ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 16 : จับกุม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 60
      2
      7 ก.พ. 64

    เนวิสจ่อปืนไปที่เจซซินอย่างใจเย็น แต่ก็ดูเหมือนว่าเจซซินจะไม่ยอมวางปืนง่ายๆ ตอนนี้สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายดูกดดันมาก

    “นายจะยิงฉันจริงๆเหรอ เนวิส??” 

    “ถ้าเธอไม่วาง ฉันก็คงต้องยิงหล่ะนะ” เนวิสพูดขึ้น จากนั้นก็เล็งปืนใส่เธอโดยไม่ยอมวางเลย

    “ก็ได้ ใจเย็นไว้ก่อนนะ!!” เจซซินพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ทิ้งปืนสไนเปอร์ของเธอลงพื้นในทันที จากนั้นก็ค่อยๆหันหน้าและยกมือหันไปทางเนวิสในทันที

    “ทำไมกัน นายรู้ได้ยังไง??” เจซซินถามอย่างสงสัย

    “เธอคิดว่าฉันหูหนวกตาบอดอย่างงั้นเหรอ ฉันเองก็สงสัยมาซักพักแล้ว ทุกอย่างที่เธอทำ มันฟ้องว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่” เนวิสตอบไป

    “แต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉัน??” เจซซินพยายามถามไป

    “ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน ตั้งแต่ที่เราเจอกันวันนั้นแล้ว ฉันจับตาดูเธอมาซักพัก ฉันเห็นเธอแอบใช้แท็บแล็ตของเธอคุยกับใคร จนเมื่อคืน ฉันได้ไปเจอกับวิทยุสื่อสารตัวหนึ่งเขา ฉันเลยติดต่อกลับไปที่กลุ่มของฉัน พวกนั้นตอบกลับมาว่าเธอเป็นสายลับ ตอนนั้นฉันก็รู้เลย ว่าที่ฉันเข้าใจมาทั้งหมดมันถูกจริงๆ” เนวิสพูดขึ้น

    “ใช่ ฉันเป็น CIA ฉันถูกส่งมาสืบความลับของโดนาทอร์และแก๊งค์ของนาย แก๊งค์ของนายเป็นผู้ก่อการร้ายนะ นายไม่รู้เหรอ??” เจซซินถามไป

    “ในสายตาสหรัฐ ใครที่ไม่ยอมก้มหัวให้ ต้องเป็นผู้ก่อการร้ายทุกคน ใช่หรือเปล่าหล่ะ แต่สิ่งที่เธอทำมันทำให้ฉันสับสน เธอมีโอกาสจะจับตัวฉัน หรือแม้แต่ฆ่าฉัน แต่เธอก็ไม่ทำ ทำไมกันหล่ะ??” เนวิสถามไป

    “ฉันไม่รู้ แต่ถ้านายอยากยิง ก็กล้าๆหน่อย ยิงมาได้เลย!!” เจซซินพูดขึ้น

    “เธอพร้อมจะตายเพื่อประเทศของเธอ ฉันก็พร้อมเหมือนกัน ฉันไม่ยอมให้เธอทำร้ายประเทศนี้ เธอเข้าใจฉันนะ เจซซิน” เนวิสพูดขึ้น แต่เจซซินไม่พูดอะไรต่อเลย บรรยากาศในห้องดูกดดันอย่างเห็นได้ชัด

    และอีกด้านหนึ่ง กลุ่มทหารของปีเตอร์ก็ได้ดักรอโจมตีโดนาทอร์ที่กำลังเยี่ยมเยือนประชาชนอย่างชื่นมื่น บรรยากาศที่อยู่ด้านบนตึกกับด้านล่างช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

    “คัดเตอร์ เห็นเป้าหมายหรือยัง??” ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “เห็นแล้วครับ ยืนยันว่าเป็นโดนาทอร์จริงๆครับ!!” คัตเตอร์ตอบไป

    “งานนี้ขอเน้นๆ นัดเดียวให้จอดเลยนะ!!” ซาโตะพูดขึ้น

    “ระวังโดนพลเรือนด้านล่างด้วยหล่ะ ไม่งั้นเราเละแน่” เจสันที่อยู่ข้างๆคัตเตอร์พูดขึ้น

    “ด้านล่างปลอดภัยหรือเปล่า??” การ์เซียถามคนที่เฝ้าด้านล่างไป

    “ข้างล่างยังโอเค ไม่มีใครเลย” เมสันตอบไป

    “เออ งานนี้รีบทำรีบไป ไม่งั้นเราตายที่นี่แน่ๆ” เบ็ตเก็ตต์พูดขึ้น

    “เชื่อมือคัดเตอร์สิ เขาไม่พลาดอยู่แล้ว” มิคาเอลพูดขึ้น จากนั้นคัตเตอร์ก็เล็งเป้าไปที่โดนาทอร์ในทันที โดนาทอร์ที่กำลังเยี่ยมเยือนประชาชนอยู่ก็ไม่รู้ตัว แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีมือปริศนากระชากคอโดนาทอร์เข้าไปรวมกับฝูงชนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ปัง!!”

    กระสุนของเบ็ตเก็ตต์ยิงไปโดนพลเรือนคนหนึ่งเข้า ทำเอาพลเรือนที่อยู่ด้านล่างถึงกับตกใจมาก

    “ปัง!!”

    “คัตเตอร์ ไม่นะ!!” เบ็ตเก็ตต์ตะโกนออกมา เพราะในตอนนั้นคัตเตอร์ถูกกระสุนปริศนายิงเข้าใส่ และในตอนนั้นเอง เมสันก็เจอกับกลุ่มตำรวจนับร้อยกำลังบุกเข้ามาในตึกของเขา

    “ข้าศึกบุก!!”

    “ปังๆๆๆๆ”

    พวกเขายิงปะทะกับตำรวจอย่างดุเดือด แต่ตำรวจที่บุกมาก็มีมากมายเหลือเกิน ราวกับว่าพวกนั้นจะจัดการกับพวกทหารนั่นให้ได้

    “ท่านครับ เราต้องถอยแล้ว ตำรวจมากันเยอะแยะเลย!!” เจสันบอกกับปีเตอร์ผ่านทางวิทยุไป

    “ถอยออกมาก่อน พาเบ็กเก็ตต์ออกมาได้หรือเปล่า??” ปีเตอร์ถามไป

    “ดิฉันจะเอาเขาออกมาเองค่ะ” มิคาเอลพูดขึ้น

    “เราต้องรีบไปกันแล้ว พวกตำรวจเต็มไปหมดเลย!!” การ์เซียพูดขึ้น

    “รีบหนีไปก่อนเร็ว แล้วมาเจอกันที่โกดัง!!” ซาโตะบอกกับคนอื่นๆไป จากนั้นพวกเขาก็พากันหนีออกจากตึกนั้นไปในทันที ท่ามกลางตำรวจที่ปิดล้อมตึกนั้นไว้อย่างแน่นหนา เมสันวิ่งฝ่าตำรวจนับสิบออกมา จนมาถึงประตูด้านหลังโรงแรม เขาถีบประตูออกมาในทันที จากนั้นก็วิ่งไปที่รถกระบะคันหนึ่งซึ่งจอดไว้แถวนั้น สภาพเก่าแต่ก็ยังพอขับได้

    “ฉันจัดการเอง!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นก็พังกระจก และให้ทุกคนเข้าไปในรถ ส่วนมิคาเอลและการ์เซียก็อุ้มร่างของคัตเตอร์ขึ้นไปบนท้ายกระบะในทันที

    “บ้าเอ๋ย เขาตายแน่ๆ” การ์เซียพูดขึ้น

    “อย่างน้อยเอาศพเขากลับไปก็ยังดี” มิคาเอลพูดขึ้น

    “รีบไปเร็ว ไม่งั้นเราตายตามคัตเตอร์ไปแน่!!” เมสันตะโกนขึ้น

    “ได้ งั้นเกาะแน่นๆ” เบ็ตเก็ตต์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปในทันที

    ทางด้านของเจซซินและเนวิส ในตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกระดมยิงเข้ามาจากหน้าต่าง ทำเอาเนวิสต้องลากเจซซินออกมาในทันที

    “เจซซิน ระวัง!!”

    เนวิสกระชากเจซซินออกมาจากหน้าต่าง จากนั้นก็พาเธอออกไปนอกห้องในทันที ในขณะที่กลุ่มตำรวจด้านนอกก็ยิงถล่มราวกับว่าจะถล่มตึกหลังนั้นเป็นชิ้นๆ เนวิสพาเจซซินลงมาชั้นล่าง แล้วมาหลบในห้องๆหนึ่งซึ่งเป็นห้องเก็บของ ในขณะที่ตำรวจก็ค้นตึกหลังนั้นไปทั้งตึก

    “นี่ นายพาฉันมาที่นี่ทำไม??” เจซซินถามเนวิสไป

    “ตรงนี้มีช่องระบายอากาศ ที่คนพอจะออกไปได้ มันจะพาเธอไปด้านนอก ไปซะ อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!” เนวิสพูดขึ้น

    “เนวิส ฉัน..”

    “ไปซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ!!” เนวิสตะโกนย้ำไป เจซซินตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ นอกจากหนีไปตามที่เนวิสแนะนำ เจซซินเปิดช่องระบายอากาศและหนีออกไปที่นอกตึกในทันที และเมื่อออกมาด้านนอก เธอก็ใช้แท็บแล็ตของเธอติดต่อกับเพื่อนของเธอในทันทีเพื่อรายงานสถานการณ์ไป

    “ไง เจซซิน เป็นยังไงบ้าง??” 

    “เป็นยังไงหล่ะ พวกมันเจอตำแหน่งของฉัน เราโดนหลอกแล้ว” 

    “หะ จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไง??” 

    “มันเป็นไปแล้ว พวกตำรวจปิดเมืองตามล่าเราอยู่” 

    “ถ้างั้นรีบไปที่เขตชายแดนเขต 4 มีบ้านหลังหนึ่ง ฉันจะส่งพิกัดไปให้ กบดานที่นั่นก่อน”

    “เออ เจซซินเลิกกัน!!”

    เจซซินเก็บแท็บแล็ตของเธอ จากนั้นก็รีบวิ่งไปยังโซนตลาดขายของที่เธอจอดรถเอาไว้ เธอรีบไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปจากเมืองหลวงในทันที

    ทางด้านของเนวิส ในตอนนั้นเขาพยายามหลบพวกตำรวจเพื่อออกมาที่ด้านหน้าของตึก แต่สุดท้ายเขาก็เจอตำรวจสองคนดักรออยู่ โดยที่ตำรวจสองคนนั้นก็เดินมาหาเนวิสพร้อมชักอาวุธออกมาในทันที

    “หยุด อย่าขยับ!!”

    เนวิสชูมือขึ้น จากนั้นพวกตำรวจก็ตรวจค้นตัวเนวิสในทันที พวกเขาค้นไปค้นมาก็เจอกับตราอันหนึ่ง ซึ่งลูซิน่าให้เขามาตอนเป็นสมาชิกภาคี ตำรวจเห็นดังนั้นจึงปล่อยเขาในทันที

    “คุณเป็นสมาชิกกลุ่มลับด้วยเหรอครับ มาทำอะไรที่นี่ครับ??” ตำรวจคนนั้นถามไป

    “อ่า ผมมาตามล่ามือปืนนั่นหน่ะครับ” เนวิสตอบไป

    “ตอนนี้เราปิดล้อมตึกไว้เรียบร้อยแล้วครับ รับรองว่ามันหนีไม่รอดแน่ครับ” ตำรวจอีกคนพูดขึ้น

    “อ้อครับ ถ้าอย่างงั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ” เนวิสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินกลับออกไปในทันที แต่ในตอนนั้นเอง

    “ตุ๊บ!!”

    มีชายคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดเข้าที่หลังของเนวิส จนเขาสลบไปในทันที และชายอีกคนหนึ่งก็เดินมาในทันที

    “เฮ้ย ใช่ไอ้บ้านี่หรือเปล่าวะ??”

    “กูว่าใช่ ดูดิ น่าเหมือนกันเดะเลย” ชายอีกคนพูดขึ้นและเอารูปให้ชายคนนั้นดู

    “เออ แล้วเอาไงต่อดีหล่ะ??”

    “ก็ลากมันขึ้นรถ เอาไปส่งตามที่เขาสั่งสิ เดี๋ยวพ่อมึงก็มาเห็นหรอก”

    ชายอีกคนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็หามเอาเนวิสขึ้นไปบนรถในทันที โดยที่ชายคนหนึ่งได้มัดมือมัดเท้าเนวิสเอาไว้ ส่วนอีกคนก็ขับรถ พวกเขารีบออกรถในทันที แต่ในตอนนั้นก็ดันมีชายคนหนึ่งดันมาเห็นเขา จากนั้นเขาก็เดินไปขึ้นมอไซค์ที่จอดอยู่แถวนั้นในทันที แล้วขับตามรถที่เนวิสถูกจับไปในทันที

     

    กลับมายังเขต 4 หลังจากที่กองกำลังของซิลลินเรียและบาร์มามัสได้จัดการค่ายใหญ่ของพวก Khorne แล้ว ในตอนนั้นสายของบาร์มามัสก็รีบวิ่งมารายงานข่าวที่เขาได้เจอมากับบาร์มามัสในทันทีอย่างเร่งรีบ

    “ท่านครับ พวก Khorne มันถอยออกจากเขตของเราไปหมดแล้วครับ แต่ส่วนใหญ่ยังตั้งกำลังไว้ที่บ้านเก่าของมาร์ชินครับ!!” 

    “ดี บอกคนของเรายึดพื้นที่ไว้ ตรึงพวกมัน เราจะจู่โจมบ้านไอ้มาร์ชินให้มันชิบหายไปเลย” บาร์มามัสพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆซิลลินเรียก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาหาเธอ เธอรีบรับสายในทันที จากนั้นก็คุยกันซักพักแล้ววางสายไป

    “นี่ แผนการของเราสำเร็จแล้วใช่หรือเปล่า??” เรนิต้าถามไป

    “อ่า พวกเธอกำลังวางแผนอะไรกันเหรอ??” เคนโนช่าถามอย่างสงสัย

    “อ้อ พวก CIA มันมาล็อบบี้คนของเราให้มาเป็นสาย เราเลยซ่อนแผนมันกลับหน่ะ สายของเราบอกมาว่าจะมีการลอบสังหารคุณโดนาทอร์ คนของเราบอกจุดซุ่มยิงของพวกมันทุกจุดให้ตำรวจโซโรวารู้หน่ะ” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ก็อย่างที่รู้ ไม่มีใครกล้าทรยศพวกเราหรอก” เรนิต้าพูดขึ้น

    “โห แบบนี้อเมริกาก็เสียหน้าแย่สิครับแบบนั้น” โอเมอร์พูดขึ้น

    “แต่ว่า คนของฉันบอกมาด้วยว่าเนวิสถูกใครไม่รู้จับไปหน่ะ” ซิลลินเรียพูดขึ้น ทำเอามาร์ตินถึงกับตกใจมาก

    “หือ มันเป็นใครถึงจะมาจับเขาหน่ะ??” แองเจลิก้าถามไป

    “ฉันก็ไม่รู้ หรือว่าจะเป็นยัยเจซซิน??” รอนนี่ถามอย่างสงสัย

    “แย่แล้ว ถ้าอย่างงั้นคงต้องไปช่วยเขาแล้วหล่ะ” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ฉันให้คนของฉันตามไปประกบแล้ว ถ้าเจอเขาที่ไหน ก็ลุยได้เลย” ซิลลินเรียพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เรื่องการรบที่นี่จะเอายังไงต่อหล่ะ??” เคนโนช่าถามไป

    “อืม เราจะเตรียมจู่โจมบ้านของไอ้มาร์ชิน แล้วก็หาทางปิดล้อมเขต 2 ให้ได้มากที่สุด” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “เห็นทีเราคงต้องแบ่งกำลังไว้แล้วหล่ะ ผมจะเอาส่วนของผม 1000 ค่อยๆเข้าตีไปทางเขต 5 ส่วนที่เหลือ ยันพวกมันไว้เผื่อพวกมันกลับมา” รอนนี่พูดขึ้น และมาร์ตินก็พยักหน้าเห็นด้วย

    “ผมว่าพวกมันต้องเอากองกำลังกลุ่มใหญ่มาจัดการเราแน่ๆ” โอเมอร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ ถ้าเราแบ่งกำลังไป พวกเราอาจจะโดนมันเล่นงานก็ได้” แองเจลิก้าถามไป

    “มันไม่กล้าหรอก เพราะพวกมันก็ต้องแบ่งกำลังไว้คุ้มกันเขตของมันเหมือนกัน” เรนิต้าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็ตามนี้ ซิลลินเรีย ฉันฝากเธอจัดการเรื่องเนวิสด้วยก็แล้วกัน” วาลิน่าบอกกับซิลลินเรียไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของเขต 6 หลังจากที่กลุ่มของลูซิน่ายึดเมืองเยซิลได้สำเร็จ จู่ๆ กลุ่มของเอลวิสที่นำกำลังของแอลรอนมาด้วยก็เดินทางมาเพื่อโจมตีและชิงเมืองคืน เมื่อพลสังเกตการณ์ของลูซิน่าเห็นเขาเลยได้มาแจ้งเตือนคนอื่นๆให้ได้รู้ในทันทีว่ามีคนบุก

    “พวกมันมาแล้ว!!” 

    และเมื่อทุกคนในเมืองรู้ตัว ลูซิน่าก็สั่งให้ชาวเมืองไปหลบที่หลุมหลบภัยใต้ดินในทันที จากนั้นเธอก็สั่งให้กำลังพลของเธอจัดการวางแนวตั้งรับคนพวกนั้นในทันที

    “เด็กซ์เตอร์ เมเดอลีน พวกนายสองคนไปด้านซ้าย ยิงขนาบตอนมันมา!!” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “จัดเลย เมเดอลีน เธอคุมโดรนเลย งานนี้จัดหนัก” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “ได้เลย งานนี้ฉันใส่ยับเลย ไปติดอาวุธโดรนหน่อย!!” เมเดอลีนสั่งลูกน้องของเธอไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันไปลุยขวาเอง!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น 

    “ได้ ทุกคนต้องรอสัญญาณจากฉันเท่านั้น!!” ลูซิน่าพูดขึ้น

    และอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่กองกำลังจากเขต 5 มาถึงเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ลงจากรถในทันทีเพื่อเดินเข้าเมือง โดยที่เอลวิสเป็นคนนำขบวนด้วย แต่สิ่งที่ผิดแปลกไปก็คือ มันแถวไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอะไรเลย และมันดูผิดปกติ

    “อะไรวะ สงสัยจะหนีไปกันหมดแล้ว พวกมึง บุกเข้าไป เจอใครฆ่าให้หมด!!”

    เอลวิสตะโกนออกไป จากนั้นกองกำลังนับพันของเอลวิสก็บุกเข้าไปในเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเข้าไปซักพัก จู่ๆก็เกิดระเบิดขึ้นที่ทางเข้าเมือง

    “ตู้มๆๆๆ”

    ระเบิดนั้นทำเอากลุ่มของเอลวิสแตกกระเจิง กับระเบิดที่พวกของลูซิน่าวางไว้ได้ผล และเมื่อพวกมันเสียขบวนที่ตรงกลาง ด้านซ้ายขวาก็เข้าโจมตีในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    กลุ่มของเอลวิสเริ่มสติแตก ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ทำเอาส่วนใหญ่ถึงกับต้องถึงอาวุธและหนีออกจากเมืองในทันที และโดรนที่เมเดอลีนบังคับก็บินออกมาเก็บกวาดกลุ่มของเอลวิสที่เหลือจนเหี้ยน 

    “ปังๆๆๆ”

    เมื่อการปะทะจบลง กองกำลังของลูซิน่าก็ออกมาจากตึกและเคลียร์พื้นที่โดยรอบนั้นอย่างรวดเร็ว พบว่าคนของเอลวิสส่วนใหญ่ตายกันหมด บางส่วนก็บาดเจ็บเกินกว่าจะสู้ต่อ สมาชิกคนอื่นๆรีบไปรวมตัวกันต่อในทันทีเพื่อคุยถึงภารกิจต่อไป

    “ตายห่าซะให้หมด ไอ้พวกระยำ!!” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “เออนี่ เห็นไอ้ตัวหัวหน้ามันหรือเปล่า??” ฟรอนเทียร์ถามต่อ

    “ไม่เห็นอ่ะ สงสัยมันคงจะหนีไปแล้ว” เมเดอลีนพูดขึ้น

    “ช่างเถอะ ไอ้คนเจ็บพวกนี้ฆ่าให้หมด อย่าให้รอดแม้แต่ตัวเดียว เย็นนี้เราจะโจมตีเมืองอื่นต่อ ไม่ต้องให้พวกมันพัก!!” ลูซิน่าพูดขึ้น จากนั้นเด็กซ์เตอร์ก็ให้สัญญาณมือกับลูกน้องคนอื่นๆในทันที 

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

     

    และที่จัตุรัสน้ำเงิน หลังจากที่ตำรวจได้เข้าควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว ปาโบลในตอนนั้นก็นำกำลังทหารบางส่วนมาช่วยคุ้มกันโดนาทอร์ที่กำลังนั่งอยู่ในร้านๆหนึ่ง โดยมีตำรวจมากมายคุ้มกัน ปาโบลรีบเดินเข้าไปหาโดนาทอร์ในทันที 

    “คุณโดนาทอร์ครับ เป็นยังไงบ้างครับ??” 

    “คุณปาโบล ผมไม่เป็นไร ว่าแต่ ด้านนอกเป็นยังไงบ้างครับ??” โดนาทอร์ถามไป

    “ด้านนอกปลอดภัยแล้ว แต่มีพลเรือนเสียชีวิต 1 คนครับ ตอนนี้เรารู้ว่าเป็นฝีมือใคร” ปาโบลพูดขึ้น

    “เหรอ คุณคิดว่าเป็นฝีมือใคร??” 

    “สายข่าวบอกมาว่าเป็นฝีมือพวกอเมริกันครับ เรามีหลักฐานที่พวกมันติดต่อสายในพื้นที่ของเราครับ” ปาโบลพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ผมว่ามันแปลกๆนะ ในตอนนั้นมีคนช่วยผมเอาไว้ด้วย เขากระชากผมเข้าไปไม่ให้โดนกระสุนหน่ะ” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “โห โชคดีมากๆเลยนะครับเนี่ย” ปาโบลพูดขึ้น

    “แต่ผมคิดว่า ทุกอย่างมันดูเหมือนมีการจัดฉาก ไม่รู้สิ” โดนาทอร์พูดอย่างสับสน

    “อืม ก็อาจเป็นไปได้ครับ แล้วคุณจะเอายังไงต่อครับ??”

    “ลองจับตัวคนทำมาให้ได้ เราต้องสอบถามคนพวกนั้น” โดนาทอร์พูดขึ้น 

    “ครับ ถ้าอย่างงั้น ผมจะลองหาความจริงเองครับ” ปาโบลพูดขึ้น

    “ผมไม่อยากเป็นหมากให้พวกมหาอำนาจใช้งานหรอก ถ้าเป็นไปได้” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “แต่ถ้าตามความคิดของผม เราควรจะตอบโต้พวกนั้นบ้างนะครับ” ปาโบลพูดขึ้น

    “คุณจะตอบโต้ยังไงหล่ะ??” โดนาทอร์ถามไป

    “ถ้าผมรวบรวมหลักฐานได้เรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะออกแถลงการณ์ประณามสหรัฐอเมริกา จากนั้นเราจะรอดูท่าทีของพวกเขาครับ” ปาโบลพูดขึ้น

    “อืม ผมเข้าใจ ถ้าอย่างงั้นคุณก็จัดการตามสมควรเถอะ” โดนาทอร์บอกกับปาโบลไป

     

    กลับมายังเขต 2 ของกลุ่ม Khorne ในวันนั้นเรดเดวิลก็ต้องมาจัดการวางแผนการรบด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้สถานการณ์สำหรับเขต 2 ไม่ค่อยสู้ดีนัก ในระหว่างที่พวกเขากำลังวางแผนกันอย่างเคร่งเครียด ในตอนนั้นก็มีชายคนหนึ่งมารายงานสถานการณ์กับเรดเดวิลในทันที

    “ท่านครับ มีข่าวจากเขต 6 ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายครับ!!”

    “เหรอ ถ้าอย่างงั้นลองว่ามาสิ” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายกำลังโจมตีเขต 6 และกำลังรุกไล่เข้ามาเรื่อยๆครับ” เมื่อเรดเดวิลได้ยินดังนั้นก็ถึงกับทำถ้วยกาแฟบนโต๊ะหกในทันที

    “ท่านครับ!!” สูราจาพยายามช่วยเรดเดวิลไป

    “แล้วตอนนี้ที่เขต 4 เป็นยังไงบ้าง??” เรดเดวิลถามไป

    “ครับ ตอนนี้พวกกบฏบางส่วนตรึงกำลังไว้ที่เขตบ้านของมาร์ชิน แต่เราได้ยินมาว่าบางส่วนกำลังขึ้นเหนือครับ!!” 

    “เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย พวกมันต้องการปิดล้อมเรา” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราควรจะยกทัพโจมตีเมืองหลวงเลยนะครับ!!” สูราจาพูดขึ้น

    “อืม เรื่องนี้ฉันเห็นด้วย จัดเตรียมกองทัพให้พร้อม!!” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แล้วจักรกลของเราหล่ะครับ ไม่เอามาใช้เหรอครับ??” สูราจาถามไป

    “ไว้ก่อน ถ้ากองกำลังของมันมีมากกว่า ก็ปล่อยออกไปได้เลย” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม ผมรับรองว่าพวกมันต้องไม่รอดแน่ๆ” สูราจาพูดขึ้น

    “ฉันคิดว่า เราควรที่จะเล่นงานพวกเขต 5 ให้เร็วที่สุด ไม่ให้พวกมันปิดล้อมเราได้” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แล้วทำไม เราไม่ลองจับมือกับพวกนั้นหล่ะครับ สงบศึกชั่วคราวก็ได้ แล้วปล่อยให้พวกเขต 5 มันรับหน้าแทนหล่ะ??” สูราจาถามไป

    “พวกมันไม่โง่หรอก แถมพวกมันต้องรบกับพวกเขต 7 อีก แล้วตอนนี้กองกำลังของพวกเขต 5 ก็เริ่มหร่อยหรอแล้วด้วย น่าจะง่ายถ้าเราจะบุกโจมตีหน่ะ” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “ถ้าจะรบกับพวกเขต 5 เราโจมตีเร็วใส่พวกมันเลยดีกว่าครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “เรามีรถหุ้มเกราะมากพอที่จะบุกโจมตีหรือเปล่า??” เรดเดวิลถามไป

    “ก็พอมีครับ แต่ถ้าใช้ทหารพิเศษของเราบุก ผมว่าเราน่าจะยึดได้ไม่ยากครับ” 

    “อืม จัดเตรียมกำลังพลไว้ เราจะถล่มพวกมันให้ราบ และยึดเขตของพวกมันทั้งหมด แล้วอีกอย่าง จักรกลของเรา เอาออกมาได้เลย และตรึงมันไว้ที่เขตเมืองหลวง ส่งสัญญาณให้พวกมันรู้ว่าเราเอาจริง” เรดเดวิลสั่งสูราจาไป

    “รับทราบครับผม!!”

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขต 4 บ้านหลังใหญ่สุดหรูหลังหนึ่งท่ามกลางภูเขาและเมกไม้อันเขียวขจี รายล้อมไปด้วยกองกำลังติดอาวุธหลายสิบนายที่กำลังอารักขาเป็นอย่างดี และในบ้านหลังนั้น จอห์นนี่และแขกคนใหม่ของเขา โอเมน ก็กำลังนั่งดื่มไวน์กันอย่างสบายใจ รวมไปถึงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย แต่ในระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั่น จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินข่าวจากวิทยุรายงานเข้ามา

    “เมื่อเวลาประมาณ 13.20 นาที ตามเวลาท้องถิ่นของโซโรวา มีการพยายามจะลอบสังหารท่านประธานาธิบดีโดนาทอร์ จาราริก้า ขณะนี้ตำรวจได้ควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว คุณปาโบล ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม ได้รับหลักฐานมาว่าทางอเมริกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทางการรัสเซียและจีน ที่เพิ่งจะออกแถลงการณ์ประณามโซโรวาไป ก็ได้แสดงความเสียใจต่อประธานาธิบดีโดนาทอร์และตั้งคำถามไปยังอเมริกาอย่างต่อเนื่อง....”

    “อืม ดูเหมือนว่าจะเริ่มเดินหมากกันแล้วสินะ” โอเมนพูดขึ้น

    “คุณนี่เดินหมากได้ดีนะครับ” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “ใครบอก ผมไม่ได้เป็นคนทำซะหน่อย” โอเมนพูดขึ้น

    “อ้าว แต่ผมยอมรับนะ ไอ้คนทำนี่แสบสุดจริงๆ” จอห์นนี่พูดขึ้นพลางจิบไวน์ไปด้วย

    “เสียแต่ว่า ที่นี่อาจจะกลายเป็นสมรภูมิรบใหม่หน่ะสิ” โอเมนพูดขึ้น

    “ถึงตอนนั้น อเมริกาคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ คงต้องทุ่มกำลังตั้งหมดมายึดที่นี่ เพราะที่นี่ห่าวจากอเมริกาไม่เท่าไหร่ แถมอยู่ในบริเวณขีปนาวุธพิสัยไกลด้วย” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “อืม ตั้งแต่ที่คุณมาที่นี่ คุณเจอลูซิน่ากับวาลิน่าบ้างหรือเปล่า??” โอเมนถามอย่างสงสัย

    “ผมเจอแค่ครั้งเดียว แต่ยังหาที่อยู่พวกเธอไม่ได้เลยครับ” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “ผมได้ยินมาว่าตอนนี้มีสงครามในเขต 4 ผมคิดว่าพวกเธอต้องมีเอี่ยวแน่ๆ ถ้าหาเธอได้ บอกให้เธอมาหาผมด้วย” โอเมนพูดขึ้น

    “ผมจะให้ลูกน้องของผมช่วยตามหาด้วยครับ” จอห์นนี่ตอบไป จากนั้นพวกเขาก็ชนแก้วไวน์กันแล้วดื่มกันต่อในทันที

     

    กลับมายังโกดังของอเล็กซานเดอร์ ในวันนั้นทั้งปีเตอร์และอเล็กซานเดอร์ก็ได้ช่วยกันขนของขึ้นรถเพื่อให้ปีเตอร์ออกไปจากเขตเมืองหลวง เพราะตอนนี้ตำรวจของโซโรวากำลังกวาดล้างสายลับในพื้นที่อย่างหนัก พวกเขารีบขนและทำลายหลักฐานทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกตำรวจจะมาตรวจเข้าซักวัน

    “พวกคุณต้องรีบไปเดี่ยวนี้เลย พวกตำรวจกำลังกวาดล้างอย่างหนัก ถ้ายังอยู่ต่อพวกคุณอาจจะไม่ปลอดภัย” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ครับ ผมขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆฟรานซิสก้าก็เดินทางมายังโกดังแห่งนี้ เพื่อมาบอกข่าวสำคัญกับพวกเขา อเล็กซานเดอร์รีบไปต้อนรับเธอแล้วให้เข้ามาหาปีเตอร์ในทันที

    “พวกคุณ ฉันฟังข่าววิทยุมา ตอนนี้รัสเซียกำลังประณามพวกคุณอย่างหนักเลย” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “หะ จริงเหรอคะ ทั้งๆที่เมื่อเที่ยงเพิ่งประกาศประณามโซโรวาไป??” ซาโตะถามไป

    “คิดไว้แล้วไม่มีผิด เรากำลังถูกหลอกใช้” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกคุณจะไปที่ไหนต่อหล่ะ??” อเล็กซานเดอร์ถามไป

    “พวกเราจะไปที่กบดานใหม่ ใกล้ๆชายแดนเขต 4 ค่ะ” ซาโตะพูดขึ้น

    “ถ้ารัสเซียกระโดดเข้ามา จีนก็ต้องเข้ามาด้วย แล้วไหนจะชาติอื่นที่อยากเล่นงานอเมริกาอีกหล่ะ??” ฟรานซิสก้าถามไป

    “ถ้ามันลุกลามเป็นสงครามใหญ่ งานนี้ภูมิภาคแถวนี้ได้ปั่นป่วนแน่ๆ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ถ้าผมติดต่อหน่วยเหนือได้ ผมจะถามพวกเขาเลยว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันขนของล็อตสุดท้ายออกไปด้านนอก และขึ้นรถบรรทุกคันหนึ่งซึ่งอเล็กซานเดอร์ไปหามาได้ เมื่อขนเสร็จ ทั้งปีเตอร์และซาโตะก็รีบขึ้นรถบรรทุกในทันทีเพื่อออกเดินทาง

    “ขอบคุณมากนะครับ!!” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ครับ แล้วเจอกันใหม่ครับ” อเล็กซานเดอร์ตอบกลับไป จากนั้นรถของปีเตอร์ก็ค่อยๆขับออกไปในทันที เหลือแค่อเล็กซานเดอร์กับฟรานซิสก้าที่อยู่ที่นั่น

    “แล้ว เรื่องที่พวกเราจะได้ไปจากที่นี่หล่ะ??” ฟรานซิสก้าถามไป

    “ผมเตรียมการไว้แล้ว นี่เป็นพาสปอร์ตของคุณที่ผมให้คนของผมปลอมคำสั่งอนุญาตแล้ว” อเล็กซานเดอร์ยื่นให้ฟรานซิสก้าในทันทีและเธอก็รับมา

    “แล้วนี่ ฉันต้องทำยังไงต่อหล่ะ??” ฟรานซิสก้าถามไป

    “ตอนนี้เธอต้องกบดานซักพักหน่ะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้อยู่แล้ว” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “อืม แล้วฉันจะติดต่อไปแล้วกัน ตอนนี้อย่าไปยุ่งกับพวกตำรวจเด็ดขาด” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ได้ๆ นายเองก็ระวังตัวด้วยหล่ะ” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “โอเค ถ้าฉันติดต่อกับเพื่อนของฉันได้ ฉันจะติดต่อเธอไปเอง อย่าเปลี่ยนที่อยู่หล่ะ ถ้าจะเปลี่ยน ให้ส่งคนมาบอกฉัน เข้าใจนะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ได้เลย ยังไงก็รักษาตัวด้วยหล่ะ” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินหันหลังกลับไปในทันที ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็กลับเข้าไปในโกดังของเขาเพื่อเก็บกวาดของเพิ่มเติมไปด้วย เพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน

     

    กลับมายังร้านบะหมี่ของหลิว ในวันนั้นตัวเขาก็ลวกบะหมี่เพื่อทำขายตามปกติ แต่ในวันนั้นเอง จู่ๆก็มีตำรวจกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้ามาในร้านของเขา ตอนนั้นหลิวตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเลยไปถามตำรวจพวกนั้นในทันที

    “นี่ๆๆ พวกลื้อมาร้านอั๊วมีอะไร??”

    “เราได้รับแจ้งมาว่าบ้านนี้มีการซุกซ่อนตัวสายลับไว้ด้วย พวกเราจะขอค้นหน่อยครับ!!”

    “เฮ้ พวกลื้อมีหลายค้นหรือเปล่า??” หลิวถามกลับไป

    “นี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่าแต่ ผมขอดูวีซ่าคุณหน่อยได้หรือเปล่า??” ตำรวจพวกนั้นถามไป ในตอนนั้นหลิวก็หยิบเอาพาสปอร์ตให้เขาดูในทันที แล้วก็พบว่ามันมีวีซ่าสำหรับทำงานถูกต้อง

    “ชื่อหลิว เว่ยใช่หรือเปล่า??”

    “ใช่!!” 

    “อยู่โซโรวามากี่ปีแล้ว??” ตำรวจถามต่อ

    “4 ปีแล้ว อั๊วทำงานถูกกฎหมายนะ” หลิวพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกตำรวจก็เดินกลับออกมาจากร้านของหลิวแล้วมารายงานสถานการณ์ในทันที

    “ท่านครับ ไม่มีอะไรผิดปกติครับ!!”

    “อืม ไหนๆก็ไหนแล้ว ทำบะหมี่ให้พวกเรากินหน่อยสิ” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ไปนั่งที่โต๊ะร้านหลิวในทันทีเพื่อรอทานบะหมี่ที่หลิวกำลังทำ

     

    ณ ค่ายใหญ่ของกองกำลัง Khorne ในตอนนั้น G ก็สามารถลักลอบเข้ามาในโรงเก็บอาวุธลับได้สำเร็จ ตอนนั้นเขาเดินสะกดรอยตามนักวิทยาศาตร์คนหนึ่งที่เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เขาเดินตามไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ซึ่งสามารถเก็บเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ทั้งลำ G ที่เข้ามาก็ได้เห็นกับจักรกลยักษ์ซึ่งพวก Khorne กำลังติดตั้งอาวุธทำลายล้างต่างๆ ทั้งปืนกล ปืนใหญ่ จรวด ดูน่าเกรงขาม G ในตอนนั้นก็รีบหาที่หลบแถวนั้นและถ่ายรูปมันในทันที จากนั้นก็เตรียมติดต่อกับผู้บังคับการใหญ่ของเขาในทันที

    “ท่านครับ G รายงานตัวครับ!!” 

    “G เป็นยังไงบ้าง??” ฟิลิปเป้ถามไป

    “ผมเจออาวุธที่พวก Khorne เก็บสะสมไว้แล้วครับ!!”

    “G ส่งรูป!!”

    “หือ นี่เหรออาวุธร้ายของพวกมัน??” ฟิลิปเป้ถามไป

    “ใช่ครับ ผมคิดว่ามันน่าจะใช้โจมตีเมืองหลวง เพื่อข่มขวัญเขตอื่นๆครับ”

    “จักรกลนั่นน่ากลัวมาก ผมดูจากอาวุธแล้ว เสียดายที่ผมไมมี่ข้อมูลเบื้องลึกหน่ะสิ” 

    “ผมพยายามจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเองครับ”

    “ดี ยังไงผมก็ขอรบกวนคุณหน่อยนะครับ” 

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดจบ จู่ๆก็มีทหารกลุ่มหนึ่งมาสั่งอะไรบางอย่างกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และไม่นานนัก จักรกลนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนที่ออกมาจากโกดัง G ได้แต่มองอย่างตกตะลึง จากนั้นเขาก็รีบติดต่อกับหัวหน้าของเขาในทันที

    “ท่านครับ มันเคลื่อนย้ายจักรกลแล้วครับ!!”

    “งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นติดตามมันไป ดูว่ามันจะไปที่ไหน??”

    “รับทราบครับท่าน!!”

    แต่เมื่อ G พูดจบ จู่ๆก็มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นก็มาพูดกับ G ในทันที

    “เฮ้ย นายเข้ามาได้ยังไง นี่เป็นเขตหวงห้ามนะ??”

    G ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร จากนั้นก็ชักมีดออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของชายคนนั้น จากนั้นก็ปิดปากมันไปด้วยเพื่อไม่ให้มันร้อง จากนั้นก็ค่อยๆลากศพของมันออกไปซ่อนไว้แถวนั้นในทันที

    “ท่านครับ เหมือนว่ามันจะเริ่มรู้ตัวแล้ว ผมปิดปากมันไปคนนึงครับ!!” ฟิลิปเป้บอกหัวหน้าของเขาไป

    “งั้นเหรอ เก็บงานให้สะอาดหล่ะ!!”

    “ครับท่าน ตอนนี้ผมกำลังตามไอ้จักรกลนั่นอยู่ครับ!!”

    G พูดขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งกลับไปยังทางเก่าที่เขามา และเมื่อเขาออกมานอกโกดังได้สำเร็จ ตัวเขาก็เดินเนียนไปกับกลุ่มทหารซึ่งคุ้มกันจักรกลนั้นไปด้วย

     

    กลับมายังเขต 4 เขตสหประชาชาติ ในวันนั้นมารีนเนอร์ก็กำลงรอข่าวที่เพื่อนของเธอไปทำ ซึ่งเป็นข่าวการสังหารหมู่ชาวบ้านในเขต 2 เธอลองเล่นโน้ตบุ๊กและเข้าทวิตเตอร์เพื่ออัพเดทสถานการณ์ และในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นแท็ก โซโรวา ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของทวิตในวันนั้น เธอรีบเข้าไปดูก็พบว่ามีข่าวการสังหารหมู่ชาวบ้านนับร้อยคนในเขต 2 จริงๆ 

    “เยี่ยม ไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลย”

    แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเลื่อนดูฟีดในทวิต เธอก็พบกับข่าวอีกข่าวหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอแปลกใจมาก เธอเลยเรียกทหารของเธอมาคุยด้วยในทันที

    “คุณมารีนเนอร์ครับ มีอะไรครับ??”

    “นายมาดูข่าวนี่สิ!!”

    มารีนเนอร์ชี้ไปที่ฟีดข่าวหนึ่ง ซึ่งระบุว่ารัสเซียออกแถลงการณ์ประณามอเมริกา และยังบอกว่าจะพร้อมช่วยเหลือโซโรวาหากถูกบุกโจมตี

    “อืม ทั้งๆที่เมื่อเที่ยงเพิ่งจะประณามโซโรวาอยู่เลย??” ทหารคนนั้นถามอย่างสงสัย

    “มันเรื่องอะไรกันนะ??” มารีนเนอร์ถามไป และในตอนนั้นเธอก็เลื่อนฟีดลงไปดูเรื่อยๆ แล้วก็พบว่า มีข่าวการพยายามลอบสังหารโดนาทอร์อยู่ด้วย ทำเอาทหารของเธอถึงกับพูดขึ้น

    “นี่มันการยั่วยุชัดๆ”

    “ยั่วยุ ยังไงเหรอ บอกหน่อย??” มารีนเนอร์ถามไป

    “เหมือนกับว่าพวกนั้นต้องการให้โซโรวาผิดใจกับอเมริกา โดยให้อเมริกาเป็นคนผิดในสายตาชาวโลก”

    “เหรอ แล้วยังไงต่อหล่ะ??” มารีนเนอร์ถามต่อ

    “ถ้ารัสเซียกระโดดเข้ามา จีนก็ต้องมาด้วย แล้วถ้าเกิดปะทะกัน ภูมิภาคนี้ได้เดือดดาลแน่ ไม่แน่อาจจะไปถึงสงครามโลกครั้งใหม่เลยครับ” 

    “แย่หล่ะ แบบนี้ไม่เข้าท่าแล้วหล่ะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “ผมว่า ต้องรีบหามือที่สามของเรื่องนี้ให้ได้เลยครับ” 

    “นั่นสิ ถ้าสงครามปะทุขึ้นมา งานนี้ได้เละกันหมดแน่ๆ” มารีนเนอร์พูดขึ้นพลางถอนหายใจไปด้วย จากนั้นก็ไปรินน้ำแล้วดื่มไปหนึ่งแก้วในทันที

     

    กลับมายังเขต 5 ของแอลรอน ในวันนั้น ระหว่างที่พวกเขากำลังวางแผนการเพื่อรุกเข้าโจมตีเขต 7 หลังจากที่ถูกโจมตีและยึดไป ในคราวนี้พวกเขาวางแผนไว้ว่าจะยึดเขต 7 ให้ได้ไวที่สุดเพื่อยึดทรัพยากรและรวบรวมกำลังคนใหม่ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ลูกน้องของแอลรอนคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานสถานการณ์ให้เขาได้ทราบในทันที

    “ท่านครับ แย่แล้วครับ!!”

    “มีอะไร สงครามเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” แอลรอนถามไป

    “คือ พวกเราตายกันหมดเลยครับ พวกมันวางกำลังดักฆ่าพวกเรา แถมพวกมันมีอาวุธสมัยใหม่ด้วยครับ มันใช้โดรนบินฆ่าพวกเราไม่มีเหลือเลย เอลวิสก็ตายคาเมืองเลยครับ!!”

    “เฮ้ย อะไรกันวะ ทำไมถึงแพ้เร็วขนาดนี้??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “บ้าเอ้ย ตอนนี้พวกมันคงกำลังเดินทัพเข้าเขต 6 แน่ๆ ตอนนี้เรามีกำลังมากแค่ไหน??” แอลรอนถามลูกน้องของเขา

    “ตอนนี้ ถ้ารวมกับชาวบ้านที่จับปืนได้ น่าจะประมาณ 5 พันได้ครับ!!”

    “แต่ว่า ก็ต้องแบ่งกำลังไปต้านทานเขตอื่นด้วยหน่ะสิ” โรสเซียพูดขึ้น

    “ต้องรวมกันให้ได้ 1 หมื่น ไม่งั้นเราแพ้แน่” แอลรอนพูดขึ้น

    “แต่ว่า นั่นหมายความว่าเราต้องเกณฑ์เด็กและผู้หญิงมารบด้วยนะครับ!!” ลูกน้องคนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น

    “แล้วไงหล่ะ อย่างน้อยก็เป็นโล่มนุษย์ไปในตัวด้วย พวกมันไม่กล้ายิงพลเรือนหรอก” โรสเซียพูดขึ้น

    “ความคิดดี ไปเกณฑ์เด็กกับผู้หญิง คนแก่ด้วย เอาไปเป็นโล่มนุษย์ ถ้าพวกมันกล้ายิงก็ลองดู” แอลรอนพูดขึ้น

    “แล้วเรื่องที่เขต 7 จะเอายังไงต่อหล่ะ??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “ระดมกำลังเก็บกวาดให้ราบ ล้อมพวกมันไว้ ฉันจะลุยให้จบรวดเดียวเลย” แอลรอนพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็มาคุยอะไรบางอย่างกับเขาในทันที

    “คุณแอลรอนครับ มีคนจากเขต 7 มาขอพบครับ!!”

     

    ณ เมืองๆหนึ่งในเขต 6 ในวันนั้น ฟอร์ดและเซเนย์ก็ได้รับงานๆหนึ่ง พวกเขาต้องไปลอบสังหารสมาชิกคนสำคัญของแก๊งค์แอลรอน และเป็นผู้กว้างขวางในเขต 6 ด้วย พวกเขาเดินทางไปที่ตึกๆหนึ่ง ซึ่งพวกเขาจะต้องไปยิงเป้าหมายในระยะใกล้เพราะบริเวณนั้นไม่มีมุมยิงจากระยะไกล ทั้งคู่เข้าไปด้านในพร้อมกับปืนกลมือติดที่เก็บเสียงไปด้วย

    “ปังๆๆๆ”

    พวกเขาค่อยๆเดินย่องขึ้นไปชั้นบนเพื่อตามล่าเป้าหมาย โดยขึ้นไปที่ชั้นสาม จากนั้นก็ไปที่หน้าประตูประตูหนึ่งซึ่งจะพาไปที่ห้องโถงทางเดิน 

    “เซเนย์ สะเดาะกุญแจเลย!!”

    เซเนย์ใช้กุญแจผีของเธอค่อยๆไขเข้าไป และเมื่อไขเสร็จ เธอก็พยักหน้าให้กับฟอร์ดในทันที

    “ปัง!!”

    พวกเขาทั้งคู่ชักปืนออกมา จากนั้นก็บุกเข้าไปที่ห้องโถงแห่งนั้นในทันที โดยที่ในตอนนั้นมียมติดอาวุธประมาณ 4 คนกำลังเฝ้าห้องๆหนึ่งอยู่

    “เฮ้ย อะไรวะ??”

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    ฟอร์ดและเซเนย์ยิงทุกคนที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็บุกเข้าไปในห้องๆนั้นที่มียามเฝ้าอยู่ และในตอนนั้นก็มีชายร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ฟอร์ดและเซเนย์ยิงชายคนนั้นล้มลงในทันที จากนั้นก็เหยียบร่างและเอาปืนจ่อมันไว้

    “เฮกเตอร์ อัลโบน ในที่สุดก็เจอแก!!” เซเนย์ตะโกนขึ้นมา

    “มึงพาชาวบ้านพวกนี้มาทำไมวะ??” ฟอร์ดถามอย่างสงสัย

    “คือ พวกเขาสั่งให้เราเตรียมกำลังไว้ต่อสู้กับพวกเมืองหลวงที่มารุกรานครับ!!” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เฮ้ย แล้วอาวุธพวกคุณมีแค่พลั่ว กับมีดทำครัวเนี่ยนะ??” เซเนย์ถามอย่างสงสัย

    “พวกนั้นบอกว่าไม่มีอาวุธให้พวกเรา ให้พวกเราหากันเองครับ!!” ชาวบ้านตอบไป

    “เฮ้อ พวกคุณกำลังโดนหลอกใช้ ทางที่ดี ไปยอมแพ้กับพวกนั้นซะเถอะ” ฟอร์ดบอกกับชาวบ้านพวกนั้น

    “พวกเรากลัวว่ามันจะฆ่าลูกหลานของเราหน่ะครับ”

    “อยู่แบบนี้พวกคุณก็ตายนั่นแหละ ไปจากที่นี่ซะ!!” เซเนย์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ยิงนายเฮกเตอร์นั่นจนตายคาที่ ทำเอาชาวบ้านพวกนั้นตกใจแล้วก็รีบหนีออกไปจากอพาร์ทเม้นต์ในทันที

     

    กลับมายังค่ายของบาร์บาร่าในเขต 6 ในวันนั้นเธอก็ได้เรียกเรซนอร์ฟและโพคลอนสกายาไปเลี้ยงฉลองหลังจากที่ยึดเขตหุบเขากลับมาได้ เพราะพวกเขาจะได้ครอบครองสินแร่อีกครั้ง แต่ในระหว่างที่การฉลองเป็นไปอย่างชื่นมื่น ในตอนนั้นเองลูกน้องของเรซนอร์ฟคนหนึ่งก็มารายงานสถานการณ์อะไรบางอย่างกับเขาในทันที

    “ลูกพี่ มีข่าวจากเขต 6 ครับพี่!!”

    “ข่าวอะไรของมึงวะ ว่ามาเลย??” เรซนอร์ฟถามไป

    “มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายบุกโจมตีเขต 6 ครับ ตอนนี้พวกนั้นวุ่นวายกันใหญ่เลย!!”

    “เฮ้ย พูดเป็นเล่น พวกไหนมันกล้านะ??” โพคลอนสกายาถามไป

    “ไม่แน่อาจจะเป็นพวกเมืองหลวง พวกนั้นอาจเริ่มรุกคืบมาแล้วก็ได้” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ถ้าพวกมันจะบุก ทำไมพวกมันไม่บุกเขต 2 ก่อนหล่ะครับ??” เรซนอร์ฟถามอย่างสงสัย

    “พวกมันคงไม่อยากปะทะกับทัพใหญ่ของพวกนั้น มันเลยต้องการโอบล้อมเขต 2 โดยการโจมตีพื้นที่ข้างเคียงหน่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “นี่ พวกคุณเคยได้ยินเรื่องของกลุ่มใต้ดินในเมืองหรือเปล่า??” โพคลอนสกายาถามไป

    “เคยสิ ได้ยินว่าพวกนี้มันเก่งมากด้วย” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ จะเก่งแค่ไหนกันเชียวหล่ะ??” เรซนอร์ฟถามอย่างสงสัย

    “ก็ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดเมื่อหลายวันก่อน อาจเป็นฝีมือของพวกมันด้วย” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “ฉันว่า เราอาจจะต้านพวกนั้นได้ไม่นาน ฉันเลยมีทางออกทางอื่นหน่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ทางออกอะไรเหรอครับ??” เรซนอร์ฟถามไป

    “ฉันจะไปกาลาปากอส จบเรื่องนี้เมื่อไหร่” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “อ้าว แล้วพวกเราหล่ะคะ??” โพคลอนสกายาถามไป

    “ฉันมีส่วนแบ่งให้พวกเธอ คนละ 20 ล้านปอนด์ ที่เหลือก็จัดการเองก็แล้วกัน”

    “แล้วคุณจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??” เรซนอร์ฟถามไป

    “ฉันมีเอกสารที่จะใช้ซัดทอดนายพลจาง ถ้าฉันส่งให้ทางสหประชาชาติและทางการจีน เขาจบเห่แน่ และฉันจะขอให้พวกเขากันฉันไว้เป็นพยาน ฉันซ่อนเงินไว้หมดแล้ว จบเมื่อไหร่ ฉันจะไปใช้เงินที่เหลือ ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะติดต่อกับทางสหประชาชาติกับทางเมืองหลวงโซโรวา ให้พวกเขารู้เรื่องนี้” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “คุณนี่ฉลาดจริงๆเลยค่ะ” โพคลอนสกายาตอบไป 

    และอีกด้านหนึ่ง ในวันนั้นแจ๊กกี้และดีมีทรีก็ได้คุยอะไรบางอย่างกันในห้องน้ำ โดยที่ไม่มีใครเข้ามาด้านใน

    “เฮ้ ฉันว่านะ เราไปจากที่นี่ดีกว่าหว่ะ” แจ๊กกี้เปิดประเด็นออกมา

    “งั้นเหรอ ทำไมหล่ะวะ??” ดีมีทรีถามไป

    “ฉันว่า ข้อมูลที่เราได้ น่าจะมากพอแล้วหล่ะ” แจ๊กกี้พูดขึ้น

    “แต่เราต้องสืบเรื่องของนายพลจางให้มากขึ้นด้วยนะเว้ย” ดีมีทรีพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องน้ำที่พวกเขาอยู่พร้อมอาวุธครบมือ จากนั้นก็เล็งไปที่พวกเขาในทันที ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องยกมือขึ้น

    “เดี๋ยวพวก นี่มันอะไรกัน??” แจ๊กกี้ถามไป

    “คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าพวกแกเป็นสายหน่ะ??” พวกนั้นถามไป

    “เฮ้ย สายอะไรของแกวะ??” ดีมีทรีถามต่อ

    “คุณบาร์บาร่าบอกว่า พรุ่งนี้เช้าให้ไปเจอกับเธอหน่อย แต่คืนนี้ พวกแกต้องไปที่ห้องคุมตัวก่อน” พวกมันพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็เอาตัวทั้งคู่ออกไปในทันที แต่เมื่อมาถึงห้องควบคุมตัว มันกลับเป็นห้องนอนของพวกเขาที่พวกเขาใช้นอนตามปกติ เพียงแต่คราวนี้มียามเฝ้าไว้ทางหน้าต่าง จากนั้นพวกมันก็ผลักทั้งสองคนเข้าไปในห้องนอนนั้น

    “คืนนี้อยู่ที่นี่ แล้วอย่าเสือกคิดหนีหล่ะ!!” 

    ยามคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ปิดประตูขังทั้งคู่เอาไว้ด้านในทันที

     

    ณ บ้านร้างหลังหนึ่ง บริเวณชายแดนเขต 4 กับเขตเมืองหลวง ในวันนั้นชายกลุ่มหนึ่งได้วางกำลังล้อมรอบบ้านเอาไว้เพื่อคุ้มกันอะไรบางอย่าง และในตอนนั้น รถคันเดิมที่ขนร่างของเนวิสมาก็มาจอดที่นั่น จากนั้นทั้งสองคนก็เอาร่างของเนวิสเข้ามาด้านในทันที จากนั้นก็วางเขาไว้ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในทันที

    “เอ้า เงินของพวกแก!!” ชายที่ใส่ชุดคล้ายทหารพูดขึ้น จากนั้นก็ให้เงินกับสองคนนั้นในทันที และสองคนนั้นก็รับเงินแล้วก็ออกไปในทันที จากนั้นไม่นานนัก ก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับรถเข้ามาจอดที่ข้างบ้านหลังนั้น ซึ่งคนขับก็คือปีเตอร์และซาโตะนั่นเอง พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้านทันที จากนั้นก็ไปคุยกับคนอื่นๆในบ้านเพื่อทำงานต่อ

    “ท่านปีเตอร์ครับ คัตเตอร์ตายแล้วครับ!!” 

    “เอาศพเขาไปเก็บไว้ในรถบรรทุกก่อน เดี๋ยวเราจัดการเอง!!” ปีเตอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งซึ่งใส่ชุดสูทหรูก็มาจับมือกับปีเตอร์ในทันที

    “ผมเดเรก ผมเป็น CIA ตอนนี้เราจับตัวชายที่เราคิดว่าเขามีส่วนเอี่ยวกับพวกก่อการร้ายครับ!!” เดเรกพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เปิดผ้าคลุมหัวของเนวิสออกในทันที จากนั้นเขาก็ต่อยเข้าที่หน้าของเนวิสไปหนึ่งที

    “ตุ๊บ!!”

    “ไงไอ้ตัวดี มึงจะบอกกูหรือเปล่าว่าพวกมึงอยู่ที่ไหน??” เดเรกถามไป

    “กูไม่บอกหรอก ไอ้พวกหมาล่าเนื้อเอ้ย!!” เนวิสพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง ปีเตอร์ก็ไปต่อยเนวิสเข้าที่ท้องอีกหนึ่งทีอย่างโมโห

    “ไอ้ระยำ มึงรู้ไหมคนของกูตายไปเพราะพวกมึง!!”

    “สมน้ำหน้า อยากจะฆ่าคุณโดนาทอร์ทำไมหล่ะ??” เนวิสถามไป

    “ก็เพราะโดนาทอร์จะไปเข้าด้วยกับรัสเซียยังไงหล่ะ” เดเรกพูดขึ้น

    “เข้าห่าอะไรหล่ะ รัสเซียยังประณามเขาอยู่เลย ทำไมวะ ใครไม่เข้าด้วยกับพวกมึงคือผู้ก่อการร้ายงั้นเหรอ ไปตายซะ คนอย่างกูไม่เคยกลัวตาย!!” เนวิสตอกกลับไป เดเรกพยายามจะเล่นงานเขาต่อ แต่ในตอนนั้นเอง

    “หยุดก่อน!!”

    เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนออกมาจากด้านหลังบ้าน จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาและปรากฏตัวให้คนอื่น ๆ เห็นในทันที

    ============================================================

    หญิงสาวคนนั้นเป็นใครกันแน่ และเนวิสจะรอดไปได้หรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×