินเหวี่ยงออกมาในทันที

    “อ่ะก๊ะๆๆๆ!!” ลุงคงในตอนนั้นก็จับขามันอีกข้างหนึ่งไว้แล้วบีบมัน ทำเอาขาของมันขยับไม่ได้เลย

    “ตอนนี้แหละ รีบจัดการเลย!!” เชอร์รี่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็จัดการปักดาบเพลิงที่ขามัน

    “เยี่ยม เอาเข็มนี่ไปกิน!!” ซื่ออ้ายตะโกนออกมาแล้วปักเข็มนับสิบใส่ขามันในทันที

    “เอาเลย ล้มมันให้ได้!!” ชิงเสียนตะโกนออกมาแล้วกระหน่ำยิงเข้าที่กลางหน้าผากของมัน

    “ระยำเอ้ย คิดว่าจะหยุดข้าได้งั้นเหรอ??” ปีศาจตัวนั้นตะโกนออกมา 

    “ต่อยมันที่เอ็นร้อยหวาย!!” นาราพูดขึ้น จากนั้นก็ต่อยเข้าไปที่ส่วนเอ็นร้อยหวายของมันอย่างต่อเนื่อง และฉางหลงก็ร่วมจัดการกับพวกเขาด้วย

    “นี่ มันต้องอย่างงี้!!” ฉางหลงทั้งต่อยทั้งเตะใส่ขามัน 

    “ลองดาบเพลิงหน่อยเป็นไง??” เทเรซ่าตะโกนออกมา จากนั้นก็ใช้มันปักไปที่ขาของปีศาจจนมันร้องโหยหวน แต่ในตอนนั้น มันก็รวบรวมกำลังสุดท้ายของมันจับง้าวขึ้นมา แล้วไล่ฟันคนอื่นๆในทันที

    “ระวัง!!”

    “ฉับ!!”

    “แม็กซิม!!” รีปเปอร์ตะโกนออกมาดังลั่น เพราะภาพที่เขาได้เห็นคือรีปเปอร์เอาตัวมาขวาง และง้าวของมันก็ตัดร่างของแม็กซิมขาดครึ่ง ทำเอาตัวเขาตายคาที่ในทันที

    “ไอ้ระยำ!!” เทเรซ่าตะโกนออกมา จากนั้นก็ฟันที่ขาของมันอย่างไม่ยั้ง แต่มันจับร่างของเทเรซ่าเอาไว้ แต่คนที่ใช้ปืนคนอื่นๆก็ยิงเข้าไปที่หัวมันเพื่อตัดกำลัง และให้มันปล่อยเทเรซ่าด้วย

    “ปล่อยนางเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!” มาร์คัสตะโกนออกมาแล้วยิงใส่มัน

    “เอื้องเหนือ ธิดา พวกเจ้ารีบช่วยแม็กซิม!!” ชิงเสียนตะโกนออกมาแล้วยิงใส่มันอย่างต่อเนื่อง และในตอนนั้น เอื้องเหนือกับธิดาก็เห็นว่าเขาไม่รอดแล้ว เลยปิดตาของเขาไป

    “เขาสิ้นลมแล้ว!!” เอื้องเหนือตะโกนออกมา

    “ไอ้ระยำเอ้ย แกตายซะเถอะ!!” เวียงพิงค์ตะโกนออกมา จากนั้นก็ยิงหน้าไม้ใส่ลูกตามัน จนตามันปิดไปข้างหนึ่ง

    “จัดการกับกลางอกมันเลยสิ!!” วาทินตะโกนออกมา และในตอนนั้น ลุงคงก็วิ่งไปแล้วฉีกเสื้อเกราะของมันออกมาในทันที มันพยายามจะสกัดลุงคง แต่คนอื่นๆก็ยิงก่อกวนมันไปเรื่อยๆ

    “ยิงใส่ตามันอีกข้างเลย!!” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงปืนใหญ่มืออัดที่หน้ามัน

    “อ๊าค ไอ้ระยำเอ๋ย!!” ปีศาจตัวนั้นตะโกนออกมา จากนั้นก็พยายามใช้ง้าวไล่กวาดพวกของทองอินทร์ แต่ในตอนนั้นหลี่เจาก็กระโดดขึ้นไปเจาะที่แขนมันในทันที

    “หนังมันหนา ต้องแทงย้ำใส่มัน!!” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ถ้างั้นเราต้องช่วยกันหน่อย เร็ว!!” อิริยะพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ห่วงเหล็กของเธอขว้างใส่หัวของมัน

    “รีบจัดการกับมันเร็ว มันแข็งแกร่งเหลือเกิน” ธิดาตะโกนออกมา

    “ระยำเอ้ย แกฆ่าเพื่อนข้า!!” รีปเปอร์ตะโกนออกมาแล้วใช้ดาบไฟฟาดเข้าไปที่ขามันต่อ

    “เจาะที่เอ็นร้อยหวายมันได้หรือยัง??” คาวีถามอย่างสงสัยในขณะที่แทงเข้าไปที่เท้าของมัน

    “ข้าพยายามอยู่ แต่หนังมันโคตรหนาเลย!!” วารีพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ฟันไปที่เท้าของมันต่อ จนตอนนี้เท้าของมันก็แหลกเหลวไปแล้ว และอนาเลียก็ร่ายมนต์ใส่ที่เท้าของมันเพื่อป้องกันไม่ให้มันฟื้นฟูตัวเองได้

    “ตอนนี้มันล้มแล้ว  แต่ระวังง้าวของมันด้วย” อนาเลียตะโกนออกมา

    “เยี่ยมเลย ตาบอดอีกข้างซะ!!” เมรียิงธนูใส่ตาอีกข้างของมันในทันที

    “มันจะล้มแล้ว ล้มมันให้ได้!!” นรสิงห์พูดขึ้น จากนั้นก็ฟันที่ขาอีกข้างของมันต่อ

    “ข้าจะจัดการง้าวมันเอง” แสนคำสมิงพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ยันง้าวของปีศาจตัวนั้นไว้ เพื่อไม่ให้มันยกขึ้นมาได้ แต่ในระหว่างนั้นเอง ลุงคงก็สามารถฉีกเกราะของปีศาจตัวนั้นออกได้สำเร็จ แต่มันก็ผลักลุงคงกระเด็นออกไป

    “เกราะมันขาดออกแล้ว ตอนนี้แหละ!!” สมบาติพูดขึ้น

    “เล่นงานที่หน้าอกของมันเลย!!” อเล็กซพูดขึ้นแล้วชักปืนสั้นของเธอออกมาแล้วกระหน่ำไปที่หน้าอกของมันในทันที ทำเอามันอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

    “อย่างนั้น มันจะล้มแล้ว!!” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “ฟันขามันให้ขาดเลย!!” มายะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ฟันเข้าที่ขามันอย่างต่อเนื่อง 

    “อย่ายอมหล่ะ มันกำลังจะล้มแล้ว!!” โชพูดขึ้นแล้วฟันขาอีกข้างของมัน จนในตอนนี้มันแทบจะลุกไม่ขึ้นแล้ว แถม้าวของมันก็โดนยันจนมันยกขึ้นมาไม่ได้

    “กูขอซักหมัดก็แล้วกัน!!” ฉางหลงพูดขึ้นและต่อยเข้าไปที่หว่างขาของมัน ทำเอามันถึงกับร้องโหยหวน

    “อย่าให้มันยกง้าวขึ้นมาได้เด็ดขาด” อองโม่โยใช้โล่ของเขาดันง้าวของมันไว้

    “ขอซักหน่อยเถอะ!!” ออเรเลียขี่ม้าแล้วขว้างทวนใส่กลางอกของมัน

    “เอาระเบิดไปกินซะ!!” เชอร์รี่พูดขึ้นแล้วขว้างระเบิดของเธอใส่ที่หน้ามันเพื่อให้มันเซ

    “ตอนนี้เราต้องใช้พลังทั้งหมดแล้วหล่ะ” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นข้าเอง!!” ฮิเดกิกระโดดแล้วใช้ดาบคู่ของเขาตัดหูของมันจนขาดกระเด็น จนในตอนนั้นร่างกายของมันก็แหลกเหลวแทบจะลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว

    “พี่อินทร์ ตอนนี้แหละ!!” นาราตะโกนออกมา จากนั้นทองอินทร์ก็ชักดาบคู่ออกมา จากนั้นก็ไขว้กันในทันที

    “รวมพลังเข้ามาที่ดาบข้า!!” ทองอินทร์ตะโกนออกมา จากนั้นทุกคนก็ใช้พลังของทุกคนรวมพลังเข้าที่ดาบของทองอินทร์ จากนั้นทองอินทร์ก็ซัดพลังดาบใส่กลางอกของมันในทันที

    “ซู้ม!!”

    “อ๊าค!!”

    พลังดาบของทองอินทร์พุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจยักษ์ตัวนั้น ทำให้ร่างของมันค่อยๆสลายไปในทันที จากนั้นทุกอย่างก็สงบลงในทันที

    “พวกท่านทำสำเร็จแล้ว!!” กุมารเทพพูดขึ้น แต่พวกเขาก็ดีใจได้ไม่นาน พวกเขาก็รีบมาดูที่ร่างของแม็กซิมในทันที แต่ในตอนนั้น จู่ๆร่างของแม็กซิมก็หายวับไปในทันที เหลือแค่ดาบของเขาที่กลายเป็นแค่ดาบธรรมดาๆ

    “เทพเจ้ารับวิญญาณของเขาไปแล้ว!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ฤๅษีตนเดิมก็วาร์ปมาหาพวกเขาในทันที เพื่อมาคุยอะไรบางอย่างกับพวกเขา

    “ในระหว่างที่พวกเจ้ากำลังต่อสู้กับมัน ข้าได้เอาเครื่องเซ่นไปวางไว้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าสามารถพังกำแพงหินที่ขวางทางพวกเจ้าได้แล้ว”

    “แล้วเพื่อนของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านผู้ทรงศีล??” รีปเปอร์ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้เทวดาบนสวรรค์รับตัวเขาไปแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงดอก”

    “หลังจากที่เข้าแดนล้านนา หวังว่าพวกเทพจะมาช่วยเรานะ!!” วาทินพูดขึ้น

    “ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก” หลี่เจาตอบไป

    “เมืองพิษณุโลกกว้างใหญ่ คงต้องใช้เพลานานกว่าจะไปถึง” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ข้าว่าไม่นานหรอกท่านพี่” นาราพูดไป

    “คอยดูเถิด ข้าจะฆ่าพวกมันให้เหี้ยนเลย!!” คาวีพูดขึ้น

    “ใช่ แต่ที่แดนล้านนามันจะเป็นอย่างไรบ้าง??” วารีถามไป

    “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงดอก ข้ารู้ว่าจะต้องเดินทางอย่างไร” นรสิงห์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างสีขาวๆหล่นลงมาจากท้องฟ้าเรื่อยๆ และมันก็มาเกาะบนตัวคนอื่นๆด้วย

    “นี่มันเกิดอันใดขึ้น??” แสนคำสมิงถามไป

    “นี่มันหิมะนี่!!” มาร์คัสพูดอย่างตกใจ

    “หะ นี่แปลว่าเราเข้าหน้าหนาวแล้วหรือ??” อเล็กซถามไป

    “แต่ว่า ภูมิภาคเรามิเคยมีหิมะอะไรนี่เลยนี่??” ธิดาถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ ที่ล้านนาก็หนาว แต่ไม่ถึงขนาดนี้ ข้าว่ามันแปลกๆ” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ดูท่า พวกมันคงจะปล่อยหิมะเพื่อขัดขวางพวกเราหน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ตายหล่ะ แบบนี้ได้หนาวตายกันแน่” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “ใช่ ข้าเองก็เกลียดความหนาวเช่นกัน!!” เมรีพูดพลางกอดอกไป

    “ถ้าเช่นนั้น พวกท่านรับนี่ไป!!” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นเม็ดอะไรบางอย่างสีแดงให้กับทุกคนในทันที

    “นี่มันอันใดกันหรือ??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย

    “มันคือว่านแสงอาทิตย์ มันจักช่วยไม่ให้พวกท่านหนาวได้!!” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แบ่งให้กันไปคนละเม็ด หลังจากที่พวกเขากินเข้าไป พวกเขาก็ไม่รู้สึกหนาวอีก

    “หู้ว อุ่นดีแท้!!” เทเรซ่าพูดอย่างตื่นเต้น

    “มันทำจากอันใด ข้าอยากเอาไปขายในยุโรปนัก” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “มันเป็นของเทพ เจ้าทำเองมิได้หรอก!!” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “แล้วท่านจะไม่กินหน่อยเหรอ อ้อ ลืมไปพวกท่านเป็นเทพ!!” ฮิเดกิพูดกับหลี่เจาและอิริยะ

    “ร่างกายของพวกเขายังพอปรับตัวได้ มิเป็นกระไรหรอก” อิริยะพูดขึ้น

    “เฮ้อ คงจะมีพวกมันมากมายรอเราที่ล้านนาเป็นแน่” ออเรเลียพูดขึ้น

    “ท่านเนเมียวสีหบดีได้ยึดล้านนาจนสิ้นแล้ว คงจะกวาดต้อนผู้คนไปจนหมด” อองโม่โยพูดขึ้น

    “ข้าสังเกตการณ์เคลื่อนที่ของดวงดาว มันเคลื่อนที่ดูไม่เป็นคุณเท่าไหร่ ทางข้างหน้าคงจักไม่ง่ายแล้วหล่ะ” สมบาติพูดขึ้น

    “อืม ข้าก็เพิ่งจะเพ็งมองลูกแก้ว ลูกแก้วของข้าเปล่งแสงสีดำตลอดเวลาเลย” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “อ่ะก๊ะๆๆๆๆ ขุดหลุมๆๆ” ในตอนนั้นเองลุงคงจู่ๆก็เอาจอบมาขุดหลุมอะไรบางอย่าง เหมือนกับว่าแกรู้ว่าแกกำลังทำอะไรอยู่

    “ตาลุงนี่ ทำอันใดของเขากันนะ??” เชอร์รี่ถามอย่างสงสัย แต่ในตอนนั้นเทเรซ่าและรีปเปอร์ก็ยิ้มออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็รีบไปเอาจอบจากลุงคงมา จากนั้นก็ขุดหลุมกลบฝังมันไป แล้วเขาก็เอาดาบของแม็กซิมปักลงดินในทันที ให้ดูเหมือนว่าเป็นกางเขนสำหรับชาวคริสต์ และดุราวกับว่าเป็นหลุมศพของแม็กซิม

    “ตาลุงนี่ก็มีประโยชน์บ้างเหมือนกัน ในบางมุม” มายะพูดขึ้น

    “นั่นสิ คนสติไม่ดียังรู้ว่าอะไรควรไม่ควร” โชพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกเราจะเอาเยี่ยงไรต่อหล่ะ??” ฉางหลงถามไป

    “ข้าว่า คงต้องรอให้ท่านผู้ทรงศีลมาที่นี่ก่อน” อนาเลียพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ฤๅษีเทพก็กลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง

    “บัดนี้ พวกเจ้าเดินทางไปทำลายกำแพงพวกนั้นได้เลย!!”

    “ขอบพระคุณท่านฤๅษีเป็นอันมากขอรับ!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางเข้าไปยังเมืองพิษณุโลกในทันทีเพื่อจัดการกับธุระที่เหลือ

     

    พวกเขาเดินเข้ามาใจกลางเมืองพระพิษณุโลก ผ่านเศษซากที่ถูกกองทัพปีศาจทำลาย พวกเขาเดินทางไปยังกำแพงเมืองด้านหลัง และไม่นานนักพวกเขาก็เห็นกำแพงหินสูงตระหง่านตั้งอยู่ด้านหน้าพวกเขา ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ใช่ชาวเมืองเป็นผู้สร้าง ทำให้พวกเขาเตรียมพร้อมในการทำลายในทันที

    “มาเรียน่า เชอร์รี่ เอาเลย!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นมาเรียน่าก็เอาปืนใหญ่มือของเธอยิงอัดเข้ากำแพงไปในทันที ส่วนเชอร์รี่ก็วางระเบิดใส่กำแพงไปด้วย

    “ตู้ม!!”

    ไม่นานนัก กำแพงก็ถล่มลงมาและแตกเป็นเสี่ยงๆ และไม่นานนัก ฤๅษีตนเดิมก็วาร์ปมาหาพวกเขาในทันที

    “พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก บัดนี้ เส้นทางข้างหน้าจะพาพวกเจ้าไปยังล้านนา ดินแดนที่เป็นจุดรวมกำลังของพวกปีศาจ ในยามนี้ พวกเจ้าเป็นความหวังเดียวของ 3 พิภพ!!”

    “ข้าทราบขอรับ ท่านฤๅษี!!” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ปีศาจที่พวกเจ้าเพิ่งจะฆ่าไป มันเป็นปีศาจดึกดำบรรพ์ และที่ยิ่งกว่านั้น มันใช้ไอวิญญาณของมังมหานรธา แม่ทัพแห่งอังวะด้วย!!”

    “หือ แม่ทัพพม่าอีกแล้วหรือ??” ออเรเลียถามไป

    “มิน่าหล่ะ ถึงมีพลังในการรบสูงยิงนัก ที่แท้ก็ท่านมังมหานรธานั่นเอง” อองโม่โยพูดขึ้น

    “เหล่าขุนพลและแม่ทัพทั้งนั้น ที่ถูกดูดพลังไอวิญญาณ” นาราพูดขึ้น

    “ก็นี่มันช่วงสงคราม พวกแม่ทัพทหารก็มีส่วนด้วยนี่” คาวีพูดขึ้น

    “เห็นที ที่ล้านนา ต้องมีพวกมันมากมายรอเราอยู่” วารีพูดขึ้น

    “ใช่ ข้าได้ยินมาว่า ไอ้จอมปีศาจนั่นมันเกณฑ์เอาพวกผ่าเหล่าจากป่าหิมพานต์มามากโข พวกเจ้าคงต้องใช้ฝีมือแลพละกำลังมากโข พวกเจ้าต้องฝึกปรือพลังของพวกเจ้าด้วยหล่ะ ข้าจะไปรอพวกเจ้าที่ และคอยช่วยพวกเจ้าอยู่ห่างๆ ข้าขออวยพรให้พวกเจ้าทุกคนประสบชัยชนะ!!” ฤๅษีตนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็หายตัวไปในทันที

    “พวกมันเอาสัตว์เทพมาสู้ด้วยงั้นหรือ??” นรสิงห์ถามไป

    “แสดงว่า เราก็ต้องสู้กับพวกเทพด้วยหน่ะสิ” มาร์คัสถามออย่างสงสัย

    “ไม่หรอกท่าน พวกมันเป็นพวกที่ทำผิดกฎแล้วโดนเนรเทศ พวกมันไม่มีพลังมากเท่าเทพโดยทั่วไปดอก” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ก็หวังไว้ให้เป็นเช่นนั้น!!” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “พวกมันคงเตรียมกำลังรอรับพวกเราไว้แล้วหล่ะ” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “แล้วพวกสัตว์ผ่าเหล่านี่ จะมีสัตว์ประเภทไหนบ้างเล่า??” ธิดาถามไป

    “คงจะมีพวกนาค พวกครุฑหล่ะกระมัง??” เวียงพิงค์ตอบไป

    “หะ นี่เราต้องสู้กับพวกครุฑด้วยเหรอ??” วาทินถามอย่างสงสัย

    “อย่าห่วงเลย ข้าคิดว่าคงเป็นพวกชั้นต่ำหน่ะ” ฮิเดกิพูดไป

    “พวกเรามีพลังเทพแท้ๆ จะกลัวอันใดเล่า??” อเล็กซถามไป

    “หากพวกเราจัดการพวกมันที่ล้านนาได้ พวกทหารสวรรค์คงจะมาช่วย ทุกอย่างก็คงดีขึ้น” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “บัดนี้พวกมันคงแบ่งกำลังมายันพวกเราไว้ที่ล้านนาแล้วหล่ะ” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “ถ้าพูดถึงกลยุทธ์ เราทำได้ดีแล้วหล่ะ เราทำให้พวกมันต้องห่วงหน้าพะวงหลังได้” หลี่เจาพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วยิ่งถ้าเราโอบล้อมมันได้ พวกมันคงไม่กล้าบุกโจมตีสวรรค์หรอก” อิริยะพูดขึ้น

    “หวังว่าพวกเราจะไม่น่วมไปก่อนที่จะถึงที่นั่นนะ!!” มายะพูดขึ้น และในตอนนั้นลุงคงก็ร้องรำทำเพลงของเขาต่อไป

    “อ่ะก๊ะๆๆ โดนเต๊!!”

    “ข้าว่าข้าห่วงเรื่องอื่นมากกว่า” โชพูดขึ้น

    “นั่นสิ ต้องมาหาเมรัยให้ลุงแกดื่มอีก” ฉางหลงพูดขึ้น

    “ข้างหน้าน่าจะมีเมือง หรือหมู่บ้าน อาจจะมีเหล้าให้แกก็เป็นได้” สมบาติพูดขึ้น

    “อย่างน้อยลุงแกก็ยังมีคุณแก่พวกเราอยู่นี่” ไวโอเล็ตพูดไป

    “ข้าคงต้องหาดินปืนทำระเบิดเพิ่มแล้วหล่ะ” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าที่ล้านนาจะมีผู้ใดเหลือรอดอยู่หรือไม่??” ซื่ออ้ายถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า พวกนั้นคงจะหนาวตายกันหมดแล้วหล่ะ” เมรีพูดออกไป

    “ก็ใช่ แต่ข้าก็หวังว่าจะมีผู้เหลือดรอดบ้างหล่ะ” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “แล้วหากช่วยได้ เราจะส่งพวกเขาไปที่ใดกันเล่า??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย

    “เรื่องนั้นข้าจักจัดการเอง” ทูตเบลล์พูดไป

    “ข้าสัมผัสได้ว่า พวกมันปล่อยเกรย์โอลด์วันมาบางส่วนแล้ว เราคงต้องระวังตัวกันด้วย” อนาเลียพูดขึ้น

    “เอาเถิด ถึงอย่างไรพวกเราก็รับมือมันได้อยู่แล้ว!!” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ท่านพี่ เราเดินทางกันต่อเถิด” กุมารเทพพูดขึ้น พวกเขาไม่รอช้า พากันเดินผ่านแดนเพื่อข้ามไปยังดินแดนล้านนาในทันที เพื่อไปจัดการกับพวกปีศาจต่อไป

     

    ที่ด้านหน้าเมืองพิษณุโลก หลังจากที่การรบเสร็จสิ้นลง ในตอนนั้นเดอเวสที่ขี่ม้าเดินทางมาก็เห็นแต่ซากศพของเหล่าปีศาจที่นอนเรียงรายกันมากมาย รวมถึงประตูเมืองพิษณุโลกที่เปิดออก ทำเอาเขาถึงกับรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    “อะไรกันวะ นี่เรามาไม่ทันเหรอเนี่ย??” เดอเวสถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง กองกำลังของอาชิซะก็เพิ่งจะเดินทางมาถึงด้วย แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นมีแต่ซากศพเหล่าภูตผีมากมาย ทำเอาพวกเขาถึงกับสงสัย

    “โอ้ โดมิงโก้ ที่นี่เหมือนเพิ่งจะโดนถล่มเละเลยแหะ!!”

    “นั่นสิดีเอโก้ มันเกิดอันใดขึ้นกันเนี่ย??” 

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะผ่านไปได้แล้วนะ ท่านอาชิซะ” เดอเวสพูดขึ้น

    “ระยำเอ้ย ข้าไปไม่ทันไร มันก็สังหารจนเหี้ยนเลยกระนั่นหรือ??” อาชิซะถามไป

    “นี่พวกมันถ่วงเวลาไม่ให้เราไปถึงเหรอเนี่ย ยัยเฟยหลิง คอยดูเถอะ!!” คาเลเรียพูดขึ้น

    “เช่นนี้ เราจะทำอย่างไรต่อเล่า??” โลครานถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ แสงสีดำประหลาดก็โผล่มาหาพวกเขาอีกรอบ แล้วก็พูดกับพวกเขาในทันที

    “พวกเจ้าทำให้ข้าและท่านผิดหวัง!!”

    “มิใช่ความผิดข้าซะหน่อย ข้าบอกแล้วให้พวกเจ้านำกำลังมายันพวกมันเอาไว้ กำลังแค่นี้ ต้านทานพวกมันมิได้หรอก!!” อาชิซะตอบกลับไป

    “ก็ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ พวกมันก็อาจจะผ่านมาไม่ได้ เจ้าละทิ้งหน้าที่ของเจ้า แล้วยังจะมาว่าข้าอีก”

    “ข้าว่า ท่านประเมินพวกมันต่ำเกินไปหรือเปล่า ท่านไม่รู้เหรอ บัดนี้พวกมันได้พลังเทพไปแล้ว พวกท่านคงรับมือพวกมันลำบากแล้วหล่ะ” เดอเวสพูดขึ้น

    “เจ้าไม่ต้องมาเถียง บัดนี้พวกมันเดินทางไปยังแดนล้านนาแล้ว หากพวกมันจัดการกองกำลังของพวกเราที่ล้านนาได้ การบุกสวรรค์ของเราคงเป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าคงมีเวลาไม่มาก ที่จะจัดการเรื่องนี้ บัดนี้พวกมันได้พลังเทพแล้ว พวกเจ้าต้องรีบจัดการมันเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น ข้อตกลงทุกอย่าง ยกเลิก!!”

    “นี่ท่าน!!” อาชิซะคุมอารมณ์ไม่ไหวถึงกับชักดาบออกมา

    “เจ้าสู้ข้ามิได้หรอก เจ้าสละพลังเกรย์โอลด์วันไปส่วนหนึ่งแล้ว เจ้ามิได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากถูกผนึกไว้ในหน้ากากขาวเหมือนเดิม ก็ตามแต่ใจพวกเจ้าเถิด!!” แสงสีดำนั้นพูดเสร็จก็ได้หายวับไปในทันที ทำเอาอาชิซะถึงกับเจ็บแค้นใจเป็นอย่างมาก

    “งานนี้ท่านจะเอาอย่างไรต่อเล่า??” เดอเวสถามอย่างสงสัย

    “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปจัดการพวกมันให้หมด!!” อาชิซะพูดอย่างโกรธแค้น 

    =============================================================

    การเดินทางไปยังล้านนาของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    R.I.P แม็กซิม

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×