ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 22 : สงครามสุดท้าย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68
      1
      21 มี.ค. 64

    เช้ามืดของวันต่อมา หลังจากที่ทำการเข้าจู่โจมอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องอยู่ทั้งคืน ด้วยจำนวนคนและอาวุธที่ดีกว่า ในที่สุดเมืองคาวัสก็ถูกยึดได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากว่าชาวเมืองส่วนใหญ่ยอมแพ้และยกเมืองให้กับกลุ่มของเนวิส ทหารของฝั่ง Khorne บาดเจ็บและตายมากมาย ถูกจับเป็นมาก็มาก กองกำลังของลูซิน่าเดินเข้าไปในเมืองโดยที่มีชาวเมืองยืนต้อนรับอย่างล้นหลาม

    “เฮ้!!”

    “ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรา!!” เสียงตะโกนสรรเสริญดังไปทั่วท้องถนน ทำให้พวกของลูซิน่ารู้สึกประหม่าเล็กน้อย

    “ดูสิ ชาวเมืองต้อนรับเราเหมือนเป็นพระเจ้าเลย” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “ท่าทางชาวเมืองจะรักพวก Khorne มากๆเลยนะ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “เรายึดเมืองคาวัสได้แล้ว ต่อไปก็คงต้องลุยที่มั่นสุดท้ายของพวกมันหน่ะสินะ” เนวิสพูดขึ้น

    “ก็ใช่ อีกไม่นาน พวกมันก็คงไม่พ้นมือเราหรอก” เรนิต้าพูดขึ้น

    “นี่ ทหาร สถานการณ์ที่เมืองหลวงเป็นยังไงบ้าง แล้วที่เขต 7 ด้วย ติดต่อคนของเราหน่อยสิ!!” วาลิน่าพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเธอก็จัดการติดต่อกับหน่วยข่าวคนอื่นๆ จากนั้นไม่นานนัก หน่วยข่าวจากเขตอื่นๆก็ติดต่อกลับมาที่วาลิน่าในทันที

    “คุณวาลิน่าครับ สถานการณ์ตอนนี้ สายของเราในกองทัพรัฐบาลบอกว่าตอนนี้พวกเขาใกล้จะถึงปากประตูที่มั่นของพวกมันแล้วครับ คาดว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้ พวกเขาจะยึดได้หมดครับ ทางด้านของคุณรอนนี่ พวกเขาบอกว่าทำลายแนวรับของพวกเขต 7 ได้แล้ว กำลังเดินหน้าเข้าจัดการที่เหลือครับ!!” 

    “อืม ทุกอย่างดูเหมาะเจาะดี เยี่ยมไปเลย” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราไปสมทบกับกองกำลังของคุณโดนาทอร์ดีหรือเปล่า??” เนวิสถามไป

    “ฉันว่านะ เรารอให้พวกโดนาทอร์มาจัดการพวกมันให้หมดเลยดีกว่า” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ เรายึดคาวัสได้แล้ว พวกมันหนีไปไหนไม่ได้แล้ว คงทำได้แค่รอวันตายหน่ะ” เรนิต้าพูดเสริม

    “จริงด้วย ฉันว่าจะพักทัพไว้ที่นี่ก่อน แล้วที่เหลือค่อยว่ากัน” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แล้วถ้าเป็นที่เขต 3 เท่าที่ผมดู ตอนนี้เขต 3 วางกำลังไว้เบาบางมาก ถ้าพวกมันฝ่าวงล้อมไปที่ท่าเรือเพื่อหลบหนี ก็ทำได้ไม่ยากนะครับ” เนวิสพูดขึ้น

    “นายคิดว่าพวกนั้นจะบุกเขต 3 แล้วฝ่าวงล้อมของเราหนีไปอย่างงั้นเหรอ??” ลูซิน่าถามไป

    “เป็นไปได้นะ เพราะเขต 3 มีท่าเรือใหญ่อยู่ แถมยังมีเรือสินค้าบางส่วนที่ยังใช้ได้ด้วย” เรนิต้าพูดขึ้น

    “เออใช่ แล้วเรื่องฐานยิงจรวดนิวเคลียร์ของพวกรัสเซียหล่ะ จะเอายังไงต่อ??” ฟรอนเทียร์ถามไป

    “ฉันส่งสายไปดูสถานการณ์แล้ว แต่พวกนั้นยังไม่ติดต่อเรามาเลย” วาลิน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีชาวบ้านส่วนหนึ่งก็มาต้อนรับกลุ่มของวาลิน่าอย่างชื่นมื่น โดยการที่เอาดอกไม้ประจำเมืองมาต้อนรับพวกเขาไปด้วย

    “ขอบคุณมากๆนะคะที่พวกคุณช่วยเหลือเราค่ะ!!”

    “อุ๊ย ขอบคุณมากๆเลยนะคะ!!” ลูซิน่าพูดและรับดอกไม้ของชาวเมืองมาด้วย

    “ยังมีลูกหลานของเราที่ถูกจับไปทำงานในเหมืองหน่ะค่ะ ได้โปรดช่วยพวกเขาด้วยนะคะ!!”

    “ใจเย็นไว้ก่อนนะคะ ตอนนี้กองกำลังของรัฐบาลกำลังมาที่นี่ พวกเขาคงกำลังช่วยเหลือตัวประกันอยู่หน่ะค่ะ” วาลิน่าพูดปลอบใจชาวบ้านไป

    “เอ๊ะ นั่นคุณเรนิต้าใช่หรือเปล่าครับ คุณเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดังด้วย คุณมารบกับเขาด้วยเหรอครับเนี่ย??” วัยรุ่นชายขาขาดคนหนึ่งถามเธอไป

    “อ้อ ใช่ค่ะ พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยพวกคุณนะคะ” เรนิต้าพูดขึ้น

    “โอโห ยังมาเจอกับแฟนคลับเก่าด้วยเหรอเนี่ย เยี่ยมเลย!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งมาจอดบริเวณลานกว้างแถวๆนั้น กองกำลังของลูซิน่ารีบไปล้อมเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไว้ในทันทีและพวกของลูซิน่าก็ไล่ตามไปดูติดๆ ว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ของใคร

    “เฮ้ย แกเป็นใคร แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!!” คนของวาลิน่าคนหนึ่งตะโกนออกไป และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก้ยกมือขึ้นและลงมาจากฮอ นั่นก็คือโอเมนนั่นเอง ชายคนนั้นพยายามจะเดินเข้ามาหาลูซิน่าและวาลิน่า แต่พวกยามได้ห้ามไว้

    “สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หลานรัก!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้น เขาก็เปิดหน้ากากของเขาออกมาในทันที ทำเอาทั้งลูซิน่าและวาลิน่ารู้ในทันทีว่าเขาเป็นใคร

    “คุณลุงนอร์ตัน!!”

    “อืม ยังสบายดีอยู่นะ พวกเธอสองคน เหมือนพ่อแม่ของเธอไม่มีผิดเลย!!” นอร์ตันคนนั้นพูดขึ้น

    “พวกหนูตามหาลุงไปทั่ว นึกว่าลุงตายที่อเมริกาแล้วซะอีก” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “หนูก็รู้ ไม่มีใครทำอะไรลุงได้ ดูเหมือนว่าสงครามที่นี่กำลังจะจบแล้วสินะ พวกเธอสองคนอยากไปตะวันออกกลางต่อหรือเปล่าหล่ะ??” นอร์ตันถามไป

    “ตะวันอออกกลางเหรอคะ อยากไปพอดีเลยค่ะ แต่พวกเรายังต้องสะสางเรื่องที่นี่ค่ะ” วาลิน่าพูดขึ้น

    “เรื่องฐานยิงนิวเคลียร์ใช่หรือเปล่า ตอนนี้คนของลุงกำลังจัดการอยู่” 

    “แต่ผมอยากไปดูด้วยตาของผมเองมากกว่า!!” เนวิสตะโกนขึ้นมา ทำเอานอร์ตันถึงกับหันมาสนใจเขาในทันที

    “นายคือเนวิสคนดัง ใช่หรือเปล่า ยินดีที่ได้เจอตัวจริงวันนี้!!”

    “ครับ ผมต้องการหยุดยั้งไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ไม่อย่างงั้น ประเทศของผมได้วิบัติแน่” เนวิสพูดขึ้น

    “อืม ห้าวหาญสมคำร่ำลือจริงๆ แต่ตอนนี้ นายควรจะกังวลเรื่องของเขต 2 ดีกว่า ลุงได้ข่าวว่าพวกมันขนอาวุธของบริษัทเจเนซิสมารบด้วย พวกหนูต้องระวังตัวไว้ด้วยหล่ะ ลุงมีเฮลิคอปเตอร์รบสามลำมาให้ ยังไงก็ใช้ระวังๆด้วยหล่ะ” นอร์ตันพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ให้อาวุธกับกลุ่มของลูซิน่ามากมาย ทั้งอาวุธหนักและอาวุธเบา ใช้ในการรบกับกลุ่มของ Khorne ที่กำลังเตรียมการสู้ศึกในครั้งนี้

     

    และอีกด้านหนึ่ง ชายแดนเขต 7 หลังจากที่กองกำลังของซิลลินเรียได้โจมตีแนวรับของแอลรอนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ระเบิดถ้ำทิ้ง และในที่สุด กองกำลังของซิลลินเรียก็ผ่านแนวรับของแอลรอนได้สำเร็จ ทำเอาแอลรอนและโรสเซียถึงกับต้องพยายามถอยเข้าไปในเมืองหนึ่งของเขต 7 แต่ขบวนรถของซิลลินเรียก็พยายามไล่ตามพวกของแอลรอนอย่างดุเดือด แอลรอนในตอนนั้นรีบสั่งให้ลูกน้องขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว

    “บ้าเอ้ย รีบขับไปเร็วๆสิ!!” แอลรอนตะโกนออกไป

    “นี่เร็วที่สุดแล้วครับนาย!!”

    “ถ้าหนีมันไม่ได้ ฉันจะยิงแกทิ้ง!!” โรสเซียพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง รถของซิลลินเรียก็ไล่กวดตามพวกเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไล่ยิงรถของแอลรอนเพื่อหยุดรถของมัน

    “หยุดนะเว้ย จะหนีไปไหน!!” ซิลลินเรียตะโกนออกไป

    “เอายังไงดีหล่ะ มันไม่ยอมหยุดเลย??” เมเดอลีนถามอย่างสงสัย

    “เอานี่เลย ไม่หยุดก็ให้มันรู้ไป!!” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น จากนั้นก็บังคับโดรนคู่ใจของเขาจากในรถและบีบล้อมรถของแอลรอนไว้ จากนั้นก็กระหน่ำยิงไปที่ยางรถของแอลรอน และไม่นานนัก รถของแอลรอนก็เสียหลัก พุ่งเข้าไปที่ข้างทางในทันที 

    “โคร้ม!!”

    รถของแอลรอนชนกับต้นไม้จนยับ จากนั้นทั้งสองคนก็พยายามจะหนีออกจากรถไป แต่ในตอนนั้น กลุ่มของซิลลินเรียก็ไล่ตามพวกเขามาติดๆ แล้วก็ไล่ยิงพวกเขาทั้งคู่ไปด้วย

    “เฮ้ย จะไปไหนวะ??” รอนนี่ตะโกนออกไป

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    แอลรอนชักปืนออกมายิงสกัด โดยที่โรสเซียในตอนนั้นก็บาดเจ็บที่ขาไปด้วย เธอพยายามจะลากสังขารหนีแต่ก็ไม่ได้ผลนัก

    “แอลรอน ช่วยฉันด้วย!!”

    “บ้าเอ้ย รีบตามมาสิวะ!!” แอลรอนตะโกนกลับไป และในตอนนั้น รอนนี่ก็วิ่งเข้ามายิงขาของแอลรอนจนล้ม จากนั้นก็เตะปืนของแอลรอนทิ้งอย่างรวดเร็ว

    “พอได้แล้ว พวกแกไม่รอดแล้ว!!” รอนนี่ตะโกนออกมา โรสเซียพยายามจะชักปืนของตัวเองออกมา แต่ซิลลินเรียจับปืนของเธอเอาไว้ และต่อยเข้าไปที่หน้าของโรสเซียจนร่วง

    “อะไร ห่ะ จะเล่นปืนงั้นเหรอ??” ซิลลินเรียถามไป

    “ไอ้สองคนนี้มันเป็นหัวหน้าของค่ายใช่หรือเปล่า??” เด็กซ์เตอร์ถามอย่างสงสัย

    “แต่เอ๊ะ ฉันคุ้นๆนะ แอลรอนใช่หรือเปล่า??” เมเดอลีนถามอย่างสงสัย แล้วพวกเขาก็ดูหน้าของทั้งสองคนในทันที

    “อ้าว แอลรอนจริงๆด้วย พวกเรา นี่มันแอลรอนคนดังเลยนี่หว่า!!” ซิลลินเรียพูดขึ้น

    “เฮ้ย พวกแกเป็นใครวะ??” แอลรอนถามไป

    “ก็เป็นคนที่จะมาพิพากษาพวกมึงยังไงหล่ะ” ซิลลินเรียพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆ เรามีเงิน พวกนายอยากได้เท่าไหร่ เอาไปให้หมดเลย!!” โรสเซียพูดขึ้น

    “อืม ข้อเสนอน่าสนใจดีนี่กว่า ในอเมริกา ค่าหัวแกก็เยอะไม่ใช่น้อยนะเว้ย!!” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “แต่ตอนนี้ พวกแกต้องมากับเราก่อน!!” เมเดอลีนพูดขึ้น จากนั้นชายทั้งสองคนก็จับตัวทั้งแอลรอนและโรสเซียกลับไปที่รถในทันที โดยที่กองกำลังของพวกเขากำลังรอพวกเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

    “จับมันได้แล้วเหรอครับ??” ชายคนหนึ่งถามอย่างสงสัย

    “คนนี้นักโทษ VIP เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยจัดการที่เหลือ” ซิลลินเรียสั่งไป

    “พวกคุณอยากได้เงิน ผมมีเงินซ่อนอยู่ในเขต 6 บ้านหลังเก่าของผม ผมยกให้พวกคุณหมดเลย แต่ปล่อยพวกผมไปเถอะ” แอลรอนพยายามร้องขอชีวิต

    “ไม่ต้องห่วง เรายังไม่ฆ่าพวกแกตอนนี้หรอก!!” รอนนี่ตอบกลับไป

    “ยังไงก็ได้นี่ มีอะไรพวกเราคุยกันได้นะ” โรสเซียพูดขึ้น

    “ไม่ต้องพูดมาก พวกแกต้องถูกจองจำก่อน แล้วค่อยว่ากัน” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของซิลลินเรียก็จับทั้งคู่ไปขึ้นรถเพื่อรอคำสั่งต่อไปในทันที

    “เฮ้อ ในที่สุดก็จบปัญหาไปซักทีนะเนี่ย!!” เมเดอลีนพูดขึ้น

    “เราจัดการเรื่องที่นี่ได้แล้ว เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ซิลลินเรียถามไป

    “ฉันว่า เรากลับไปช่วยพวกเราที่เขต 2 ดีกว่า” รอนนี่พูดขึ้น

    “จริงด้วย ป่านนี้ที่เขต 2 กำลังรบกันหนักเลยหล่ะ” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราน่าจะกลับไปทัน เอายังไงต่อล่ะซิลลินเรีย??” เมเดอลีนถามไป

    “ถ้าอย่างงั้น ไปขึ้นฮอ เราจะไปช่วยคนอื่นๆ ส่วนเรื่องที่นี่ ฉันจะให้ดอนนี่จัดการ เขาไว้ใจได้!!” ซิลลินเรียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบออกเดินทางกันต่อในทันที เพื่อนำกำลังบางส่วนไปสมทบกับพวกที่เหลือในเขต 2

     

    ณ ทางตะวันตกของเขต 2 กองกำลังของบาร์มามัสเดินทัพผ่านกองกำลังของ Khorne ที่ต่อต้านอยู่ประปราย เพราะในตอนนี้กองกำลังส่วนใหญ่ไปต้านที่ด้านเหนือกับด้านใต้กันจนหมด ทำให้พวกของบาร์มามัสเดินผ่านได้อย่างสบายใจ ไม่มีการปะทะ

    “จะว่าไป เจต 2 นี่ก็สงบดีนะ ถ้าไม่มีสงครามมันจะดีมากเลย” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “นั่นสิ เมื่อก่อนรัฐบาลปราฟยาฟเคยจะให้สัมปทานป่าไม้ที่นี่กับพวกนายทุนนี่” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “ฉันก็เป็นหนึ่งในคนที่คัดค้าน ยังจำได้เลย” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “แต่จะว่าไป แทบไม่เจอพวกมันซักคนเลยนะเนี่ย??” โอเมอร์ถามไป

    “พวกมันคงแบ่งคนไปต้านที่อื่นไว้แล้วหละ” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “อยากรู้จริงว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” บาร์มามัสถามอย่างสงสัย

    “คงต้องรอให้สายข่าวของเรามาถึงหน่ะครับ” โอเมอร์พูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าสายข่าวของเราตอนนี้เป็นยังไงบ้างเนี่ย??” แองเจลิก้าถามไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีชายขี่ม้าคนหนึ่งควบมาทางบาร์มามัสอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาข่าวอะไรบางอย่างมารายงานบาร์มามัสในทันที

    “ท่านครับ มีข่าวจากแนวรบอื่นมารายงานครับ!!”

    “เหรอ มีอะไรบ้างหล่ะ ว่ามาเลย??” บาร์มามัสถามอย่างสงสัย

    “ที่ด้านใต้ กองกำลังของรัฐบาลกำลังบีบพวกเขต 2 เข้าไปเรื่อยๆ และทางด้านเหนือ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายยึดเมืองคาวัสได้แล้วครับ!!”

    “หือ พวกเขายึดคาวัสได้แล้วเหรอ เยี่ยมเลย!!” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “อืม ทำไมเมืองคาวัสถึงได้สำคัญขนาดนั้นหล่ะครับ??” โอเมอร์ถามอย่างสงสัย

    “ก็ที่นั่นมีชุมทางมากมาย ซึ่งเชื่อมต่อไปได้ทั่วทั้งเขต 2 ยึดเมืองนั่นได้ ก็เท่ากับว่าสามารถไปได้ทุกที่ในเขต 2 เลย” แองเจลิก้าอธิบายไป

    “อืม ถ้าที่เมืองคาวัสถูกยึดไปได้ กองกำลังส่วนใหญ่ของพวกมันก็ถูกทำลายไปด้วยหน่ะสิ” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “พูดตรงๆนะ ฉันว่ากองกำลังของมันคงเหลือไม่กี่พันคนแล้วหล่ะ” เคนโนช่าตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้น เราก็บุกไปใจกลางค่ายของมันเลยสิครับ!!” โอเมอร์พูดขึ้น

    “ใจเย็นเด็กน้อย พวกเรามีไม่ถึง 2 พันเองนะ!!” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “ใช่ นี่ขนาดเรารวบรวมกลุ่มกบฏทั่วทั้งเขต 4 ก็ใช่ว่าจะจัดการมันได้” บาร์มามัสตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้น เรารอให้พวกรัฐบาลจัดการที่เหลือเองเลยดีกว่า” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “แต่ว่า ข้างหน้าเรา 1 กิโลเมตร มีแนวรับของพวกมันอยู่ กำลังคนประมาณไม่ถึงพันนายครับ แต่ดูท่าทางจะสู้สุดใจครับ!!” สายข่าวคนเดิมพูดขึ้น

    “เราเอากำลังบุกถล่มพวกมันเลยดีกว่าพี่!!” โอเมอร์พูดขึ้น

    “ใจเย็น เรายังไม่รู้เลยนะว่าชัยภูมิของมันเป็นต่อหรือเปล่า” แองเจลิก้าพูดปรามไป

    “เห็นด้วย ถ้าอย่างงั้น ไปสำรวจพื้นที่ของพวกมัน ดูว่าพวกมันเข้มแข็งหรือเปล่า และมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ฉันคิดว่า ถ้าทำลายแนวรับนี้ได้ เราคงไม่ต้องทำศึกอีกต่อไปแล้วหล่ะ” บาร์มามัสสั่งลูกน้องของเขาคนหนึ่งไป จากนั้นเขาก็ไปจัดการตามที่สั่งทันที

     

    ณ ทางใต้ของเขต 2 ซึ่งในตอนนี้คณะรัฐบาลได้บีบล้อมกองกำลัง Khorne เข้ามาทุกที และดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจมาถึงปากประตูหน้าบ้านของพวก Khorne แล้ว ปาโบลในวันนั้นก็ทำทุกอย่างบนโต๊ะเอกสารในเต้นท์ของเขา ทั้งเรื่องแผนการบุก จัดการสายลับในพื้นที่ รวมถึงตามสืบเรื่องฐานยิงจรวดในเขต 3 ด้วย

    “ตอนนี้ข้าศึกอยู่ที่ไหนแล้ว??” ปาโบลถามนายทหารคนหนึ่งไป

    “ครับ ตอนนี้พวกมันพยายามตรึงกำลังอยู่ที่ค่ายนี้ ซึ่งเป็นค่ายทหารเก่าในเขต 2 ทหารของมันเหลือประมาณ 4 พันได้ครับ!!” 

    “ล้อมยิงพวกมันด้วยปืนใหญ่ ยิงกดพวกมันไปเรื่อยๆ บีบให้พวกมันยอมแพ้ เราไม่อยากเสียทหารโดยใช้เหตุ” ปาโบลพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน มีนายทหารคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์กับเขาอย่างเร่งรีบ

    “ท่านครับ กองกำลังของเราเข้ายึดเหมืองแร่เหมืองหนึ่ง เราเจอเชลยที่ถูกจับมาทำงานมากมาย เป็นร้อยๆคนเลยครับ เราจะเอายังไงต่อดีครับ??” 

    “หาน้ำกับอาหารให้พวกเขา หาที่พักให้พวกเขาด้วย แล้วก็ถามไปว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน??” ปาโบลสั่งไป

    “ครับท่าน แล้วก็เมื่อคืน มีสายลับบางส่วนพากันแหกค่ายหนีครับผม!!”

    “อืม ปล่อยพวกมันไป เพราะยังไง คุณโดนาทอร์คงสั่งปล่อยเขาแน่ๆ สายลับพวกนี้ไม่จำเป็นสำหรับเราแล้วหล่ะ ตอนนี้เรากำลังจะรวมประเทศได้อยู่แล้ว” ปาโบลพูดขึ้น

    “ท่านครับ มีข่าวให้กองพัน 98 ในเขต 3 ไปคุ้มกันชายแดนเขต 3 ด่วนเลยครับ!!”

    “เฮ้ย กองพันนั้นอยู่ใกล้กับฐานยิงจรวดด้วยนี่??” ปาโบลถามไป

    “ครับ ตอนนี้เราไม่ได้ข่าวเรื่องฐานยิงเลยครับ”

    “สืบมาให้ได้ใครเป็นคนสั่ง ทำไมถึงไม่มาขอคำปรึกษากับผมก่อน ไม่รู้ว่าจะรับงานใครมาหรือเปล่า!!” ปาโบลสั่งไป

    “รับทราบครับท่าน!!”

    ณ บ้านพักของโดนาทอร์ เช้ามืดของวันนั้น โดนาทอร์ตื่นมาเพื่อจะเตรียมไปตรวจเยี่ยมเขตที่พวกเขาได้ยึดครองไว้แล้ว ในระหว่างที่กำลังแต่งตัว จู่ๆก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งติดต่อมาหาเขาอย่างรวดเร็ว โดนาทอร์รีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล!!”

    “ท่านครับ มีข่าวยืนยันจากฐานยิงจรวดเก่าในเขต 3 ครับ!!”

    “เหรอ มันเกิดอะไรขึ้นหล่ะ??” โดนาทอร์ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้มีรถบรรทุกต้องสงสัยเข้าไปในนั้น สายของเราบอกว่า พวกนั้นบรรทุกชนวนระเบิดเพื่อเตรียมจุดครับ!!”

    “หะ ขนาดนั้นเลยเหรอ เรียกประชุมทุกคน ด่วนเลย!!” โดนาทอร์พูดขึ้น จากนั้นก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว 

    “เรื่องฐานยิงจรวดใช่หรือเปล่าคะ??” ภรรยาของโดนาทอร์ถามไป

    “ใช่ที่รัก เราต้องติดต่อกับคนอื่นๆด่วนเลย ถ้าเป็นไปได้ ติดต่อกับปาโบลให้ผมด้วย!!”

    “ได้ ฉันจะจัดการเอง!!” ภรรยาของโดนาทอร์รับคำไป

     

    กลับมายังที่มั่นของเรดเดวิลในเขต 2 ในตอนนี้สถานการณ์ของเขามืดมนอย่างสุดขีด เพราะกำลังถูกปิดล้อมจากทุกด้าน จนตอนนี้เขารู้ตัวว่าคงจะไม่รอดแล้ว เขาเลยเดินมายังคลังอาวุธส่วนตัวของเขา โดยที่สูราจาในตอนนั้นก็รีบวิ่งมาหาเขาในทันทีเพื่อมาคุยด้วย

    “ท่านครับ แย่แล้วครับ!!”

    “ชู่ว!! เงียบเสียงหน่อยสิ” เรดเดวิลพูดขึ้นพลางดูชุดเกราะสีแดงชุดหนึ่งของเขา ซึ่งติดอาวุธครบมือ และที่ชุดเกราะติดโลโก้ไว้เด่นชัด

    “เจเนซิส คอเปอร์เรชั่น!!”

    “ท่านครับ ท่านจะใส่เกราะนี่จริงๆเหรอครับ??” สูราจาถามอย่างสงสัย

    “ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วหล่ะ สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” เรดเดวิลถามอย่างสงสัย

    “ครับท่าน ที่ทางเหนือ พวกมันยึดเมืองคาวัสได้แล้วครับ!!”

    “เฮ้ย อะไรกัน เมืองคาวัสแตกง่ายขนาดนี้เลยเหรอ??” เรดเดวิลถามไป

    “ครับ ได้ยินว่าทหารส่วนใหญ่ทิ้งอาวุธหนีกันหมดเลยครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “แล้วทางใต้หล่ะ เป็นยังไงบ้าง??” เรดเดวิลถามอย่างสงสัย

    “ครับ ทางใต้ คณะรัฐบาลกำลังจะประชิดค่ายเราแล้วครับ ทางตะวันตก กลุ่มกบฏเดินหน้ามาเรื่อยๆ ซึ่งคนของเราที่ตั้งรับมีแค่ไม่ถึงพันเองครับ!!”

    “แบบนี้แย่แน่ๆ เราคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แล้วทหารของเราเหลือเยอะแค่ไหนกัน??” เรดเดวิลถามไป

    “ที่รบได้ มีไม่ถึง 4 พันเลยครับ บางส่วนก็ยังยิงปืนไม่เป็นเลยครับ!!”

    “เห็นที ฉันคงต้องใช้ไม้สุดท้ายแล้วหล่ะ” เรดเดวิลพูดขึ้น จากนั้นก็เตรียมใส่เสื้อเกราะของเขาไปด้วย

    “แล้วเราจะไปหนีไปตะวันออก เข้าเขต 3 อย่างงั้นเหรอครับ ที่นั่นกำลังบางมาก เราน่าจะฝ่าไปได้!!” สูราจาพูดไป

    “ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว เป็นไงเป็นกัน เราจะบุกไปทางเหนือ ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ที่ทางเหนือ มีปราการธรรมชาติที่ดีมาก ถ้ายึดที่นั่นได้ สถานการณ์ก็อาจจะพลิกกลับ!!” เรดเดวิลพูดขึ้น จากนั้นเด็กรับใช้ของเขาก็ใส่เกราะสีแดงสดให้กับเขา โดยเริ่มจากส่วนลำตัว แขน ขา ใส่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในตอนนี้ เขาก็สวมมันทั้งตัว ดูแล้วน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก และในตอนนั้น เขาก็ได้หยิบปืนกระบอกหนึ่งที่มีปลายดาบติดไว้ด้วย จากนั้นก็สวมหมวกเหล็กของเขาเป็นการปิดท้าย

    “ไปเรียกกำลังพลของเรามาให้หมด ศึกนี้ฉันจะนำด้วยตัวเอง!!” เรดเดวิลพูดขึ้น สูราจาก้มหัวรับคำสั่งไป จากนั้นก็ไปสั่งลูกน้องของเขาที่อยู่ด้านหน้าห้องในทันที

    “เฮ้ย ไปสั่งระดมพลทุกคน ด่วนเลย!!”

    “ครับท่าน ว่าแต่ ท่านจะไปไหนหล่ะครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ฉันมีงานต้องสะสาง แล้วฉันจะกลับมา” สูราจาพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินปลีกตัวออกไป เดินไปยังโรงรถบรรทุกซึ่งมีรถบรรทุกสามคันจอดรออยู่ สูราจาไปคุยกับคนขับรถที่ยืนรออยู่ในทันที

    “เฮ้ย ของพร้อมนะเว้ย??”

    “ครับ เราพร้อมออกเดินทางครับ!!” คนขับคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นไปกันเลย ไปเงียบๆหล่ะ” สูราจาพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปขึ้นรถบรรทุกคันตรงกลางที่จอดอยู่ แล้วรถก็ค่อยๆออกเดินทางไปจากค่ายของเรดเดวิลอย่างเงียบๆ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในชายแดนของเขต 3 ขบวนรถของปีเตอร์ได้ลัดเลาะผ่านป่ามาตามเส้นทางลับ พวกเขาพยายามเดินทางให้เงียบที่สุด ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้น

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    ขบวนของปีเตอร์และหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐคนอื่นๆถึงกับต้องหยุดรถในทันที จากนั้นก็พยายามออกมายิงตอบโต้กับข้าศึกที่อยู่ในป่า แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เห็นตัวใครเลย

    “หยุดยิง!!” หัวหน้าหน่วยนาวิกโยธินคนหนึ่งตะโกนออกมา และในตอนนั้น ก็มีเสียงประกาศมาจากอีกฝ่ายในทันที

    “นี่คือเสียงของร้อยเอกอัลเบ้ ผู้บุกรุกที่อยู่ด้านล่าง กรุณาวางอาวุธลงซะ แล้วเราจะส่งพวกคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย!!”

    “บ้าเอ้ย พวกมันรู้ได้ยังไงว่าเราจะมาที่นี่หน่ะ??” เจสันถามอย่างสงสัย

    “สงสัยจะมีข่าวรั่วหล่ะมั้ง??” เมสันพูดไป

    “ท่านคะ อีกไม่กี่ไมล์ เราก็เข้าเขต 3 ได้แล้วค่ะ!!” ซาโตะพูดขึ้น

    “ท่านคะ จะเอายังไงต่อหล่ะคะ??” การ์เซียถามไปด้วย

    “รอดูก่อน ว่าพวกเขาจะเอายังไง??” ปีเตอร์พูดขึ้นและให้ทุกคนนิ่งไว้

    “ผู้กอง นี่ผมร้อยเอกโดโนแวน หน่วยจู่โจมนาวิกโยธินสหรัฐครับ!!” 

    “ผู้กอง เราไม่อยากฆ่าทหารอเมริกัน แต่พวกคุณบุกรุก เพราะฉะนั้นมอบตัวซะเถอะ!!” ผู้กองอัลเบ้พูดขึ้น

    “เรามีภารกิจ ที่จะต้องจัดการขีปนาวุธของรัสเซียที่เขตของคุณ กรุณาอย่าขัดขวางเรา”

    “ฐานยิงนิวเคลียร์ถูกปิดไปแล้วผู้กอง แล้วรัฐบาลของเราก็ไม่ได้ให้ข่าวมาด้วย วางอาวุธแล้วยอมแพ้เถอะ ผู้กองโดโนแวน!!”

    “ถ้าพวกคุณขัดขวางเรา จะถือว่าคุณประกาศสงครามกับเรา คุณรับผลที่จะตามมาได้งั้นเหรอ??” ผู้กองโดโนแวนถามไป ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายก็กำลังจ้องเขม็นกันอย่างเต็มที่

    “ทุกคน ขึ้นรถ ฝ่าพวกมันออกไปเถอะ!!” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “แต่ว่า...” ซาโตะพยายามปรามไป

    “ไปเร็ว ถ้าอยู่อย่างงี้ เราทำภารกิจไม่ได้แน่ๆ!!” ปีเตอร์พูดย้ำ จากนั้นพวกของปีเตอร์ก็รีบไปขึ้นรถในทันที โดยที่เมสันได้ใช้วิชาตีนผีขับฝ่ากองกำลังของโซโรวาไปอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย ยิงมันเลย!!”

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    ทหารโซโรวาพยายามจะยิงสกัด แต่ไม่เป็นผลมากนัก เพราะไม่เห็นตำแหน่งของรถที่แน่ชัด จากนั้นพวกเขาก็รีบบึ้งรถไปตาม GPS ที่เจสันเตรียมไว้ในทันที โดยที่พวกโซโรวาพยายามไล่ตามมาด้วย

    “เอาหล่ะ รีบไปที่ฐานยิงจรวดเลย ก่อนจะสายเกินไป” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ท่านคิดดีแล้วเหรอคะ??” ซาโตะถามอย่างสงสัย

    “มีแค่พวกเราที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ นี้เป็นเดิมพันด้วยชีวิตและประเทศของเรา ผมจะแลกชีวิตของผมเพื่อทำงานนี้ให้สำเร็จ!!” ปีเตอร์พูดอย่างแน่วแน่

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณชายแดนเขตเมืองหลวงกับเขต 4 รถของอเล็กซานเดอร์ก็ได้ขับข้ามชายแดนหลังจากที่หนีจากการตามล่าของกลุ่มตำรวจโซโรวา จนกระทั่งจู่ๆ รถก็เกิดเสียและหยุดไปดื้อๆ ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องลงจากรถในทันที

    “อะไรวะเนี่ย ผีซ้ำด้ำพลอยหรืออย่างไรเนี่ย??” หลิวถามอย่างสงสัย

    “อเล็กซานเดอร์ นายพอจะดูรถได้หรือเปล่า??” ฟรานซิสก้าถามไป

    “ได้ๆ รอแป๊ปนึงนะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น จากนั้นอเล็กซานเดอร์ก็ไปเช็ครถของเขาในทันที เมื่อเปิดกระโปรงหน้ารถดู ก็พบว่ามีควันพุ่งขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน

    “หม้อน้ำแตก สงสัยเราคงต้องทิ้งรถแล้วหล่ะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “หะ จริงเหรอ แบบนี้เราไปไหนไม่รอดแน่ๆ” ฟรานซิสก้าพูดอย่างตกใจ

    “อั๊วว่าไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้เราน่าจะข้ามเขตเมืองหลวงมาแล้วหล่ะ” หลิวพูดขึ้น

    “ถ้าเราเดินไปด้านนั้นอีกหน่อย ก็คงไปถึงเขตสหประชาชาติแล้วหล่ะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พาหลิวและฟรานซิสก้าเดินต่อในทันทีท่ามกลางความมืด

    “มองอะไรไม่เห็นเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย??” ฟรานซิสก้าถามไป แต่ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนกับรถกำลังแล่นมาทางพวกเขา

    “อั๊วว่าอั๊วได้ยินเสียงรถนะ??” หลิวพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็รีบวิ่งเถอะ อย่าไปตามถนนใหญ่หล่ะ ให้ลงข้างทางแทน!!” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ท่ามกลางเสียงรถที่แล่นไปแล่นมาเพื่อตามล่าพวกเขา แต่จู่ๆ ฟรานซิสก้าก็เกิดล้มลงและขาแพลง พวกเขาจึงต้องรีบไปดูเธอในทันที

    “โอ๊ย เจ็บจังเลย!!” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “อเล็กซานเดอร์ อั๊วว่านางไปไม่ไหวหรอก” หลิวพูดขึ้น

    “มา ถ้าอย่างงั้นฉันแบกเธอเอง” อเล็กซานเดอร์รีบแบกฟรานซิสก้าวิ่งไปท่ามกลางความมืด แต่แสงของดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆเปล่งแสงขึ้นมา พวกเขาวิ่งมาเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาเจอกับทหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใส่เสื้อกั๊กสีฟ้า ทำให้พวกเขารู้ว่าทหารพวกนี้เป็นใคร

    “เราเป็นชาวต่างชาติ ช่วยเราด้วย!!” อเล็กซานเดอร์ตะโกนออกมา และทหารเหล่านั้นก็ไปดูพวกของอเล็กซานเดอร์ในทันที และไปช่วยเหลือพวกเขาด้วย

    “ท่านครับ ผู้หญิงคนนี้บาดเจ็บครับ!!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “อืม พวกคุณมาจากที่ไหนงั้นเหรอ??” นายทหาร UN ถามอย่างสงสัย

    “พวกอั๊วหลบหนีพวกตำรวจโซโรวามาหน่ะ รีบพาเราไปพักที” หลิวพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นขอเชิญทางนี้เลยครับ!!” นายทหารคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็รีบพาพวกของอเล็กซานเดอร์เข้าไปในเขตของสหประชาชาติในทันที

     

    ช่วงใกล้เช้าตรู่ ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งในเขต 3 หลังจากที่ G เดินเท้ามาเรื่อยๆเพื่อมายังจุดนัดพบตามที่ผู้บังคับบัญชาบอก เขาไปยืนแถวนั้นเพื่อดูลาดเลา แต่จู่ๆ เขาก็กลับเห็นกลุ่มชายชุดแดงติดอาวุธนับสิบยืนอยู่บริเวณนั้น ทำเอา G ถึงกับต้องติดต่อกับฟิลิปเป้ หัวหน้าของเขาในทันที

    “ท่านครับ ผมเจอสถานการณ์ครับท่าน!!”

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ G”

    “ผมอยู่ที่ท่าเรือแล้ว แต่พวก Khorne เป็นสิบกำลังเฝ้าท่าเรืออยู่เลยครับ”

    “อ้าว ทำไมกันหล่ะ ว่าแต่นายเห็นเรือเป้าหมายหรือเปล่า เรือหาปลาติดธงสีน้ำเงินหน่ะ??” ฟิลิปเป้ถามไป G กวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เจอเรือหาปลาลำหนึ่ง ซึ่งติดธงสีน้ำเงินดูเด่นชัดบนหลังคาเรือ

    “ผมเห็นแล้วครับ!!”

    “แล้วอีกอย่าง กำหนดการณ์เปลี่ยนเป็น 8 โมง เพราะฉะนั้นตอนนี้ นายเหลือเวลาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น” ฟิลิปเป้พูดขึ้น ทำเอา G ถึงกับลมแทบจับ

    “ทำไมท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้หล่ะครับ??”

    “ผมขอโทษด้วย แต่ไหนๆคุณก็มาถึงแล้วนี่”

    “พวกมันมีกันเป็นสิบเลย กระสุนของผมก็เหลือน้อยแล้วด้วย”

    “ฉันจะช่วยนายเท่าที่ช่วยได้ก็แล้วกัน G แต่ตอนนี้นายต้องเพิ่งตัวเองก่อนหล่ะ”

    “ขอบคุณครับ ผมนี่ซึ้งใจมากเลย”

    “เอาน่า ยังไงก็หนีออกมาให้สำเร็จก็แล้วกัน”

    “ครับท่าน G เลิกกันครับ!!” G เก็บแท็บแล็ตของเขาไป จากนั้นเขาก็เช็คอาวุธของเขาในทันที แล้วก็พบว่าเหลือปืน AK47 ประมาณ 3 แม็ค และปืนพกที่มีกระสุนอยู่ไม่เท่าไหร่ ทำเอา G ถึงกับต้องปากเหงื่อเลย

    “เอาวะ ตายเป็นตายเว้ย!!”

     

    กลับมายังเขต 4 เขตสหประชาชาติ หลังจากที่เผชิญกับการโจมตีของกลุ่มโจรเมื่อคืน กองกำลังสหประชาชาติที่เหลือก็เข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้สำเร็จ ในวันนั้นมารีนเนอร์ก็ได้ตรวจค่ายของเธอไปด้วย เพื่อดูว่ามีชาวบ้านคนไหนได้รับบาดเจ็บบ้าง

    “พวกชาวบ้านเป็นยังไงบ้างคะตอนนี้??” มารีนเนอร์ถามทหาร UN คนหนึ่งไป

    “ชาวบ้านตาย 32 เจ็บร้อยกว่าๆ ทหาร UN ตายไป 9 นายครับ!!”

    “ช่วยรักษาพวกเขาด้วย ว่าแต่ พอได้ข่าวอื่นหรือเปล่า??” มารีนเนอร์ถามไป

    “ครับ ตอนนี้เราได้ข่าวมาว่า ที่เมืองหลวง ตอนนี้กองกำลังของเมืองหลวงใกล้จะยึดเขต 2 ได้แล้วครับ อีกไม่นานสงครามก็คงจะจบแล้วหล่ะครับ!!”

    “โห ถ้าอย่างงั้นก็ดีหน่ะสิ!!” มารีนเนอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีนายทหารคนหนึ่งมาพูดอะไรบางอย่างกับมารีนเนอร์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “คุณมารีนเนอร์ แต่งตัวซะ คุณต้องไปกับเรา!!”

    “ผู้กอง อะไรกัน คุณคิดจะทำอะไร??” มารีนเนอร์ถามไป

    “สหรัฐอเมริกากำลังจะยิงนิวเคลียร์ทุกลูกใส่โซโรวา ถ้าจัดการฐานยิงนิวเคลียร์ในเขต 3 ไมได้ และมีโอกาสที่สหรัฐจะยิงสูงมากครับ!!”

    “หะ อะไรกัน ทำไมไม่มีใครบอกฉันเลย??” มารีนเนอร์ถามไป

    “เราเองก็เพิ่งทราบข่าว รีบไปเก็บของเถอะครับ!!”

    “แล้วชาวบ้านพวกนี้หล่ะ??” มารีนเนอร์ถามไป

    “เราช่วยพวกเขาไม่ได้แล้วครับ มาเถอะครับ!!”

    ทหาร UN พยายามเอาตัวมารีนเนอร์ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ในค่าย มารีนเนอร์ขัดขืนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ขึ้นฮอไปได้สำเร็จ ท่ามกลางชาวบ้านที่กำลังตกใจอย่างสุดขีด

    “เราทิ้งพวกเขาไม่ได้นะ!!” มารีนเนอร์ตะโกนออกมา

    “เราทำอะไรไม่ได้แล้วครับ ตอนนี้เราต้องไปแล้ว!!”

    ผู้กองนาวิกโยธินพูดทิ้งท้ายเอาไว้ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็ค่อยๆบินขึ้นจากลานจอดในทันที ท่ามกลางเสียงร้องของชาวบ้านที่กำลังตกใจกลัวอย่างสุดขีด

     

    ณ บ้านพักของบาร์บาร่า หลังจากที่เรซ์นอร์ฟและโพคลอนสกายาได้ทำข้อตกลงกับบาร์บาร่าเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเรซนอร์ฟก็พาบาร์บาร่าออกไปจากบ้านของเธอในทันที ในระหว่างที่พวกเขากำลังพาบาร์บาร่าหนี จู่ๆพวกเขาก็ดันมาเจอกับพวกของฟอร์ดที่มาดักรออยู่ 

    “เฮ้ย จะเอาเธอไปไหน??” ฟอร์ดตะโกนออกไป แต่เรซนอร์ฟก็ยิงใส่ฟอร์ด แต่พวกเขาก็หลบได้ทัน

    “นี่มันอะไรกันวะเนี่ย??” เซเนย์ตะโกนถามในขณะที่ถือปืนไปด้วย

    “อโหสิให้เราด้วย ปล่อยพวกเราไปเถอะ!!” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “ใช่ ถ้าพวกแกไม่ปล่อยเราไป เราก็ตายกันหมดนี่หล่ะ!!” โฑคลอนสกายาพูดเสริม

    “ไอ้ระยำเอ้ย บาร์บาร่าจ่ายแกเท่าไหร่วะ??” ฟอร์ดถามอย่างสงสัย

    “ก็มากพอที่จะซื้อสองคนนี้ยังไงหล่ะ พวกแกนี่โง่จริงๆ คิดว่าจะซื้อพวกนี้ได้งั้นเหรอ??” บาร์บาร่าถามไป

    “ก็ได้ จะเอาแบบนี้ก็ได้!!” เซเนย์ตะโกนออกมา จากนั้นก็กระหน่ำยิงไปที่เรซนอร์ฟในทันที แต่พวกเขาก็หลบได้แล้วพยายามจะพาบาร์บาร่าหนีไป

    “ปัง!!”

    ในตอนนั้นเซเนย์ก็ยิงเข้าที่ขาของโพคลอนสกายา ทำเอาเธอล้มลงไป เรซนอร์ฟต้องรีบไปประคองเธอในทันที แต่ฟอร์ดก็ยิงกดพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

    “บ้าเอ้ย เจ็บชิงเป๋งเลย!!” โพคลอนสกายาตะโกนออกมา และในตอนนั้นฟอร์ดและเซเนย์ก็พยายามจะมาใกล้พวกเขามากขึ้น

    “คุณบาร์บาร่า ช่วยดูเธอหน่อย!!” เรซนอร์ฟตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปกระโดดใส่ฟอร์ด พวกเขาทั้งต่อยทั้งปล้ำกันไปมา เซเนย์พยายามจะช่วยยิง แต่ในตอนนั้นบาร์บาร่าก็ยิงกดเธอเอาไว้ 

    “โอ๊ย คุณบาร์บาร่า ช่วยที!!” โพคลอนสกายาพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นบาร์บาร่าก็ยิงใส่เข้าที่หน้าอกของโพคลอนสกายาอีกนัด

    “ช่วยตัวเองซะเถอะ!!” บาร์บาร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็วิ่งหนีออกไป โพคลอนสกายาคลานไปหยิบปืนแต่ก็ไม่ทันบาร์บาร่าแล้ว เรซ์นอร์ฟในตอนนั้นชักมีดออกมาจ่อคอฟอร์ด แต่ฟอร์ดจับมีดของเขาไว้และหมุนออกมา แล้วแทงคอเรซนอร์ฟไปในทันที จนเรซนอร์ฟตายคาที่ เซเนย์รีบเข้ามาช่วยฟอร์ด จากนั้นก็พาฟอร์ดไปในทันที แต่ในตอนนั้น โพคลอนสกายาที่ยังตายไม่สนิทก็พูดขึ้นกับพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “ไปจับบาร์บาร่าให้ได้ เธอกำหลังหนีไป..” โพคลอนสกายาพูดจบก็ขาดใจตายในทันที ส่วนฟอร์ดและเซเนย์ก็วิ่งไล่ตามบาร์บาร่าออกไปด้านนอกในทันที ในตอนนั้นบาร์บาร่าก็กำลังจะวิ่งหนีออกไป แต่จู่ๆ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็บินมาวนบนหัวของเธอ และพยายามจะยิงสกัดเธอไว้

    “ปังๆๆๆๆ”

    “หยุด ห้ามใครขยับเด็ดขาด นี่เจ้าหน้าที่ CIA!!”

    บาร์บาร่าในตอนนั้นถึงกับทิ้งปืนในทันที และฟอร์ดกับเซเนย์ก็วิ่งไปจับตัวเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว

    “แกไม่รอดแน่ ยัยงูพิษเอ๋ย!!” ฟอร์ดพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ยังฉันก็รอด ฉันมีเงิน ขึ้นศาลไม่กี่วันศาลก็ยกฟ้องฉันแล้ว!!” บาร์บาร่าพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเซเนย์ก็ตบหน้าเธอไปหนึ่งทีจนร่วงลงกับพื้น

    “งั้นเหรอ ได้ แกออกจากคุกเมื่อไหร่ ฉันจะเอาลูกปืนไปรอรับเธอถึงหน้าคุกเลย!!” เซเนย์พูดขึ้น จากนั้นไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ของ CIA ก็ลงจอด และเจ้าหน้าที่ CIA ก็มาเอาตัวบาร์บาร่าไปในทันที

    “เดี๋ยวพวกเราจัดการต่อเองครับ แต่พวกคุณต้องไปกับเรานะครับ!!”

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ??” เซเนย์ถามเจ้าหน้าที่ CIA คนนั้นไป

    “สหรัฐประกาศเตรียมยิงนิวเคลียร์ใส่โซโรวา พวกคุณต้องรีบไปยังที่ที่ปลอดภัยก่อนครับ!!”

    “งั้นเหรอ แต่ว่ามีเจ้าหน้าที่อีกสองคนกำลังรอเราอยู่ที่ชายหาด พวกคุณไปรับเขาที!!” ฟอร์ดพูดกับเจ้าหน้าที่คนนั้นไป

    อีกด้านหนึ่ง ท่าเรือร้างในเขต 7 อยู่เหนือบ้านของบาร์บาร่า ในวันนั้นนายพลจางก็สั่งให้กำลังคนที่เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ นายพลาจงกำลังรอให้เรือหรือเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพจีนมารับเขา โดยที่เขาได้พยายามติดต่อทางวิทยุอย่างดุเดือด

    “ระยำเอ้ย นี่ฉันนายพลจางนะเว้ย รีบส่งอะไรก็ได้มารับฉันที อย่าคิดจะลอยแพฉันนะเว้ย ไม่งั้นฉันจะแฉให้หมดเลย ไอ้พวกระยำ!!” นายพลจางพูดใส่ปลายสายไป แต่ในระหว่างที่ทหารของเขากำลังคุ้มกันเขา จู่ๆ แจ๊กกี้กับดีมีทรีก็บุกเข้ามาจัดการทหารจีนในทันที

    “ข้าศึกบุก!!”

    “ปังๆๆๆ”

    ทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีวิ่งเข้าไปจัดการทหารจีนที่ยืนคุ้มกันนายพลจางอย่างดุเดือด ทหารจีนพยายามยิงสกัดทั้งคู่ไว้แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก ทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีก็จัดการทหารจีนได้เรื่อยๆ

    “เฮ้ย นายพลจางอยู่นั่น!!” แจ๊กกี้ตะโกนขึ้น ทำเอานายพลจางตกใจแล้วหยิบปืนพกออกมา แล้วก็ยิงสวนไปในทันที

    “ปังๆๆๆๆ”

    “เฮ้ย ยิงสกัดพวกมันสิวะ!!” นายพลจางพูดขึ้น 

    “ระยำเอ้ย มึงจะหนีไปไหน??” ดีมีทรีตะโกนออกมา จากนั้นก็ไล่ล่านายพลจางอย่างไม่ลดละ

    “ตายซะไอ้พวกหมารับใช้เอ้ย!!” แจ๊กกี้ตะโกนออกมาแล้วหยิบเอาปืนกลของพวกจีนมาไล่ยิงมันกลับ นายพลจางวิ่งหนีไปที่ชายหาด แต่ในตอนนั้น ดีมีทรีก็ยิงเข้าที่ขานายพลจาง

    “ปัง!!”

    นายพลจางล้มลงกลิ้งไปตามชายหาด จากนั้นทั้งคู่ก็พยายามไล่ตามไป แต่จู่ๆในตอนนั้นก็มีเฮลิคอปเตอร์ไร้สัญชาติลำหนึ่งบินเข้ามายังพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นก็ไล่ยิงทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีในทันที

    “ปังๆๆๆๆ” ทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีหมอบลงกับพื้นหลบอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย อั๊วอยู่ตรงนี้เว้ย!!” นายพลจางโบกมือเป็นสัญญาณ และในตอนนั้น มันกำลังจะร่อนลงไปรับนายพลจางที่นอนเจ็บอยู่บนชายหาด 

    “อั๊วอยู่นี่โว้ย มารับเร็ว!!”

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “ตู้ม!!”

    จู่ๆ ในตอนนั้น เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็บินลงมาและยิงปืนกลใส่เฮลิคอปเตอร์ของนายพลจางจนเครื่องยนต์ระเบิด และเสียการทรงตัวในทันที จากนั้นฮอก็ร่วงลงไปในทะเลในทันที และฮอลำนั้นก็บินผ่านมาทางแจ๊กกี้ และคนที่อยู่ในฮอก็ตะโกนทักทายกับแจ๊กกี้ในทันที

    “ไงพวก ทางนี้เว้ย!!”

    “เฮ้ย ฟอร์ด มาได้ยังไงวะเนี่ย??” แจ๊กกี้ถามอย่างสงสัย

    “CIA มาช่วยเราแล้ว รีบมาเร็ว!!” เซเนย์ตะโกนออกมา

    “ถ้างั้นไปจับไอ้นายพลจางดีกว่า” ดีมีทรีพูดขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ไปลากนายพลจางขึ้นมาจากทราย แล้วก็พาไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของ CIA ที่กำลังรอรับพวกเขา

    “ปล่อยอั๊วนะเว้ย พวกลื้อไม่ตายดีแน่ ไอ้ระยำ!!” นายพลจางยังคงขัดขืนเล็กน้อย แต่ในตอนนั้น เขาก็เจอกับบาร์บาร่าที่โดนจับมาด้วย ทำเอาพวกเขาถึงกับอึ้งไปเลย และเมื่อเอาคนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ ฮอลำนั้นก็บินออกจากพื้นที่ของเขต 7 ในทันที

     

    ณ บริเวณฐานปล่อยขีปนาวุธของเขต 3 จอห์นนี่และลูกน้องที่เหลือของเขาก็พยายามเข้าสอดแนมฐานยิงจรวด พวกเขานำกำลังมาล้อมเอาไว้ แต่ก็ดูเหมือนว่าทหารรัสเซียที่ยืนเฝ้าพื้นที่ไว้มีมากกว่าพวกเขาหลายเท่า ทำเอาจอห์นนี่ต้องรีบคุยกับคนของเขาในทันที

    “นายครับ นั่นมันพวกสเปซนาซนี่ครับ!!” ลูกน้องของจอห์นนี่คนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นจอห์นนี่ก็ส่องกล้องดูด้วยตัวเองในทันที

    “เออหว่ะ พวกนี้เขี้ยวลากดินซะด้วย!!” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงดีลูกพี่??”

    “เก็บสไนเปอร์ของพวกมันก่อน แล้วค่อยปลดชนวนนิวเคลียร์ของพวกมัน” จอห์นนี่พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พลวิทยุคนหนึ่งก็มารายงานอะไรบางอย่างกับจอห์นนี่อย่างรวดเร็ว

    “นายครับ สายของเรายืนยันมาแล้ว อเมริกาจะยิงนิวเคลียร์ถล่มทั้งโซโรวาในเที่ยงวันนี้ครับ!!” 

    “เออ ยังดีที่มีเวลาให้หายใจหายคอ” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “ผมว่านะครับ เราแค่นั่งฮอหนีไปจากที่นี่ดีกว่า” ลูกน้องของจอห์นนี่คนหนึ่งพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ แบบนี้มันเสียมือเราเปล่าๆ” ลูกน้องอีกคนพูดเสริม

    “เราไปไหนไม่รอดอยู่ดี เผลอๆกองเรือของสหรัฐคงจะเตรียมล้อมเกาะนี้ไว้ ไม่ให้มีใครหนีไปได้แล้วหล่ะ” จอห์นนี่พูดให้เหตุผลไป

    “ครับ แล้วเราจะโจมตีทางไหนดีครับ??” ลูกน้องของจอห์นนี่ถามไป

    “ด้านนั้น การป้องกันเปิดโล่ง และเหมือนพวกมันไม่ค่อยใส่ใจ เราจะจู่โจมเร็ว ฆ่าพวกมันในทันที” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “ผมว่า อาจจะมีฝ่ายอื่นที่อาจมาร่วมแจมกับเราด้วยนะครับ” ลูกน้องของจอห์นนี่คนหนึ่งพูดปรามไป

    “ทุกคนที่ไม่ใช่ชาวโซโรวา ฆ่าทิ้งให้หมด!!” จอห์นนี่ออกคำสั่งไป

    และอีกด้านหนึ่ง เจซซินที่มาดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆฐานยิงจรวด ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีข้อความอะไรบางอย่างเข้ามาที่แท็บแล็ตของเจซซิน เจซซินรีบตอบกลับไปในทันที

    “เจซซิน ฉันโดนไล่ออกแน่ถ้าเอาเรื่องนี้มาบอกเธอ ฉันจะลบข้อความทั้งหมดในอีก 5 นาที!!”

    “มีอะไรงั้นเหรอ??” เจซซินถามอย่างสงสัย

    “มีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐจะเลื่อนการปล่อยขีปนาวุธถล่มโซโรวา จากเที่ยง เป็น 9 โมงเช้า โดยรวมๆแล้ว ตอนนี้เธอมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง แค่นั้นเอง” 

    “หะ จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นคงต้องรีบแล้วหล่ะ!!” เจซซินตอบไป

    “ฉันว่าเธอหนีเถอะ ที่ท่าเรือในเขตเมืองหลวงน่าจะมีเรืออยู่ แค่อยู่ไกลๆจากระยะนิวเคลียร์ก็พอแล้ว!!”

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจะหยุดทุกอย่างเอง ต่อให้ตายก็ยอม!!”

    “คิดแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ ฉันเลยจ้างเรือหาปลาลำหนึ่งไปที่ท่าเรือใกล้ๆฐานยิงจรวด ให้เธอชูผ้าสีน้ำเงินของเธอเป็นสัญลักษณ์ เขาจะมารับเธอเลย!!” 

    “ได้ๆ ขอบใจมากเลยนะ” เจซซินพูดขึ้น

    “เออๆ เอาตัวรอดออกมาให้ได้ก็แล้วกัน”

     

    ณ ฐานที่มั่นในเขตคาวัส กองกำลังของลูซิน่าเตรียมเคลื่อนพลเข้าฐานที่มั่นสุดท้ายของ Khorne หลังจากที่พวกเขาได้อาวุธจากโอเมน หรือนอร์ตัน พวกเขาก็เตรียมพร้อมเคลื่อนพลอีกครั้ง แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเตรียมตัว จู่ๆ เฮลิคอปเตอร์ของซิลลินเรียก็บินมาจอดที่ลานกว้างของเมือง ลูซิน่าเห็นดังนั้นจึงรีบพากองกำลังไปรับในทันที จากนั้นไม่นานนัก ซิลลินเรียก็ลงจากฮอและมาสมทบกับพวกของลูซิน่าในทันที

    “ว่าไง ที่เขต 7 เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ลูซิน่าถามไป

    “จัดการเรียบร้อย จับตัวคนดังอย่างแอลรอนมาได้ด้วย มันไม่รอดแล้ว!!” ซิลลินเรียพูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ เนวิสก็เดินมาหาพวกของลูซิน่าอย่างเร่งรีบ 

    “นี่ ทุกคน ช่วยเช็คข่าวที่ฐานยิงจรวดกับในแพนตาก้อนให้หน่อยสิ!!” เนวิสพูดขึ้น

    “หือ มีอะไรหรือเปล่าเนวิส??” วาลิน่าถามอย่างสงสัย

    “ช่วยเช็คหน่อยเถอะครับ!!” เนวิสพูดอย่างแข็งขัน รอนนี่ในตอนนั้นก็รีบเช็คข่าวในทันที แล้วจู่ๆเขาก็ตกใจกับสิ่งที่ได้รู้

    “แย่แล้ว กองทัพสหรัฐจะยิงนิวเคลียร์ใส่โซโรวา ตอนนี้กองเรือแอตแลนติกกำลังจะมาล้อมโซโรวาแล้ว ข่าวนี้ยืนยัน บ้าเอ้ย ทำไมฉันไม่รู้มาก่อน??” รอนนี่ถามอย่างสงสัย

    “ตายหล่ะ ทำไมสายข่าวของฉันถึงไม่บอกมาเลย??” นายนอร์ตันถามอย่างสงสัย

    “ถ้าพวกมันยิงมา พวกเราตายกันหมดแน่!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “ฉันว่า รีบติดต่อแฮ็กเกอร์ในหน่วยของเรา ให้จัดการกับนิวเคลียร์พวกมันเถอะ” เรนิต้าพูดขึ้น

    “ฉันจะรีบติดต่อเพื่อนฉันทั่วโลก ให้ช่วยกันจัดการแล้วกัน” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “ต้องรีบหน่อยแล้วหล่ะ ไม่งั้นพวกเราตายกันหมดแน่” เมเดอลีนพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกองกำลังของพวกเขาตะโกนออกมาจากแนวหน้าอย่างแตกตื่น

    “ข้าศึกบุก!!”

    ภาพที่กองกำลังของลูซิน่าเห็น คือกองกำลัง Khorne ชุดแดงมากมายที่กำลังถาโถมบุกเข้ามายังที่มั่นของพวกเขา ในตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันจะยกกำลังมากันจนหมดทั้งค่ายเพื่อมาโจมตีพวกเขา

    “บ้าเอ้ย งานนี้คงต้องรีบทำแข่งกับเวลาแล้วหล่ะ ไม่งั้นโลกนี้ได้มีสงครามนิวเคลียร์แน่ๆ” เนวิสพูดขึ้นและใส่กระสุนในปืนของเขา

    ==============================================================

    การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขาใกล้จะมาถึงแล้ว เหตุการณ์จะจบลงอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://writer.dek-d.com/shinobinon/writer/view.php?id=2198407 นิยายใหม่ผมเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×