ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gang Of Heaven - คณะเดินทางกู้พิภพ

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 10 : ดวงใจปิ่นทอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 55
      3
      20 มี.ค. 64

    https://writer.dek-d.com/shinobinon/writer/view.php?id=2198407 นิยายใหม่ข้าพเจ้า ไปสมัครกันเยอะๆเน้อ

    =====================================================

    ทางด้านกำแพงทางตะวันตก วาทินย่องผ่านกลุ่มปีศาจที่เดินลาดตระเวนแถวนั้นได้อย่างแนบเนียน โดยที่อนาเลียและกุมารเทพพยายามช่วยนำทางเขา วาทินร่ายคาถาและใช้วิชาของเขาวิ่งไปบนกำแพงค่ายได้อย่างรวดเร็ว และไปจเอพวกมันสองตัวบนกำแพง แต่วาทินก็ฆ่าพวกมันจนเหี้ยน จากนั้นกุมารเทพพูดกับวาทิน

    “พี่วาทิน ค่อยๆไปทางซ้าย ตรงไปยังค่ายหลัก ข้ากับท่านอนาเลียสัมผัสได้ถึงพลังมืดหน่ะ!!”

    วาทินใช้วิชาย่องเบาของเขาค่อยๆเข้าไปในใจกลางค่ายอย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงปราสาทในค่าย วาทินก็ใช้กุญแจผีของเขาสะเดาะกุญแจประตูเข้าไปในทันที

    “แอ๊ด!!”

    วาทินเข้าไปในปราสาทได้สำเร็จ แต่สิ่งที่วาทินเห็นก็คือ กองกำลังปีศาจที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านในเต็มไปหมด และดูเหมือนว่าวาทินจะผ่านเข้าไปได้ลำบาก

    “กุมาร พวกมันอยู่กันเต็มเลย!!” วาทินตะโกนออกมา

    “ท่านพี่ คงต้องหลอกล่อให้พวกมันออกมาแล้วหล่ะ” กุมารเทพพูดขึ้นหลังจากที่รู้เรื่อง

    “ถ้าเช่นนั้น เอาเลย!!”

    ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ยิงปืนใส่ไปที่ค่ายของปิ่นทองในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    ในตอนนั้นปิ่นทองที่กำลังนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งก็ตกใจ แล้วก็สั่งลูกน้องของเขาไปในทันที

    “นี่มันเกิดบ้าอันใดขึ้นเนี่ย??” ปิ่นทองถามไป และในตอนนั้นเอง ปีศาจลิงลมตัวหนึ่งก็วิ่งมารายงานเขาในทันที

    “ท่านขอรับ แย่แล้วขอรับ!!”

    “มีเรื่องอันใดวะ??” ปิ่นทองถามอย่างสงสัย

    “พวกคณะเดินทางมันเดินทางมาถึงที่นี่แล้วขอรับ!!”

    “เฮ้อ ดี ที่นี่จักเป็นที่ตายของพวกมัน สั่งพวกเราให้ไปลุยกับพวกมันให้หมด!!” ปิ่นทองสั่งลูกน้องของเขา

    และที่ด้านล่าง วาทินที่กำลังแอบมองอยู่แถวนั้น เขาก็เห็นกองกำลังของปิ่นทองพากันเฮโลออกไปที่ด้านหน้าค่ายในทันที ทำให้วาทินรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

    “ท่านวาทิน ตอนนี้ทางสะดวกแล้ว รีบไปที่ห้องใต้ดินเถิด ข้าสัมผัสพลังอะไรบางอย่างได้!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น จากนั้นวาทินก็รีบไปเปิดประตูห้องใต้ดินที่อยู่ด้านล่างในทันที 

    “เฮ้ย มีผู้บุกรุก!!”

    “ฉับ!!”

    วาทินใช้ดาบของเขาฟันหัวของลิงลมตัวนั้นทิ้ง จากนั้นก็เดินไปตามทางใต้ดินซึ่งมืดมิดเรื่อยๆ แต่แสงจากำตัวของทูตเบลล์ก็สามารถนำทางไปได้เรื่อยๆ

     

    และที่หน้าค่าย กลุ่มของทองอินทร์ก็ได้ใช้ปืนไฟยิงและโห่ร้องให้ดังสนั่น ราวกับว่ามีกองกำลังนับร้อยกำลังจะมาโจมตี และพวกเขาก็ยังรอให้วาทินติดต่อมาด้วย

    “ออกมาสิโวย ไอ้พวกระยำเอ้ย!!” ชิงเสียนตะโกนและยิงเข้ามาในค่าย และในตอนนั้นเอง กองกำลังของพวกมันบางส่วนก็ออกมาจากค่าย แต่พวกของทองอินทร์ก็กระหน่ำยิงพวกมันจนตายกันไปมากมาย

    “เข้ามารับลูกปืนเลย ไอ้พวกปีศาจ!!” อเล็กซพูดขึ้นและยิงใส่พวกมัน

    “เอาปืนใหญ่ไปกิน!!” มาเรียน่าพูดและยิงปืนใหญ่มือของเธอใส่เข้าไปกลางวงของพวกมัน ทำเอาปิ่นทองถึงกับต้องมาดูในทันที ว่าพวกเขาจะเอาอย่างไรต่อ

    “เวรเอ้ย มันยิงกดพวกเรามิมีหยุดเลย!!”

    “เอาเยี่ยงไรดีขอรับ นายท่าน??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ใช้ปืนใหญ่ยิงสวนพวกมันไป แล้วส่งกำลังของเราไปฆ่ามัน แล้วข้าจักตามไปสมทบ!!” ปิ่นทองพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็เอาปืนใหญ่ที่ตั้งอยู่บนกำแพงใส่กระสุนแล้วยิงสวนพวกของทองอินทร์ไปในทันที

    “ตู้ม!!”

    “บ้าเอ้ย พวกมันยิงสวนกลับมาแล้ว!!” คาวีพูดขึ้น

    “ข้าว่า รีบหาที่หลบก่อนดีกว่า มิเช่นนั้นเราตายหมดแน่” วารีพูดไป และในตอนนั้น กองกำลังชุดใหม่ของพวกมันก็บุกเข้ามาจู่โจมพวกของทองอินทร์อย่างรวดเร็ว แต่พวกของทองอินทร์ก็ยังพอสกัดพวกมันเอาไว้ได้

    “เอาธนูไปกินซะเลย!!” เมรีตะโกนร่ายมนต์และยิงธนูออกไป และธนูก็แบ่งออกไปหลายดอก แล้วพุ่งใส่พวกมันในทันที

    “ตายห่าซะไอ้พวกนรกเอ้ย!!” มาร์คัสตะโกนและยิงสกัดพวกมันเอาไว้

    “พวกมันออกมาไม่หยุดเลย ไม่รู้ว่าตัวหัวหน้ามันอยู่ที่ใด” นรสิงห์ถามไป

    “ข้าว่า ตัวหัวหน้ามันคงจักยังอยู่ในค่าย” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น วาทินจะเป็นเยี่ยงไรบ้างเล่า ถามเขาสิ??” ธิดาพูดขึ้น 

    “ท่านกุมาร รีบติดต่อกับพี่วาทินสิ!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น 

    “นี่ พวกท่าน เป็นเยี่ยงไรกันบ้าง??” กุมารเทพพยายามติดต่อกับวาทินไปด้วย

    “นี่ ท่านกุมารงั้นเหรอ ข้ากับท่านวาทินมาอยู่หน้าประตูๆหนึ่ง ดูเหมือนมันลงอาคมเอาไว้!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “มันคงจักใช้มนต์ดำสะกดไว้ วาทิน ร่ายคาถาที่ข้าให้ไว้!!” สมบาติพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง วาทินก็ร่ายคาถาใส่ประตูนั้น แต่ก็ยังดูเหมือนไม่มีอะไรตอบสนอง แม้ว่าทินจะร่ายคาถาหลายครั้ง

    “วาทิน ท่านเบลล์ ที่ประตูมีสัญลักษณ์ประหลาดอะไรหรือเปล่า ถ้ามี ร่ายคาถาของข้าใส่ซะ!!” อนาเลียพูดขึ้น

    “ได้เลย ข้าจำได้!!” วาทินพูดขึ้น จากนั้นก็ร่ายคาถาที่อนาเลียให้มาก่อน แล้วก็ใช้คาถาคลายมนต์ของสมบาติไปด้วย และไม่นานนัก ประตูก็ค่อยๆเปิดออกมา วาทินและทูตเบลล์ก็เดินเข้าไปด้านในทันที

    “เอ๊ะ เหตุไฉนถึงได้เงียบไปเล่า??” เวียงพิงค์ถามไป

    “นั่นสิ ท่านวาทินยังอยู่หรือเปล่า พวกมันจะเข้าใกล้เราได้อยู่แล้ว??” อองโม่โยถามอย่างสงสัย

    “นี่ ท่านกุมาร รีบติดต่อพวกเขาสิ!!” ออเรเลียพูดขึ้น

    “ข้ากับท่านวาทินเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว ด้านในมีกล่องสีทองด้วย” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ข้าว่า นั่นแหละคิอกล่องดวงใจของมัน” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “ก็ใช่ แต่บนกล่องนั่นมันมีตัวเลขด้วย!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “หะ นี่เราต้องมาถอดรหัสกล่องนั่นอีกหรือ??” เทเรซ่าถามไป

    “ข้าว่า คงใช้เพลานานเป็นแน่” แม็กซิมพูดขึ้น

    “แล้วถ้าหากให้เอากล่องนั่นออกมาเล่า จะเป็นเยี่ยงไร??” รีปเปอร์ถามไป

    “ท่านวาทิน ท่านเอากล่องนั่นออกมาได้หรือไม่??” อิริยะถามอย่างสงสัย

    “ได้ ข้าพอจะเอาออกมาได้” วาทินพูดขึ้น จากนั้นก็รีบหยิบกล่องดวงใจนั้นมาในทันที

    “ท่านวาทิน เราไปจากที่นี่กันเถิด!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “เอากล่องนั่นออกมา ข้าจักหาทางถอดรหัสนั่นเอง” หลี่เจาพูดกับวาทินและทูตเบลล์ และในตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบออกมาจากค่ายในทันทีเพื่อสมทบกับคนอื่นๆ 

    “เอาหล่ะ แล้วเราจะเอาอย่างไรต่อเล่า??” มายะถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า พวกมันอาจจะวางกำลังดักปิดทางพวกเขาก็ได้” โชพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น เราก็ควรจะออกไปต่อตีกับพวกมันให้รู้แพ้รู้ชนะไปเลย” ฉางหลงพูดขึ้น

    “แต่เราจักฝ่าปืนใหญ่ของพวกมันไปได้เยี่ยงไรเล่า??” ซื่ออ้ายถามไป

    “หากเรากำจัดพลปืนใหญ่ของพวกมันได้ก็ดีหน่ะสิ” เชอร์รี่พูดไป

    “แล้วพวกเจ้าจัดการพลปืนของพวกมันได้หรือไม่??” ฮิเดกิถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง กลุ่มคนที่ใช้ปืนก็ร่ายคาถาใส่ปืน จากนั้นก็ยิงใส่พวกมันในทันที

    “ตุ๊บๆๆ”

    กลุ่มปีศาจที่คุมปืนใหญ่อยู่บนกำแพงถูกยิงจนตายกันหมด ในตอนนั้นปิ่นทองก็ตกใจมากที่ลูกน้องของเขาโดนกำจัดหมด

    “บ้าเอ้ย นี่มันเกิดบ้าอันใดขึ้นเนี่ย??” ปิ่นทองตะโกนขึ้นมา

    “อ่ะก๊ะๆๆๆ ฮูเร่ๆๆๆ” ลุงคงตะโกนกระโดโลดเต้นดีใจไปมา

    “ท่านพี่ เราจักบุกเข้าไปต่อหรือไม่??” กุมารเทพถามไป

    “พี่อินทร์ ข้าว่าเราบุกพวกมันเลยดีกว่า” นาราพูดเสริม

    “พวกเรา บุกเลย!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ชักดาบทั้งสองเล่มออกมา แล้ววิ่งออกไปจัดการกับพวกมันในทันที ทางด้านของปิ่นทอง เมื่อเขาเห็นกลุ่มของทองอินทร์บุกเข้ามา พวกเขาก็สั่งให้หยุดยิงปืนใหญ่ในทันที

    “เฮ้อ มากันแค่นี้เองหรือ พวกเรา ฆ่ามันให้หมด!!”

    ปิ่นทองและลูกน้องของเขาออกไปปะทะกับพวกของทองอินทร์ที่อยู่ด้านนอก โดยที่ปิ่นทองให้ลูกน้องของเขาออกไปจัดการกับพวกมันก่อน ในขณะที่ตัวปิ่นทองเองก็ยืนดูอยู่ห่างๆไปด้วย

    “อยากจะรู้ว่าพวกเจ้าจักเก่งกาจซักแค่ไหนเชียว??” ปิ่นทองตะโกนออกไป จากนั้นก็มองดูลูกน้องของเขาเข้าปะทะกับกลุ่มของทองอินทร์อย่างดุเดือด ทองอินทร์จัดการฟาดฟันลิงลมที่ถือกระบองจนกระบองของมันขาดเป็นสองท่อน

    “ไอ้ลิงลมพวกนี้มันมีอาวุธแบบอื่นด้วยงั้นหรือ??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “มันเป็นปีศาจที่ถูกฝึกมาเพื่อรบในแนวหน้าหน่ะท่านพี่ ไอ้พวกนี้มันอันตรายมาก!!” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปต่อยกับลิงลมตัวหนึ่ง

    “เข้ามาเลย ไอ้พวกนรกเอ้ย!!” วารีพูดขึ้นจากนั้นก็ฟันลิงลมตัวหนึ่งจนขาดครึ่ง

    “หือ เหตุใดไอ้พวกนี้มันถึงมีคบเพลิงด้วย??” เมรีถามอย่างสงสัยในขณะที่ยิงธนูใส่พวกมันตายเรียงตัว

    “ข้าว่ามันคงอยากจักเผาพวกเราหล่ะกระมัง??” คาวีถามไป จากนั้นก็เตะลิงลมตัวหนึ่งจนกระเด็นและแทงมันซ้ำ

    “แล้วนี่วาทินอยู่ที่ใด เหตุไฉนเขายังมิมา??” เวียงพิงค์ถามในขณะที่ยิงหน้าไม้ใส่พวกมัน

    “ข้าว่า คงต้องแบ่งกำลังไปช่วยเขาแล้วหล่ะ” นรสิงห์พูดขึ้นจากนั้นก็ฟันลิงลมคบเพลิงตัวหนึ่งขาดเป็นสองท่อน

    “ข้าจักไปเอง พวกเจ้ารอที่นี่” แสนคำสมิงพูดขึ้นหลังจากที่ฟันมันทิ้งตัวหนึ่ง แต่จู่ๆ พวกลิงลมคบเพลิงก็พยายามจะเป่าไฟใส่เขา แต่แสนคำสมิงหลบได้ทัน

    “ไอ้พวกนี้ ชอบเล่นกับไฟงั้นหรือ งั้นเอาไฟนี่ให้มัน!!” เทเรซ่าพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ดาบไฟของเธอไล่ฟาดฟันมันอย่างดุเดือด

    “จบเมื่อไหร่ ข้าจักฆ่าลิงทุกตัวที่ข้าเจอ!!” รีปเปอร์พูดขึ้น จากนั้นก็ตัดหัวมันตัวหนึ่งไป

    “มันบาปนะ เจ้านี่พูดอันใดไม่คิดเลย!!” แม็กซิมพูดขึ้น จากนั้นก็ฟาดฟันลิงตัวหนึ่งจนตัวขาดครึ่ง

    “ยิงมันเข้าไป อย่าให้พวกมันล้อมเราได้!!” มาร์คัสพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงพวกลิงลมที่วิ่งไปวิ่งมา

    “เข้ามาเลยไอ้พวกระยำเอ้ย!!” อเล็กซชักปืนเล็กของเธอออกมาไล่ยิง และในตอนนั้น ฮิเดกิก็ช่วยเธอด้วย โดยการไล่ฟันพวกมันและถีบมันจนถอยออกไป

    “มีดีแค่นี้เองหรือ ไอ้พวกนี้??” ฮิเดกิตะโกนออกไป

    “แล้วนี่ ไอ้ตัวหัวหน้ามัน เหตุไฉนมันถึงยังไม่โจมตีเล่า??” เอื้องเหนือถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า มันคงจักรอให้พวกเราหมดแรง และลอบเข้าโจมตีหน่ะ” ธิดาตอบไป

    “ตัวมันนิ่งมาก ข้าว่าไอ้หัวหน้าของมันต้องมิใช่พวกกระจอกเป็นแน่” สมบาติพูดขึ้น

    “แล้วไงหล่ะ ขอให้โดนซักเม็ดหนึ่งเถิด!!” ชิงเสียนเล็งปืนใส่ปิ่นทอง จากนั้นก็ยิงออกไป แต่ปิ่นทองหลบได้อย่างรวดเร็ว

    “ข้าบอกแล้วว่ามันไม่ใช่ธรรมดา มันต้องมีพลังแก่กล้าเป็นแน่” องโม่โยพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้โล่ตีลิงตัวหนึ่งจนกระเด็นออกไป

    “เราต้องฝ่าวงล้อม ออกไปช่วยวาทินให้กลับมาให้ได้!!” ออเรเลียพูดขึ้น จากนั้นก็เหวี่ยงทวนและควบม้าใส่พวกมันจนกระเด็น

    “เจอปืนใหญ่หน่อยเป็นยังไง??” มาเรียน่าเอาปืนใหญ่มือของเธอมาตั้งบนเกวียน จากนั้นก็ยิงใส่พวกลิงที่วิ่งไปวิ่งมาในทันที

    “ตู้ม!!”

    “เข้ามาเลย ไอ้ลิงนรกพวกนี้!!” มายะพูดขึ้นพลางฟันลำตัวของมันจนขาดครึ่ง

    “ระวังด้วย ไอ้หัวหน้ามันอาจจักโจมตีเมื่อใดก็ได้!!” โชพูดขึ้น จากนั้นก็แทงลิงลมตัวหนึ่งและถีบมันออกไป

    “ให้มันมาเถิด ข้าจักฝากหมัดไปที่หน้าของมัน!!” ฉางหลงพูดขึ้นพลางต่อยเข้าที่หน้าของลิงลมกระบองตัวหนึ่งจนล้ม

    “แล้วนี่ วาทินเป็นเยี่ยงไรบ้างหล่ะเนี่ย??” ไวโอเล็ตถามไป

    “ข้าก็ไม่รู้ ใครก็ได้ติดต่อเขาหน่อยสิ!!” เชอร์รี่พูดขึ้น จากนั้นก็ไล่ฟันพวกมัน และขว้างระเบิดมือของเธอออกไป

    “ข้าว่า เรารีบไปรับเขาก่อนดีกว่า!!” ซื่ออ้ายพูดขึ้นและเหวี่ยงเข็มพิษใส่พวกมัน

    “อ่ะก๊ะๆๆๆๆๆ” ลุงคงจับลิงตัวหนึ่งมาแล้วทุ่มหัวลงกับพื้นจนคอหักคาที่

    “มิต้องห่วง เขายังอยู่ คงกำลังจักออกมาแล้ว ข้าสัมผัสได้ถึงเขา!!” อนาเลียพูดขึ้น จากนั้นก็ร่ายมนต์ใส่ลิงพวกนั้นจนลงไปนอนชักดิ้นชักงอ

    “อย่างงั้น เจ้าต้องเก็บลมปราณของพวกมันมาให้หมด ซิลลินเรีย ฮิๆๆๆๆ” เสียงประหลาดนั่นพูดขึ้นต่อ และในระหว่างที่ปิ่นทองกำลังยืนมอง เขาก็เห็นว่าตอนนี้กองกำลังของเขาเริ่มจะถูกจัดการไปทีละคน ทำเอาปิ่นทองถึงกับเริ่มจะหน้าเสียไปเลย

    “บ้าเอ้ย ไม่ได้เรื่องเลยซักตัวเดียว!!” ปิ่นทองพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของปิ่นทองตัวหนึ่งก็รีบวิ่งมา

    “นายท่านขอรับ แย่แล้วขอรับ มีคนบุกรุกห้องเก็บกล่องดวงใจของท่านขอรับ!!”

    “ห่ะ บ้าเอ้ย ผู้ใดวะ รีบไปจัดการมันสิ!!” ปิ่นทองพูดขึ้น และดูเหมือนมันพยายามจะวิ่งกลับเข้าไปด้านใน และหลี่เจากับอิริยะก็เหลือบไปเห็นพอดี

    “ท่านหลี่เจา ข้าว่ามันน่าจักรู้ตัวแล้ว!!” อิริยะพูดขึ้นในขณะที่เหวี่ยงห่วงของเธอใส่พวกมัน

    “ข้าจัดการเอง!!” หลี่เจาพูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งฝ่าพวกลิงลมนั่นเข้าไปจู่โจมปิ่นทองอย่างรวดเร็ว หลี่เจาพุ่งทวนเข้าใส่ปิ่นทอง แต่ปิ่นทองก็หลบได้ทัน

    “เจ้าคิดจะไปไหน เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก!!”  หลี่เจาพูดขึ้น 

    “เฮ้อ พวกเทพอสูรชั้นต่ำงั้นหรือ เจ้าเองก็ไม่ต่างจากข้าหรอก” ปิ่นทองพูดขึ้น และในตอนนั้น นาราที่จัดการพวกลิงลมได้ก็เข้ามาล้อมมันไว้ด้วย

    “เฮ้อ เจ้าคิดจะไปเอากล่องดวงใจงั้นหรือ ฝันไปเถิด!!” นาราตะโกนออกมา

    “ถึงอย่างไร พวกเจ้าก็ถอดรหัสของข้ามิได้หรอก!!” ปิ่นทองพูดขึ้น และในตอนนั้น วาทินก็กระโดดลงจากกำแพงมาพร้อมกับกล่องดวงใจของปิ่นทอง จากนั้นก็จัดการกับพวกปีศาจที่รายล้อมเขาไปด้วย

    “คิดว่าจะขวางข้าได้งั้นหรือ??” วาทินตะโกนออกไป

    “เราได้กล่องมาแล้ว แต่เราไม่มีรหัสที่จักเปิด!!” ทูตเบลล์ตะโกนขึ้น

    “ท่านพี่ เราได้กล่องมาแล้ว แต่เราไม่มีรหัส” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ข้าเช่นนั้น จัดการเรื่องกล่องเอง ตรงนี้ข้าจักจัดการกับมัน!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งเข้าไปล้อมปิ่นทองด้วย จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปฟันปิ่นทองในทันที แต่ปิ่นทองหลบได้และเตะที่หน้าอกทองอินทร์ ทองอินทร์ปัดร่างของเขาเล็กน้อย

    “เฮ้อ ฝีมือเยี่ยมยุทธ์นี่หว่า!!” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ข้ามิเหมือนกับพวกอสูรที่พวกเจ้าเคยจัดการมาดอก ฮ่าๆๆๆๆๆ!!” ปิ่นทองพูดขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีทองอินทร์ แต่ในตอนนั้นนาราก็มาเตะเข้าที่ชายโครงของปิ่นทอง จากนั้นก็จะจู่โจมกลับ แต่ปิ่นทองหลบหมัดของนางได้และจะใช้เล็บจับนาง แต่นาราก็จับเล็บนั้นไว้ได้

    “บ้าเอ้ย นี่มันงอกเล็บได้ด้วบงั้นหรือ??” นาราตะโกนออกมา จากนั้นหลี่เจาก็ใช้ทวนฟันเข้าที่ร่างของปิ่นทองในทันที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ระคายผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย

    “เฮ้อ อาวุธเทพก็ทำอันใดข้ามิได้ดอก!!” ปิ่นทองพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้เล็บจะแทงไปที่ร่างของหลี่เจา แต่อิริยะใช้ห่วงของเธอซัดปิ่นทองออกไป

    “เล็บของมันใช้สูบเลือดของเราได้ ระวังด้วย!!” หลี่เจาพูดขึ้น

    “นั่นสิท่าน ไอ้นี่มันร้ายนัก” อิริยะพูดไป

    “มันเคยเป็นบุตรของเจ้าเมือง และแต่งงานกับเจ้าเมืองอีกเมืองหนึ่ง แต่เกิดความละโมบ เลยสังหารครอบครัวของภรรยา รวมถึงตัวภรรยาไปด้วย บาปของมันทำให้มันถูกสาปมาจนถึงบัดนี้!!” กุมารเทพพูดขึ้น 

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    กลุ่มคนที่มีปืนพยายามรุมยิงปิ่นทอง แต่แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย เพราะตอนนี้ดวงใจของปิ่นทองได้ซ่อนอยู่ในกล่องใบนั้น

    “บ้าเอ้ย เราทำอันใดมิได้เลย!!” มาร์คัสพูดขึ้น

    “มันเก็บดวงใจไว้ในกล่อง เราทำอันใดมิได้หรอก” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “ท่านพี่ ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องทำลายกล่องของมันหน่ะสิ” อเล็กซพูดขึ้น

    “แต่เราจะทำเยี่ยงไรเล่า กล่องนั่นต้องใช้รหัส??” ธิดาตะโกนถามไป

    “เรื่องกล่องข้าจักจัดการเอง ข้าพอจะรู้วิธีหน่ะ” อนาเลียพูดขึ้น

    “ใช่แล้วซิลลินเรีย ข้าจักช่วยเจ้าเอง!!” เสียงประหลาดของอนาเลียดังเข้ามาในหัวอีกครั้ง

    “รีบทำเข้าเถิด มิเช่นนั้น เราอาจจะฆ่ามันมิได้!!” เมรีพูดขึ้นและยิงธนูใส่ปิ่นทอง แต่ปิ่นทองก็ไม่เป็นอะไรเลย

    “ฮ่าๆๆๆๆ กว่าพวกเจ้าจักเปิดกล่องได้ พวกเจ้าก็ต้องตายกันหมด ข้าสูบเลือดของพวกเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ปิ่นทองพูดขึ้น จากนั้นคาวีและวารีด้วยความที่หมั่นไส้ก็เลยวิ่งเข้าไปจัดการกับมัน

    “ปากดีนักเหรอมึง มาเลย!!” คาวีพูดและฟันปิ่นทองไม่ยั้ง แต่ปิ่นทองกันไว้ได้และถีบคาวีออกไป วารีจะฟันข้างหลังแต่ก็ถูกปิ่นทองถีบไปด้วย

    “โอ๊ย บ้าเอ้ย ไอ้บ้านี่มันร้ายกาจยิ่งนัก!!” วารีพูดขึ้น

    “ท่านอนาเลีย ท่านจักใช้เวลานานหรือไม่??” เอื้องเหนือถามไป ในขณะที่อนาเลียพยายามคลายมนต์สะกดของกล่องใบนั้นไปด้วย

    “อย่าไปรบกวนนางเลย ให้นางทำให้สำเร็จเถิด!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “ลุยกับมันเลย!!” เทเรซ่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็สั่งให้แม็กซิมและรีปเปอร์เข้าจัดการปิ่นทองทั้งสามด้าน โดยใช้พลังของดาบไฟของเธอช่วยด้วย

    “ฮ่าๆๆ เจ้าทำอันใดข้ามิได้ดอก!!” ปิ่นทองตะโกนออกมา จากนั้นก็เตะเทเรซ่าออกไป จากนั้นก็เล่นงานแม็กซิมและรีปเปอร์จนกระเด็นออกมาด้วย

    “บ้าเอ้ย ฟันมันไม่เข้าเลย นี่มันอะไรเนี่ย??” แม็กซิมตะโกนถามไป

    “หากจัดการกล่องดวงใจของมันไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย ไหนขอลองดูหน่อย!!” เชอร์รี่ชักดาบของเธอออกมา จากนั้นก็ฟาดฟันกับมัน แต่ปิ่นทองก็เตะเธอออกไปในทันที

    “ถูกใจข้ายิ่งนัก!!” ปิ่นทองพูดขึ้น จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่เชอร์รี่ต่อ แต่นรสิงห์มาขว้างทางเอาไว้ ทำเอาปิ่นทองก็ค่อยๆดูดเลือดของนรสิงห์ออกมาด้วย

    “ระยำเอ้ย!!” นรสิงห์ใช้ดาบวิเศษแทงปิ่นทองจนกระเด็นออกไป และแสนคำสมิงก็มาช่วยเขาไว้อีกแรง จนตอนนี้นรสิงห์ถึงกับล้มลงไปในทันที เชอร์รี่ต้องรีบไปดูอาการของเขา

    “ไอ้ระยำเอ้ย คิดว่าแน่นักหรือ??” แสนคำสมิงพูดและฟันไปยังร่างของปิ่นทอง แต่ปิ่นทองจับดาบของเขาและพยายามเหวี่ยงออก แต่มายะ โช และฉางหลงก็เข้ามาเล่นงานปิ่นทองด้วย

    “ท่านสิงห์ ทำใจดีๆไว้นะท่าน!!” สมบาติพูดขึ้น และในตอนนั้น ทูตเบลล์ก็พยายามจะช่วยเขาไปด้วย

    “เขาถูกดูดเลือดออกไป ตัวเขาซีดเชียว” ไวโอเล็ตพูดขึ้น และเมื่อทูตเบลล์ช่วยเขา อาการของเขาก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้น โช มายะ และฉางก็โดนปิ่นทองจัดการจนกระเด็นไปคนละทาง

    “บ้าเอ้ย ทำอันใดกับมันไม่ได้เลย!!” โชพูดขึ้น

    “ถ้าเอาดวงใจมันออกมาไม่ได้ เราตายกันหมดแน่” ฉางหลงพูดขึ้น

    “ระยำเอ้ย เราจักหยุดมันเยี่ยงไรเล่า??” มายะถามต่อ และในตอนนั้น ลุงคงก็มาจับตัวปิ่นทองไว้ แล้วบีบร่างของเขาไว้แน่น แต่ปิ่นทองดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน แล้วก็ค่อยๆคลายตัวออกมาในทันที แล้วถีบลุงคงออกไป

    “ตุ๊บ!!”

    “เอานี่ไปกิน!!” ซื่ออ้ายตะโกนออกมา จากนั้นก็ขว้างเข็มพิษใส่มันอย่างต่อเนื่อง แต่ปิ่นทองก็หยิบเอาเข็มพิษของเธอออกมา จากนั้นก็ทิ้งมันไปอย่างง่ายดาย

    “เฮ้อ พวกเจ้ามีดีแค่นี้เองหรือ เห็นทีข้าคงต้องเอาจริงแล้วหล่ะ!!” ปิ่นทองพูดขึ้น จากนั้นก็เข้าเล่นงานพวกของทองอินทร์ต่อ ทางด้านของอนาเลีย เธอพยายามจะร่ายมนต์ใส่กล่องเพื่อเปิดมัน แต่ก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย แต่ในตอนนั้น เสียงที่อนาเลียได้ยินก็ดังขึ้นมาในทันที

    “เจ้าจำที่เจ้าเรียนมามิได้หรือ การไขรหัสมันไม่ยากหรอก!!” 

    เสียงนั่นพูดขึ้น จากนั้นอนาเลียก็ลองร่ายมนต์อีกครั้ง ในคราวนี้เธอพยายามกดรหัสไปด้วย

    “อนาเลีย ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้!!” วาทินพูดขึ้น แต่จู่ๆ ปิ่นทองก็พุ่งมาเล่นงานอนาเลียที่กำลังเปิดกล่อง วาทินต้องสละตัวเองไปถ่วงเวลาปิ่นทองไว้ และจากนั้นไม่นาน จู่ๆกล่องก็เปิดออกมาได้อย่างรวดเร็ว

    “เปิดกล่องได้แล้วพวกเรา!!” มาเรียน่าพูดขึ้น ทำเอาปิ่นทองถึงกับตกใจมาก

    “นี่ เจ้าอย่าแตะต้องกล่องนั่น!!” ปิ่นทองพูดขึ้นและพยายามจู่โจมอนาเลีย แต่มาเรียน่าก็ยิงปืนใหญ่มือใส่ปิ่นทองจนกระเด็น จากนั้นอองโม่โยและออเรเลียก็เข้ามาเล่นงานปิ่นทองอย่างรวดเร็ว

    “เป็นยังไงหล่ะ เสียสมาธิเลยหรือไง??” ออเรเลียแทงทวนเข้าไปที่ร่างของปิ่นทอง 

    “แล้วนี่ เราจะเอาเยี่ยงไรต่อเล่า??” อองโม่โยถามไป จากนั้นก็เอาโล่กระแทกเข้าที่หน้าของปิ่นทอง

    “ก็แทงหัวใจของมันเลยสิ!!” ฮิเดกิพูดขึ้น จากนั้นปิ่นทองก็พยายามจะจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง แต่ฮิเดกิก็ใช้ดาบของเขาฟันตัดร่างของปิ่นทอง จากนั้นก็ถีบออกไป และในตอนนั้น กุมารเทพก็พยายามจะเผาหัวใจของปิ่นทอง แต่ก็เผาไม่ได้เพราะอะไรบางอย่าง

    “ห่ะ ทำไมถึงทำอันใดมิได้เลยเล่า??” ทูตเบลล์ถามไป

    “มีวิธีเดียว ใส่หัวใจกลับเข้าร่างของมัน!!” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นก็เอาหัวใจของปิ่นทองออกมาจากกล่อง แล้วก็ยิงมันกลับเข้าใส่ร่างของปิ่นทองในทันที

    “บ้าเอ้ย พวกแก!!” ปิ่นทองตะโกนออกมาหลังจากที่ถูกใส่หัวใจเข้าไป

    “เฮ้อ แกไม่เป็นอมตะอีกต่อไปแล้วสินะ!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นทองอินทร์ก็ชักดาบของเขาออกมา จากนั้นก็ร่ายมนต์เป็นดาบไฟ แล้วจัดการฟาดมันไปที่ร่างของปิ่นทองอย่างไม่ยั้ง แล้วก็แทงเข้าที่หัวใจเพื่อเป็นการปิดท้าย

    “อ๊ากกก ข้าไม่ยอมมมม!!” ปิ่นทองตะโกนออกมา จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆมอดไหม้ จนสุดท้ายก็เหลือแต่เถ้าถ่าน แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ดวงใจของปิ่นทองยังคงอยู่ แต่ก็ได้แยกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป กุมารเทพเห็นจึงรีบไปเก็บหัวใจนั้นมาในทันที ส่วนปีศาจตัวอื่นๆที่เห็นนายของเขาถูกฆ่าตาย ก็รีบหนีกันไปคนละทิศละทางในทันที

    “เราทำสำเร็จแล้ว!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “พี่อินทร์ เราต้องรีบไปกันแล้ว แต่คนอื่นยังบาดเจ็บอยู่เลย” นาราที่ดูอาการของคนอื่นอยู่ก็มาบอกกับทองอินทร์

    “ท่านพี่จะเอาเยี่ยงไรต่อ ว่ามาเลย??” กุมารเทพถามไป

    “เราจักผ่านเมืองไป เดินทางถึงพิษณุโลกก่อนถึงเช้า ส่วนท่านนรสิงห์ ฝากพาเขาขึ้นเกวียน แลหาคนดูแลเขาด้วย” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันต่อในทันที และอีกด้านหนึ่ง เฟยหลิงที่แอบดูอยู่ไกลๆก็แอบอมยิ้มไปด้วย

    “เฮ้อๆๆ ในที่สุดพวกเจ้าก็ทำได้ นี่ข้ายังมิได้ช่วยอันใดเลย!!”

     

    ตกดึก ที่เขตเมืองพิษณุโลก กองกำลังของอาชิซะซึ่งคุมกำลังปีศาจอยู่ที่เมืองพิษณุโลกก็กำลังรอข่าวที่เกิดขึ้นที่ค่ายของปิ่นทอง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีผู้ใดมารายงานข่าวให้เขาได้ฟังเลย และยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติม ทำเอาอาชิซะเริ่มจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

    “เหตุไฉน พลนำสาสน์ถึงยังมิยอมส่งข่าวมา??” อาชิซะถามไป

    “อ่า ข้าเองก็ยังมิทราบขอรับ!!” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ อาชิซะก็สัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง เขาหยิบดาบขึ้นมาจากนั้นก็เหาะไปที่หน้าเมืองในทันที และในตอนนั้นเอง เขาก็เจอกับเฟยหลิงที่กำลังยืนกอดอกและยิ้มเยาะใส่เขาอย่างสะใจ

    “นี่เจ้า เฟยหลิง เจ้ายังมิเข็ดหลาบอีกหรืออย่างไร??” อาชิซะถามไป ในขณะที่ชักดาบออกมาด้วย

    “ฮ่าๆๆๆ ท่านเกรย์โอลด์วันผู้ยิ่งใหญ่ เพลานี้ข้ามิได้จะมาประลองกับท่านดอก!!”

    “เจ้าต้องการอันใด บอกข้ามา??” อาชิซะถามไป

    “ตอนนี้กลุ่มคณะเดินทางได้ผ่านไอ้ปิ่นทองมาแล้ว ตอนนี้ไอ้ปิ่นทองก็คงไปเยี่ยมท่านท้าวยมราชแล้วหล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “อะไรกัน นี่พวกมันผ่านมาได้แล้วงั้นหรือ เหตุไฉนถึงมิมีผู้ใดมารายงานข้า??” อาชิซะถามไป

    “ก็นี่ไง พลนำสาสน์ของเจ้า!!” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นก็เอาหัวของสุนัขในตัวหนึ่งโยนใส่อาชิซะ แต่อาชิซะก็เตะหัวนั้นกระเด็นออกไป

    “แก แกคิดว่าจะหยุดข้าได้เช่นนั้นหรือ??” อาชิซะถามไป

    “เปล่า ข้าก็แค่เวทนาท่าน เลยอยากจะมาบอกข่าวให้แกท่าน ก็เท่านั้นเอง เพราะอีกไม่นาน พวกเขาก็คงจะเดินทางมาถึงพิษณุโลก พวกเจ้าก็คงต้องแบ่งกำลังที่รุกรานสวรรค์มาจัดการโลกมนุษย์ต่อ แล้วพวกเจ้าก็จักถูกโจมตีกลับอย่างรวดเร็ว ฮ่าๆๆๆๆๆ” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “เฮ้อ เด็กน้อย ที่เจ้ายังไม่รู้ก็คือ ข้ารู้แล้วว่าพวกของข้าอยู่ที่ใด หากข้าปลดปล่อยพวกเขา พวกเจ้าจักลำบาก” อาชิซะพูดขึ้น

    “ไอ้พวกชั้นต่ำงั้นหรือ ก็ดี ให้มันออกมาเลย อย่าคิดนะว่าพวกเราจักฆ่าพวกเจ้ามิได้เหมือนคราก่อน ข้าว่า เจ้าไปดื่มไปนอนให้สบายใจเถิด เราจักได้สู้กันในวันข้างหน้าเป็นแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เฟยหลิงหัวเราะร่าอย่างสะใจ จากนั้นก็หายตัวไปในทันที ทำเอาอาชิซะถึงกับต้องกำดาบด้วยความแค้น แล้วก็เรียกลูกน้องของเขาออกมาในทันที

    “มีอะไรขอรับนายท่าน??”

    “พาข้าไปที่เจดีย์ของเทพหลี่จึ้ง เดี๋ยวนี้!!” อาชิซะพูดขึ้น

    “แต่ท่านปีศาจหมื่นปี….”

    “หากสหายของข้ามิถูกปล่อยออกมา พวกเจ้าก็สู้กับพวกมันมิได้ดอก พาข้าไปเดี๋ยวนี้!!” อาชิซะพูดอย่างเจ็บใจ

    “ได้ขอรับ!!” ลูกน้องของเขารับคำไป จากนั้นอาชิซะก็ออกเดินทางไปยังเจดีย์ที่คุมขับสหายของเขาในทันที และในขณะเดียวกัน เมื่ออาชิซะออกไป จู่ๆแสงสีดำก็ลอยมาทางกลุ่มปีศาจระดับล่างที่วางกำลังคุ้มกันเมืองอยู่ ปีศาจพวกนั้นรีบคำนับแสงสีดำในทันที

    “พวกเจ้า อาชิซะมันหายไปไหน??”

    “อ่า เขาเดินทางไปยังลำพูน ไปที่เจดีย์ของเทพหลี่จึ้ง เพื่อช่วยสหายเขาออกมาขอรับ!!”

    “บ้าเอ้ย ผิดแผนทำไมกันเล่า ข้าสั่งให้มันอยู่ที่นี่”

    “แล้วเราจักเอาเยี่ยงไรต่อดีขอรับ??” ปีศาจสุนัขในตัวหนึ่งถามไป

    “มิมีทางเลือก ข้าจักให้ปีศาจตัวใหม่ของข้าไปแทน เจ้าอาชิซะเอ้ย พวกเกรย์โอลด์วันนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ”

    “แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสังหารให้ตายได้นะขอรับ พวกเขาอาจจักเป็นกำลังสำคัญก็ได้”

    “พวกเจ้านี่ไม่รู้อันใด เหล่าเกรย์โอลด์วันที่สละพลังของตัวเอง แม้แต่บางส่วน ก็สามารถถูกฆ่าให้ตายได้ หากมีเทพเจ้าช่วยเหลือ ไม่เข้าใจ เหตุไฉนท่านปีศาจหมื่นปีจึงยังเลี้ยงมันไว้??”

    “ข้าว่า เขาคงจักมีฝีมือพอจะต่อกรกับพวกคณะเดินทางได้หล่ะกระมัง ขอรับ??”

    “เออๆ เอาเถิด ข้าจักรีบส่งปีศาจตัวใหม่ของข้ามา ส่วนพวกเจ้า ตามหาเดอเวสกับปีศาจที่ข้าเลี้ยงไว้ด้วยหล่ะ หากพวกคณะเดินทางมันมาผ่านพิษณุโลกได้ พวกเราคงได้ทำศึกสองด้านเป็นแน่!!” แสงสีดำนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ค่อยๆล่องหนหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที

     

    และอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พวกของทองอินทร์เดินทางออกจากเขตค่ายหลักของปิ่นทองแล้ว เดอเวสและปีศาจราคีที่เพิ่งจะฟื้นพละกำลังได้เต็มที่ พวกเขาก็ต้องมาเจอกับเศษซากที่ถูกคณะเดินทางทำลาย ซากศพของเหล่าปีศาจที่นอนเรียงราย แลยังไม่เห็นตัวปิ่นทอง ทำเอาเดอเวสถึงกับรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

    “ดูเหมือนว่า พวกมันจะฆ่าปิ่นทองได้แล้ว แล้วพวกมันคงกำลังเดินทัพผ่านไปยังพิษณุโลกก่อนย่ำรุ่ง” เดอเวสพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่มีศพไหนที่มีไอพลังให้ข้าได้กัดกินเลย” ปีศาจนางราคีพูดขึ้น

    “เจ้ายังจักห่วงเรื่องกินอีกงั้นหรือ??” เดอเวสถามไป

    “แหม่ๆๆๆ เหตุไฉนท่านถึงขึ้นเสียงกับข้าเล่า ท่านอย่าอารมณ์เสียสิ ยังไงเราก็ฆ่ามันได้อยู่แล้ว”

    “งั้นหรือ แล้วที่เจ้าถูกฟันที่ท้องนั่นหล่ะ เจ้าจะว่าเยี่ยงไร??” เดอเวสถามไป

    “แล้วเหตุไฉน ท่านถึงอารมณ์เสียแลหงุดหงิดได้ง่ายเยี่ยงนี้เล่า??” ปีศาจนางราคีถามไป

    “หากพวกมันเดินทัพไปถึงพิษณุโลก พวกมันก็อาจจักเดินทางไปยังปากประตูสวรรค์ ซึ่งกองกำลังปีศาจได้ล้อมสวรรค์อยู่ และหากพวกมันจัดการกองกำลังที่ปิดล้อมไว้ได้ กองทัพสวรรค์จักออกไล่ล่าปีศาจไปทั่วทุกทียังไงเล่า!!” เดอเวสพูดขึ้น

    “มิน่าหล่ะ พวกเขาถึงต้องคุ้มกันเมืองพิษณุโลกหน่ะ” นางราคีพูดขึ้น

    “ในที่สุดเจ้าก็ฉลาดบ้าง เราคงต้องตามไล่ล่าพวกมันไป มิเช่นนั้นจักสายเกินกาล” เดอเวสพูดขึ้น

    “แล้วท่านจักติดตามพวกมันได้เยี่ยงไรเล่า??” ปีศาจนางราคีถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง เดอเวสก็เป่าปากเรียกม้าของเขาออกมา ม้าสีดำทะมึนแลมีนัยน์ตาสีแดงก็ควบมาทางเขา จากนั้นเดอเวสก็ขึ้นไปบนม้าของเขาในทันที

    “ท่านจักไม่พาข้าไปหน่อยงั้นหรือ??” ปีศาจนางราคีถามไป และในตอนนั้น เดอเวสก็ดึงมือเธอให้ขึ้นตามมาด้วย โดยที่เธอได้อยู่หน้าเดอเวส

    “เราคงต้องรีบกันหน่อย มิเช่นนั้นพวกเราจักตายกันหมด!!” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ควบม้าเพื่อไล่ติดตามพวกคณะเดินทางไปในทันที ก่อนที่พวกนั้นจะถึงพิษณุโลกและจัดการแผนของพวกเขา

     

    รุ่งเช้าของวันต่อมา คณะเดินทางของทองอินทร์ได้เดินทางมาเรื่อยๆโดยไม่หยุดพัก พวกเขาหวังไว้ว่าจักถึงเมืองพิษณุโลกโดยเร็ว จนในตอนนี้ พวกเขาก็มาถึงทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งซึ่งดูเขียวชะอุ่ม ดอกไม้กำลังเบ่งบานได้ที่ราวกับว่ามันกำลังต้อนรับการมาของพวกเขา ทำเอาคนอื่นๆถึงกับโล่งใจได้ในทันที

    “ดูเหมือนพวกเราจักเข้าเขตพิษณุโลกแล้ว ตามฤกษ์ที่ข้าได้ทำนายไว้พอดี” สมบาติพูดขึ้น

    “ที่ข้าเห็นมิผิดจริงๆ ดูนั่นสิ หมู่เมกไม้กำลังอวยพรให้กับพวกเราอยู่” ไวโอเล็ตพูดเสริมและชี้ไปยังสวนดอกไม้สวนหนึ่ง

    “ในที่สุดก็มาถึงแล้ว และนี่จะยังไงต่อหล่ะ??” ทูตเบลล์ถามไป ในขณะที่ตัวนรสิงห์ยังคงอ่อนล้าเนื่องจากถูกดูดเลือดออกไปมาก เชอร์รี่ถึงกับต้องมาคอยดูเขาในทันที

    “นี่เราถึงพิษณุโลกแล้วงั้นหรือ??” นรสิงห์พูดเสียงแผ่วๆไป

    “ท่านต้องเจ็บตัวเพื่อช่วยเหลือข้า ข้ามิรู้จักตอบแทนท่านเยี่ยงไรดี??” เชอร์รี่พูดและลูบหน้าเขาไป 

    “พี่อินทร์ ข้าว่า เราพักที่นี่ก่อนเถิด ไหนๆเราก็เข้าเขตพิษณุโลกได้ทันเพลาพอดีแล้ว ข้าเป็นห่วงพี่สิงห์” นาราพูดขึ้น

    “ทุกท่าน หากเราจักพักที่นี่ก่อน จักว่าเยี่ยงไร??” ทองอินทร์ถามไป และในตอนนั้น ทุกคนก็ลงมติเห็นด้วย แม้แต่สมบาติและไวโอเล็ตที่เป็นโหราผู้ทำนายเอง

    “นั่นสิพี่ ข้าว่าเราพักที่นี่ก่อนเถิด แล้วค่อยออกเดินทางกันต่อ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “แล้วอาการของเขาจักรักษาหายหรือไม่??” เมรีถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า อย่างพี่สิงห์เนี่ย รักษาไม่กี่วันก็หายอยู่แล้วหล่ะ” วารีพูดขึ้น

    “เห็นด้วย แต่เราคงต้องดูอาการของเขาไปเรื่อยๆหน่ะ” คาวีพูดเสริม

    “พวกข้าจักรักษาเขาเอง พวกท่านมิต้องเป็นห่วงไปดอก” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “เขาต้องการเลือด เพราะสูญเสียมากเกินไปจากการต่อสู้เมื่อคืนหน่ะ” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “หวังว่ามือของข้าคงจักช่วยพี่ท่านได้นะ” ธิดาพูดไป

    “เพลานี้พวกปีศาจคงจักกำลังขวัญเสีย ด้วยที่พวกเราจัดการไอ้ปิ่นทองนั่นได้ แล้วกำลังเข้าเหยียบพิษณุโลกหน่ะ” เวียงพิงค์พูดไป

    “แต่ไอ้ตัวเมื่อคืนนี่มันสุดยอดพลังไปเลย ฆ่ามันไม่ตายด้วย” มาร์คัสพูดขึ้น และในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีนักพรตหลงทางคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขา ทำเอาพวกเขาถึงกับตกใจมาก และพยายามต้อนรับเขาในทันที

    “ไม่น่าเชื่อ ท่านนักพรต ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน??” หลี่เจาถามอย่างสงสัย

    “ข้าใช้สมาธิแลเพ็งพลังจิตของข้า เลยรู้ว่าพวกเจ้ากำลังจะมาที่นี่ ข้าชื่อนักพรตหวาง!!” 

    “ท่านนักพรต แล้วท่านมีธุระอันใด เหตุไฉนจึงมิหนีไปเล่า??” อเล็กซถามอย่างสงสัย

    “ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเจ้านั่นแหละ ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน เมืองพิษณุโลกที่พวกเจ้าจักเดินทางไปหน่ะ พวกเจ้าจะต้องผ่านแลทำลายกำแพงปีศาจที่นั่น พวกเจ้าต้องใช้ดวงใจของปีศาจที่เคยถอดกล่องดวงใจออกมาเพื่อทำลายกำแพงนั่น แลเดินทางไปยังเขตล้านนา ซึ่งที่นั่น กองกำลังปีศาจกำลังเตรียมการปิดล้อมสวรรค์ และบุกสวรรค์เพื่อพิชิตให้สิ้น!!” นักพรตคนนั้นพูดขึ้น

    “กำแพงปีศาจ นี่ พวกมันสร้างกำแพงขึ้นที่พิษณุโลกงั้นหรือ??” อิริยะถามไป

    “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดต้องเป็นเมืองพระพิษณุโลกด้วย??” อองโม่โยถามอย่างสงสัย

    “ก็เพราะเมืองนี้เป็นปากประตูสู่แดนล้านนาอย่างไรเล่า และที่ล้านนา กองกำลังปีศาจกำลังสะสมไฟร่พลอยู่ ได้ยินว่าพวกมันว่าจ้างสัตว์ผ่าเหล่าจากป่าหิมพานต์มาเป็นกำลังในการรบด้วย”

    “สัตว์ผ่าเหล่างั้นเหรอ มันคืออะไรกัน??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย

    “มันเป็นสัตว์ร้ายที่ทำผิดกฎของสวรรค์ ทำร้ายและกัดกินสัตว์ตัวอื่น พวกมันจึงถูกเนรเทศออกไปจากป่าหิมพานต์หน่ะ ปีศาจหมื่นปีคงจักใช้งานพวกมันเพื่อเตรียมโจมตีสวรรค์หน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น เราจักต้องรบกับพวกสัตว์ในป่าหิมพานต์งั้นหรือ??” วาทินถามไป

    “ข้าได้ยินมาว่า พวกมันเกณฑ์อสูรร้ายจากแดนตะวันตกมาอีกมากมายด้วย พวกเจ้าต้องระวังตัวไว้!!” นักพรตพูดขึ้น

    “หือ นี่ปีศาจนรกของศาสนาเรามันจักมาด้วยงั้นหรือ??” ออเรเลียถามไป

    “จะว่าไป เราได้หัวใจของไอ้ปีศาจที่เราสู้มาเมื่อคืน ไม่รู้ว่าจักใช้ได้หรือไม่??” มาเรียน่าถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น กุมารเทพก็เอาดวงใจของปิ่นทองไปให้นักพรตได้ดูในทันที นักพรตได้สัมผัสดวงใจนั้นก็พูดขึ้นในทันที

    “ใช้ได้ เอามาให้ข้าเถิด ข้าจักใช้ทำเป็นของเซ่นไหว้ เพื่อให้พวกเจ้าผ่านพิษณุโลกไปได้” นักพรตหวางพูดขึ้น จากนั้นกุมารเทพก็ให้หัวใจของปิ่นทองกับเขาไปในทันที

    “ถ้าเช่นนั้นก็เหมาะเจาะ เราจักรอพักให้ท่านนักพรตทำของเซ่นเสร็จ แล้วก็ให้นรสิงห์พักด้วย” มายะพูดขึ้น

    “ก็ดี ข้าขอนอนซักหน่อยเถิด ข้าเริ่มจะง่วงแล้ว!!” ฉางหลงพูดขึ้น

    “อ่ะก๊ะๆๆๆๆๆๆๆ” ในตอนนั้นลุงคงก็ยังร้องรำทำเพลงไปโดยไม่แคร์สายตาใคร

    “เฮ้อ พวกข้าเองก็เหนื่อยเช่นกัน ไม่รู้ว่าจักต้องเจออันใดอีก” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “ท่านนักพรต แล้วการทำของนี่ต้องใช้เวลานานแค่ไหน??” แม็กซิมถามไป

    “มิเกินเที่ยงวันนี่ดอก พอทำเสร็จก็หมดหน้าที่ของข้าแล้ว!!” 

    “ก็ดี เราจักได้เดินทางกันต่อเลย” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “ใจเย็นสิท่าน ข้าว่า ให้คนอื่นเขาได้พักกันหน่อยเถิด” โชพูดปรามไป

    “แล้วพวกมันจักไม่ดักรอซุ่มโจมตีเราหรือ??” ซื่ออ้ายถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า พวกมันคงต้องวางกำลังรอเราที่เมืองพิษณุโลกไว้อย่างเดียว คงไม่แบ่งกำลังออกมาดักโจมตีพวกเราหรอก” ฮิเดกิตอบไป

    “เอาหล่ะ ตอนนี้พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถิด จนกว่าท่านนักพรตจักทำเครื่องเซ่นได้สำเร็จ!!” ทองอินทร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง เสียงประหลาดเสียงเดิมก็เข้ามาในหัวของอนาเลียอีกแล้ว

    “ข้าว่า เจ้าต้องเริ่มสะสมพลังให้มากขึ้นแล้วหล่ะ ซิลลินเรีย!!”

    “นี่ เจ้าเป็นใครกันแน่เนี่ย??” อนาเลียถามเสียงในความคิดของเธอไป

    “เจ้าจำข้ามิได้หรือ ข้าวีเกอร์ร่า ผู้ที่เจ้ารู้จักดียังไงเล่า!!”

    =============================================================

    วีเกอร์ร่าเธอเป็นใครกันแน่ และการเดินทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×